โครงการพับคนดับไฟใต้ ใครเลยจะรู่ว่าในเมื่อเราสามารถพับกระดาษเปล่าๆแผ่นหนึ่งให้กลายเป็นนกได้ นอกจากจะรูปร่างละม้ายคล้ายนกแล้ว ยังแทนความหมายของคำว่าสันติภาพได้ แล้วไม่ใช่แค่นกกระดาษตัวสองตัว แต่นี่นับเป็นล้านๆตัว ที่ไม่ใช่นำไปใส่ขวดโหลขนาดใดๆได้ แต่ได้นำไปโปรยปรายสู่ชายแดนภาคใต้ของแหลมทอง ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีในสำนวนที่ว่า ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ กล่าวคือพับนกเป็นนก โปรยนกเป็นสันติภาพกำราบไฟใต้ เอ้าไชโย เมื่อกาลเป็นอย่างนี้เสีย ทำไมเราไม่เร่งเอาดัชนีการพับนกมาประยุกต์เพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหาที่นัวเนียอยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ของเรา โดยการดัดแปลงพันธุกรรมทางความคิดของท่านผู้นำว่า หากเราพับนกได้ เราก็ควรพับคนได้เช่นกัน ช้าก่อนไม่ได้หมายความว่าจะนำคนเป็นๆมาพับครึ่งผ่ากลางไปมาอย่างเช่นนกกระดาษหรอก เพราะคนนะไม่ใช่กระดาษ หรือ แผ่นโรตีมะตะบะ จะพับจะง้างได้ง่ายปานนั้น อุปมาอุปมัยว่า เราจะจัดโครงการพับคนขึ้นมาด้วยการอาศัยความร่วมมือแกมบังคับด้วยความหวังดีเป็นที่ตั้ง ซึ่งมีที่มาจากการเลียนแบบเด็ก AFS หรือ เด็กนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนที่เราคุ้นหูคุ้นตากันมาช้านานว่า ทางต่างประเทศ เช่น สหรัฐได้จัดครอบครัวอุปถัมป์ขึ้นมาเพื่อรับเอาเยาวชนที่มีพื้นฐานทางภาษา(อังกฤษ ไม่ใช่ สันสกฤต) ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิต ไปเรียนรู้ ที่ประเทศเขา ประมาณ 1 ปี และเราเชื่อกันว่าบรรดาเด็ก AFS ส่วนใหญ่เมื่อกลับมาแล้ว มีจำนวนไม่น้อยมีทัศนคติ มีความคิดบางอย่างแปรรูปเปลี่ยนไปจากเดิม คือจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้เป็นอย่างดี ถ้าจะยกตัวอย่างก็ไม่เห็นว่าจำเป็น ไม่อยากพึ่งพาอาศัยชื่อเสียงคนดังมาการันตี ว่ากันต่อ เด็ก AFS เหล่านี้จะมีความผูกพันต่อผู้คนในครอบครัว เนื่องจากไปพำนักพักอาศัย ไปกินนอน ไปเป็นหวัดคัดจมูกที่ประเทศนั้นๆ ย่อมต้องมีความเข้าใจ ความผูกพัน จนเกิดอาการงอกงามทางด้านความรักใคร่เมตตาขึ้น ไม่มากก็น้อย ดังนั้นผลประโยชน์ในด้านบวกก็ตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย (ถึงจะมีเด็ก AFS บางคน เมื่อเติบโตแล้ว ต่อต้านนโยบายของผู้นำสหรัฐก็ตาม แต่ก็เป็นไปโดยสันติวิธี และตามครรลองของสิทธิมนุษยชน ไม่เลยเถิดอย่าง คุณบิน ลาเดน) เมื่อพิจารณาข้อดีของเด็ก AFS แล้ว เราหันมาโมดิฟายใหม่ในการแก้ปัญหาไฟใต้ที่ใช้การพับนกกระดาษคงยังไม่เพียงพอต่ออุณหภูมิองศาความร้อนที่เกิดขึ้น เราจึงเห็นชอบให้เกิดโครงการพับคนขึ้นมา โดยเริ่มจากการคัดสรรครอบครัวอาสาอุปถัมป์พับคนดับไฟใต้จากเขตภาคกลาง,ภาคเหนือ,ภาคอีสาน ที่มีความรักปรองดองในความเป็นชาติเชื้อไทย ที่มีความพร้อมทางคุณวุฒิ วัยวุฒิ เพื่อรับอุปการะเด็กจากภาคใต้ที่ครอบครัวถูกลอบสังหาร หรืออุ้มหาย มาเลี้ยงดู ให้การศึกษาตามแต่วัย สัก 1 ปี เพื่อสร้างสายใยความผูกพันให้เกิดขึ้น ภายในดวงใจน้อยๆของพวกเขาเหล่านั้น ให้รู้สึกว่า ไม่มีใครเหินห่างหมางเมินกัน ไม่มีใครจะพากันเอาตัวรอดเพื่อไปเสวยสุขแต่เพียงผู้เดียว ลองคำนวณดูว่าหากโครงการพับคนนี้มีครอบครัวอาสาอุปถัมป์เด็กน้อยจากภาคใต้สัก 500 ครอบครัว ยินดีตอบรับ เราสามารถสร้างเด็กคนหนึ่งที่หวาดหวั่นต่อภัยรอบตัวได้มาสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นพอจะกระตุ้นเตือนว่า หากเราสมานฉันท์ ให้ความช่วยเหลือเผื่อขาดต่อกัน ในวันที่ใครคนนั้นเกิดความสั่นคลอนในจิตใจแล้ว อ้อมกอดที่ว่าจะเป็นเป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีที่จะขยายภูมิคุ้มกันนี้ออกไปสู่ผู้อื่นต่อไปเป็นแชร์ลูกโซ่ชนิดดีเยี่ยมอย่างไม่รู้สิ้น ด้วยว่าครอบครัวอาสา ย่อมจะการติดต่อบอกเล่าข่าวสารต่อกัน ทั้งในยามเด็กในโครงการพับคนมาพักพิง จนกระทั่งกลับไปสู่บ้านเกิด ครอบครัวทั้งสองก็จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีความหมายมากกว่าการส่งเสียงร้องเพลงสันติภาพ/การพับนก ที่เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น ใครเลยจะไม่เชื่อว่า ทัศนคติที่เด็กในโครงการพับคนได้ถูกพับขึ้นมาใหม่จะมีความหมายลึกซึ้งเพียงไรว่า ทุกถิ่นขวานทอง คือพี่น้องเดียวกัน โครงการพับคน ที่นำเสนอครั้งนี้ แม้จะเป็นผลอันแตกหน่อมาจากความคิดจินตนาการ ทว่าความเป็นจริง เรายังคิดว่าไฟที่ไหม้นั้นอยู่นอกรั้วนอกบ้านเรา ไม่ใช่บ้านเราสักหน่อย แล้วจะไม่คิดต่อไปอีกสักนิดหรือว่า เมื่อวัตถุที่ถูกความร้อนสุมอยู่ เมื่อถึงจุดสันดาปก็จะติดไฟขึ้นมาเองโดยไม่ต้องใช้ไฟสุม ? เสียดายจริงๆ ที่ตัวเองยังไม่มีครอบครัว จึงไม่อาจจะเป็นครอบครัวอาสารับเด็กมาพับได้แต่ยังมีความโสดเป็นที่ตั้ง หากสาวใต้ที่คมขำยังโสดจะมาร่วมสร้างครอบครัว เพื่อพับคนที่มีจิตใจรักในความงามของสันติภาพก็ติดต่อมาได้( ไฟใต้อาจจะมอดแต่ไฟสวาทอาจจะลุกโชนแทน)
19 ธันวาคม 2547 21:10 น. - comment id 80021
อัลมิตราคิดถึงคำว่า ศาสนสัมพันธ์ อยู่นะ .
29 ธันวาคม 2547 23:13 น. - comment id 80275
ชอบประโยคนี้จัง---> (ถึงจะมีเด็ก AFS บางคน เมื่อเติบโตแล้ว ต่อต้านนโยบายของผู้นำสหรัฐก็ตาม แต่ก็เป็นไปโดยสันติวิธี และตามครรลองของสิทธิมนุษยชน ไม่เลยเถิดอย่าง คุณบิน ลาเดน) คล้ายนักเรียนแลกเปลี่ยนเหรอ... เป็นโครงการที่น่าสนใจ เราชอบมากๆ เลย แต่เป็นโครงการที่น่าจะใช้แก้ไขในกรณีที่ปัญหาเกิดจากความไม่เข้าใจ/ไม่ถูกกันของคนสองฝ่าย แต่... ปัญหาที่แท้จริงของภาคใต้ใช่อยู่ที่ความบาดหมางคนในชาติจริงๆ เหรอ ในความคิดเราแล้วคิดว่า ปัญหาไม่ได้อยู่คนในพื้นที่มีอคติกับคนคนภาคอื่นๆ ในชาติหรอกนะ เราว่ามันอยู่ที่กลุ่มคนบางกลุ่มมากกว่า เพราะถ้าดูจากผู้บริสุทธิ์ที่ถูกเด็ดทิ้งเด็ดขวางเหมือนไม่มีค่าแล้วเนี่ยก็คนใต้ทั้งนั้นนะ ใช่คนเหนือซะที่ไหน ฆ่าพวกเดียวกันเพื่อขออำนาจอธิปไตยเนี่ย ถ้าบาดหมางจริงความบาดหมางน่าจะสร้างมิตรภาพใหม่ให้กับกลุ่มคนพวกเดียวกันนะ จริงไหม?