ตำนานพระนางจอมเทียน
หม่อมน้อย
ตำนานพระนางจอมเทียน
กล่าวกันว่ามีพระนครนครหนึ่งมีกษัตริย์ผู้ปกครองพระนามว่า พระเจ้าเขมรินทร์ ทรงมีพระเมหสีพระนาม พระนางอินทิรา ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระธิดาพระนามว่า พระนางจอมเทียน นครนี้มีปูใหญ่ศักดิ์สิทธ์เฝ้ารักษาเมืองที่อยู่ของพญาปูชาวบ้านเรียกบ่อปู กาลเวลาต่อมาพระนางจอมเทียนได้ถูกอำมาตย์ใส่ความว่าเป็นชู้กับราชองครักษ์ นามว่าราชัน พระนางจอมเทียนต้องการให้ราชันหนีไปโดยได้มอบกำไลเพื่อให้แลกเปลี่ยนเป็นเงินทองในการหลบหนี พระเจ้าเขมรินทร์มาพบจึงได้นำตัวราชันไปประหารชีวิต แม่นมของพระนางจอมเทียนได้พยายามชี้แจงให้ความเข้าใจว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่เป็นผลแม่นมก็โดนประหารชีวิตด้วย พระนางจอมเทียนเสียพระทัยมากจึงประกาศต่อเทวดาฟ้าดินว่า "ข้าแต่เทวดาที่สถิตนะที่แห่งนี้จงเป็นพยาน ข้าพระนางจอมเทียนมิเคยคิดคบชู้สาวกับราชองครักษ์เป็นความสัตย์จริงถ้าข้าต้องตายขอให้พระนามของข้าจงอยู่คู่แผ่นดินนี้สืบไป"จากนั้นพระนางจึงกลั้นพระทัยสิ้นพระชน ณ. ชายหาดนั้น เมื่อพระเจ้าเขมรินทร์ทรงทราบก็เสียพระทัยจึ่งได้นำพระศพของพระนางไปฝังที่เกาะเจ้า พร้อมสร้างวัดขึ้นและทรงตั่งชื่อว่า วัดพระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่างอารมณ์ แล้วให้นำสมบัติของพระนางใส่ลงในบ่อปู พร้อมประกาศว่า "ผู้ใดที่เกิดร่วมสมัยกับพระองค์จึงจะพบสมบัติเหล่านั้น" จากนั้นได้ย้ายเมืองไปอยู่ ณ. เขาลับแล
ปัจจุบันหาดพระนางจอมเทียน จึงเหลือชื่ออยู่เพียง หาดนาจอมเทียน วัดพระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่างอารมณ์ เหลือเพียงชื่อวัดนาจอมเทียน (พระอุโบสถหลังที่พระเจ้าเขมรินทร์สร้างไว้ยังอยู่นะไปดูได้)ส่วนเขาลับแลเชื่อกันว่าในปัจจุบันคือที่ตั้งของวัดญาณสังวรารามฯ ส่วนบ่อปูยังคงอยู่ที่ท้ายวัดนาจอมเทียน ส่วนสมบัตินั้นหาชมได้ที่ วัดนาจอมเทียนและโรงเรียนสัตหีบวิทยาคม ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
นาจอมเทียนคือพระนามแห่งพระนางจอมเทียนผู้ซึ่งถูกลืมโดยการเวลา
วาดเองฮะคงไม่ค่อยสวยเท่าไร