ผีเสื้อปีกบางฯ
เตรียมงาน.....ก่อนนำเสนอ
วันที่ห้า และ วันที่หก
๒ วันนี้เป็นวันที่ชาวค่าย (ทั้งหมด ๔๐ กว่าคน) รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก
ที่ได้รับเชิญ ไปร่วมรับประทานอาหาร กับท่านเจ้าเมือง
ต้องนั่งรถไปประมาณ ๓ ชั่วโมง เพื่อไปรับประทานอาหาร
ระหว่างทางเราก็จะเห็นสภาพบ้านเมือง ความเป็นอยู่ของเมืองราจอร์
ซึ่งเป็นเมืองชนบท ค่อนข้างเงียบ รถแทบจะไม่มี มีเพียงสามล้อถีบ
ที่เรียกว่า " แพ " เท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างกับ เมืองดาร์กา ที่เป็นเมืองหลวงมาก
เมืองดาร์กา เป็นเมืองที่แออัด ผู้คนค่อนข้างไร้ระเบียบ เช่น
การใช้ถนน แทบไม่มีคนปฏิบัติตามกฎจราจรเลย ไม่มีการดูไฟจราจร
ใครนึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา ทำให้รถติดกันมาก
และที่เป็นที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ประชาชนที่นี่มีความแตกต่างกัน
ทางฐานะมากคนรวยก็จะรวยมาก และคนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน
บังคลาเทศมีขอทานเยอะมากๆ เวลาเดินไปไหนจะมีขอทานเดินตาม
เป็นสิบๆ คน เพื่อนชาวบังคลาเทศบอกว่า พวกที่มาขอเงินคิดว่า
เราเป็นนักท่องเที่ยว แต่งตัวต่างจากคนที่นั่น คงจะมีเงินมาก
การแต่งตัว ในบังคลาเทศ คนบังคลาเทศ จะไม่แต่งตัว แบบตะวันตกเลย
และเคร่งศาสนามาก (เป็นมุสลิม) ทุกคนจะใส่ส่าหรี หรือไม่ก็
ซาลาวาค กุ๊ดตา (เป็นเสื้อยาว กางเกงขายาว และมีผ้าพาด)
จาวตาล ยังซื้อกลับมาใส่ ที่เมืองไทยเลยนะคะ ใส่สบาย เพราะเป็นผ้าป่าน
ปักมือ สวยมากๆ ๆ ๆ ๆ ราคาก็ถูก ที่จาวตาลซื้อก็ชุดละ ๓๐๐ กว่าบาทเอง
(ได้ทั้ง เสื้อ กางเกง ผ้าพาด แค่ผ้าพาดก็ยาวเกือบ ๒ เมตร แล้วค่ะ
แถมยังมีลายปักอีกด้วย ปักด้วยมือทั้งหมดเลย)
เวลาที่พวกเราไปเดินซื้อของ หรือไปไหนๆ ก็จะมีคนมารุมล้อม
(ไม่ใช่เฉพาะขอทานนะคะ) เป็นร้อยๆ แบบว่าเห็นเราแต่งตัวแปลกไป
อิอิอิอิ.แหมๆ ๆ เขินอ่ะ ยิ่งกว่าดาราซะอีก
ในวันที่ ๖ พวกเราชาวค่าย คณะของท่านเจ้าเมือง และ นักศึกษาในมหาวิทยาลัย
ได้ร่วมกันเดินขบวนรณรงค์เรื่องสันติภาพ ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวบ้านมาก