.......หัวใจ...ใส่ฝัน....
อาภาภัส
เช้าวันเสาร์นี้ อากาศกำลังสบาย แสงแดดต้นฤดูหนาวไม่ได้ร้อนแรง มันมีความอบอุ่นจากธรรมชาติที่เอื้อไมตรีต่อมวลมนุษย์ ....
ณ มุมหนึ่งของริมน้ำ ใกล้ๆริมกอจาก เด็กหญิงเปรี้ยวหวานนั่งห้อยขาอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ชายท่าริมน้ำนั้น แกว่งขาอย่างบันเทิงเริงรมย์ ก็อะไรเล่า กว่าจะปีนขึ้นมาได้ต้องใช้ความพยายามนะ
ลมต้นฤดูหนาวโชยมาเบาๆ พัดให้สายน้ำในคลอง สะท้านไหวเล็กน้อย กิ่งไม้หมดอายุหักดังเป๊าะ หล่นลงในน้ำ เสียงดังฉุ ฝูงปลาเข็ม ปลากระบอก และปลาอื่นๆที่ยังเป็นลูกปลาตัวเล็กตัวน้อย แตกฝูง ว่ายหนีห่าง แต่ชั่วประเดี๋ยวเท่านั้นนะ พอเห็นชัดว่าไม่มีอันตราย ฝูงปลาก็เวียนว่ายใกล้กิ่งไม้อยู่ไม่ห่าง อาศัยเป็นที่เกาะได้บังแดดสักนิด ก็ด้วยว่า ซากใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่ก่อน ลอยมาติดกับกิ่งไม้นั้น แล้วต่างลอยละล่องท่องท้องน้ำ
กะต๊องต่อง กะต๊องต่อง วืด วืด ไม่ใช่เสียงกิ่งไม้และใบไม้ที่ไหลล่องหรอกนะ แต่เป็นเสียงเจ้าแมลงตัวหนึ่ง
มันเป็นดาราไม่ได้รับเชิญ บินมาวน ในฉากนี้พอดี
สายตาของเด็กหญิงเปรี้ยวหวานมองตามธรรมชาติที่เป็นธรรมชาตินั้น ตาประกายฝัน อมยิ้มนิดๆ ยิ่งยามที่ก้มลงมอง ลงไปเบื้องล่าง จากโคนลำต้นที่ปีนขึ้นมาได้ แล้วยิ่งต้องยิ้มใหญ่
อิอิ ให้เธอสูงใหญ่ยังไงนะ ฮึ ฉันก็ปีนถึง เด็กหญิงเปรี้ยวหวานพูดตอบโต้กับต้นไม้อยู่ในใจ พร้อมกับนึกย้อนภาพ ที่เจ้าหล่อน นั่งมองแต่ละกิ่งไม้อยู่หลายวัน ลูบๆ แตะๆที่เปลือกของมัน และบางทีก็ตีลำต้นอย่างเบาๆ
ส่วนในใจก็หมายมั่นปั้นมือว่า ฉันต้องมีสักวันที่จะได้นั่ง อาศัยไออุ่นเธอแน่ และก็ได้อย่างวันนี้ เพียงแค่เจ้าหล่อน วางแผนการ หาม้านั่ง ของย่าที่ใช้ในครัว มาวาง แล้วก็ เขย่งเก็งกอยอีกนิด อาศัยความกล้าอีกสักหน่อย
เจ้าหล่อนก็ได้อยู่บนต้นไม้ แม้ว่าภาพของการปีนขึ้นมาไม่ได้มาแบบผู้พิชิต เพราะเจ้าหล่อนค่อยๆกระดุบ กระดุบยังกับตัวหนอนอ่อนๆ ค่อยๆคืบคลาน แล้วก็กอดลำต้นของเจ้าต้นไม้ไว้แน่น ยังกับว่า ชาตินี้ เราจะพรากจากกันไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง ที่หล่อนใช้มาตรการสมอง แล้วก็มานั่งเอ้อระเหย ยิ้มบ้างฝันบ้างอยู่นี่แหละ
เสียงนกกางเขน ทักเด็กหญิงเบาๆ จิ๊บ จิ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จิ๊บ จิ๊บ เจ้าหล่อนหันมองตามเสียงนั้น เจ้านกก็โผผิน
บินร่อนไปมา ราวกับว่าวันนี้ โอกาสดีเหลือเกิน ได้เจอเด็กหญิงนักฝัน ที่ คิดถึง ขอหอมเธอ รับลมยามเช้าจะได้ไหมจ๊ะ .... อิอิ .. ได้สิ เด็กหญิงเปรี้ยวหวาน จินตนาการเป็น บทพูดไว้เสร็จพร้อม รอยยิ้มระบายอยู่ในสีหน้าและดวงตา .. ขอบใจเธอจริงๆนะ ที่มาทักทายฉัน...แม้เพียงนิด ฉันก็ขอบคุณเธอนะ...
ขวดน้ำพลาสติกใบหนึ่ง ลอย เข้ามาในสายตาพอดี ก็สายน้ำที่อยู่เบื้องล่าง มันกรุ่น ด้วยควันอากาศ เมื่อร้อนกระทบเย็น ช่วยกระตุ้นภาพเก่าๆในใจของเจ้าหล่อน ยามนั้น เด็กหญิงเคยเขียนจดหมายให้ฟากฟ้า แล้วฝากใส่ขวดไป ถามสารทุกข์สุขดิบ และยามนี้ เด็กหญิง อยากเติมฝัน และบอกความในใจกับฟ้า ...
ท่านเจ้าขา ...ท่านรับฟังเปรี้ยวหวานสักนิดเถอะนะเจ้าคะ
..เปรี้ยวหวาน ..สงสาร คุณป้าหัวหอม ..คุณป้า เธอมีความทุกข์มาก .. เธอสอนหนังสือมานานแล้ว ..
เธอดูมีความทุกข์มาก เปรี้ยวหวานได้แอบถาม ..ก็ได้ความว่าคุณป้าไม่อยากอยู่ที่ที่ทำงานเดิม คุณป้าอยากได้ใช้เสียง พากษ์ พิธีกร หรือ ได้ทำงานหลายแบบ ที่พอเป็นประโยชน์ ไม่ใช่สอนอย่างเดียวแล้ว มีอึดอัดลึกๆที่บอกใครไม่ได้ ท่านช่วยได้ไหมเจ้าคะ ...เปรี้ยวหวานสังเกตเองนะเจ้าคะ ว่าคุณป้าหัวหอม เธอมีฝันได้ทุกรูปแบบเสมอ เธอชอบการได้เรียนรู้พัฒนา ค้นคว้าเปลี่ยนแปลง เธอบอกว่า ไม่รู้จักคำว่าแก่ สำหรับการเรียนรู้
ท่านรู้ไหมเจ้าคะ คุณป้า เธอ แสดงได้ด้วยนะเจ้าคะ เขียนอะไรๆ ให้อ่านเพลินๆ ก็ได้ เขียนจริงๆจังๆก็ได้
พูดภาษาอังกฤษก็ได้ แล้วก็ยังภาษาอื่นๆอีก เปรี้ยวหวานรู้ว่าเธอพยายามมาก คุณป้าหัวหอม ทำได้หลายอย่าง ทำกับข้าว ทำขนม ตัดผม ตัดเสื้อ จัดดอกไม้ เล่นกีฬาสารพัด ชอบหัดเล่นกีตาร์ และออร์แกน แถม เปรี้ยวหวานว่า เธอ ค่อนข้างมีจิตคิดดีนะเจ้าคะ .. แต่หมู่นี้เปรี้ยวหวานว่าเธอทุกข์ทุกข์ ยังไงก็ไม่รู้ ได้ยินเหมือนเธอพูดว่า ...
...เสียสละเพื่อความกตัญญู จนวันถึงที่ควรเป็นตัวของตัว ก็มีเพียง คำว่าแก่ เป็นรางวัล ...
เสียงดัง ฮุบ เจ้าปลาตัวใหญ่คงได้เหยื่อแล้วสินะ น้ำในคลอง แตกกระเพื่อมเป็นวง... ปลาใหญ่กินปลาเล็ก..
เปรี้ยวหวานสงสัยจัง เป็นเพราะปลาเล็ก เซ่อซ่าหรือคะ ท่านเจ้าขา หรือโอกาสเป็นเพราะปลาเล็ก ได้เป็นแค่ปลาเล็ก โตเต็มที่ก็อย่างปลาเล็ก หรือเช่นนั้นเจ้าคะ
เปรี้ยวหวาน ..เห็นคุณป้าหัวหอม เธอไม่เคยคิดเช่นนั้น เธอบอกว่า ความคิดฝัน สอนให้เกิดสิ่งใหม่มากมาย
เธอบอกว่าคนเราต้องได้ทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา แม้ว่าจะไม่เคยฝึกมา ถ้าหากจังหวะได้ทำ ความสามารถย่อมพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ... เฮ้อ .. คุณป้าหัวหอม ชอบบอกว่า คุณป้าสอบตกเสมอ
นกเขาไพร ส่งเสียงขัน สลับกับเสียงจี๊ดๆๆๆๆๆๆ ของนกกระจอก ป็อกๆ ป็อกๆ จิ๊ดๆ จิ๊ดๆ จุ๊บ มันคือจังหวะได้ไหมเจ้าคะ จังหวะในธรรมชาติที่ไม่คิดจ้องทำลาย และทำร้าย กันและกัน ย่อมให้ความสุข
...เฮ้อ..แล้วจะเป็นยังไงต่อไปดีล่ะเจ้าคะ.... เฮ้อ ....เปรี้ยวหวาน...คิดเช้านี้ มาสาม เฮ้อ แล้ว
สิ่งที่เปรี้ยวหวานทำได้ตอนนี้ คือหลับตาลง ขออธิษฐานให้เกิดสิ่งดีดีในชีวิตของคุณป้าหัวหอม..
คุณป้าหัวหอม เคยแต่งเพลงเล่นๆ สอนเปรี้ยวหวานไว้ด้วยนะ....
อันความกรุณา หลั่งมาจากดวงใจใครหนอ คนผู้นั้นเลิศลออ สุขเคล้าคลอทอความฝัน
อันความปรานี กล่อมชีวีกล่อมใจให้สุขสันต์ ล้อมรัก มากมิตร จิตรสัมพันธ์ ต่างผูกฝันสื่อประสาน
สายไยรัก
ทำดีย่อมได้ดี บอกทางชี้ บอกทางสวรรค์ รักกันโอบเอื้อ เกื้อกูลกัน นานนิรันดร์ ภัยร้ายวายเสื่อมสูญ
อันความเมตตา สุขอุราก่อ แรงหนุน รักคือรัก ฤทธิ์หวานอ่อนละมุน เกิดแรงทุนหนุนเนื่องในเรื่องรัก
คุณป้าหัวหอม บอกว่า คำว่า คงมีสักวัน มีความหมายที่สอนให้เกิดกำลังต่อสู้ เพื่อวันพรุ่งนี้
วันนี้ หากเหนื่อยนัก ก็หลับตาลงเสียก่อน ...แล้วคุณป้า ก็จะร้องเพลง..เปรี้ยวหวานหลับตาลง ..เอนตัวพิงไปตามแนวกิ่ง ต้นไม้ใหญ่พอที่จะให้เปรี้ยวหวาน หลับ.. ลมเย็นๆ หอมๆ ของดอกไม้ป่า จากอีกฟากหนึ่ง ..ลอยกลิ่นตามลม
เปรี้ยวหวาน สงสัย และมีคำถาม ถามท่านนะเจ้าคะ แก่ไซร้ไร้ประโยชน์ จริงหรือเจ้าคะ
.....นานเท่าใดไม่รู้ ที่เปรี้ยวหวานหลับ และหลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียง ตะโกนโหวกเหวกของคุณย่า
ใคร ใครเอาม้านั่ง ในครัวไปไหน หือ เดี๋ยวเถอะ กับข้าว กลางวัน แล้วก็เย็น ได้อดตามๆกัน..
.....สายน้ำยังคงไหลเลื่อนไป... น้ำใส ไหล แรง เร็ว หรือช้า ตามจังหวะ ..จริงหรือนี่
อาภาภัส 27 พ.ย 2547