พ่อจ๋า....พี่สาวหนูไปไหน?

ธรรณกับวุ้นเส้น

หนูอายุสิบสองขวบเต็มแล้ว หนูย้อนคิดถึงอดีต หนูพอจะรู้เรื่องราวความเป็นไปในตอนสมัยหนูยังเด็ก หนูเด็กมากสามขวบจะย่างเข้าสี่ขวบเอง มาบัดนี้หนูรู้แล้วว่าพี่สาวหนูไปไหนแล้วใครเอาพี่สาวหนูไป
ตอนนั้นหนูจำได้ว่า เราเช่าบ้านหนูอยู่แถวสนามบินดอนเมือง เป็นบ้านหลังเล็กๆสองชั้นสองห้องนอน ชั้นล่างจะเป็นห้องรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำ แล้วก็มีบันไดขึ้นไปยังชั้นสอง ชั้นบนจะมีสองห้องนอนแล้วก็ห้องน้ำอยู่ตรงกลางแต่อยู่อีกฝากหนึ่งของห้องนอนทั้งสอง  พ่อหนูมีแท็กซี่ขับเป็นของตัวเองรับลูกค้าช่วงดึก  แม่(เลี้ยง)ของหนูเป็นคนโอบอ้อมอารีขยันทำมาหากิน แม่ขายผลไม้อยู่แถวสถานีรถไปตรงข้ามกับสนามบิน  หนูมีพี่สาวคนหนึ่ง(พี่เหมียว)เป็นลูกติดของแม่ก่อนมาแต่งงานกับพ่อหนู พี่สาวหนูอายุสี่ขวบกว่าๆเป็นคนหน้าตาดีน่ารักขาวอวบแต่ไม่ค่อยยิ้ม
วันเสาร์วันหนึ่งอากาศร้อนมากๆตั้งแต่เช้า หนูดูทีวีและก็เล่นตุ๊กตาที่แม่ซื้อให้ในวันเกิดครบสามปีของหนู  และข้างๆหนูพี่สาวก็นั่งดูการ์ตูนญี่ปุ่นที่เล่นในทีวีในห้องนอนของเรา   ทุกวัน พ่อจะส่งแม่ไปขายผลไม้แต่เช้าก่อนพ่อจะมานอนแล้วก็รับแม่กลับตอนเย็น พ่อหนูจะนอนตอนกลางวันแล้วเย็นๆหน่อยจะลุกมาอาบน้ำกินข้าวพักผ่อนนิดหน่อยแล้วก็ออกไปตระเวรขับแท็กซี่เพื่อรับผู้โดยสาร  วันนี้พ่อตื่นเร็วเป็นพิเศษเพราะอากาศร้อนทำให้นอนไม่สบาย  พ่อเดินไปอาบน้ำในห้องน้ำ พออาบเสร็จพ่อจึงนึกได้ว่าลืมเอาผ้าเช็ดตัวไป  พ่อเรียกให้พี่เหมียวเอาผ้าเช็ดตัวในห้องนอนพ่อมาให้ในห้องน้ำ  
ทำไมพี่เหมียวไปนานเหลือเกินหนูยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย? หนูได้ยินเสียงโครมครามในห้องน้ำ และก็เสียงพี่เหมียวร้องไห้เป็นพักๆ  ด้วยความกลัวหนูก็เลยปิดโทรทัศน์แล้วก็นอนเอาผ้าห่มคลุมหัวเอาไว้   พ่อเคยบอกหนูกับพี่เหมียวว่าถ้าพ่อแม่ไม่อยู่บ้านถ้าได้ยินเสียงอะไรอย่าไปไหนให้อยู่ในห้องนอน  อาจเป็นขโมยหรือคนไม่ดีจะมาทำร้ายเราก็ได้ หรือว่าขโมยกำลังเข้าบ้าน? หนูเอาผ้าห่มคลุมหัวจนเหงื่อโชกไปทั้งตัว หนูดักฟังเสียงขโมยอยู่นานจนเสียงนั้นหายไป
อีกสักพักหนูได้ยินเสียงพ่อพูดว่า "อย่าร้องไห้นะ อย่าบอกใคร ถ้าพูดพ่อจะตีให้เลือดออก"  หนูดีใจที่ได้ยินเสียงพ่อ พ่อคงจัดการกับขโมยได้แล้ว อีกไม่กี่วินาทีหนูก็เห็นพี่เหมียวเดินเข้าห้องนอนของเราพร้อมใช้มือปราดน้ำตาแต่ไม่ได้ร้องออกเสียง  พี่เหมียวคงเห็นขโมยที่เข้าบ้านเลยกลัวจนร้องไห้  พี่เหมียวก็เดินตรงมาที่เตียงแล้วก็นอนเอาผ้าห่มอีกผืนคลุมหัว หนูเห็นพี่ทำแบบนั้นด้วยความกลัวหนูก็เลยคลุมหัวต่อ
เย็นนั้นแม่กลับบ้านจากขายผลไม้แม่ก็ทำกับข้าว แม่ทำแกงจืดวุ้นเส้น แล้วก็ผัดหมูหน่อไม้  เราสี่คนพ่อแม่ลูกนั่งกินข้าวด้วยกัน  แม่พูดขึ้นมาว่า  "เงาะขายดีมากๆ เลยวันนี้ส่วนใหญ่คนจะซื้อขึ้นรถไฟกัน"   พ่อกินข้าวเร็วไม่พูดไม่จาสงสัยหิวมาก  พี่เหมียวกินสองสามคำก็หยุด แม่บอกพี่เหมียวให้กินอีกเพราะว่าเด็กๆต้องกินเยอะๆจะได้ตัวโตๆ  หนูชอบแกงจืดวุ้นเส้นหนูเลยหม่ำข้าวสองจาน  
เราปกติจะเปิดหน้าต่างนอนเพื่อรับลมให้อากาศในห้องเย็นขึ้น คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง  ดึกแล้วพี่เหมียวกับหนูนอนอยู่บนเตียงห่มผ้าคนล่ะผืนเช่นเคย แสงไฟสลัวจากถนนในซอยแล้วก็แสงดวงจันทร์ทำให้หนูมองเห็นในห้องเพียงสลัวๆ พี่เหมียวนอนคลุมโปงคงหลับสนิทแล้ว  แต่หนูเพิ่งตื่นจากฝันร้าย หนูฝันเห็นผีตัวดำๆใหญ่ๆกำลังวิ่งไล่หนู  หนูกลัวมาก  หนูไม่กล้าขยับตัวหนูนอนคลุมโปงหันหน้าไปทางทีวีแต่ทำช่องลมในผ้าห่มเล็กน้อยพอให้มองออกไปนอกผ้าห่มได้แล้วก็หายใจสะดวกขึ้นมานิด  หนูกลัวผีมาก
ดึกสงัดหนูยังนอนแข็งทื่ออยู่ท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อน ใจหนูเหม่อลอยคิดแต่เรื่องผี หนูกลัวผี  ทันใดนั้น หนูก็เห็นร่างผู้ชายคนหนึ่งเป็นเงาในจอทีวีที่ไม่ได้เปิด  เป็นคนไม่ใช่ผี แต่อีกใจหนูก็คิดว่าเป็นผีอยู่ดี   ลักษณะรูปร่างนั้นเหมือนพ่อหนูเลย ใส่เสื้อยึดสีขาวเหมือนที่พ่อชอบใส่ด้วย  แต่พ่อหนูไปทำงานนี่ คงเป็นผีแน่นอน หนูไม่กล้าขยับ ได้แต่นอนนิ่งๆสายตามองผ่านรูผ้าห่มเล็กๆที่ทำไว้ไปยังจอทีวี หนูมองแบบไม่คลาดสายตา  
หนูเห็นผู้ชายคนนั้นก้มลงข้างเตียงตรงข้างพี่เหมียวแล้วก็หยิบหมอนขึ้นมากดทับที่หน้าพี่เหมียวแล้วก็ใช้เหล็กแหลมๆขนาดใหญ่กว่า  ตะเกียบสี่เท่าทิ่มลงไปตรงที่ที่พี่เหมียวนอน  มือหนึ่งกดหมอนไว้อีกมือหนึ่งก็ จับเหล็กแหลม ทิ่ม ทิ่ม ทิ่ม ตั้งหลายหน  หนูกลัวมากแต่หนูก็ไม่กล้าส่งเสียง หนูก็มองเงาที่จอทีวีนั้นตลอดจนเงาผู้ชายคนนั้นเดินออกจากห้องไป  
วันรุ่งขึ้น พี่เหมียวไม่ยอมตื่นไปเรียนพิเศษวันอาทิตย์  หนูเลยไปฟ้องแม่ว่าพี่เหมียวขี้เกียจไม่ยอมตื่นนอน แม่กำลังจัดของจะออกไปขายผลไม้กับพ่อพอดี  พอหนูฟ้องเสร็จ แม่รีบขึ้นไปบนบ้าน  หนูได้ยินเสียงแม่ร้องไห้  อีกสักพักตำรวจหลายคนมาบ้านหนูเต็มเลย  หนูกลัวตำรวจ  พ่อเคยบอกว่าถ้าหนูกับพี่เหมียวเล่นกันเสียงดังหรือซนตำรวจก็จะมาบ้านแล้วก็จับพวกเราไปเข้าคุก  หนูไม่พูดอะไรกับใครเลย หนูรู้ว่าพี่เหมียวซนตำรวจก็เลยจะมาจับพี่เหมียวไปเข้าคุกเพราะพี่เหมียวไม่ยอมตื่นไปโรงเรียน  หนูร้องไห้ทั้งกลัวตำรวจทั้งกลัวจะไม่ได้เจอพี่เหมียวอีก
หลายวันต่อมาหนูถามพ่อกับแม่ว่า  "พี่เหมียวไปไหน ทำไหมตำรวจใจร้ายไม่ยอมปล่อยพี่เหมียวมาบ้าน หนูคิดถึงพี่เหมียว"  หนูร้องไห้คิดถึงพี่สาวทุกวัน หนูรักพี่เหมียว  แต่หนูก็ไม่ได้ยินคำตอบจากทั้งพ่อและแม่ หนูสะอื้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า "หนูคงจะไม่ได้เจอพี่เหมียวอีกต่อไปแล้ว คนใจร้ายเอาพี่เหมียวไปจากหนูแล้ว"				
comments powered by Disqus
  • Limonade

    4 ธันวาคม 2547 13:46 น. - comment id 79627

    อ่านแล้วพอจับจุดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ แต่งเรื่องคล้ายๆแนวการเขียนของเราเลย เขียนอีกนะคะ ชอบค่ะ
  • ดอกไม้ใต้หมอน

    7 ธันวาคม 2547 14:27 น. - comment id 79722

    แต่งดีนะ  แต่น่าจะยาวและมีบทความที่จับใจมากกว่ามากกว่านี้
    รวมๆแล้วดีคะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน