เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ( ตอนที่ 5 )
สุชาดา โมรา
ช่วงนี้ถึงแม้ว่าแสงอาทิตย์จะเจิดจ้าแค่ไหนแต่อากาศก็ไม่ได้ร้อนเลย มันหนาวจนจับเข้าไปในกระดูกทั้ง ๆ ที่นี่มันแค่ลพบุรีไม่ใช่เชียงใหม่ซะหน่อย
ฉันไปโรงเรียนอย่างเร่งรีบเพราะช่วงนี้อากาศมันเย็นทำให้นอนยาวทีเดียว ไม่ว่าจะรีบไปเรียนเร็วกว่าเดิมแค่ไหนแต่รถเมย์สายนี้ก็ยังคงแช่และวิ่งช้าอยู่เหมือนเดิม
ตึก...ตึก...ตึก ฉันวิ่งเข้าไปในโรงเรียนแต่ก็ถูกกักที่หน้าประตูตามเคย
"ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย...."
ต้องมายืนร้องเพลงชาติตรงนี้เป็นรายการประจำจนทำให้วันนี้อาจารย์เรียกไปพบที่ห้องปกครองเรื่องการมาสาย อาจารย์มีหนังสือเชิญผู้ปกครองมาด้วย
"นี่แววดาว ครูถามจริง ๆ เถอะเธอเป็นโรคอะไรต้องมาสายตลอดเลย"
"หนู...หนู...รถมันแช่ค่ะ"
"ก็หัดมาเช้า ๆ สิยะ...นี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีเลยนะ...ใช้ไม่ได้!!!"
ฉันนะอยากจะเถียงอาจารย์เลยว่าถึงจะมาเช้าหรือว่ามาสายก็มีค่าเท่ากันเพราะถนนสายนี้ไม่ค่อยมีรถผ่าน พอผ่านมาสักคันหนึ่งมันก็แช่ซะจนน่ารำคาญ... น่าเบื่อที่สุดเลย
วันี้ฉันเดินเข้ามาในสมาคมด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว พรุ่งนี้ต้องพาผู้ปกครองไปพบอาจารย์เรื่องการมาสาย ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดี ฉันนั่งเหม่อมองดูท้องฟ้าโดยไม่ยอมไปเปลี่ยนชุดยูโด
"อยู่นี่เองดาว...วันนั้นพี่ขอโทษนะพี่เข้าใจเราผิด"
"แล้ววันนี้เป็นอะไรไปล่ะทำไมถึงไม่ไปเปลี่ยนชุด ไม่สบายหรือเปล่า"
"เปล่า"
"แล้วมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าล่ะถึงได้มานั่งซึมกระทือแบบนี้"
"อาจารย์มีหนังสือเรียกผู้ปกครองน่ะ...เรื่องมาสาย"
ฉันทำสีหน้าแบบหงอย ๆ แต่พี่ดอนก็เอามือมาขยี้หัวฉัน
"โถ่...เรื่องแค่นี้เองก็บอก ๆ ท่านไปสิท่านไม่ว่าหรอก"
"ไม่ได้หรอกเดี๋ยวแม่โกรธตายเลย แม่ยิ่งไม่เหมือนคนอื่นอยู่ด้วยสิ...แล้วจะทำไงดีนะ...เฮ้อ...กลุ้มใจจริง ๆ เลย"
"อ๋อ...ไม่ยาก นี่ไงเรามีพ่ออยู่หลายคน อยากได้พ่อแบบไหนล่ะ แต่ต้องนัดแนะให้ดี ๆ นะไม่งั้นเกิดสับสนขึ้นมาอาจารย์จับได้ละก็...!!!"
"จริงเหรอ...แล้วใครล่ะจะมาเป็นพ่อให้"
"นั่นไง...คนที่วิ่งอยู่กลางสนามนั่นไง"
พี่ดอนชี้ไปทางพวกที่วิ่งกันอยู่ที่กลางสนาม ฉันมองเห็นอาจารย์โจวิ่งอยู่ที่กลางสนาม ฉันจึงรู้สึกมีกำลังใจที่จะเล่นยูโดขึ้นมา หลังจากซ้อมเสร็จพี่ดอนจึงไปคุยกับอาจารย์โจให้เรื่องที่จะไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้
"สวัสดีครับ ผมผู้ปกครองของแววดาวครับ"
"อ๋อ...เหรอคะ"
อาจารย์แฉล้มหัวหน้าฝ่ายปกครองมองลอดแว่นมาดูอาจารย์โจอย่างไม่เชื่อสายตา
"คุณเป็นญาติข้างไหนคะ ถึงได้หน้าไม่เหมือนกันเลย"
"ผมเป็นพ่อของเธอ...ทำไมเหรอครับ...ดูนี่นะครับ ดวงตาถอดมาจากแม่ คิ้วได้มาจากผม จมูกนี่ครับเด่นที่สุดของผมเลย เห็นไหมโด่งขนาดนี้ รูปหน้าเหมือนผมไหม เรียวยาว แล้วดูนี่ครับไฝใต้คางเม็ดเล็ก ๆ ถอดผมมาเลย แล้วอาจารย์จะว่าผมไม่เหมือนลูกตรงไหน"
อาจารย์โจบรรยายให้อาจารย์แฉล้มฟังจนอาจารย์ทำท่าแบบน่าเชื่อถือ... จากนั้นอาจารย์แฉล้มก็พูดเรื่องการมาสายของฉัน
"ผมขออนุญาติให้ลูกมาสายเถอะครับ บ้านเราลำบากมาก ๆ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องไปดูแลทวดที่กำลังป่วยหนัก พอตกเย็นก็ต้องไปทำงานหาเงินมาเรียน ต้องไปรับจ้างล้างจานที่ร้านอาหารจนดึกดื่น อาจารย์จะไม่สงสารเด็กตาดำ ๆ บ้างเหรอครับ ถึงผมจะเป็นทหารแต่ผมก็มีภาระหลายอย่าง ต้องส่งบ้านส่งรถ ไม่มีเงินมาให้ลูกเรียน เป็นหนี้สหกรณ์ เป็นหนี้ธนาวัตน์ โอ้โหเยอะแยะแล้วยังมีหนี้..."
"พอเถอะค่ะ...ฉันเข้าใจ เอาอย่างนี้ละกันฉันอนุญาติให้เธอมาสายได้แต่เธอต้องมาทำงานชดเชยที่ห้องพักครูตอนพักเที่ยง ครูจะให้รายได้พิเศษกับเธอ เธอจะได้ไม่ต้องไปล้างจานที่ร้านอาหารดึก ๆ ดื่น ๆ จนตาแดงอิดโรยแบบนี้ เพราะที่ร้านอาหารมันอันตราย ผู้ชงผู้ชายมันเยอะเดี๋ยวมันก็ลวนลามเอา..."
ฉันยิ้มแบบแหย ๆ แต่ก็ต้องตอบว่าค่ะ อาจารย์โจนี่สุดยอดจริง ๆ ทำให้ฉันได้สองเด้ง ทั้งการมาสายได้ แล้วยังได้เงินกินหนมฟรี ๆ อีก โอ้โห...สร้างเรื่องได้สุดยอดเลย...น่าจะเอาไปแต่งนิยายนะ ดู ๆ แล้วพูดหน้าตาเฉยเลย...ทำเอาฉันงงไปหมด
"ขอบคุณนะคะอาจารย์"
ฉันเดินไปส่งอาจารย์ที่รถ อาจารย์ขยี้หัวฉันด้วยความเอ็นดู แววตาของอาจารย์ยิ้มแย้มสดใสจนฉันมีความรู้สึกเหมือว่าอาจารย์เป็นพ่อของฉันไปแล้วจริง ๆ พออาจารย์ขับรถออกไปจนลับสายตาฉันไปแล้ว ฉันจึงเดินมาเข้าชั้นเรียน
"Bonjour, Comment allez-vous?"
"Je vsis bien, merci "
ฉันกล่าวคำทักทายกับอาจารย์ที่สอนวิชาฝรั่งเศสด้วยสำเนียงฝรั่งเศส อาจารย์ให้นั่งที่ได้ ฉันจึงนั่งฟังตามที่อาจารย์สอนพร้อมกับจดบันทึกอย่างขมักเขม้นจนหมดคาบ
"Retrouvons-nous un de ces jours"
อ๊อด.....เสียงออดดังขึ้น ฉันเก็บข้าวของแล้วเดินไปห้องปกครองทันที อาจารย์แฉล้มให้ฉันจัดแฟ้มเอกสารแล้วก็ซื้อข้าวให้ฉันกิน ที่จริงฉันไม่มีความเดือดร้อนในเรื่องเงินเลย แต่ก็ดีนะที่จู่ ๆ ก็ประหยัดไปได้เยอะเชียว...
ฉันมีความรู้สึกว่าวันนี้โลกดูสวยงามไปซะทุกอย่าง ฉันมีความสุขเหลือเกิน ฉันออกจากห้องปกครองแล้วเดินไปเรียนต่อในคาบบ่ายที่ตึกใหม่ ฉันขึ้นลิฟท์ไม่ทันเพราะคนแน่นจึงวิ่งขึ้นบันไดไป
"หกชั้น ตายแน่ ๆ เลย"
แต่ฉันกลับวิ่งขึ้นไปโดยไม่เหนื่อยเลย อาจจะเป็นเพราะฉันฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี พอฉันขึ้นมาถึงห้อง ฉันเข้าไปนั่งที่โต๊ะแล็คเชอร์และเอาหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน ฉันนั่งอ่านหนังสือได้แป๊บเดียว จู่ ๆ ฉันก็มีความรู้สึกว่าห้องมันมืดไปหมด จึงเงยหน้าขึ้นมาฉันเห็นแก๊ง 7 ห้าวมามุงดูฉันคล้ายกับจะเอาเรื่อง
"ไง...ไปทำอะไรมาถึงได้โดนทำทันบนที่ห้องปกครอง"
"เปล่านี่..."
"อย่ามาแก้ตัวเลยดีกว่า บอกมาซะดี ๆ ว่าไปทำอะไรมา"
"ฉันแค่มาสายเท่านั้นแหละ"
"ไม่จริงมั้ง...เหมี่ยวมันบอกว่าเธอมีเรื่องชู้สาวกับผัวมันอาจารย์ก็เลยเรียกไปทำทันบน สรุปแล้วเธอจะเอาไงกันแน่ จะเลิกยุ่งกับพี่นัทอะไรนั่นหรือยัง"
"แล้วมันกงการอะไรของเธอด้วย ถึงได้มาแส่เรื่องนี้"
"มันก็ไม่มีอะไรหรอกนะ แค่หมั่นไส้...เหมี่ยวมันน่าสงสารมันมาอ้อนวอนขอร้องให้ช่วยพวกเรามันพลเมืองดีก็เลยเข้ามายุ่ง มีไรปะ"
"เหรอ แล้วทำไมไม่ถามเหมี่ยวล่ะว่าแย่งแฟนเพื่อนเนี่ยสนุกไหม...แล้วไอ้ที่บอกว่าท้องน่ะมันผ่านมา 4 เดือนแล้วทำไมท้องยังไม่ป่องซะที คนท้องบ้าอะไรไปเล่นยูโดทุกวัน..."
แก๊ง 7 ห้าวอึ้งแล้วก็หันไปถามเหมี่ยวที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องเพื่อดูต้นทาง
"ว่าไงเหมี่ยว...!!!"
"อย่าไปเชื่อมัน มันโกหก...ฉันไปเฝ้าพี่นัทไม่ได้ไปเล่นยูโด"
"เหรอ แต่ว่าไม่จริงมั้ง พี่นัทเขาไปแข่งยูโดที่ออสเตรเลียเธอจะมาบอกว่าไปเฝ้าพี่เขาได้ไง"
"อย่า...อย่าไปเชื่อมันนะ"
พวกแก๊ง 7 ห้าวนิ่งเงียบแล้วก็หันไปซุบซิบกันสักพักแล้วก็หันมาทำท่าเหมือนจะเอาเรื่องฉันแต่ก็เดินไปเฉย ๆ ฉันนั่งลงอ่านหนังสือต่อจนอาจารย์มา...ฉันนั่งเรียนวิชาภาษาไทยในชุมชนจนหมดคาบ อาจารย์ให้ทำรายงานมาส่งเรื่องการปกครองของจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ฉันจึงเก็บหนังสือใส่กระเป๋านักเรียนแล้วเตรียมออกจากห้อง แต่ฉันไม่สามารถที่จะออกจากห้องได้
ปัง...ปัง...ปัง ประตูทั้งสามบานถูกปิด แก๊ง 7 ห้าวกับเหมี่ยวยืนล้อมฉันไว้ที่โต๊ะ โดยมีอ้อมเป็นหัวหน้าคอยสั่งการ
"หมั่นไส้ไหมพวกเรา...!!!"
"เออ...ว่ะ กูหมั่นไส้มานานแล้วขอตบสั่งสอนสักทีเถอะว่ะ"
"เดี๋ยวก่อนต้อม ฉันขอเปิดโรงก่อนโว้ย...!!!"
อ้อมเข้ามาทำท่าจะตบ ฉันหลบได้ทันจึงเดินออกไปยืนที่หน้าห้อง
"อะไรกันเนี่ย...!!!"
"ไม่มีอะไรหรอกว่ะ แค่หมั่นไส้เด็กดี...ทำเป็นตั้งใจเรียน ถุ้ย..."
ฉันรู้สึกทนไม่ได้ เลือดมันสูบฉีดทั่วร่างไปหมด รู้สึกว่ามันไม่แฟสำหรับฉันเลย ฉันทำอะไรผิดพวกนี้ถึงเข้ามาหมายจะทำร้ายฉัน...ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เมื่ออ้อมเข้ามาตบฉัน ฉันจึงคว้ามือและหักแขนทันทีจากนั้นก็ผลักออกไปให้พวกอีกหกคนรับ
"มึงทำเพื่อนกูเหรอ"
"ฉันไม่โง่ให้พวกแกตบฟรี ๆ หรอก"
ต้อมวิ่งเข้ามาใส่ฉันจึงต่อยที่ลิ้นปี่แล้วก็ปัดเท้าจนล้ม ตามมาด้วยเก๋วิ่งเข้ามาข้างหลัง ฉันคว้าคอเสื้อได้จึงทุ่มด้วยท่าโคชิ-กูโรม่าทันที ร่างนั้นกระแทกพื้นอย่างเต็มที่
"กูเอง...มึงใช้ยูโดเหรอ"
"ช่วยไม่ได้ พวกนี้ทำร้ายฉันก่อน"
เหมี่ยวเข้ามาประชิดตัวแล้วจิกผมฉันตบทันที ฉันโดนไปหนึ่งที ด้วยความแค้นฉันจึงบิดตัวกลับเข้ามาหักแขนเหมี่ยวทันที จากนั้นฉันก็ตบคืนอีกสามทีแล้วก็ผลักให้ล้มลงไปกองกัน พวกที่เหลือเข้ามาพร้อม ๆ กันจับแขนฉันรวบไว้แล้วก็เข้ามาจะต่อยท้อง แต่ฉันเหนี่ยวแขนแนนกับฟ้าแล้วถีบทันทีทำให้ฝ้ายจุกและล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นฉันก็มุดตัวลอดสองคนนั้นแล้วก็ผลักจนหัวโขกกัน สาเป็นคนสุดท้ายที่ค่อนข้างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ก็เข้ามาอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ ทำท่าเหมือนจะมาทำร้ายฉัน
"ขอโทษแทนเพื่อนเราด้วยนะดาว...อย่าเอาเรื่องพวกเราเลยฉันไหว้ละ"
สาคุกเข่าแล้วก็ไหว้ฉัน ฉันทำเมินไม่สนใจจากนั้นจึงหยิบข้าวของออกจากห้องไป
ฉันมุ่งตรงไปที่สมาคมอย่างไม่รอช้าแล้วก็เล่าเรื่องให้พี่ดอนฟัง พี่ดอนโกรธมากถึงกับบอกว่าจะไปจัดการพวกนั้น แต่ฉันห้ามไว้เพราะเป็นผู้ชายจะไปทำร้ายผู้หญิงได้ยังไงกันมันไม่ถูก วันนั้นฉันซ้อมยูโดอย่างมีความสุขเพราะฉันมีความรู้สึกว่าแฟนของฉันสนใจฉันมากขึ้น ดูแลฉันมากขึ้นกว่าเก่า อาจจะเป็นเพราะหมดห่วงเรื่องพี่นัทแล้วก็ได้ เพราะช่วงนี้พี่นัทไปแข่งยูโดชิงแช้มอาเซี่ยนที่ออสเตรเลีย หมู่นี้พี่ดอนจึงไม่ค่อยเครียดมากนัก...
อีก 3 วันจะถึงวันแข่งคัดสายแล้ว ฉันรู้สึกตื่นเต้นจังเลย ฉันเร่งซ้อมอย่างเต็มที่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ...ตอนนี้ฉันหมดปัญหาเรื่องมาเฟียในห้องแล้ว ฉันมีความรู้สึกเป็นสุขที่สุดในโลกทีเดียว