วันนี้คุณดูแล พระในบ้านให้ดีรึยัง
unicorn
มีคุณนายคนหนึ่งเป็นคนใจบุญสุนทานทำบุญตักบาตรทุกๆเช้า พอแกตักบาตรเสร็จก็จะจัดแจงเตรียมสำรับกับข้าวอย่างบรรจงประณีต เพื่อนำเอาไปถวายท่านเจ้าประคุณสมเด็จผู้เป็นเจ้าอาวาส ด้วยความเคารพนับถือ ในจริยวัตรของท่านและชอบฟังท่านพูดคุยเล่าเรื่องต่างๆ เรียกได้ว่าพอตักบาตรเสร็จ คุณนายต้องมาวัดทุกวันและเมื่อถวายอาหารเสร็จก็สนทนาธรรมะกับพระสมเด็จ
วันหนึ่ง หลังจากคุณนายกลับแล้ว พระหนุ่มรูปหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จ ได้เข้าไปกราบเรียนว่าคุณนายคนนี้ใจบุญสุนทานจริง ๆ แต่เคยได้ยินว่า เป็นคนใจแคบ ขนาดเหลือแม่อยู่เพียงคนเดียวยังปล่อยให้อดๆอยากๆ ไม่เอาใจใส่ ปล่อยให้แม่ต้องอยู่ห้องแคบๆในห้องหลังบ้าน ส่วนตัวเองและลูก ๆ อยู่ตึกใหญ่โต สะดวกสบาย
เวลาพูดจากับแม่ก็ฟังไม่ได้ทั้งหยาบคายทั้งขู่ตะคอกกระแทกกระทั้นตลอดเวลา ผิดกับตอนมาคุยกับสมเด็จที่วัดชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ขนาดแม่จะออกมาเดินเล่นหน้าบ้านก็ยังไม่ได้ ไม่ยอมให้ออกมีแม่แก่หลงๆ ลืม ๆสติไม่สมประกอบก็เลยอายชาวบ้าน
มีคนเขาเล่าให้ฟังหลายรายแล้ว เท็จจริงเป็นอย่างไรผมไม่อาจทราบได้ครับ สมเด็จนั่งฟังเฉยไม่พูดว่าอะไร วันหนึ่งพระสมเด็จมีกิจนิมนต์ไปทำบุญบ้านแถวๆบ้านคุณนาย แต่พอขากลับเดินผ่านหน้าบ้านคุณนาย ท่านก็แวะบ้านคุณนายก่อน คุณนายดีใจมากที่สมเด็จมาเยี่ยมถึงบ้าถือเป็นมงคลอย่างสูงที่พระขั้นสมเด็จมาเยี่ยมบ้านจึงเรียกลูกหลานมากราบเท้าท่านเป็นการใหญ่ แล้วก็คุยกันเรื่องต่างๆ มากมาย
ในตอนหนึ่ง สมเด็จท่านถามคุณนายว่า "พระในบ้านมีไหม?"
คุณนายจึงตอบว่า " มีเจ้าค่ะ พระในบ้านมีหลายองค์เป็นพระเก่า ๆ ทั้งนั้นสมัยสุโขทัยก็มีเชียงแสนก็มี อาราธนาท่านสมเด็จขึ้นไปดูข้างบน"
สมเด็จท่านเฉยแล้วถามต่อว่า "ทราบข่าวว่าคุณนายมีแม่อีกคนเดี๋ยวนี้อยู่เสียที่ไหน?"
คุณนายสะอึก เสียวแปลบเข้าไปในหัวใจจะตอบตามตรงก็กลัวว่าสมเด็จจะเดินไปดูและเห็นสภาพความเป็นอยู่ของแม่ แล้วท่านจะติเตียน คุณนายอึกๆ อักๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบว่า..
"ตอนนี้ท่านไม่อยู่เจ้าค่ะ ออกไปเยี่ยมญาติอีกนานจึงจะกลับ" สมเด็จท่านนั่งนิ่งอยู่สักครู่ แล้วจึงลากลับ
คุณนายก็ยังคงไปวัดตามปกติ วันหนึ่งสมเด็จท่านเห็นว่า วันนี้คุณนายยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาร่าเริง อารมณ์ดีหลังการทำบุญทำทาน สมเด็จจึงถามว่า
" พระในบ้านของโยม โยมดูแลเรียบร้อยแล้วหรือยัง? "
"เรียบร้อยเจ้าค่ะ ดิฉันจุดธูปเทียน ถวายอาหารบูชาเสร็จแล้ว จึงมาที่วัด ท่านไม่ต้องเป็นห่วง " คุณนายตอบ
สมเด็จจึงกล่าวว่า "อาตมาไม่ได้หมายถึงพระพุทธรูปพระในบ้าน ที่อาตมาถามถึงนี่ เป็นพระที่ยังมีลมหายใจ คือ แม่พระ ผู้มีพระคุณสูงสุดแก่โยม แม่ให้ชีวิตเรามา โดยเอาชีวิตตัวเองเขาแลก เลี้ยงดูเรามา ตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนได้ดิบได้ดีทุกวันนี้ แม่เหน็ดเหนื่อย ทุกข์ทรมานแสนสาหัส แม่ทนหิวฃเพื่อให้ลูกอิ่ม แม่ทนหนาวเพื่อให้ลูกอุ่น แม่ไม่เคยนอน
ถ้าลูกของแม่ยังไม่หลับ ยามลูกเจ็บป่วยร้องไห้หัวใจแม่ก็เจ็บปวด และร้องไห้พร้อมกับลูกด้วย แม่อยากเอาความเจ็บปวดทั้งหมดของลูกมาไว้ที่แม่ ถ้าทำได้ แม่ยอมตายเพื่อลูกได้ พระคุณของแม่นี้ใหญ่หลวงเกินกว่าจะคณานับ เราต้องตอบแทนบุญคุณท่านบ้างน่ะโยม เอาตาดู หูใส่ เอาใจใส่ท่านบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ท่าน อด ๆอยากๆ เจ็บไข้ได้ป่วย ก็ดูแลท่านบ้าง
อาตมาได้ข่าวว่า คุณโยมเหลือแม่อยู่คนเดียว และไม่ค่อยสนใจความเป็นอยู่ของท่านปล่อยให้อยู่ในห้องแคบๆ อดๆ อยาก ๆไม่สงสารท่านบ้างหรือ.โยม.? "
" โยมจัดอาหารมาถวายพระได้ทุกวัน แต่พระในบ้านอีกองค์โยมไม่เคยจัดให้ และตอนที่โยมจัดมาให้อาตมา สังเกตดูโยมจัดมาให้อย่างดี ประณีตบรรจง แต่ก่อนอาตมาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ฉันของโยมตามปกติ แต่ตอนนี้บอกตรงๆเลยว่า กลืนไม่ค่อยลงมาหลายวันแล้ว
อาตมาเป็นพระในวัด ไม่ควรเอาเปรียบพระในบ้านของโยมเกินไป ถ้าพระในบ้านยังอด พระในวัดก็กลืนไม่ลง การทำบุญให้ได้บุญมานะโยม เลี้ยงพ่อแม่ให้อิ่มหนำสำราญเสียก่อน แล้วจึงถวายพระ "
คุณนายไม่พูดอะไรนั่งน้ำตาไหล ลูกๆที่รักทุกคนได้ดูแลพระในบ้านของลูกๆแล้วหรือยัง ถึงแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ยังดี บางคนกว่าจะรู้ว่าพ่อแม่เป็นพระในบ้านผู้ประเสริฐ ก็สายไปเสียแล้ว คือรู้เมื่อท่านทั้งสอง ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว...
---------------------------------------------------------------------------