จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 2

เก่งกาจ

ตอนที่ 2
	วันนี้เป็นวันแข่งขันเต้นรำ รอบชิงชนะเลิศ เพื่อน ต่าง ๆมาร่วมใจเชียร์เยียร์ร่าห์และ ชิเน่ หากแต่วันนี้ก็ไม่เห็นวี่แวว ของเยียร์ร่าห์
	อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาลงแข่งขันแล้ว ทำไม เยียร์ร่าห์ยังไม่มาอีกละเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งร้องออกมาอย่างเป็นกังวล 
	ชิเน่เองก็เป็นกังวลไม่แพ้กับเพื่อนของเธอในตอนนี้ แม้เธอต้องการชนะในการแข่งขันครั้งนี้มาก แต่เธอก็รู้ว่าเพื่อนเธอก็หวังเช่นกัน และรู้ถึงความตั้งใจของเพื่อนจากการฝึกซ้อม
	เวลาล่วงเลยไปเร็วยิ่งนัก ชิเน่ตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวลว่าเหตุใดเยียร์ร่าห์เพื่อนรักยังไม่มาเสียที อีกไม่ถึงห้านาที คณะกรรมการจะประกาศให้เธอลงสนาม 
แต่เธอไม่สามารถทำได้อย่างดีแน่ถ้าไม่เห็นเยียร์ร่าห์
	เยียร์ร่าห์ เธออยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาเสียทีชิเน่คิดถึงเพื่อนด้วยความร้อนรุ่ม แต่ไม่นานนัก โทรศัพท์ในกระเป๋าก็เสียงดังขึ้น เธอนึกรู้ทันทีว่าคงเป็นเยียร์ร่าห์ที่ติดต่อมาเป็นแน่
	ชิเน่หรือ ขอโทษนะ ฉันไปไม่ได้ แม่ฉันไม่สบายกะทันหันนะจ๊ะเยียร์ร่าห์กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ เพื่อไม่ให้เพื่อนรักจับพิรุธได้ แต่ถ้าทุกคนมาอยู่ที่บ้านกับเธอจะพบว่าแม่ของเยียร์ร่าห์ไม่ได้เป็นอะไรเลย 
หากแต่ตอนนี้ไปเยี่ยมคุณยายที่ต่างจังหวัด
	งั้นหรือชิเน่อดเสียใจไปกับเพื่อนไม่ได้ แต่ลึก ๆเธอก็ดีใจที่จะลดคู่แข่งคนสำคัญไปได้ 
	ไม่นะ คิดอย่างนี้ได้อย่างไร นั่นคือเพื่อนของเธอ เธอคิดแต่เรื่องของตนเอง จนมารู้สึกตัวเมื่อเยียร์ร่าห์เรียกชื่อเธอ
	ตั้งใจทำให้ดีที่สุดเลยนะ ชิเน่  อย่ายอมแพ้ใครแม้แต่คนเดียว โชคดีนะจ๊ะเยียร์ร่าห์บอกเสียงใส และรีบวางโทรศัพท์ 
	ใครจะรู้ว่าหลังวางสายไปแล้ว เยียร์ร่าห์ก็ปล่อยโฮออกมาทันที ใครบ้างที่จะไม่เสียใจ เธอตั้งใจมาขนาดนี้เพื่อรอวันนี้ วันที่เธอเป็นผู้ชนะ 
	แต่ชัยชนะของเธอก็ไม่สำคัญเท่ากับมันเป็นของชิเน่ เพราะชัยชนะครั้งนี้จะทำให้ชิเน่ทำในสิ่งที่รักได้ในชีวิต คิดอย่างนั้นเธอก็ซับน้ำตา และยิ้มกับตนเองและนึกให้กำลังใจให้เพื่อนที่กำลังแข่งขันอยู่ในสนาม
	ชิเน่ในตอนนี้ กำลังร่ายรำอยู่กลางเวที ด้วยท่วงท่าอ่อนช้อยงดงามยิ่งนัก จะว่าไปแล้วเธอทำได้ดีกว่าวันที่คัดเลือกสิบคนสุดท้ายด้วยซ้ำ ทุกคนปรบมือให้เธอ อย่างชื่นชมในความสามารถ 
เธอยิ้มรับมันผ่านทางเสียงปรบมืออย่างยินดี 
	เมื่อเพลงจบ ชิเน่ทำความเคารพคนดูเช่นเคย เธอยิ้มที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี และเธอก็ทำได้ตามที่ทุกอย่างหวังไว้
	ผิดกับเยียร์ร่าห์ที่ตอนนี้เก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว เธอหยิบชุดที่เคยใส่ในวันคัดเลือกสิบคน ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย น้ำตาไหลพลางเอื้อมมือไปสัมผัสชุดนั้น จากนั้นก็ปล่อยโฮอย่างกลั้นไม่อยู่ 
	อีกสักพักคณะกรรมการก็ประกาศผู้เข้ารอบสามคน รวมถึงผู้ชนะเลิศ
	เอาละครับในที่สุดวินาทีที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง รายชื่อทั้งสามคนตอนนี้อยู่ในมือผมแล้วนะครับ ต่อไปผมจะประกาศรายชื่อรองชนะเลิศอันดับสอง พิธีกรหยุดกล่าวสักพักเพื่อแกะซองเอารายชื่อทั้งสามออกมา
 ทุกคนในสเตเดียมรอลุ้นด้วยความระทึก 
	ต่างคนก็เชียร์คนที่ตนตั้งใจมาเชียร์
	รองชนะเลิศอันดับสามคือ.ยุนยูจินครับทุกคนปรบมืออย่างยินดีผู้ที่โดนประกาศไปรับรางวัลอย่างยินดี ในคำตัดสิน
	ต่อไปผมจะประกาศรายชื่อผู้ชนะเลิศนะครับ ตื่นเต้นไหมครับพิธีกล่าวเหมือนแกล้งให้ผู้ชมตื่นเต้น ผู้ชมบางคนหันไปบ่นว่าเมื่อไหร่จะประกาศ 
	คนที่ระทึกที่สุดไม่แพ้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น คงจะเป็นชิเน่เพราะเธอหวังกับการแข่งขันนี้มาก
	ผมว่าเธอผู้นี้คงเป็นอย่างที่ใคร ๆหวังไว้ ผู้ชนะคือ ยางชิเน่ครับสิ้นเสียงประกาศ ผู้คนต่างเฮให้กับความสำเร็จของชิเน่ ชิเน่รู้สึกดีใจจนทำอะไรไม่ถูกน้ำตาแห่งความปลื้มปิติเอ่อล้นมาเมื่อไหร่ไม่ทราบ 
เธอเดินไปรับรางวัลทั้งน้ำตาอย่างยินดี 
	ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ ในใจเธอรู้สึกขอบคุณที่ทุกคนร่วมใจเชียร์หนึ่งในนั้นที่เธอลืมไม่ได้ก็คือ เยียร์ร่าห์ 
	ถ้าเยียร์ร่าห์อยู่ที่สเตเดียมนั้นก็จะรู้มีใครบางคนรอคอยชมฝีมือเธออย่างตั้งใจอยู่อีกคนหนึ่ง เขาตั้งใจมาดูเธอโดยเฉพาะในวันนี้ 
และแอบเทใจเชียร์ให้เธอชนะเลิศในวันนี้ แต่เมื่อไม่เห็นเธอ เขาก็กลับไปอย่างนึกเสียดายแทนเธอ พร้อมแปลกใจว่าทำไมเธอถึงได้สละสิทธิ์ที่สำคัญในชีวิตครั้งนี้
	แต่พ่อของเขาซึ่งเป็นหัวหน้าสมาคมนักกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทยให้เขาอยู่ก่อนพร้อมจะแนะนำคนสำคัญให้เขาได้รู้จัก เขาจึงอยู่ตามคำขอของพ่อ จากนั้นไม่นานก็พ่อแม่ลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามาทักทาย
	ทั้งคู่คือพ่อแม่ของชิเน่นั่นเอง
	ไม่ได้พบกันเสียนาน  ดูนายไม่เปลี่ยนไปเลยนะพ่อชิเน่ทักพ่อของจินเซด้วยความสนิทสนม พลางมองไปที่จินเซอย่างถามว่านี่ลูกนายใช่หรือไม่
	พ่อของจินเซเห็นดังนั้นจึงแนะนำบุตรชาย
	แกก็เหมือนกันแหละ ตอนสมัยหนุ่ม ๆ แกบ้ากีฬาเพาะกายเป็นที่สุดพ่อของจินเซพูดเหมือนจะแซวเป็นเหตุให้ผู้เป็นภรรยามองหน้าสามีอย่างนึกขัน 
ชิเน่รู้ดีว่าแม่คงแปลกใจที่เห็นพ่อเคร่งขรึมอย่างนั้นแต่รักกีฬาเพาะกายเป็นที่สุด
	จากนั้นพ่อของจินเซก็แนะนำจินเซให้ครอบครัวของชิเน่ได้รู้จัก
	นี่จินเซ ลูกชายฉัน จินเซไหว้ลุงเค้าเสียสิพ่อของจินเซกล่าวแนะนำพลางยิ้มให้เพื่อน
	จินเซรีบกล่าวสวัสดีพลางก้มหัวคำนับผู้ใหญ่ผู้เป็นเพื่อนบิดา
	พ่อของชิเน่ถามต่ออย่างอารมณ์ดีจนชิเน่สังเกตได้
	ลูกชายนาย ดูหน่วยก้านดีนะ  ท่าทางจะชอบเล่นกีฬาเพาะกายแน่เลยใช่ไหมละพ่อของชิเน่คุยกับพ่อของจินเซ พลางหันไปมองจินเซ
	ไม่ใช่หรอกครับจินเซตอบอย่างสุภาพ ต่อจากนั้นพ่อของจินเซก็พูดต่ออย่างอารมณ์ดีทันที
	หมอนี่ เค้าไม่ชอบเล่นกีฬาอย่างนั้นหรอก อย่างดีก็เล่นเพื่อสุขภาพ แต่ว่าลูกชายฉันรัก การเต้นรำเป็นชีวิตจิตใจเลย
	เต้นรำอย่างนั้นหรือพ่อของชิเน่กล่าวอย่างแปลกใจ ชิเน่ก็แปลกใจเช่นกัน แต่ในความแปลกใจ ก็รู้สึกชอบที่มีคนสนใจในสิ่งที่เธอสนใจ
	ใช่ อย่าว่าคุยเลยนะ ลูกชายฉันก็เข้าประกวดครั้งนี้ด้วย เขาแข่งเมื่อสองวันที่แล้ว แล้วก็ชนะเลิศสมกับที่เขาตั้งใจซุ่มซ้อมมาพ่อของจินเซพูดอย่างภูมิใจ ทุกคนต่างรีบยินดีกับเขาด้วย
 จินเซขอบคุณอย่างสุภาพ ชิเน่ยิ้มให้จินเซอย่างเป็นมิตรในใจแอบชื่นชมจินเซอยู่มาก
	ได้ยินว่า คุณชอบการเต้นรำ ว่าง ๆ ดิฉันคงต้องขอคำแนะนำจากคุณชิเน่กล่าวพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
	ยินดีครับ จินเซก้มหน้าให้นิดหนึ่ง อย่างสุภาพพลางยิ้มให้เธอย่างเป็นมิตรโดยทั้งคู่ไม่ทันสังเกตว่าผู้ใหญ่กำลังมองมาที่ทั้งคู่อย่างสนใจ  
	จังหวะนั้นโทรศัพท์ของชิเน่ก็ดังขึ้น เป็นสายของเยียร์ร่าห์เธอรับมันพร้อมบอกข่าวดีกับเพื่อน
	เยียร์ร่าห์จินเซได้ยินว่าเป็นเยียร์ร่าห์ก็นึกรู้ว่าเป็นเยียร์ร่าห์คนเดียวกับที่เขารู้จักเมื่อวันที่มาคัดเลือกสิบคน
	เขารอฟังการสนทนาของเยียร์ร่าห์กับชิเน่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ในใจนึกเป็นห่วงเยียร์ร่าห์อย่างบอกไม่ถูก
	เธอชนะใช่ไหม่ชิเน่เยียร์ร่าห์พยายามดัดเสียงให้ปกติเพื่อไม่ให้เพื่อนรู้ว่าเธอผ่านการร้องไห้มา
	ดูเหมือนว่าชิเน่จะไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนของเธอเสียใจ เธอยังคงพูดไปด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
	ใช่จ๊ะ ฉันทำได้แล้ว ฉันทำได้แล้ว
	ยินดีด้วยนะเยียร์ร่าห์กล่าว
	อือ วันนี้ฉันจะไปเยี่ยมแม่เธอนะ ท่านเป็นอย่างไรบ้างชิเน่ไม่ลืมเรื่องที่ทำให้เพื่อนเธอต้องสละสิทธิ์ครั้งสำคัญในชีวิต
	ไม่ต้องเยียร์ร่าห์รีบพูดอย่างลืมตัว คิดหาคำพูดสักครู่ แล้วก็หาเรื่องแก้ตัวได้
	เออ.. คุณหมอบอกว่า แม่ไม่เป็นไรมาก เลยให้กลับบ้านแต่ว่า ท่านต้องพักผ่อนมาก ๆ หมอไม่อยากให้ใครรบกวน เธออย่าเพิ่งมาเลยนะ ไว้ให้ท่านหายดี แล้วเธอค่อยมาเยี่ยมละกัน
เยียร์ร่าห์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้เพื่อนจับความผิดปกติ ได้ผลชิเน่แทบจับผิดไม่ได้เธอเชื่อสนิท
	งั้นหรือ ก็ได้ แต่ฝากบอกแม่เธอนะ ให้ท่านหายไว ๆนะจ๊ะชิเน่บอกเพื่อน ในใจก็อยากจะพูดแสดงความเสียใจกับเพื่อนที่ไม่ได้มาแข่งขันแต่ อีกใจก็ห้ามไม่ให้พูดเรื่องนี้จะดีกว่า 
แล้วเธอก็ตัดสินใจไม่พูด
	เธอสบายดีใช่ไหมเยียร์ร่าห์ถามด้วยความเป็นห่วง แต่พูดอย่างคนกล้า ๆกลัว ว่าควรพูดดีไหม
	ไม่เป็นไร ก็ดีละที่วันนี้ไม่ได้ไป ฉันไม่ได้ซ้อมเลยนะ มันคงรู้สึกแย่กว่านี้ ถ้าไปแข่งแล้วไม่สำเร็จอย่างที่หวังไว้เยียร์ร่าห์พูดด้วยน้ำเสียงสดใส กลบเกลื่อนความเสียใจได้อย่างมิดชิด
 ได้ผลเช่นเคยชิเน่ก็ยังคิดว่าเพื่อนเธอคงเสียใจบ้าง แต่ทำใจได้แล้ว
	แล้วพบกันที่มหาลัยนะ เยียร์ร่าห์รีบกล่าว พยายามกลั้นเสียงไม่ให้สั่น เธอแทบจะกลั้นความรู้สึกไว้ไม่ไหวแล้ว ถ้าคุยกันนานกว่านี้ เพื่อนของเธอคงต้องรู้ความจริงแน่
	จ๊ะ สวัสดีชิเน่กล่าว แล้ววางสายไป เธอไม่ทันสังเกตว่าจินเซแอบฟังคำสนทนาของทั้งคู่อย่างสนใจ
แม่ของชิเน่เห็นดังนั้นก็ถาม ในขณะที่พ่อของจินเซกับพ่อของชิเน่ยังคุยกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้พบกันเสียนาน 
	ใครโทรมาหรือชิเน่
	เยียร์ร่าห์ คะ เค้ามาโทรแสดงความยินดีชิเน่กล่าวพลางยิ้มให้ผู้เป็นแม่ แต่ก็ไม่สดใสนัก
	ผู้เป็นแม่เห็นดังนั้นก็ถาม
	เพื่อนโทรมาแสดงความยินดีแล้วทำไม่ทำหน้าอย่างนั้นละลูก
	ก็มันน่าเสียดายนะคะ คุณแม่ เยียร์ร่าห์เค้าเตรียมพร้อมมาเพื่อการประกวดครั้งนี้ แต่เค้าต้องสละสิทธิ์ เพราะแม่เค้าต้องมาป่วยกะทันหัน เป็นใครก็ต้องเสียใจ แม้เค้าจะบอกว่าไม่เป็นไร 
หนูก็อดเห็นใจเค้าไม่ได้ชิเน่กล่าวอย่างใจจริง ความจริงเธออดคิดไม่ได้ว่า หากเยียร์ร่าห์มาในวันนี้ คนที่ได้รางวัลนี้อาจไม่ใช่เธอ แล้วเธอก็รู้สึกว่าการตัดสินครั้งนี้มันยุติธรรมสำหรับเธอกับเยียร์ร่าห์แล้วหรือ
 ถึงเธอจะอยากชนะแค่ไหน แต่มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ 
	ผู้เป็นแม่จับลูกอย่างปลอบ เธอเข้าใจดีว่าแม่ไม่อยากให้เธอคิดมาก
	จินเซได้ยินดังนั้นเขาได้แต่นึกเสียใจ และเสียดายแทนเธอ 
	 
	พอแยกกับครอบครัวของชิเน่ จินเซก็ขอแยกกับพ่อ อ้างว่าจะไปรับของที่ฝากที่ร้านขายของ พ่อเขาอาสาจะไปส่ง แต่เขาบอกอยากเดินไปเอง
	จังหวะเดียวกันนั้น เยียร์ร่าห์ไม่ต้องการอยู่คนเดียวจึงออกมาข้างนอกเพื่อเดินเล่น เธอเดินไปเรื่อย อย่างไร้ปลายทาง อยากเดินไปล่อยอารมณ์ไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดที่สวนสาธารณะที่ไม่ห่างจากสเตเดียมมากนัก
 เธอมองไปทางโดมของสเตเดียมที่เธอต้องไปแข่งขันวันนี้ ตอนนี้ เธอต้องอยู่ที่สเตเดียมไม่ใช่ที่นี่
	คิดอย่างนั้นน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที เธอเงยหน้ามองที่ท้องฟ้า เหมือนอยากให้ความเสียใจและความทรงจำที่แสนเศร้าไหลย้อนกลับไปให้ลึกที่สุดของหัวใจเหมือนไม่อยากจำเหตุการณ์วันนี้
	จินเซซึ่งขณะนี้ได้แยกทางกับเพื่อน ก็ได้เดินผ่านสวนสาธารณะเขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ม้านั่ง เขาจำได้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเฝ้าดูว่าจะมาแข่งขันวันนี้ แต่ก็ไร้เงา 
	แวบแรกที่เห็นเธอเค้าดีใจ แต่ก็อดแปลกใจว่าตอนนี้แม่ของเธอป่วยไม่ใช่หรือ เธอไม่ไปดูแลแม่เธอหรือ แล้วเธอมานั่งทำอะไรที่นี่ ดูท่าจะไม่ดีด้วย 
	เห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไป วินาทีนั้นที่เห็นหญิงสาวกำลังเงยหน้าและหลับตาอยู่ เหมือนมีมนต์สะกดตรึงให้เขาหยุดมองเธอ ความรู้สึกแปลกก่อประหลาดในใจ หากแต่มันไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น มันเคยเกิดขึ้นมานานแล้ว 
แม้จะนาน เค้ายังจำเหตุการณ์นั้นได้ดี 
	ภาพวันเวลาเก่าก่อขึ้นในความทรงจำของเขาอีกครั้ง
	นี่ กลับบ้านกันได้แล้ว ฉันรอเธอตั้งนานแล้วนะเยียร์ร่าห์เด็กชายคนหนึ่งพูดกับเด็กหญิงคนหนึ่งแต่ดูเหมือนเด็กหญิงจะไม่สนใจเพื่อนชาย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินไปที่หนึ่ง
	เธอกลับไปก่อนเถิดจินเซ วันนี้ ถ้าฉันยังไม่เห็นพี่ดองวาของฉันเต้นละก็ ฉันไม่กลับไปไหนทั้งนั้นเด็กหญิงกล่าวกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงร่าเริงที่จะได้เห็นพี่ชายที่เธอแอบชื่นชอบเต้น ยามนี้เธอไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
	ไปดูเจ้าหมอนั่นอีกแล้วหรือ ฉันเห็นเธอไปนั่งมองดูเค้าทุกวัน แต่ไม่เห็นเค้าชายตามองเธอสักครั้ง ถามจริงเถอะ ทำไมถึงได้สนใจคนที่เขาไม่ได้เหลียวแลเธอนักนะเด็กชายพูดอย่างหมันไส้เพื่อนสาว 
แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเดินตามเด็กหญิงจ้อย  ๆ ไม่นานทั้งคู่ก็ไปถึงห้องซ้อมเต้นรำของโรงเรียนที่ขณะนี้มีชายหนุ่มหน้าตาคมคนหนึ่งกำลังเต้นด้วยท่าทางอ่อนช้อย เยียร์ร่าห์มองอย่างนึกหลงใหล
	เพราะเขาเต้นเก่งนะซิ ดูเค้าซิ จินเซ ผู้ชายอะไรเต้นได้อ่อนช้อยเหมือนผู้หญิงเด็กหญิงกล่าวพลางมองอย่างหลงใหล ไม่ใส่ใจเพื่อนชายที่กำลังมองรุ่นพี่และเพื่อนสาวอย่างหมันไส้
	คอยดูนะ จินเซ ฉันจะต้องเป็นนักเต้นรำหญิงที่เก่งที่สุด เมื่อวันนั้นมาถึงฉันจะเต้นรำกับพี่ดองวา จะทำให้พี่ดองวามองฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นหญิงสาวกล่าวเสียงใส แต่ในใจจริงจังอย่างที่พูด
นัยน์ตายังคงมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่กลางฟลอร์ไม่วางตา
	จินเซ ได้แต่น้อยใจ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางมองเพื่อนสาวด้วยสายตาเปลี่ยนไปเป็นครั้งแรก
	ฉันก็ยืนอยู่ข้าง ๆเธอ แต่ทำไม เธอไม่อยากเต้นกับฉันบ้างละ
	เธอนะหรือ แค่ร้องเพลงเธอก็บอกฉันว่าเกลียดจะตาย เพราะฉะนั้นเรื่องเต้นรำเธอก็คงต้องเกลียดมันเป็นที่สุดแน่เยียร์ร่าห์หันมาพูดทีเล่นทีจริง แล้วหันไปมองรุ่นพี่ของเธอต่อ
 ปล่อยให้เด็กชายที่ทำท่าจะพูดบางสิ่งแล้วคิดหยุดไป เหมือนไม่อยากแสดงความรู้สึกของตนไปมากกว่านี้ พลางมองไปที่รุ่นพี่อย่างครุ่นคิด
	ดังนั้นวันนี้จินเซจึงตัดสินใจมาเต้นรำ จะเพราะเหตุผลใดเขาก็ไม่อาจทราบได้ แต่เหตุผลสำคัญก็เพื่อผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาในขณะนี้ ผู้หญิงที่เขาหลงรักตั้งแต่เด็ก ๆ
	จินเซตื่นจากความทรงจำในอดีต สายตายังคงจับจ้องผู้หญิงที่กำลังเงยหน้าหลับตา เหมือนพยายามคลายความกังวลในจิตใจ ฟ้าเริ่มครึ้มเหมือนฝนจะตก แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ใส่ใจยังคงอยู่กับภวังค์ของตน
	ไม่นานฝนก็หลั่งลงมา ฝนเม็ดเล็ก ๆร่วงหล่นลงใบหน้าหญิงสาว แต่ก็เป็นเม็ดฝนที่ตกโปรย ๆชายหนุ่มเห็นดังนั้น จึงเดินเข้าไปแล้วถอดเสื้อแจ็กเก็ตไปนั่งอยู่ข้าง
 พลางเอาเสื้อแจ๊กเก็ตคลุมขึ้นเหนือศีรษะของทั้งเขาและเธอเพื่อกันฝน ดูเหมือนเธอจะแปลกใจที่ตนเปียกฝน แล้วฝนก็หยุดตก จึงลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วก็ต้องแปลกใจ เธอหันไปมองข้าง ๆ
เห็นมือใครคนหนึ่งกำลังใช้เสื้อกันฝนให้เธอ  เธอจึงรีบหันไปมองอีกข้างก็เห็นเขากำลังมองมาที่เธอ แล้วก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร 
	ฝนกำลังตกอยู่ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ก็นั่งเป็นเพื่อนผมอยู่ที่ก่อนก็ได้นะครับชายหนุ่มพูดพลางยิ้มให้หญิงสาวเช่นเคย เป็นรอยยิ้มที่หญิงสาวยังจำได้ดี
	จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก แม้ฝนจะไม่มีท่าว่าจะหยุดตก แต่ทั้งสองก็รู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดในยามนี้ หญิงสาวนั่งคิด ทำไมหนอในยามที่เธอรู้สึกกังวลใจ หรือเสียใจที่สุด
 เค้าจะต้องมาอยู่ข้าง ๆเธอเสมอ หรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธ์จะส่งเขามาให้เธอ
	ดูท่าฝนจะไม่ยอมหยุดตก คุณ เมื่อยไหมคะหญิงสาวหันไปถามชายหนุ่มหลังจากสักพักที่นั่งหลบฝนอยู่กับเขา ชายหนุ่มส่ายหน้าพลางยิ้มให้เธอ เธอเห็นดังนั้นจึงยิ้มตอบกลับไป
	ได้ข่าวว่าแม่คุณไม่สบายไม่ใช่หรือครับ แล้ว ทำไม่คุณถึงอยู่ที่นี่ละครับ ชายหนุ่มกล่าวเหมือนนึกขึ้นมาได้เป็นเหตุให้สีหน้าของคู่สนทนาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
 หญิงสาวเบือนหน้าไปอีกทางเหมือนไม่อยากตอบ แล้วพูดขึ้นว่า
	คุณทราบ แล้วทราบได้อย่างไรคะหญิงสาวถามเสียงอ่อยลง จนชายหนุ่มสังเกตความผิดปกตินั้นได้
	ไม่ต้องสนหรอกครับว่าผมทราบได้อย่างไร ผมเพียงอยากทราบเหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ลงแข่งขันวันนี้ แม่ของคุณชายหนุ่มทำท่าชั่งใจ ก่อนตัดสินใจพูดต่อ
	ไม่ได้ป่วยอย่างที่คุณบอก ใคร ๆใช่ไหมครับชายหนุ่มกล่าวเป็นเหตุให้หญิงสาวหันมามองหน้าอย่างตกใจที่เขารู้ เธอไม่อยากให้ใครทราบความจริง จึงตัดสินใจลุกออกไป 
	ในยามนี้ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงลุกตามไปอย่างอยากฟังคำตอบ
	ทำไมละครับ ทำไมคุณต้องโกหกทุกคน คุณมีเหตุผลอะไรชายหนุ่มเร้าหาคำตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวไม่หันมาตอบ จึงคว้ามือหญิงสาวเอาไว้ หญิงสาวหันมามองหน้าเขา
	เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณ ขอโทษนะคะกรุณาปล่อยมือฉันด้วยหญิงสาวพูดเสียงอ่อน อย่างนึกอ้อนวอนชายหนุ่มว่าอย่าได้ถามเธออีกเลย
	ชายหนุ่มเหมือนรู้สึกตัว จึงปล่อยมือพลางก้มหน้าขอโทษ แล้วพูดกับเธออย่างสุภาพ แต่เต็มไปด้วยความจริงจัง
	เกี่ยวสิครับ เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่เฝ้ารอดูการแสดงของคุณอย่างตั้งใจ เพราะงั้นได้โปรดบอกเหตุผลได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงไม่ได้ไปชายหนุ่มกล่าวจบก็สบตาหญิงสาวอย่างรอคำตอบ 
แต่คำตอบที่ได้กับเป็นการเงียบเฉย ชายหนุ่มจึงนึกรู้อะไรบางอย่างทันที
	ผมก็เป็นนักเต้นรำคนหนึ่ง ถ้าจะให้ผมเดา คุณกับคุณชิเน่เต้นได้ฝีมือสูสีกัน คุณอยากให้คุณชิเน่ชนะก็เลยสละสิทธิ์ใช่ไหมคำพูดแทงใจดำของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่รู้จะพูดอะไรอีก
 น้ำตาเริ่มรื้น เธอไม่อยากจะสนใจในสิ่งที่เธอตัดสินใจไปแล้ว แต่ทำไมเค้าต้องรื้อฟื้นอีก
	หญิงสาวจึงคิดเดินหนีเขา
	เพื่อนของคุณ ถ้าเค้ารู้เค้าคงไม่ยินดีกับการตัดสินใจของคุณครั้งหรอกนะชายหนุ่มรีบพูดจี้ใจดำ และไม่เข้าใจเหตุผลของหญิงสาว หญิงสาวตกใจที่ได้ยินชายหนุ่มพูดอย่างนั้น 
พร้อมหันมามองหน้าเขา และพูดอย่างอ้อนวอน
	อย่าบอกเขา ได้โปรดอย่าบอกเขานะคะ
(ติดตามตอนต่อไป รับประกันว่าสนุก)				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน