ข้ามเวลา… เปลี่ยนบันทึกรัก… The Blue Diary Of Love (บทนำ : ธัณ)

น้ำหมึกขาว

ธัณ มกราคม 1964
ผมเดินผ่านรั้วโรงเรียนพร้อมๆกับร่างกายและใบหน้าที่กำลังปะทะกับลมหนาวที่กำลังโชยเอื่อย ด้วยฝีเท้าที่ย่างก้าวไม่เร็วหรือช้ามากนัก ร่างกายที่กำลังเดินผ่านร่างของผู้คนที่เป็นนักเรียนอย่างเชื่องช้าทำให้ผมสังเกตเห็นสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองผมราวกับจะกลืนกินตัวผมไปซะอย่างนั้น สายตาของพวกเธอหลายสิบคู่ที่ผมเดินผ่านนั้นกำลังมองมาที่ผมเพียงผู้เดียว มันเป็นอย่างนี้ตลอดเวลานับแต่แต่ผมเริ่มเข้าเรียนมัธยมต้นในโรงเรียนนี้จนผมจะจบม.ปลายในอีกเร็วๆนี้เอง
แปลกมากที่ผมไม่ยอมยุ่งหรือคบหากับหญิงใดในโรงเรียนเป็นแฟนอย่างจริงๆจังๆสักคน จนครั้งนี้ หญิงคนนั้นเขียนจดหมายมาหาผมพร้อมกับกลอนรักบทเล็กๆ เธอช่างแปลกจากผู้หญิงอื่นในโรงเรียนซะนี่กระไร ผมคิดพลางอมยิ้มหัวเราะเบาๆคนเดียวหลังจากที่ได้เปิดกระดาษสีชมพูอ่อนกลิ่นกุหลาบแดงนั่น
มันเป็นอย่างตลอดนี้เรื่อยมา อันเป็นเวลาที่ยาวนาน ผมเขียนจดหมายโต้ตอบกับหญิงสาวที่ชื่อ ส้มโอ ผมรู้ได้ว่าเธอชื่อนั้นเพราะตรงมุมกระดาษเล็กๆมีชื่อๆนึงซึ่งเขียนอย่างบรรจงติดอยู่ แต่ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะรู้เลยว่าหน้าตาของเธอจะเป็นอย่างไร หรือว่าเธอจะเรียนอยู่ห้องไหน แต่สิ่งที่ผมรับรู้และเกิดขึ้นในจิตใจผมในตอนนั้นคือ หญิงสาวที่เขียนจดหมายนี่เป็นผู้หญิงที่ผมต้องการและตามหามาเป็นเวลานานแสนนาน
จนกระทั่งวันนี้ก็มาถึง วันที่ผมนัดกับส้มโอมาเจอ ผมไม่รู้สึกขัดเขินเลยแม้แต่น้อย ผมสารภาพรักเธอโดยง่ายดาย แปลกจริงๆ ผมครุ่นคิดในขณะที่มือเริ่มแข็งถื่อและอุณภูมิในตัวเริ่มลดลงจนเย็นเฉียบจากขั้วหัวใจสู่ภายนอก ส้มโอกลับตอบรับมาว่า ฉันก็รักคุณ
ผมคบกับส้มโอโดยที่ผมก็รู้จักกับเพื่อนสนิทกับส้มโอคนหนึ่งที่ชื่อ น้ำหวาน น้ำหวานเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสระสวยได้รูป จะว่าไปเธอก็หน้าตาน่ารักและนิสัยดีกว่า ส้มโอ อยู่หลายขุม แต่ผมไม่สามารถที่จะปันใจจากที่มีให้กับส้มโอไปให้หญิงสาวที่ชื่อน้ำหวานนั่นได้เพียงเพราะคำว่า รู้สึกผิด ที่คั่นกลางอยู่ในใจผมนั่นเอง
ผมมักจะเดินผ่านบ้านของน้ำหวานอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเวลาใดก็ตาม ตอนเช้าก่อนไปเรียน หรือตอนดึกก่อนเข้านอน เธอไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าผมได้ยืนมองเธออยู่นอกรั้วอลูมิเนียมนั่น บางขณะเธอมักจะนั่งพักพรางฮำเพลงเบาๆที่ใต้ต้นไม้เพียงต้นเดียวกลางสวนที่ติดกับห้องนั่งเล่นของเธอ บางวันเธอก็จะนั่งเล่นกึ่งนอน หลังพิงหมอนรูปสามเหลี่ยมอยู่ตรงห้องรับแขกที่เปิดประตูบ้านทรงญี่ปุ่นนั่นโดยกว้าง พอที่จะทำให้คนภายนอกอย่างผม ที่แอบมองเธออยู่อดมองในความน่ารักของเธอไม่ได้เลย 
ทุกๆเย็น หลังจากที่ผมเดินไปส่งส้มโอที่บ้าน ผมก็มักจะทำทีว่าเดินผ่านบ้านน้ำหวาน แล้วชำเลืองมองเข้าไปในบ้านไม้หลังใหญ่นั่น แม้ว่าในบางครั้งผมไม่เห็นเธอ ผมก็ยังรู้สึกอุ่นใจลึกๆ เหมือนกับรู้จักนิสัยตัวเธอมากกว่าส้มโอซะอีก เอ๊ะ!กล่องใส่จดหมาย ผมอุทานพลางพูดในใจคนเดียวขณะที่ย่างกรายอย่างเชื่องช้าผ่านมาถึงประตูหน้าบ้านและเจอกล่องไม้เก่าๆซึ่งนั่นจะดูว่าเป็นที่เก็บใส่ซองจดหมายเป็นแน่
ใช่แล้วนี่อาจเป็นการดีที่สุด ผมคิดหลังจากที่จะนึกอะไรบางอย่างในหัวออก แม้ว่าสิ่งนั้นที่ผมคิดมันจะเป็นสิ่งที่ รู้สึกผิด ก็ตาม ผมเริ่มเขียนจดหมายสารภาพรักแล้วนำมาหย่อนในกล่องไม้ใบย่อมนั่น เนื้อความทั้งหมดที่มีในกระดาษสีขาวซอดสองเปล่าที่ไม่ได้ปิดแสตมป์หย่อนลงตู้ไม้นั่น
ความรู้สึกต่างๆมากมายเริ่มแล่นเข้ามาในหัวของผมในตอนนั้น ผมรักเพื่อนของคนรักมากกว่าความรักที่ผมจะให้คนรักหรือนี่
แต่วันแล้ววันเล่าที่ผมเขียนจดหมายสารภาพรักนั่น น้ำหวานก็ไม่เคยเขียนตอบกลับผมมาเลย และไม่ว่าเมื่อใดที่พวกเราทั้งสามอยู่ด้วยกัน ผมก็ทำได้แค่เพียงแอบมองผู้หญิงที่ยืนข้างหลังคนรักของผม เธอคงจะได้อ่านแล้วรู้สึกรังเกียจผมแน่ๆ แต่ดูเหมือนกลับว่าสิ่งนั้นมันทำให้ผมพยายามมากขึ้น มันทำให้ผมเขียนจดหมายอีกหลายฉบับไปหย่อนลงในตู้ไม้หน้าบ้านเธอเช่นเคยจนกระทั่งพวกเราทั้งสามจบมหาลัยและได้งานทำ
จนวันนี้ ในคืนนี้ ในบ้านหลังนี้ บ้านของน้ำหวาน ผมได้รับรู้บางสิ่งบางอย่างที่น้ำหวานก็อยากบอกผมเช่นกันจากไดอารี่สีฟ้าของเธอ ในเวลานั้นผมรู้สึกดีใจ รู้สึกผิด รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก
มันคงจะดีนะ ถ้าที่ตรงนั้นไม่มีส้มโออยู่ด้วย ผมคิดหลังจากที่หยิบไดอารี่สีฟ้าขึ้นจากเก้าอี้ของน้ำหวานโดยหญิงสาวที่ชื่อส้มโอก็ยื่นหน้าของเธอมาพร้อมๆกับผมที่กำลังพลิกอ่านไดอารี่สีฟ้าของน้ำหวานทีละหน้าอย่างตั้งใจ
ข้อความจากน้ำหมึกตัวบรรจงเขียนขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นของหน้ากระดาษที่ผมพลิกอ่านนั่น จนถึงกลางเล่มก็ทำให้ผมมั่นใจและแน่ใจได้ว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ หนึ่งเดียวในหัวใจของหญิงสาวที่ชื่อน้ำหวานนั่นมีเพียงผมเพียงคนเดียว และในเวลาเดียวกันตลอดหลายปีมานี่ ผมก็มีใจให้เธอเพียงคนเดียวเช่นเดียวกัน แต่ในขณะนั้น แล้วส้มโอล่ะ?? ส้มโอจะเป็นยังไง?? 
มาแล้วค่าโทษทีนะทุกคนที่ปล่อยให้รอนาน มาทานขนมกันเร๊ว เสียงใสๆดังขึ้น ร่างนั้นผ่านประตูเข้ามายืนมองผมและส้มโอ หลังจากที่ผมยืนอ่านไดอารี่นั้นตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้โดยที่คนที่ยืนอยู่เคียงข้างตัวผมก็หลั่งน้ำตาออกมาแล้วร้องไห้ฟูมฟายราวกับเธอจะรู้ดีว่ากำลังจะเสียของที่มีค่าสำหรับจิตใจเธอไป
ไม่นานนักเสียงจากถาดขนมได้ตกลงกระทับพื้นไม้ของบ้าน น้ำหวานปล่อยมันลงหลังจากที่เธอมองเห็นไดอารี่สีฟ้าที่อยู่ในมือผมพร้อมกับส้มโอที่ยืนเคียงข้างผมพลางร้องไห้โฮ ผมคิดว่าเธอรู้ได้ดีแน่ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่ามกลางความเงียบเพียงไม่กี่วินาทีนั้น มันสามารถทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าราวจะแตกเป็นเสี่ยงๆเหมือนกับแก้วที่ร้าวแล้วถูกน้ำร้อนเทใส่ แต่สิ่งที่ไม่อาจคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อส้มโอได้วิ่งออกจากบ้านนั้นไปท่ามกลางความเงียบที่มีแต่เสียงสะอื้นของตัวเธอ ผมตั้งสติได้จึงวิ่งตามเธอไปพร้อมๆกับน้ำหวานที่อยู่ในชุดกันเปื้อนนั่น
หนทางที่เริ่มมืดมิด ผมมองไม่เห็นอะไรเลยในความมืดนั่นจะมีเพียงก็แต่เสียงเหนื่อยหอบของน้ำหวานที่ยืนข้างๆผมในตอนนั้น ปากของเธอพลางเรียกชื่อๆนึงที่เธอและผมคุ้นเคย เธอกล่าวขอโทษพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อนั้นต่อไป แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดแต่แสงไฟข้างทางก็ยังสลัวพอที่จะทำให้ผมเห็นน้ำตาที่กำลังไหลรินมาจากดวงตากลมโตที่สวยงามของเธอนั้นได้อย่างง่ายดาย
ท้องฟ้ามีเสียงคำรามราวกับราชสีห์ในป่าลึกกำลังโกรธจัด ผมรู้ได้ทันทีว่าฝนคงจะตกหนักเป็นแน่ ฝนตกหน้าหนาว แปลกดีนะ ผมคิดอย่างฟุ้งซ่านคนเดียวก่อนที่จะหันไปมองหน้าน้ำหวานเป็นสัญญาณแทนคำพูดว่าเราสองคนควรเร่งหาส้มโอให้เร็วไวที่สุดก่อนที่ฝนจะตก เธอพยักหน้ารับพร้อมๆกับน้ำใสๆที่ปาดเปื้อนแก้มสองข้างของเธอ ในเวลานั้นเม็ดน้ำจากฟากฟ้าก็ได้สาดลงมาทันใด
ผมตามหาส้มโอต่อไปจนเจอร่างๆหนึ่งริมถนนใหญ่ ร่างของหญิงสาวในชุดอยู่บ้านนอนนิ่งข้างถนนท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ผมค่อยๆเดินไปดูร่างนั้นอย่างเชื่อช้าจนมั่นใจว่านั่นคือ ส้มโอ ผมพยูงและอุ้มร่างเธอขึ้นก่อนที่จะหันไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหลังของผม
ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดนี้มาก มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ผมปลอบตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายมารในร่างกายของผมกลับพูดออกมาว่า นายจะได้อยู่กับน้ำหวานแล้วนะ รักแรกของนายไง ผมรู้สึกดีแบบแปลกๆเมื่อคิดได้อย่างนั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆนั่น ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงของน้ำหวาน
ผมจึงแวะไปที่บ้านของน้ำหวานอีกครั้ง ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหญิงสาวคนนั้นจะทำอะไรอยู่นะ เธอจะร้องเพลงใต้ต้นไม้ หรือว่านั่งเล่นในห้องรับแขกที่เปิดประตูกว้าง ทว่า บ้านหลังนั้นถูกปิดตายพร้อมกับตัวหนังสือสีแดงขนาดใหญ่ ที่บรรจงเขียนบนกระดาษแข็ง 
ประกาศขาย
ติดตามบทที่ 1 ตอนต่อไป				
comments powered by Disqus
  • แอร์

    2 พฤศจิกายน 2547 12:15 น. - comment id 78647

    สุดยอดซึ้งจริงๆ
  • รายทาง

    3 พฤศจิกายน 2547 20:46 น. - comment id 78678

    ... เปิดเรือ่งได้สวยกว่าเรือ่งก่อนๆ มากเลยครับ... จะคอยติดตามตอนต่อไป ^^
  • ถั่วลิสง

    6 พฤศจิกายน 2547 14:49 น. - comment id 78753

    เรื่องจริงเหรอ....อืมอืมเขียนได้ดีนะ พยายามต่อไป^_^
    
  • อ ง ค์ ห ญิ ง มั ต สึ โ ก ะ

    11 ธันวาคม 2547 22:51 น. - comment id 79810

    สวัสดีค่ะ  คุณน้ำหมึกขาว  องค์หญิงฯติดตามผลงานของคุณมาหลายเรื่องเลยค่ะ  และก็รู้สึกประทับใจด้วยนะคะที่คุณสามารถเขียนจนทำให้คนอ่านสามารถจินตนาการภาพเหล่าในได้อย่างลึกซึ้ง  จะรออ่านต่อไปนะคะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน