เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นที่บ้านของฉันเอง...

ปอง

วันนั้นเป็นวันเสาร์  เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็พบร่องรอยน้ำเจิ่งนองเป็นแห่งๆ เมื่อคืนฝนคงหนักสินะ (กรุหลับไม่รู้เรื่องเลย)  เช้านี้อากาศค่อนข้างแย่ ..มันหนาวเย็น  ฟ้าครึ้มดำ ถ้านาฬิกาปลุกที่หัวเตียงไม่ได้ปลุกฉันตอนหกโมงเช้าของทุกๆวัน ฉันก็คงคิดว่านี่คือหกโมงเย็น    เสียงลมพัดดังหวีดหวิวมาเป็นระยะ ..มาพร้อมกับความหนาวเย็นที่ทำให้ฉันขนลุกซู่   ..เอาวะ ไม่อาบน้ำตอนเช้าซักวันแฟนกรุคงไม่เลิกคบหรอก   ฉันมองเศษใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นบนพื้นเคลื่อนไปบนพื้นตามแรงของลม  พร้อมกับกระชับเสื้อคลุมยาวที่สวมนอนให้กระชับขึ้น  บรรยากาศที่มืดครึ้มและวังเวงประกอบกับสภาพบ้านที่เก่าและมีต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างบ้านทั้งสองข้าง  มันทำให้ฉันเกิดความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่สามารถมองเห้นได้อยู่ลึกๆในจิตใจ
หลังจากที่ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนอนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เรียบร้อยแล้ว  ฉันก็เปิดคอมพิวเตอร์ ส่วนตัวในห้องนอน  ขณะที่รอคอมพิวเตอร์โหลดเครื่อง  ฉันก็ดึงสายโทรศัพท์ออกจากเครื่องเพื่อต่ออินเตอร์เน็ต  วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ว่างมากๆของฉัน พ่อกับแม่ไปงานงานขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนที่ต่างจังหวัด  พี่ชายไปค้างบ้านเพื่อน แฟนก็ไปทำงานพิเศษ  ฉันคงต้องนั่งเล่นเน็ตอยู่คนเดียวทั้งวัน   ฉันเสียบสายโทรศัพท์เข้ากับสายของเครื่องคอมพิวเตอร์  ระหว่างที่รอก็ลุกไปหยิบนมในตู้เย็นที่ห้องครัว  
บ้านของฉันเป็นบ้านไม้สองชั้น  มีอายุนานพอสมควร ได้ยินว่าเป็นบ้านของคุณยายที่ยกให้แม่  เวลาผ่านมาหลายทศวรรษ สภาพบ้านเริ่มทรุดโทรมลงแต่มันก็พออยู่ได้  เมื่อครั้งที่ฉันยังเด็กๆ ครั้งที่คุณยายยังอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้  ฉันมักจะให้ยายเล่าเรื่องอะไรหลายๆอย่างให้ฟังอยู่เสมอ  ยายของฉันไม่ใช่คนหัวโบราณ ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน  ถ้าวันไหนที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน  ฉันกับพี่ชายจะไม่เคยเหงาเลย  ถ้าวันนั้นมีคุณยายอยู่ด้วย  แต่เมื่อสองปีที่ผ่านมา คุณยายก็เสียชีวิตไปซะเฉยๆ ด้วยการหลับตาย  
ฉันกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้งเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว  จนป่านนี้เครื่องยังต่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้เลย  ฉันต่อสายใหม่ แล้วเงี่ยหูฟัง ไม่มีเสียงสัญญาณของโทรศัพท์  ฉันดึงสายโทรศัพท์ต่อเข้ากับเครื่อง แล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้นฟัง  มันไม่มีเสียงอะไรเลย  --มีแต่ความเงียบ แม้ว่าฉันจะขยับสายโทรศัพท์หลายครั้งก็ยังคงไม่มีสัญญาณ มีเพียงแต่เสียงเงียบและเสียงซู่ๆซ่า ในบางขณะเท่านั้น  ฉันวางหูโทรศัพท์แล้วปิดคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง   มันช่างน่าเบื่อเสียจริงๆ  ขณะที่ฉันคิดเช่นนั้น อยู่ๆความคิดหนึ่งก็แว้บเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ถ้ามีคุณยายอยู่ก็คงดี  ฉันรู้สึกถึงอาการโหวงเหวงในช่องอก ระหว่างที่นอนมองเพดานห้องอยู่นั้น อยู่ๆก็รู้สึกถึงความเย็นวาบขึ้นมา ห้องทั้งห้องวังเวง เหมือนเป็นสถานที่อื่นที่ฉันไม่คุ้น ฉันขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความหวาดกลัวลึกๆในจิตใจ  แล้วฉันก็เห็นใบหน้าของคนๆหนึ่งลอยอยู่ติดกับเพดานห้อง ผมสั้นประมาณคาง ผิวซีดๆของเธอคนนั้นส่งผลให้ขอบตาของเธอคล้ำจนน่ากลัว  ตามใบหน้ามีร่องรอยบาดแผลเหมือนกับไถลไปบนพื้นซีเมนต์ ดวงตาของหล่อนขาวเป็นสีเดียวกัน ไม่ปรากฏตาดำให้เห็น    เสื้อผ้าที่สวมฉีกขาดและเปียกโชกไปด้วยของเหลวสีแดง เลือด  ใบหน้านั้นลอยต่ำลงมา ต่ำลงมาเรื่อยๆจนจมูกเกือบจะชนกัน  ถึงตอนนั้นฉันได้ยินกลิ่นสาบแปลกๆ กลิ่นนั้นแรงมากจนฉันอาเจียนออกมาทั้งๆที่นอนอยู่ ร่างแน่นิ่ง รู้สึกได้ถึงอาการหน้าซีดเผือดของตัวเอง  ฉันหลับตาปี๋  ไม่กล้าที่จะลืมตามอง หลับตาอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าขยับส่วนใดในร่างกาย แม้กลิ่นสาบนั้นจะค่อยๆจางหายไปแล้ว  แต่ฉันก็ยังคงหลับตาอยู่ เวลาผ่านไปจนฉันปวดตาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น  ผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว ห้องนอนของฉันกลับสู่สภาพเดิม แต่ฉันยากที่จะปรับตัว  สิ่งที่เห็นเมื่อกี้มันคือวิญญาณแน่ๆ หล่อนมีเหตุผลอะไร  ฉันคว้าผ้าห่มที่พับไว้ปลายเตียงขึ้นมาห่มคลุมโปง  แต่แล้วก็ได้ยินฝีเท้าใครคนหนึ่งเดินขึ้นบันไดไม้เก่าๆมา  เสียงฝีเท้านั้นถูกแทรกด้วยเสียงกึกๆเป็นระยะ เหมือนกับว่ามีคนแก่ที่ถือไม้เท้ากำลังเดินขึ้นบันไดมายังไงยังงั้น  เสียงนั้นเดินตรงมาที่ประตูห้องนอนของฉันช้าๆ  ฉันหลับตาใต้ผ้าห่มที่คลุมอยู่ทั่วตัว  เสียงเดินหยุดที่ประตูห้องฉันแล้วตามมาด้วยเสียงเปิดประตูดังแอ้ดเบาๆ แล้วก็เสียงปิดประตูเบาๆ เบาๆ-แต่ทำให้ฉันขนลุกซู่อีกครั้งในวันนี้  นี่มันอะไรกัน  มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน  ฉันไม่กล้าเปิดผ้าห่มออกดูแม้จะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ฉันจะได้เห็นคืออะไร  แต่แล้วฉันก็รวบรวมความกล้าเปิดผ้าห่มส่วนที่คลุมหัวออก  ค่อยๆลืมตาขึ้น  ร่างของหญิงแก่คนหนึ่งนั่งอยู่ที่ปลายเตียง  หันหน้าไปทางประตู ร่างนิ่งไม่ขยับเขยื้อน  ลำคอของฉันแห้งผาก ฉันคิดว่าฉันเอ่ยคำว่า คุณยาย ออกมา แต่กลับได้ยินเสียงครวญครางด้วยความหวาดกลัวของตัวเองแทน  ไม่ได้หวาดกลัววิญญาณหญิงแก่ที่อยู่ปลายเตียง  แต่เป็นอาการหวาดกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะขึ้น  สิ่งที่คุณยายกำลังเฝ้าดูอยู่  ฉันจ้องมองไปยังที่เดียวกัน ที่ประตูห้อง  ลูกบิดถูกหมุนช้าๆ ประตูแง้มออกเพียงเล็กน้อย ปรากฏเงาดำๆ และตาโตๆแอบมองลอดผ่านช่องว่างของประตูที่แง้มออก  ฉันขนลุกซู่ ได้ยินเสียงคุณยายพูดตะโกนไล่สิ่งนั้น  ที่ช่องว่างของประตูที่แง้มออก-ฉันมองเห็นร่างดำๆร่างนั้นก้าวขาที่ผอมและยาววิ่งลงบันไดไปด้วยความเร็ว ตามมาด้วยเสียงตึงตังๆดังไปทั่วบ้าน  ฉันเอาผ้าห่มคลุมหัวอีกครั้ง  แล้วกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวและสับสน   อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  
ป.ล.  มีต่อน้า........
...ฉันนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง  --คนเดียว   แต่ก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่วนเวียนอยู่รอบกาย  อยากจะหนีไปให้ไกล  แต่ไม่สามารถทำได้  แขนทั้งสองข้างมีตุ่มหนาวขึ้น  สมองทั้งสับสน มึนงง และหวาดกลัว  ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง  บรรยากาศยังคงอึมครึม  ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องของสายลม   ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ฉันรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่สายลมพัดมา  --ไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปปิดหน้าต่าง  ในใจของฉันตอนนี้นึกถึงพ่อ แม่ พี่ชาย  รวมถึงคนรัก  อยากให้เขาเหล่านั้นกลับมาหาฉันที่บ้านไวๆ  
ควรจะทำยังไงดี จะวิ่งหนีออกไป หรือจะรอให้คนมาหา  ระหว่างที่คิดตัดสินใจอยู่นั่น ฉันก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ไม่มีตัวตนในบ้านหลังนี้อยู่เป็นระยะ  แล้วฉันก็ตัดสินใจที่จะหนี   3...2....1  ฉันกระโดดลงจากเตียง  เปิดประตูห้องออก แล้ววิ่งลงบันไดไปด้วยความเร็ว  ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากวิ่งตามลงมา หวาดกลัวจนต้องกรีดร้อง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   ประตูบ้านอยู่ตรงนั้นแล้ว   ฉันวิ่งตรงไปที่นั่น  มือคว้าลูกบิดแล้วหมุน โชคดีที่เมื่อเช้าฉันไม่ได้ล็อกประตูบ้าน   ฉันวิ่งหลับหูหลับตาออกมากลางถนนเล็กของหมู่บ้าน   กรีดร้อง-แล้วล้มลงนั่งอยู่ตรงนั้น-กลางถนน    คุณป้าคนหนึ่งปั่นจักรยานมาหยุดอยู่ตรงหน้า  หนูเป็นอะไรไปจ๊ะ  ฉันหยุดร้อง แต่ยังคงก้มหน้า  ไม่มีอะไรหรอกนะ ลุกขึ้นมาเถอะ  ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆ  แต่แล้ว-เมื่อฉันเหลือบตามองไปที่เบาะหลังของจักรยานคุณป้า  ก็เห็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายอยู่  ใบหน้าซีดเผือดนั้นถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงฉานของเลือด  หญิงแก่คนนั้นเงยหน้ามองฉัน แล้วทำปากพะงาบๆคล้ายจะบอกอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่มีเสียงออกมา  ฉันยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่อนขาที่สั่นเทา  ฉันมองไปรอบๆตัว  พบวิญญาณคนตายอยู่เต็มไปหมด   ทั้งบนต้นไม้ ใกล้ถังขยะ ในรถเก๋ง  บนถนน  บนรั้วบ้าน และข้างๆฉันเอง   รอบๆตัวเต็มไปด้วยวิญญาณที่มองมาทางฉัน   ฉันกรีดร้องด้วยเสียงโหยหวน  เหมือนกับว่าความทุกข์ของดวงวิญญาณเหล่านั้นถูกถ่ายทอดมาถึงตัวฉัน  อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ฉันล้มตัวกรีดร้องอยู่กลางถนนก่อนที่จะหมดสติ  สายตาของฉันเห็นภาพรางๆของผู้หญิงแก่คนหนึ่ง ผู้หญิงแก่ที่มีใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม  ใบหน้าที่คุ้นเคยเหลือเกิน   ....คุณยาย  ฉันได้ยินเสียงตัวเองพึมพำก่อนที่จะไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก
ฉันลืมตาขึ้นช้าๆด้วยความเหนื่อยล้า  ในใจอยากจะนอนหลับต่อไปอีกนานแสนนาน แต่ไม่สามารถทำได้   ฉันรับรู้ได้ว่าตอนนี้กำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง  มองออกไปนอกหน้าต่างก็พบแสงแดดที่สาดส่องทั่วฟ้า  ฉันเองรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก   ครอบครัวและคนรักนั่งอยู่รอบๆตัวฉัน  ตอนนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าดวงวิญญาณเหล่านั้นต้องการอะไรหนูต้องไปทำบุญค่ะแม่  พวกเขามาขอส่วนบุญ  ระหว่างที่พูดเช่นนั้น สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นร่างผู้ชายคนหนึ่ง ยืนอยู่ที่ระเบียงนอกหน้าต่าง ขอบตาลึกกลวงโบ๋  เขาจ้องมองมาที่ฉัน  หนูจะอุทิศส่วนกุศลไปให้พวกเขาค่ะ  ฉันพูดแล้วยิ้มน้อยๆที่มุมปากให้กับร่างนั้น  พลางได้ยินเสียงหัวเราะของคนกลุ่มใหญ่ดังก้องมาจากทั่วทั้งบ้าน
.......................................................................................................................				
comments powered by Disqus
  • พุด..สาวบ้านนา..สองนามปากกาค่ะคนดี

    21 ตุลาคม 2547 11:15 น. - comment id 78212

    พุดพัดชาค่ะคุณปอง
    พุด..เข้ามาเพระรักนามปากกาค่ะ
    คิดถึงนางเอกของคุณสิริมา 
    *ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อปอง*
    
    ที่พุด..ชอบชื่อ ปองอย่างที่สุดเลยค่ะ
    พุด
    มีเวลาอ่านงานสยองขวัญเตือนใจ
    ที่บรรยายภาพได้เเหมือนจริงมากค่ะ
    ทำให้ทึ่งมากนะค
    และยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
    
    พุดมาเรียกขวัญ
    รับขวัญ
    โอบอ้อมขวัญนะคะ
    ด้วยหยาดน้ำค้างนะกลางใจนี้
    
    สู่ร่มรักเรือนไทยเรือนทอง
    ที่แสนอบอุ่นนะคะ
    ด้วยพวงมาลัยหอมหอม
    ด้วยดวงดอกไม้ไทยๆร้อยรัด
    คล้องขวัญคล้องใจผูกพันไปนานเนาค่ะ
    
    เอนหลังมาค่ะ
    ลองไปเยี่ยมเรือนทองผ่องผุด
    ของแม่ดวงดอกพุดไพรนะคะ
    
    พุดจอลอยน้ำดอกมะลิใสเย็นไว้ให้รินดื่มค่ะ
    
    และหลับตานะคะ
    พุดจะให้ลืมภาพเหล่านั้น
    เพียงแค่นำมาเตือนความมรณาณุสติค่ะ
    
    ที่ณะที่แห่งนี้
    มีพี่พี่ที่จะช่วยกันเคียงใจ
    ประโลมน้อมนำ
    ไปสู่ร่มธรรมร่มทองค่ะ
    เช่น
    พี่มณี 
    พี่ดอกแก้ว
    และอีกมากหลายค่ะ
    
    ให้คนดีได้หอมธรรม
    และปันแบ่งรักกัน
    เพื่อฝันประคอง
    ไปสู่ดินแดนแห่งความว่าง
    
    ที่จะเงียบงามกระจ่างสว่างพราย
    ราวดวงแก้วใสค่ะ
    นะบ้านภายในจิตวิญญาณเราเอง
    ดั่งอัญมณีใจค่ะคนดี
    
    
    งานสะท้อนใจสอนใจเตือนใจบทนี้
    พุดขอฝากให้แบ่งวรรคนะคะ
    ตัวหนังสือสีดำเหมาะกันงานแล้วค่ะ
    หากตัวอักษรเป็นพืดไป
    ทำให้เหนื่อยตานะคะ
    
    จึงด้วยรักและปราถนาดี
    ให้แบ่งวรรคให้สั้นลงนะคะ
    พุดจะบอกตัวอย่างนะค
    เช่น
    
    ฉันลืมตาขึ้นช้าๆ
    ด้วยความเหนื่อยล้าในใจ
    อยากจะนอนหลับต่อไปอีกนานแสนนาน 
    แต่ไม่สามารถทำได้   
    
    ฉันรับรู้ได้ว่าตอนนี้
    กำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง  
    
    มองออกไปนอกหน้าต่าง
    ก็พบแสงแดดที่สาดส่องทั่วฟ้า  
    
    ฉันเองรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก   
    ครอบครัวและคนรักนั่งอยู่รอบๆตัวฉัน  
    
    ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า
    ดวงวิญญาณเหล่านั้นต้องการอะไร
    
    หนูต้องไปทำบุญค่ะแม่  
    พวกเขามาขอส่วนบุญ  
    ระหว่างที่พูดเช่นนั้น 
    
    สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นร่างผู้ชายคนหนึ่ง ยืนอยู่ที่ระเบียงนอกหน้าต่าง
     ขอบตาลึกกลวงโบ๋  
    เขาจ้องมองมาที่ฉัน  
    
    หนูจะอุทิศส่วนกุศลไปให้พวกเขาค่ะ  
    ฉันพูดแล้วยิ้มน้อยๆ
    ที่มุมปากให้กับร่างนั้น  
    พลางได้ยินเสียงหัวเราะ
    ของคนกลุ่มใหญ่ดังก้องมาจากทั่วทั้งบ้าน
    ....................................................................................................................... 
    
    ด้วยรักและชื่นชมมากนะคะ
    
    
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน