เช้าวันใหม่แห่งวันอันสดใส ฉันเดินเข้ามาในโรงเรียนแต่เช้าเข้ามาหาอาจารย์แฉล้มที่ห้องปกครอง วันนี้เป็นวันที่อาจารย์เกษียณอายุราชการ นักเรียนทุกคนต่างก็เศร้าใจรวมทั้งฉันด้วยคนหนึ่ง ฉันเอามาลัยไปคล้องที่มืออาจารย์ อาจารย์ยิ้มให้ด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยฉัน ฉันดีใจที่อาจารย์ยิ้มแต่ก็เสียใจที่อาจารย์จะไป ใครหลายคนอยากให้อาจารย์ไปแต่ฉันอยากให้อาจารย์อยู่เพราะอาจารย์เหมือนที่พึ่งทางใจของฉัน... ฉันเข้าห้องเรียนด้วยจิตใจที่สงบ ใกล้วันสอบปลายภาคเข้ามาทุกทีฉันจึงตั้งใจเรียนเป็นพิเศษด้วยความตั้งใจจริง เพราะยิ่งแข่งกีฬาฉันก็จะยิ่งไม่มีเวลาอ่านหนังสือฉันจึงต้องตั้งใจพยายามเข้าใจในบทเรียนให้มากขึ้นเพื่ออนาคตที่ดีของฉัน ข่าวร้ายของวันนี้ก็คือเหมี่ยวตั้งแก๊งใหม่ ทำตัวเกะกะระรานผู้อื่น ในกลุ่มมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เหมี่ยวพยายามเป็มาเฟียของห้อง ฉันเข้าใจดีว่าเหมี่ยวเสียใจเรื่องพี่นัท แต่สิ่งที่ฉันเล็งเห็นความเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือเหมี่ยวจ้องจะทำร้ายฉันอย่างเห็นได้ชัด คำพูดที่เสียดแทงใจฉันมันทำให้ฉันไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้อีกเลย... หลังจากเลิกเรียนฉันเดินไปซ้อมยูโดเป็นปกติแต่วันนี้มันเหมือนวันที่แย่ ๆ อีกวันหนึ่ง กลุ่มของเหมี่ยวเดินมาขวางฉัน "สนุกนักเหรอ" "เรื่องอะไร" "ก็มึงแย่งผัวกู มึงยุผัวกูใช่ไหม ทำไมมึงไม่บอกว่าพี่นัทมาแล้ว..." "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่นัทจะมายืนที่ข้างหลังเธอนี่" "ยังมาทำท่าเป็นนางเอกอยู่ได้ ระวังตัวไว้เถอะ อย่าให้เผลอนะมึง..." แล้วเหมี่ยวก็ขึ้นรถเมย์ไปที่สมาคมฯทันที ส่วนฉันก็เดินตามไปเรื่อย ๆ จนมาถึง ฉันเจอพี่เจี๊ยบสาวสวยของเบาะฉันถึงกับปล่อยโฮทันที ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้เข้มแข็งเหมือนทุกครั้ง ฉันเล่าเรื่องราวให้พี่เจี๊ยบฟังพี่เขาก็ปลอบใจฉันและก็ให้ข้อคิดดี ๆ หลายอย่าง "ดาว...ใช้สตินะ สู้สิอย่ายอมแพ้ เราไม่ผิดนี่เขาต่างหากที่ผิด อย่าเสียใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย" "แต่มันหลายครั้งแล้วนะ เหมี่ยวทำสงครามประสาทและก็สงครามทางใจกับดาวมาตลอดแต่คราวนี้มันหนักกว่าครั้งก่อน ๆ มันตั้งแก๊งและจ้องจะเล่นงานอยู่ตลอดเวลาจะให้ดาวทำยังไงดี" พี่เจี๊ยบปลอบใจอยู่นานจนฉันเดินเข้าไปแต่งตัวและก็ออกมาซ้อม ฉันรู้สึกจิตใจสงบมากขึ้นเมื่อได้ระบายสิ่งที่เลวร้ายออกไป วันนี้ฉันจึงตั้งใจซ้อมเป็นพิเศษเพื่อที่จะให้เหมี่ยวรู้ว่าเรามันคนละชั้นกัน อย่าพยายามมาเทียบรุ่นกับฉันอีก "ดาว มันต้องอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าแกร่งทั้งนอกและใน" พี่เจี๊ยบเตือนสติตลอดจนฉันรู้สึกไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว ฉันจะสู้ สู้ยิบตาทีเดียว.... พี่ดอนไปแข่งชิงตัวเอเชียที่กรุงเทพฯ ส่วนฉันก็อยู่ที่นี่อย่างเดียวดายเพราะไม่มีใครมาปกป้อง พี่นัทก็ไม่สามารถช่วยเราได้หรอกเพราะพี่นัทไม่ได้เป็นแฟนเรา ดู ๆ แล้วที่นี่ในขณะนี้ก้เห็นจะมีศิลานีอย่างพี่เจี๊ยบคนนี้แหละที่ฉันพอจะปรึกษาและพึ่งพาได้ พรุ่งนี้ฉันต้องเดินทางไปอุบลเพื่อที่จะไปแข่งชิงตัวเยาวชนทีมชาติฉันต้องแกร่งพอที่จะทำได้ ฉันจึงกลับบ้านไปด้วยจิตใจที่เบิกบานและรู้สึกว่าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เช้าแล้วอาจารย์ดนัยกลัวว่าฉันจะไม่ตื่นก็เลยโทรปลุกตั้งแต่ตี 4 ฉันจึงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวและออกจากบ้าน แต่ฉันก็เห็นอาจารย์ดนัยมายืนอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว อาจารย์รับฉันขึ้นรถและก็มุ่งหน้าไปที่ชมรมเพื่อมารับนักกีฬาคนอื่น ๆ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากทีเดียว วันเสาร์นี้มันเป็นวันที่แสนสนุกของฉันจริง ๆ เลย ฉันเดินทางมากับนักกีฬาหลายคนเมื่อมาถึงอุบลฉันก็เอาสัมภาระไปเก็บที่ห้องและออกมานั่งฟังอาจารย์พูดเรื่องกฎต่าง ๆ ที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ถึง 1 อาทิตย์ หลังจากนั้นฉันกับพี่ๆ ก็ไปหาอะไรกินกัน อาจารย์จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้คนละ 3,000 บาทเราก็เลยเดินเที่ยวอย่างสบายใจ แต่ฉันไม่ค่อยได้ซื้ออะไรหรอกนอกจากเดิน ๆ ดูเฉย ๆ ฉันกะว่าวันสุดท้ายค่อยมาซื้อ อีกอย่างก็งกนิด ๆ ด้วย เฮ............ เสียงผู้คนครึกครื้นกันเพราะจะได้แข่ง การแข่งกระดับนี้มันเหมือนกระดูกชิ้นโตทีเดียว ฉันรู้สึกว่าจะเจอแต่ทีมชาติที่เป็นเบอร์ 1 ทั้งนั้นเลย อาจารย์เรียกตัวไปให้ลงชื่อและชั่งน้ำหนัก จู่ ๆ ฉันก็น้ำหนักขาดไป 1กิโล ฉันรู้สึกกังวลใจมาก อาจารย์จึงเอาเหรียญบาทใส่ถุงมาใส่ไว้ในกระเป๋าและเอาเสื้อยูโดมาให้ฉันใส่น้ำหนักก็เลยถึง 45 โล ทุกคนดีใจมากทีเดียว แต่ฉันก็รู้สึกเกร็ง ๆ มือเย็นจนต้องหักนิ้วอยู่หลายครั้ง รู้สึกสั่น ๆ ยังไงไม่รู้แม็ทนี้มันน่ากลัวกว่าที่ผ่าน ๆ มาจริง ๆ "สาวน้อยมหัศจรรย์สู้เขา...สู้...!!!" พี่ทิพย์ยกแขนฉันขึ้น พี่เจี๊ยบก็มากอดฉันไว้ พี่ ๆ คงรู้ว่าฉันกลัวก็เลยมาให้กำลังใจฉันจึงมีแรงใจที่จะสู้ถึงแม้ว่ารู้ตัวว่าคงผ่านไปได้ไม่เท่าไรนัก ฉันได้แข่งเป็นคู่ที่ 6 ฉันเดินลงมาที่สนามแข่งอย่างคนที่ใจตุ๊บตั้มตุ่มต่อมแต่ยังไง ๆ ก็จะสู้ไว้ลายให้เขารู้ว่าเราก็มีวิญญาณของนักกีฬายูโดเหมือนกัน "ฮาจิเมะ...!!!" เสียงกรรมการบอกให้เริ่มต้น ฉันได้ยินเสียงคำรามของคู่ต่อสู้ถึงกับสะดุ้ง แต่ก็ยังเดินต่อไปเพื่อที่จะไปจับคอเสื้อ ด้วยความที่สายข้างหน้าเป็นสายดำ เขาทั้งเก่งและแกร่ง ฉันพยายามจับคอเสื้อแต่ก็ทำไม่ได้ ในตอนนั้นฉันนึกถึงอาจารย์ดนัยและอาจารย์หลาย ๆ ท่าน ฉันจึงนำท่าที่ฉันเรียนมาใช้รวมทั้งท่าของฉันด้วย ฉันทั้งเกี่ยว ปัด ทุ่มจนคู่ต่อสู้เสียการทรงตัว จากนั้นฉันจึงเข้าไปซ้ำโดยที่คู่ต่อสู้ไม่ทันจะตั้งตัวทันด้วยท่าที่ฉันคิดขึ้นเองคือท่าไทเดบะ-ดุซุชิการิ "อิปโป้ง......!!!!" ฉันดีใจเหลือเกินที่ฉันชนะได้ เมื่อลงจากสังวียนก็เดินไปไหว้อาจารย์ทันที และก็กอดพี่ทิพย์ไว้ ฉันรู้สึกหัวใจเบิกบานดีจริง ๆ คู่ต่อไปฉันต้องมาแข่งอีกคราวนี้รู้สึกว่ามันจะเป็นเขียงนะ แต่หมายถึงฉันเนี่ยแหละที่จะเป็นหมูถูกเขียงทับ "ฮาจิเมะ...!!!" เสียงกรรมการบอกให้เริ่มต้น ฉันเดินหาจังหวะคู่ต่อสู้จนพบและเข้าท่าทุ่มทันทีด้วยท่าโมโนเตะ-เซโออินาเงะทันที "อิปโป้ง....!!!" ความฝันเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ฉันจะชนะได้ไหมหนอ จะผ่านเข้าไปเป็นทีมชาติได้หรือไม่นะ ฉันรู้สึกดีใจจริง ๆ ที่ชนะมาจนเกือบถึงเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายแล้ว คู่ต่อไปฉันแข่งแต่ครวนี้หนักหน่วงเหลือเกิน คนที่อยู่ข้างหน้าเป็นอดีตแชมป์อาเซี่ยนและเป็นไทยทูบี หมายถึงตัวจริงของเมืองไทยอันดับสอง น่ากลัวที่สุด "ฮาจิเมะ...!!!" เสียงกรรมการสั่งให้เริ่มต้น ฉันเข้าไปกระชากเสื้อคู่ต่อสู้ทันที แต่เขากลับจับข้อมือฉันหักและบิดออก ฉันรู้สึกเจ็บมากทีเดียว คู่ต่อสู้คนนี้เล่เหลี่ยมแพรวพราวทีเดียว นักข่าวก็จับภาพจนฉันรู้สึกเกร็ง ๆ ทำอะไรไม่ถูกไปซะทุกอย่าง "ฮาเน มากิโคมิ...!!!" เสียงใครบางคนตะโกนขึ้น ฉันจึงเข้าท่าฮาเน มากิโคมิทันที เป็นโชคดีของฉันจริง ๆ ที่คู่ต่อสู้หลังหระแทกพื้นได้อย่างสวยงามทีเดียว "อิปโป้ง...!!!" เสียงกรรมการพูดดังก้องหูของฉัน คู่ต่อสู้ทำท่าทางไม่ค่อยพอใจที่ฉันชนะ ฉันคำนับแล้วก็เดินลงจากสังเวียน กรรมการเรียกคู่น้ำหนักรุ่นต่อไปทันที ฉันเดินมาหาอาจารย์แล้วก็ยิ้มแก้มปลิทีเดียว "ขอบคุณนะคะอาจารย์ที่ช่วยหนู" "ไม่ใช่ครูหรอก นั่นอาจารย์ของสมาคมยูโดกองทัพอากาศในพระบรมราชูประถัมป์ฯนั่นเขาเป็นคนบอก" "แล้วเขามาบอกหนูทำไมในเมื่อเขาน่าจะบอกคนของเขามากกว่า" "อย่าไปสนใจเลยเข้าไปขอบคุณท่านสิ ท่านดังมากปั้นนักกีฬาระดับโลกมาแล้ว เข้าไปฝากเนื้อฝากตัวสิอนาคตจะได้ไกล" ฉันจึงเดินไปขอบคุณอาจารย์ท่านนั้นและรู้ว่าอาจารย์ท่านนั้นชื่ออาจารย์สุพจน์ เป็นพันเอกพิเศษและเป็นโค้สของกองทัพอากาศ ฉันดีใจมากที่ได้รู้จักท่าน "ไปอยู่กับเราไหม แม็ทหน้าเป็นชิงแชมป์ระดับอาเซี่ยนที่ฟิลิปปินล์ครูอยากให้หนูไปเพราะท่าทางหนูไปได้..." อาจารย์ให้เบอร์มา ฉันก็รับไว้เพราะฉันก็ต้องการที่จะก้าวไปถึงดวงดาวให้ได้ อาจารย์บอกว่าแข่งที่นั่นไม่ต้องมาแข่งกันเองและแข่งในนามทหารของกองทัพอากาศไทยที่จะไปแข่งกับกองทัพอากาศระดับอาเซี่ยนที่นั่นฉันจะต้องฟิตให้มากกว่านี้เพราะความหวังของชาติอยู่ในมือฉันแค่เอื้อมเท่านั้น คู่ต่อไปในการชิงดำชิงแดง 10 คนสุดท้าย ฉันได้เข้ารอบมาอย่างหวุดหวิด แต่ฉันก็เป็นกระดูกอ่อนให้พวกทีมชาติปีที่แล้วขบเขี้ยวแน่นอน แต่ยังไง ๆ ฉันก็จะสู้ให้ถึงที่สุดเท่าที่พยายามฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีเหมือนกันถึงแม้จะรู้ว่าแพ้ก็ต้องสู้ "เอี้ย...!!!" ...เสียงร้องข่มคู่ต่อสู้ของฉันดังขึ้นพร้อม ๆ กับอารมณ์ที่บ้าครั่ง ฉันไม่รู้สึกตัวเลยว่าฉันกระชากคอเสื้อคู่ต่อสู้สายน้ำตาลปลายดำคนนั้นแรงขนาดไหน ฉันคิดเพียงว่าจะไม่แพ้ ไม่แพ้ และก็ไม่มีวันแพ้... ฉันใส่ท่าโตโมนาเงะทันที "อิปโป้ง...!!!" เสียงกรรมการบอกว่าฉันชนะแล้วแต่ฉันก็ยังไม่รู้ตัว ฉันใส่ต่อด้วยท่าล็อกเกซ่ากาตาเมะทันที ฉันกดด้วยแรงอาฆาตนิด ๆ ของคนที่จะต้องไม่ยอมที่จะแพ้ หรือแม้แต่คิดฉันยังไม่ยอมคิดเลย ทั้ง ๆ ที่ฉันก็ค่อนข้างตาขาวนิด ๆ เพราะเขาเป็นอดีตทีมชาติปีที่แล้วและเป็นคนตัวโต เขาเล่นในรุ่นน้ำหนัก 50 กิโลในขณะที่ฉันเล่นในรุ่น 45 กิโล แต่คราวนี้มีคนแข่งในรุ่นของฉันน้อย ฉันจึงต้องพลาสขึ้นไปแข่งกับรุ่นที่ใหญ่กว่า... แต่ถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้จะตัวใหญ่กว่าแค่ไหน ถ้าลองให้เลือดสูบฉีดทั่วร่างแบบนี้แล้วรับรองว่าฉันสู้ตายทีเดียว...จนกรรมการต้องเดินเข้ามามาสะกิดบอกว่าฉันชนะแล้ว ฉันชนะอย่างไม่รู้ตัวเลยว่าฉันชนะ ฉันดีใจเป็นที่สุดเพราะไม่คิดว่าจะผ่านมาถึง 8 คนสุดท้ายได้ ฉันรู้สึกโล่งใจและตัวลอยทีเดียว แม่หนูจะไปถึงดาวตามที่แม่ตั้งชื่อให้หนูแล้ว แววดาวของหนูกำลังสดใสทีเดียว "ฮาจิเมะ...!!!" เสียงกรรมการสั่งให้เริ่มต้น ฉันเดินหาจังหวะของคู่ต่อสู้ พอจะเข้าไปกระชากคอเสื้อเขาก็หลบได้เร็วทำให้ฉันต้องเร่งความเร็วมากขึ้น ภายในระยะเวลา 2 วินาทีฉันก็สามารถจับคอเสื้อของเขาได้ แต่ว่าเสียทีโดนเขาทุ่มตลอด 5 ครั้ง เนี่ยแหละที่เขาเรียกว่ากระดูกแขวนคอ ระดับทีมชาติอย่างพี่คนนี้ใครจะหาญไปสู้ได้ ถ้าทุ่มได้สักครั้งก็คงเป็นบุญของคน ๆ นั้นแล้วหละ.... "อิปโป้ง....!!!!" ฉันรู้ตัวว่าแพ้โดยสิ้นเชิงแต่ฉันก็ดีใจที่ได้มีโอกาสมายืนที่จุดนี้ แม่หนูทำดีที่สุดแล้วค่ะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการแพ้ครั้งแรกของหนูก็ตามแต่แม่ต้องเข้าใจว่านี่มันกระดูกระดับงาช้างทีเดียว...ฉันเข้าไปจับมือกับพี่คนนั้นและลงมาจากสังเวียนยูโดเข้ามากอดพี่ทิพย์แล้วก็ยิ้ม ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย "เก่งมากเลยแววดาว" เสียงนี้ถึงกับทำให้ฉันอึ้งเพราะฉันไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน พอฉันหันไปก้เห็นพี่ที่แข่งกับฉันคนเมื่อกี้ "พี่รู้จักหนูได้ยังไง" "ใครจะไม่รู้จักข่าวก็ลงออกบ่อยไป โดยเฉพาะข่าวหนังสือพิมพ์ที่มีขายเฉพาะคนในวงการเท่านั้นแล้วเขาก็ต้องรู้ว่านี่คือใคร เราออกจะดังจะตาย 1 ปีที่พี่ตามข่าวมาเธอนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆพี่ไม่อยากจะเชื่อเลยเธอนี่สมฉายาจริง ๆถึงแม้ว่าครั้งนี้จะแพ้แต่เธอก็ก้าวมาจุดนี้ได้พี่นับถือเธอมากเพราะกว่าพี่จะมาถึงจุดนี้ได้พี่ต้องใช้เวลาถึง 6 ปีทีเดียวแต่เธอมาภายในระยะเวลาไม่ถึงปีนี่ก็ยอดมาก ๆ เลยนะหวังว่าคราวหน้าเราคงได้เจอกันอีกนะ" ฉันแลกที่อยู่กับพี่คนนี้ ฉันดีใจมากที่มีคนรู้จักฉัน วันนี้ถึงฉันจะแพ้แต่ฉันก็ได้อะไร ๆ หลาย ๆ อย่างกลับไปมากมายเลือดของยูโดที่อยู่ในกายฉันมันสามารถผูกไมตรีกับคนอื่น ๆ ได้ทั่วไปหมด ฉันดีใจที่มีวันนี้...ขากลับฉันจึงซื้อของกลับไปมากมายด้วยเงินเบี้ยเลี้ยงของฉันเอง ส่วนเงินที่แม่ให้มานั้นฉันไม่ได้ใช้จ่ายเลยสักนิด อย่างน้อย ๆ เที่ยวนี้ก็มีเหรียญกล้าหาญกลับไปให้แม่ดูเป็นรางวัลนะแม่... โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ...รับรองว่าเข้มข้นกว่าเดิมแน่นอนค่ะ
5 สิงหาคม 2547 10:16 น. - comment id 75884
หนุกดีนะ
5 สิงหาคม 2547 10:17 น. - comment id 75885
ตามมาอ่านเรื่อยๆอ่านยังไงก็ไม่ซ้ำแบบเลยมันดีชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบขอบอก...
5 สิงหาคม 2547 10:19 น. - comment id 75886
อ่านถอยหลังหรือเดินหน้ายังไงก็รู้เรื่องเนาะเหมือนการ์ตูนเลยเล่นเป็นตอนๆอิอิ