แมงกุ๊ดจี่

"ไม่มีใครรู้ว่ารักจะจบลงเมื่อไหร่  ไม่มีใครรู้ว่ารักจะจืดจางเมื่อใด...."   
เสียงโทรศัพท์ดังกังวาน  ฉันหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่หน้าจอ  แล้วก็วางไว้อย่างเดิม
"ไม่มีใครรู้ว่ารักจะจบลงเมื่อไหร่  ไม่มีใครรู้ว่ารักจะจืดจางเมื่อใด..."
เสียงโทรศัพท์ดังอีกรอบ   ฉันมองไปที่หน้าจอมือถือ  
แล้วก็ละสายตามองออกไปตามสายลมและผืนน้ำกว้าง...
อีกพัก.....
"ไม่มีใครรู้ว่ารักจะจบลงเมื่อไหร่   ไม่มีใครรู้ว่ารักจะจืดจางเมื่อใด..."
เสียงโทรศัพท์ดังอีกแล้ว  ฉันจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์นั้นซะ 
"สวัสดีค่ะ  พี่ภัทร"  ฉันรับสายคนที่อยู่ที่ไหน?ไม่รู้ตอนนั้น
"ทำตัวเป็นเด็กอีกแล้ว   ตอนนี้อยู่ที่ไหน?  ทำไม?ไม่รับโทรศัพท์ 
ปล่อยให้พี่โทร.อยู่ได้"   
เสียงเขาเอ็ดมาตาสาย  เหมือนจะโกรธฟังจากน้ำเสียง
 ฉันพลางนึกในใจ  ก็ใครใช้ให้โทร.เล่า...เบื่อจะแย่แล้วไม่รู้เหรอ?
"แล้วจะบอกได้หรือเปล่า ว่าตอนนี้หูกวาง   อยู่ที่ไหน?"   เสียงส่งผ่านมา
เหมือนบังคับ  แกมขู่ 
"ค่ะ   ก็อยู่ที่เดิมค่ะ"  ฉันตอบเซ็ง ๆ  
"ก็แค่นี้"  แล้วก็วางหูไปโดยที่ไม่ได้บอกให้ฉันรู้เลย  คนอะไรพิลีกจริง
ฉันวางโทรศัพท์ข้างลำตัวนั่งหลับตา   อยู่ริมน้ำรับลมเย็นที่พัดเข้ามา  
เย็นสบายดีจัง....
ฉับลืมตาขึ้นพลางมีมือใครที่ไหน?  มาแตะหน้าผาก
"ไม่สบายหรือเปล่า?  มานั่งตากลมเดี๋ยวก็เป็นไข้หรอก"  เสียงทุ่มบ่นๆ  อยู่ข้างๆ  
ฉันตกใจหันไปด้วยความโมโห  อะไรกันเป็นใครทำไม?  ถือวิสาสะ  มาแตะตัวเรา
แต่พอเห็นว่าเป็นใครกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด...
"พี่ภัทร "    ฉันเอ่ยขึ้นเบา ๆ
"ก็พี่นะสิ   ทำไม?  มานั่งตากลมแบบนี้"   เขาเอ่ยถามอย่างห่วงใย
"กวางก็แค่อยากมานั่งคิดอะไรสบาย ๆ  หน่อยน่ะค่ะ"   ฉันตอบพลางมองออกไปที่ผืนน้ำกว้าง
"มีเรื่องอะไร  เล่าให้พี่ฟังได้นะ"   เขาพูดพลางส่งสายตาห่วงใยจากใจจริง
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  เรื่องเล็กน้อย"  ฉันตอบเขา
"เอ...เรื่องของพี่หรือเปล่านะ"  เขาถามพลางยื่นหน้า ทำหน้าตาล้อเลียน เพื่อหาคำตอบ
ฉันมองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง  แล้วก็ต้องยิ้ม
"พี่ภัทร  คิดว่าอย่างนั้นเหรอ?คะ"  ฉันทำยี้ยวน  แล้วเฉไฉไปเรื่องอื่น
"พี่ภัทรคะ   วันเสาร์นี้พี่ภัทรเข้ากรุงเทพฯ  หรือเปล่าค่ะ"  ฉันถามพลางโยนก้อนหินที่เก็บมาวางไว้ก่อนนั้นลงน้ำ
...จ๋อมม....จ๋อมมมมม  ก้อนที่สองตามไป
"ไปจ๊ะ  ต้องไปรับงานแทนพ่อ"  เขาตอบแล้วหันมามองหน้า
"ทำไม?   เด็กดื้อจะเอาอะไร"  เขาถามพร้อมเอามือมายีหัวฉันเบาๆ  
"ไม่หรอกค่ะ "   ฉันตอบแล้วยิ้ม
"กลัวจะเหงาล่ะสิ"   เขาตอบแทนฉัน
เชอะ อะไรกัน ใครจะไปเหงาล่ะ   ดีออกจะตายไป  ไปให้นานเลย  รำคาญจะแย่อยู่แล้ว
ฉันพลางนึกในใจ...
ลมเย็นพัดสบายดีจัง...ริมน้ำลมเย็นพัดเข้ามาสบายดีจัง
พี่ภัทร  ไปกรุงเทพฯ  5  วันแล้วเงียบเลยนะ  เป็นไงบ้างก็ไม่รู้...?   
ฉันพลางนึกในใจตาก็มองผืนน้ำกว้างที่ลมพัดเย็น ๆ
  
ฉันรู้จักผู้ชายคนนี้ มาก็  2   ปีกว่าแล้ว  แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นคนที่ใช่หรือไม่ใช่
เหตุการณ์ครั้งแรกที่รู้จักกันก็วันที่ไปสัมมนาวันนั้น...
ทำให้รู้จักกัน...แต่ฉันไม่มีความประทับใจเขาเลยนิ...  
ก็เขาดีจังเลยเน๊อะ   ฉันก็แค่ผู้หญิงติดดินธรรมดา   
มันไม่กล้าคิดหรอกว่าเขาจะมาสนใจ  ซินเดอเรลา  มีแต่ในนิยายเท่านั้น
ในความเป็นจริงคงไม่ใช่หรอก....ทำให้วันสัมมนาผ่านไปโดยที่ไม่มีอะไร
เผอิญเอกสารบางอย่างไม่ครบจึงได้ฝาก  E-mail  ไว้
เพื่อส่งเอกสารที่ใช้ในการสัมมนาเท่านั้นเอง...
ยุคเทคโนโลยี   ก้าวหน้าทำให้อะไรก็เป็นได้
ตอนนั้นฉันหัดเล่น  MSN  พอดี   โดยให้ชื่อแฝง " หัวใจ online"  เขาเอง  เล่นมาก่อนฉันตั้งนานแล้ว
ก็ไม่รู้ว่าเขาจะติดกับฉันทาง  MSN  นั้นเป็นจุดเริ่มต้น  ที่ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น...
และพบปะพูดคุยกันมากขึ้น...  
มีคำหนึ่งที่เขาเคยบอกไว้  "วันหนึ่งผมจะทำให้หัวใจของคุณ  offline  "   
ฉันยังค้นหาความหมายที่เขาเคยบอกไว้...ณ  วันนี้  ฉันยังหาไม่เจอเลย...				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน