ผมไม่รู้นี่...(ตอนที่2)

สุชาดา โมรา

ผมทำงานที่ร้านจิวเวอร์รี่ได้พักหนึ่งคุณพ่อก็อยากให้บวช  เมื่อผมพบกับพี่กิ๊กผมจึงบอกพี่  พี่ก็เลยมาเป็นเจ้าภาพให้  พอผมบวชได้ 7 วันก็สึกมาทำงานต่อ  เพราะถ้าบวชนานก็ไม่ดีหรอกเสียงานเสียการ...  เดี๋ยวนี้เขาบวชแค่แทนคุณและเรียนธรรมะเท่านั้น  ถ้าเราตั้งใจเราก็จะรู้หลักธรรมพอ ๆ กับพวกที่บวชเป็นพรรษา  หรือว่าไม่จริง...
	ผมกลับมาทำงานผมยังไม่ทันจะขึ้นดี  พี่สาวคนสวยของผมก็เปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้  แล้วก็มาเปิดร้านที่ห้างแห่งนี้ด้วยทำให้ผมเจอพี่เขาบ่อยขึ้น  ผมมีความสุขมากทีเดียวที่ได้พูดคุยกับพี่คนนี้  แต่ยังไง ๆ ผมก็อยากจะเจอพี่ ๆ ให้ครบทุกคนจริง ๆ เลย  อยากเห็นหน้าพี่ชาย  และพี่สาวคนรองว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไร  พี่กอล์ฟจะหล่อไหม  แล้วพี่กิจะสวยแบบพี่กิ๊กหรือเปล่า  แล้วผมก็อยากจะเจอคุณแม่พิมพ์ใจด้วยว่าหน้าตาจะสวยไหม  คุณพ่อถึงได้พูดถึงบ่อย ๆ และอีกอย่างพี่กิ๊กสวยขนาดนี้แสดงว่าท่านต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ เลย...
	"พักเที่ยงแล้วไป...มีนัดหรือยัง  ถ้ายังก็แวะมาทานข้าวที่ร้านพี่นะ  พี่อยากจะคุยด้วย"
	ติ๊ด...........................พี่กิ๊กวางหูดทรศัพท์ปั๊บผมก็ตรงดิ่งไปปุ๊บ...
	"ทำไมนายถึงรู้เรื่องครอบครัวพี่ดีล่ะ  ในเมื่อคุณพ่อท่านแยกทางกับคุณแม่ตั้งแต่พี่อายุได้ 8 ขวบ"
	"คุณพ่อท่านบอกว่าท่านแอบไปดูอยู่บ่อย ๆ พักหลังคุณพ่อก็จ้างคนไปสืบจนรู้"
	"แล้วคุณพ่อท่านทำงานอยู่ที่ไหนล่ะ  ยังขี้เมาอยู่หรือเปล่า"
	"ท่านไม่ดื่มแล้วละเพราะท่านเป็นมะเร็งในตับ  ท่านมีโรงงานทอผ้า  เพราะได้มรดกจากคุณย่า"
	"เหรอ"
	วันทั้งวันผมโดนพี่สาวสุดสวยซักจนละเอียดทีเดียว
	เวลาผ่านไปอีกหลายเดือนคุณพ่อท่านบอกว่าพี่ชายของผมแต่งงาน  แต่ผมไม่ได้ไปเพราะผมติดงาน  ไปไม่ได้  แล้วอีกอย่างถ้าผมไปพี่เขาก็ไม่รู้จักผม  ผมไม่รู้ว่าพี่เขาจะต้อนรับผมแบบพี่สาวคนนี้หรือเปล่า...
	"กฤษ ๆ ฉัน...ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย  ขอร้องละเลิกงานแล้วมาหาฉันที่หน้าห้างได้ไหม  ฉันมีเรื่องเดือดร้อนจริง ๆ"
	ฬนนโทรมาหาผมทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ติดต่อกันมา 5 เดือนเต็ม  ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ทีเดียว  พอเลิกงานผมก็รีบไปหาเธอทันทีเลย
	"ฮัลโหล...ฬนนอยู่ตรงไหนของหน้าห้างเหรอ  มันกว้างจนผมหาไม่เจอแล้ว..."   "อุ้ย"
	ปัก...ผมหันไปชนเธอล้มพอดี  ผมเลยช่วยพยุงเธอขึ้นมา  ผมไม่รู้หรอกว่าเธอมีเรื่องเดือดร้อนอะไร  แต่ยังไง ๆ ผมก็อยากจะช่วยเธอเพราะผมชอบเธอมาก...
	"กฤษ  ฉันอยากคุยกับเธอมากเลย  แต่ที่นี่มันไม่สะดวก  เธอพาฉันไปที่อื่นได้ไหม  ฉันไม่อยากอยู่แถวนี้...ฉันกลัว"
	"กลัวอะไรฬนน  ผมไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย"
	"รีบ ๆ ไปเถอะก่อนที่คุณแม่ฉันจะมาเจอ..."
	ผมไม่รู้จะพาเธอไปไหนดี  ผมก็เลยพาเธอขึ้นรถเมย์  เธอคงยืนโหนรถเป็นครั้งแรกเพราะผมดู ๆ แล้วเธอทำหน้าเหวอทีเดียว...  ผมไม่รู้หรอกนะว่าเธอกำลังหนีอะไร  เธอพูดถึงแม่ของเธอจนผมรู้สึกว่ามันแปลก ๆ นะ  ทำไมเธอต้องหนีแม่ของเธอด้วย  เมื่อผมขึ้นรถมาได้พักหนึ่งผมก็พาเธอลงที่แยกลาดพร้าว  พาเธอเข้าไปที่บ้านเช่าของผม
	"ผมไม่รู้ว่าจะพาคุณไปไหนดีที่จะปลอดภัย  เดินไปอีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านผมแล้วคุณเดินไหวไหม"
	"ไหวจ่ะ..."
	เธอตอบเสียงนุ่มเหมือนเคย  แต่ลักษณะเธอมันลุกรี้ลุกรนจริง ๆ เลย  ผมพาเธอเข้ามานั่งในบ้านแล้วก็เอาน้ำมาให้ดื่ม  รอให้เธอหายใจหายคอสะดวกก่อนแล้วค่อยถามเธอ  แต่เธอกลับถามผมก่อนน่ะสิ
	"ทำไมคุณถึงพาฉันมาที่บ้านล่ะ..."
	"ผมคิดไม่ออก  แล้วอีกอย่างผมรับรองว่าผมไม่เป็นอันตรายต่อคุณแน่ ๆ จริง ๆ นะ"
	"ฉันเชื่อจ่ะ..."
	"แล้วที่มีเรื่องน่ะ  มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ"
	"ก็แม่เลี้ยงของฉันเขาให้ฉันแต่งงานกับตาแก่ที่ไหนไม่รู้  บอกว่าหวังดีกับฉันแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่หรอก  จะเขี่ยฉันไปให้พ้น ๆ ทางมากกว่าเพราะคุณพ่อท่านก็แก่มากแล้วจะได้ยกมรดกให้เขาคนเดียว  น่าเบื่อมาก ๆ เลย...ฉันต้องหนีหัวซุกหัวซุนทีเดียว  วันนี้เขาก็พาฉันมาลองชุดเจ้าสาว  ยี้...น่าตาก็แก่แถมยังจะลงพุงซะอีก...ฉันไม่เอาด้วยหรอก  ดีไม่ดีที่เขามาแต่งด้วยนี่อาจจะเอาฉันไปเป็นแค่เมียน้อยก็ได้...ฉันทนไม่ได้หรอก.........................................."
	"แล้วมีที่ไปหรือยัง"
	"ยัง...ฉันไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหนดี  กลัวว่าจะถูกสืบเจอน่ะสิ  ฉันคิดถึงเธอเป็นคนแรกเลยนะก็เลยมาหา..."
	เมื่อผมได่ยินแล้วผมก็ต้องปลื้มใจ  คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกว่ามีความหวังมาก  เหมือนเธอยังคิดถึงผมอยู่ตลอดเวลา  ทำให้ผมฝันซะไกลทีเดียว  แต่ก็ต้องตื่นจากความฝันเพราะนั่นมันภาพลวงตา
	"อ่ะผมทำกับข้าวมาแค่นี้  คุณทานได้ไหม"
	เธอพยักหน้าแล้วก็ทานอาหารอย่างบรรจงคำเล็ก ๆ เข้าปากช้า ๆ ผมเห็นแล้วก็ต้องยิ้มทันที  เพราะเธอมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ผมขำอยู่เรื่อย ๆ
	"ที่นี่มีแค่ห้องเดียวเอางี้ละกันคุณนอนในห้องแล้วผมนอนห้องลับแขกเอง"
	"กฤษ...นอนในห้องก็ได้  แบ่งกันคนละครึ่ง...ฉันเชื่อใจเธอ...มาสิ"
	ผมรู้สึกใจหวิวทันทีเลย  อย่างว่าละน้ำตาลใกล้มด  มดเหรอจะอดใจไหว...แต่ดูเธอสิอุปกรณ์เยอะจริง ๆ ทั้งที่ช็อตยุง  ที่ช็อตไฟฟ้า  ไม้เบสบอล  สนับมือ...  นี่ขนาดเชื่อใจผมนะ  ถ้าเกิดผมนอนดิ้นนิดเดียวมีหวังตายแน่ ๆ  คืนนี้ทั้งคืนผมเลยไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะกลัวว่าจะนอนดิ้นไปโดนเธอ...
	"เช้าแล้วจ่ะ...ตื่นเถอะ...ฉันทำกับข้าวไว้ให้ทานแล้ว"
	"ผมเดินออกมาจากห้องนอนเพื่อที่จะไปล้างหน้าแปรงฟัน  พอผ่านโต๊ะอาหารผมถึงกับตกใจทีเดียว  ไม่น่าเชื่อว่าลูกคุณหนูอย่างเธอจะทำกับข้าวได้เก่งขนาดนี้  มีทั้งแกงเขียวหวานไก่  มัสมั่น  ไข่ยัดไส้  กุ้งอบหม้อดิน  ต้มยำปลากระพง  อื้อหือ...ถึงกับต้องกลืนน้ำลายทีเดียว  กลิ่นก็ห้อมหอมน่าทานเหมือนเจ้าของเลยละ  อุ้ย....!!!!  แล้วผมก็เดินไปอาบน้ำ  แปรงฟัน
	"คุณนี่แปลกนะ  ปกติเขากินอาหารอ่อน ๆ กันตอนเช้า ๆ เนี่ย  แต่คุณกลับทำของหนักเยอะแยะเชียว  จะเอาไปเลี้ยงใครเหรอ"
	"ก็ทานข้าวต้มมันน่าจะไปทานตอนเย็น ๆ ดีกว่าจะได้ไม่อ้วน  ส่วนเช้า ๆ ก็ทานหนัก ๆ เพราะจะได้มีแรงใช้สมองทำงานไง"
	ผมยิ้มแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทาน  อื้อหือ...อร่อยมาก ๆ เลย  ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะทำเอง  ผมถึงกับชมเธอไม่หยุดปากทีเดียว  เธอก็ยิ้มละไมแต่เช้าทำให้ผมมีกำลังใจที่จะไปทำงาน  ผมสั่งให้เธออยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนเพราะผมก็กลัวว่าแม่เลี้ยงของเธอจะมาพบแล้วก็เอาตัวเธอไปห่างจากผม..
	พอเลิกงานผมกลับมาบ้าน  ผมตกใจมากทีเดียว  จากบ้านที่เคยรกกลับสะอาดได้  มันเหมือนไม่ใช่บ้านผมเลยละ  ผมเดินเข้าบ้านช้า ๆ เพราะไม่อยากจะย่ำพื้นจนทำให้สกปรกเพราะมันสะอาดเกินกว่าที่ผมจะเหยียบได้  ผมไม่เคยเจอบ้านที่สะอาดแบบนี้มาก่อนเลย  เห็นทีเธอจะเจ้าระเบียบน่ดูเชียวละ...  ผมเห็นเธอนอนอยู่ที่โซฟาในห้องนอน  ผมยืนมองเธออยู่นานจนเธอตื่น  เธอน่ารักจังเลย...
	"กลับมาแล้วเหรอคะ"
	ผมยิ้มแล้วก็เดินไปอาบน้ำ  ส่วนเธอก็เตรียมอาหารไว้ให้ทาน  ผมรู้สึกว่าตั้งแต่เธอมาอยู่เนี่ยทำให้ผมเกร็ง ๆ แล้วก็เกรงใจเธอมากทีเดียวเหมือนกับผมมาอาศัยบ้านเธออยู่เลยละ...  ทุก ๆ วันเธอก็ทำอาหารให้ทาน  และผมก็รีบกลับมาให้เร็ว ๆ เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ เธอ  ผมมีความสุขที่สุดเลยนะ  ผมว่าถ้าใครได้เธอไป...คงจะเป็นบุญมากทีเดียว				
comments powered by Disqus
  • aoom

    17 สิงหาคม 2547 13:57 น. - comment id 76195

    ดีนะทำให้อยากติดตาม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน