นวนิยาย:เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ (ตอนที่20)

สุชาดา โมรา

หลังเลิกเรียนฉันมักจะแอบมาเล่นยูโดอยู่บ่อย ๆ  ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันมาเล่นเพราะทุกคนกลับบ้านเย็น  แต่ว่าวันนี้ฉันกลับไม่รู้ตัวเลยว่าในขณะที่ฉันสอนยูโดอยู่นั้นพ่อได้แอบมาดูฉัน  พอฉันเลิกซ้อมก็มาแต่งตัวและเดินออกมา  พี่เบลวบอกว่าพ่อพี่เบลวมารับให้ฉันกลับด้วย  
	พ่อคะ....สวัสดีค่ะ
	ฉันกำลังจะขึ้นรถของพ่อพี่เบลว
	ดาว....!!!!มาขึ้นรถพ่อเดี๋ยวนี้
	ฉันถึงกับสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินเสียงพ่อ  ฉันหันไปมองพ่อแล้วก็หันกลับมามองพ่อพี่เบลวแล้วก็ยิ้มจากนั้นจึงเดินไปขึ้นรถ  พ่อขับรถมาได้พักหนึ่งก็ถามฉัน
	รักยูโดมากไหม
	ฉันเงียบไม่ตอบอะไร  ได้แต่ทำท่าสลดเพราะฉันมีความผิดที่หนีมาเล่นยูโดทั้ง ๆ ที่ท่านสั่งห้ามไม่ให้เล่น
	พ่อจะอนุญาติให้เรามาเล่นก็ได้  แต่ต้องตั้งใจเรียนและแก้ มส.ให้หมดด้วย  ได้ยินที่พ่อพูดไหม...!!!
	ค่ะ
	ฉันตกใจเสียงพ่อมากถึงกับรีบตอบทันที  แววตาของพ่อดู ๆ ก็รู้ว่าโกรธ  แต่พ่อทำใจเย็นแล้วก็ฝืนใจให้ฉันมาเล่นยูโด
	ที่จริงยูโดไม่ได้ทำให้ฉันเสียคนหรอก  แต่ที่ฉันเสียคนก็เพราะมีเพื่อนไม่ดี  เพื่อนที่แย่มาก ๆ ใส่ร้ายสารพัด  แกล้งและรังควานเราอยู่ตลอดเวลาจนทำให้ฉันไม่อยากจะเข้าเรียน  แต่เพราะฉันมีพี่เบลวนี่แหละถึงทำให้ฉันเข้าเรียนได้...
	งานฤดูหนาวใกล้จะมาถึง  ทางโรงเรียนก็เตรียมงานจัดข้าวของเสียยกใหญ่  ฉันได้รับคัดเลือกให้ไปเดินขบวนเชิญชวนมางานฤดูหนาว  ฉันจึงต้องแต่งชุดไทยแล้วขึ้นมานั่งบนเสลี่ยงมีคนหามถึง 16 คน  ปีนี้ฉันได้ออกงานเป็นเทพีงานฤดูหนาวเพราะฉันชนะการประกวดสตาร์วีคมัธยมศึกษาที่โรงเรียน  ฉันจำได้ดีว่าฉันแสดงความสามารถพิเศษคือเล่นยูโด  ตีระนาดเอก  สีซอด้วงและเล่นกีตาร์ซึ่งผิดแปลกกว่าคนอื่น ๆ จากนั้นจึงเดินบนเวทีด้วยชุดไทยจักรี  พอชนะการประกวดครั้งนั้นฉันก็ได้ไปแสดงโชว์อีกหลายงาน  ได้ไปรำไทยที่นาฏศิลป์ไปครอบครูที่นั่น  จากนั้นก็เป็นงานฤดูหนาวนี้  อาจารย์จึงมีโล่ห์และเกียรติบัตรให้เพราะฉันกีฬาเด่นกิจกรรมดีเป็นนักเรียนตัวอย่าง  แต่อาจารย์ก็ไม่รู้หรอกว่าฉันติด มส. ระนาวเลย...
	พอเดินขบวนกันเสร็จอาจารย์ก็ให้ไปถ่ายรูปและฉันก็เป็นต้นแบบให้อาจารย์วาดรูปด้วย  ทำให้ฉันกลายเป็นที่รักของอาจารย์หลาย ๆ คนเพื่อน ๆ ก็เริ่มพูดคุยกับฉันจนฉันมีกลุ่ม  แต่ฉันก็ไม่ได้คบกับคนพวกนี้จริง ๆ จัง ๆ หรอกเพราะฉันกลัวว่าจะเป็นเหมือนเหมี่ยว  ฉันรู้สึกเข็ดกับคำว่าเพื่อนจริง ๆ  รู้หน้าไม่รู้ใจทำอะไรก็หักหลังปัดแข้งปัดขาไปซะทุกเรื่องฉันจึงคบกับเพื่อนแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น
	ฉันเดินงานฤดูหนาวกับพี่เบลวอย่างมีความสุข  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้จับมือกับพี่เบลว  ฉันเป็นคนคว้ามือเขามาจับเองแหละเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ล่วงเกินใคร  จากนั้นฉันก็เดินเที่ยวจนเพลิน  ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่ามีใครแอบมองฉันอยู่  ฉันเดินกับพี่เบลวอย่างเปิดเผย  พอเมื่อยก็ซื้อน้ำมานั่งดื่มที่หน้าหลวงพ่อขาว  สักพักก็เดินต่อจนกระทั่งฉันมาเลือกซื้อโคมไฟที่ทำจากปลาดาว  มันสวยมากพอฉันเดินออกมาฉันก็เจอพ่อ
	เพี๊ยะ..........!!!!
	พ่อตบหน้าฉัน  ผู้คนหันมามองกันเป็นแถว
	มีอะไรกับมันแล้วใช่ไหมถึงให้มันจับมือ....!!!!!
	พ่อพูดด้วยอารมณ์โมโห  ฉันไม่เข้าใจว่าแค่คนรักกันเดินจับมือกันมันผิดตรงไหน  ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหายขนาดที่พ่อเข้าใจหรอกและพี่เบลวก็ไม่ใช่คนแบบนั้นด้วย  พ่อทำไมถึง...  ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ และไม่คิดหรือพยายามจะเข้าใจด้วยเหมือนกับที่พ่อไม่เข้าใจฉัน
	กลับบ้านเดี๋ยวนี้...นายมาด้วย...เร็ว....!!!!
	พ่อให้ฉันกับพี่เบลวขึ้นรถ  พ่อบอกว่าอายเขาจะให้ไปเครียกันที่บ้านพี่เบลวจึงโทรหาพ่อกับแม่ของเขาให้มาที่บ้านฉัน  พอพ่อขับรถมาจอดที่หน้าบ้านฉันเปิดประตูลงจากรถพ่อก็ฉุดกระชากลากถูฉันเข้ามาในบ้านทันที  พ่อคว้าไม้เรียวออกมามือหนึ่งจับข้อมือฉันและอีกมือหนึ่งก็เอาไม้เรียวฟาดที่หลังของฉันหลายที  ฉันจำไม่ได้ว่าพ่อฟาดไปเท่าไร  แต่พ่อฟาดไม่หยุดเลย  ฉันทั้งเจ็บและก็ปวดใจมากที่พ่อไม่ฟังเหตุผลของฉันเลย...
	แกมีอะไรกับมันแล้วใช่ไหม....!!!!
	เปล่า...หนูไม่ได้ทำอะไรเสียหาย  พ่อ....!!!
	คุณอาผมกับดาวไม่มีอะไรกัน
	นายอย่ามาพูด...มันไม่ใช่เรื่องของนาย
	ทำไมจะไม่ใช่ในเมื่อมันเกี่ยวโยงกับผม  คุณอาน่าจะรู้นะว่าลูกสาวคุณอาเป็นคนถือเนื้อถือตัว  แต่วันนี้เธอมาจับมือผมเอง  ผมก็ไม่เข้าใจว่าเธอทำไมถึงมาจับมือกับผมทั้ง ๆ ที่ผมคบกับเธอมาได้แค่เดือนเดียว  คุณอาต้องเชื่อในเกียรติของลูกสาวคุณอาสิ
	พ่อตีฉันด้วยความโมโหแต่พอพ่อฟังพี่เบลวพูดทำให้พ่อวางไม้และเดินมานั่งที่โซฟา  พี่เบลวเป็นคนพูดนิ่ม ๆ แต่พ่อเป็นคนอารมณ์ร้อน  เมื่อใช้น้ำเย็นเข้าข่มไฟที่ร้อนระอุอย่างพ่อจึงสงบลง  สักพักพ่อกับแม่ของพี่เบลวก็มาถึง
	สวัสดีค่ะ
	สวัสดีครับ
	แม่ของพี่เบลวเดินเข้ามาคุยกับพ่อ  ส่วนพ่อของพี่เบลวก็เดินมาคุยกับพี่เบลว  ฉันเองจึงหลบเข้าห้องไป  ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้ใหญ่คุยอะไรกันแต่ฉันคิดว่าฉันอาจจะต้องเลิกคบกับคนดี ๆ อย่างพี่เบลวแน่ ๆ และอาจจะไม่ได้ไปเล่นยูโดอีก...  ฉันส่องกระจกดูหลังของตัวเอง  ฉันเห็นรอยไม้เรียวที่หลังเต็มไปหมด  บางรอยเป็นรอยนูนขึ้นมาแตกมีเลือดซิบ ๆ ฉันรู้สึกแสบหลังมากเลย  ถ้าวันนี้ย่าไม่ไปหาหมอย่าคงช่วยฉันได้  แม่ก็ไปทำงาน  ปู่ก็ไปทำใบภาษี  วันนี้จึงไม่มีใครอยู่ช่วยฉันได้เลยสักคนเดียว...  ย่าจ๋ากลับมาเร็ว ๆ หน่อยนะคะหนูไม่อยากอยู่กับพ่อในเวลาอย่างนี้เลย...
.................................20..................................
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะกำลังจะอวสานแล้วค่ะ
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ  ตอนนี้ได้ตีพิมพ์เป็นเล่มแล้วใช้ชื่อใหม่ว่าสาวน้อยเลือดยูโดนะคะ
ขอบคุณค่ะ				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน