เชื่อมั่นในรักแท้ ( ตอนที่ 1)
สุชาดา โมรา
ชีวิตของผมตั้งแต่วัยเรียนผมก็เจอเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาเป็นมรสุมของชีวิต ทั้งเรื่องปัญหาทางการเงิน ปัญหาครอบครัวที่แตกร้าว แต่ผมก็ไม่เคยเก็บมาคิดเป็นปัญหาชีวิต ผมกลับพรากเพียรขยันอดทนจนเรียนจบปริญญาตรีได้ทำให้ทางบ้านชื่นชมยินดีในตัวผมกันใหญ่
ผมเป็นลูกคนโตของบ้าน เมื่อเรียนจบออกมาแล้วก็ต้องช่วยแม่ส่งน้องเรียน ส่วนพ่อน่ะเหรออย่าไปถามถึงเลยดีกว่า คนขี้เมาพันนั้นเหรอจะมาช่วยอะไรพวกเราได้ พอเมามาทีไรก็ซ้อมแม่ทุกทีผมละเซ็งจริง ๆ เลย แต่ก็ดีนะที่แม่เลิกกับพ่อไปไม่งั้นผมคงเรียนไม่จบ และก็คงติดหยุกติดยาไปแล้วละ แต่จะว่าไปฐานะอย่างผมเหรอจะมีปัญญาไปซื้อยามาเสพ แค่ลำพังจะกินซาลาเปาลูกละ 5 บาทยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย
ผมเคยอิจฉาใครหลายคนที่มีดีกว่าผม มีพร้อมทุกด้าน ชีวิตครอบครัวร่ำรวยมีความสุข แต่ตอนนี้ผมไม่คิดแบบนั้นแล้วละเพราะตอนนี้ผมก็จัดว่าผมถีบตัวเองมาเต็มที่แล้ว มีกินมีใช้มากขึ้น บางทีอาจจะดีกว่าคนที่ผมเคยแอบอิจฉามาด้วยซ้ำ
ผมจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมโยธามาได้ 6 เดือนผมก็ไปทำงานอยู่กับกรมทางหลวง ช่วงนั้นผมเบื่อมาก ๆ สุดที่จะทนกับเจ้านายที่อวดฉลาดถือว่าเป็นผู้ดีเก่า เรียนจบนอกมาแต่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไทยเลย ปากก็พูดดีเข้าตัวแต่ความเลวเข้าคนอื่นหมด ผมละเบื่อจริง ๆ แต่ก็ต้องทนเอาหน่อยละเพราะเงินเดือนมันดีนี่นา จะให้ทำไงได้ล่ะผมต้องส่งน้องเรียนอีก 2 คน
เมื่อน้องสาวคนต่อจากผมชื่อยายกิเรียนจบปริญญาด้านมัคคุเทศก์เขาก็ไปเป็นไกด์ ตอนนี้ได้แฟนรวยเปิดบริษัททัวร์จนร่ำรวยเป็นเศรษฐีนีไปแล้วละ เพราะแฟนเขาเสียไปแล้วเนื่องจากเป็นมะเร็งลำไส้แล้วไม่ยอมไปรักษา โชคดีนะที่ไม่มีลูกด้วยกันไม่งั้นเด็กคงขาดความอบอุ่นแย่เลย ส่วนน้องสาวคนเล็กนะโอ้โหไม่น่าเชื่อเลย ผู้หญิงอะไรฉลาดเป็นกรด แต่เสียเรื่องเดียวคือไม่ชอบเข้าเรียน ผมต้องตามจิกเทียวรับเทียวส่งจนจบ ม.ปลายได้เนี่ยก็บุญแล้ว จนแล้วยังไม่เจียมตัวอยากได้มือถือผมก็ซื้อให้ ใช้วันเดียวขายไปแล้ว อยากได้นั่นอยากได้นี่แต่เอาไปทีไรขายหมดทุกทีจนผมไม่มีปัญญาจะซื้อให้แล้ว ให้เงินค่าเทอมก็เอาไปผลาญหมด ผู้หญิงอะไรแย่ที่สุดเลย ถ้าใครได้ไปเป็นเมียนะคงจะต้องเลิกลากันไปข้างหนึ่งละ แต่ก็ยังดีที่ยายคนนี้เขาหัวดีเลยเรียนจบปริญญาตรีมาอย่างไม่คาดฝันเพราะที่บ้านคิดว่าน่าจะเรียนไม่จบเพราะเกเรเหลือเกิน ยายคนนี้เขาจบออกแบบดีไซน์ตอนนี้ขอไปเรียนที่ปารีสเพราะกลับมาจะได้เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ท่าว่ายายกิ๊กนี่คงอนาคตดีกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ แน่ ๆ เพราะดูท่าทางตอนนี้มุ่งมั่นเหลือเกิน พักหลังบอกว่าไม่ต้องส่งเงินไปให้แล้วเพราะได้งานทำที่นั่นเป็นผู้ช่วยดีไซน์เนอร์ไปแล้ว ก็ดีเหมือนกันที่ยังกลับตัวทัน แต่ยายนี่ก็ยังเสียอยู่อีกเรื่องก็คือการพูดจา แก้ไม่หายซะที บอกทีไรไม่เคยฟังซักทีอย่างนี้คงเข้ากับคนได้ยาก
ตอนนี้แม่อยู่กับผมแต่ก็ดูท่านไม่ค่อยจะมีความสุขเลย ท่านบ่นทั้งวัน บ่นว่าอยากกลับไปขายส้มตำแต่ผมก็ไม่อยากจะให้ท่านไป แต่ถ้าท่านไม่ไปท่านก็จะบ่นอยู่อย่างนั้นแหละ บ่นจนผมต้องยอมเพราะผมมีแม่อยู่แค่คนเดียว ผมจะหาแม่ที่ดี ๆ แบบนี้ได้ที่ไหนไม่มีอีกแล้วละ
ผมทำงานอยู่กับนายคนนี้ได้ 7 ปีผมก็ต้องไปเพราะผมหมดภาระเรื่องน้องสาวที่กำลังเรียนแล้วผมจึงเปิดบริษัทรับเหมาโยธาขึ้นมา ช่วงนี้ก็กิจการค่อนข้างดีเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้ว แต่ผมก็อยากจะถีบตัวเองขึ้นไปอีกละเพราะวุฒินี้มันไม่เพียงพอสำหรับหัวหน้างาน หรือเจ้าของบริษัทได้ ผมจึงไปเรียนต่อโท เรียนไปทำงานไป สาว ๆ ที่คณะสวยดี จีบๆ ๆ ๆ ๆ มาให้หมดแต่ก็ไม่มีใครที่จะสนใจเป็นจริงเป็นจัง เพราะเขาก็รู้ว่าผมแก่แล้ว อายุก็ปาเข้าไปจะ 50 แล้วจะไปเอาอะไรมากมายนักหนาเล่าสู้จีบเล่น ๆ จะดีกว่า แต่ผมก็ไม่เคยจะคิดมากกว่าการทำตัวเป็นหมาปากเปราะยืนอยู่หน้าคณะทุก ๆ วันเพื่อที่จะเรียกร้องความสนใจจากคณะวิทยาการจัดการ แต่สิ่งที่ได้รับคือสาว ๆ เมินหน้าใส่ทุกวัน นี่ก็เป็นความสุขของคนอายุมากคนหนึ่งละ
แล้ววันนี้ผมก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งสวยมาก ๆ ไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งคณะวิศวะไม่เห็นมีใครจะสวยบาดตาบาดใจขนาดนี้เลย หนุ่ม ๆ หลายคนตามจีบเธอแต่เธอก็ทำไม่สน เธอคงถือว่าเธอสวยละมั้ง แต่ไม่ได้หรอกผมถือว่าผมแก่ขนาดนี้แล้วถ้ายังหาเมียไม่ได้ก็ไปตายได้แล้วละ ผมนึกแบบนั้นมันจึงทำให้ผมเทียวหาเธอทุกวัน แอบตามเธอไปที่บ้าน แต่ก็ต้องถูกกีกกันด้วยฝูงหมา เพราะที่บ้านเธอเลี้ยงหมาไว้เยอะเหลือเกิน แต่ผมก็ยังไม่ท้อ อุปสรรคเล็กน้อยแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม ผมก็ตามเธออยู่เรื่อยเป็นเวลา 5 เดือน จนเธอเห็นใจเธอจึงยอมขึ้นรถคันหรูของผม ผมไปบ้านเธอ พาเธอมาบ้านผม จนเรายอมตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน หนุ่ม ๆ ที่คณะหลายคนถึงกับตาโตทีเดียว เพราะไม่คิดว่าผมจะได้คบกับคนสวย ๆ และเด็ก ๆ แบบนี้
พี่กอล์ฟ พี่ทำได้ไงเนี่ย ยายลูกแก้วถึงได้ยอมเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้พี่ควงไปควงมา
เฮ้ย!!!พูดให้มันดี ๆ หน่อย คุณลูกแก้วเขาไม่ใช่ตุ๊กตาหน้ารถหรอกโว๊ย! แต่เขาเป็นแฟนข้าเว้ย
หา.แฟน.แฟนเหรอ
พวกนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันทีเดียวทำให้ผมต้องยืนยิ้มกริ่มอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนของคณะ
พะ พะ พี่ทำได้ไงเนี่ย
ดักรอบตั้งหมั่นกู้ เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยวเว้ย55555.
ผมนะหัวเราะชอบใจที่สุดเพราะ ผมกลายเป็นคนชนะในหมู่เด็กวิศวะ ป.โท ทีเดียว
พอผมทำวิทยานิพนธ์เสร็จ และก็รู้แล้วว่าเรียนจบแน่ ๆ ผมจึงไปฉลองกับเพื่อน ๆ แล้วก็พาเธอไปด้วย วันนั้นเราสนุกกันมากทีเดียว เพื่อน ๆ เกรียวกราววู้ฮู้กันราวกับคนป่า แต่ก็ดูทุกคนมีความสุขกันดี พูดตามตรงเลยนะว่าทั้งห้องมีผมคนเดียวนี่แหละที่อายุมากสุด ที่จริงอายุของผมก็เท่ากับอาจารย์ที่สอนน่ะแหละ ผมยังไม่เคยคิดเลยว่าเธอคนนั้นจะตกลงปลงใจที่จะเป็นแฟนผม แต่วันนี้ผมก็เมามากจริง ๆ ขับรถส่ายไปส่ายมา ปวดหัวจริง ๆ ทนไม่ไหว..
อวก อวก อวก!!!
ของดีและไม่ดีหลายอย่างกำลังจะพุ่ง ผมต้องจอดรถข้างทางเพื่อที่จะเอามันออก เธอจึงขับรถลากเกียมาส่งผมที่บ้านแล้วเธอก็อยู่ที่บ้านผมทั้งคืน แต่ว่าเราไม่ได้มีอะไรกันนะเพราะเธอไปนอนห้องของน้องสาวผมที่ยังว่างอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูแต่เช้าเลย ผมเดินงัวเงียงัวเงียมาเปิดประตูห้อง แม่และเธอเข้ามาในห้อง
นี่แน่ ไอ้ลูกคนนี้
อะไรกันแม่เขกหัวผมทำไม
ก็แกเมาไม่ได้สติกลับเองไม่ได้ เห็นไหมเดือดร้อนถึงหนูลูกแก้วเลยเห็นไหม เนี่ยแม่เขาก็โทรมาตามแล้วจะว่ายังไง แล้วพ่อแม่เขาก็ไม่ฟังด้วยจะเอาตำรงตำรวจมาจับหาว่าแกไปกักขังหน่วงเหนี่ยวลูกสาวเขาไว้เนี่ย แกจะว่ายังไงหา!!!
แม่พูดจบก็บิดหูผมต่อเลย ผมก็ได้แต่ร้องโอย โอยไปเพราะทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน แล้วผมก็เหลือบไปมองเธอ ผมเห็นเธอทำหน้าซีดเซียวทีเดียว
สักพักตำรวจก็มา ผมและเธออธิบายยังไงเขาก็ไม่ฟัง วันนั้นผมจึงต้องขึ้นโรงพักเป็นครั้งแรก พ่อแม่เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดี พูดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูกเลย
เนี่ยลูกสาวฉันเสียหายน่ะเธอจะว่ายังไง เธอจะรับผิดชอบไหมหา!!!
คุณแม่หนูไม่ได้เสียหายอะไรเลยนะคะ พี่กอล์ฟเขาก็ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย คุณแม่
นี่แกหุบปากไปเลยนะ นี่มันเรื่องใหญ่เดี๋ยวผู้ใหญ่เขาจัดการเองเป็นเด็กก็อยู่เฉย ๆ
คุณครับคุณจะว่ายังไงครับ คุณครับ
เสียงตำรวจพูดอื้ออึงไปหมด ผมไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว ทั้งโกรธทั้งยั๊วะที่ไม่มีใครฟังผม ผมจึงกระแทกโต๊ะอย่างแรงทีเดียว
ปึง
ทุกคนเงียบกันหมด เพราะคงตกใจ สักแป๊บก็อื้ออึงต่ออีก
นี่คุณฟังผมบ้างสิ!!!
ผมตะโกนเสียงดังลั่นโรงพัก ทุกคนจึงสงบลง
คุณลูกแก้วครับ แต่งงานกับผมเถอะครับ!!!
ผมตะโกนสุดเสียง ทุกคนถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่าผมจะพูดขอแต่งงานบนโรงพักดื้อ ๆ แบบนี้ ทำให้พวกเรากลายเป็นจุดสนใจให้คนอื่นต้องมามุงดู ผมนั่งลงกราบแทบเท้าของพ่อแม่ฝ่ายหญิงเพื่อขอสมา
ผมขอโทษครับที่ผมล่วงเกินอะไรไป ผมกราบละครับถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ได้ล่วงเกินคุณลูกแก้วเลยแต่ผมก็ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่างเพราะผมทำให้ชื่อเสียงของเธอเสียหาย และอีกอย่างผมก็รักเธอด้วย
ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ไม่ขัดข้องลูก แล้วพ่อล่ะ ยอม ๆ เขาเถอะ ลูกเขยดี ๆ จะหาได้ที่ไหน
แม่ของเธอใช้ข้อศอกสะกิดพ่อของเธอให้พูด
อืม
พ่อของเธอพยักหน้ารับ ผมจึงหันไปคุกเข่าขอเธอแต่งงานอีกครั้ง
คุณลูกแก้วครับ แต่งงานกับผมเถอะนะ
ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ผู้คนที่มุงดูพากันยิ้มแล้วก็พูดเป็นเสียงเดียวกันไปหมด
แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย
เมื่อเธอยื่นมือมาจับมือผม ผมจึงลาตำรวจ แล้วก็ขอบคุณคนที่เชียร์ผมอยู่ข้าง ๆ จากนั้นผมก็พาเธอไปจดทะเบียนสมรสทันที เธอก็ตกลง ผมสัญญากับเธอว่าหลังจากนี้อีก 7 วันผมจะมาสู่ขอเธอแบบเป็นทางการ ให้เธอรอผม
เมื่อหลังจากนั้นได้ 7 วันเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น ขบวนเจ้าบ่าวมาถึงหน้าบ้านฝ่ายหญิงมีคนวิ่งมาเปิดประตูรับ กว่าผมจะผ่านเข้าไปถึงตัวเธอได้ผมต้องเจอประตูเงินประตูทองถึง 16 ชั้น ตักบาตรเสร็จ สวมแหวน ทำอะไรต่อมิอะไรในงานจนเสร็จ จนกระทั่งถึงพิธีส่งตัวเข้าหอ เพื่อน ๆ มาเชียรกันใหญ่ วันนี้ผมจึงได้หอมแก้มเธอเป็นครั้งแรก และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือน้องสาวทั้ง 2 คนของผมมาร่วมงานด้วย ครอบครัวเราอยู่กันพร้อมหน้า แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันอีกเรื่องก็คือพ่อของผม ซึ่งผมไม่ได้เจอท่านมานานมาก ท่านมาร่วมงานด้วย ดูท่านแต่งตัวดีเป็นพิเศษ
ว่าไงไอ้ลูกชาย แต่งงานแล้วดีใจด้วยนะลูก
พ่อตบไหล่ผม 2 ทีแล้วก็กระซิบข้าง ๆ หูผม ผมถึงกับยิ้มทีเดียว ทุกคนต่างถามกันว่าพ่อพูดว่าอะไรแต่ผมก็ไม่ตอบเพราะเรื่องนี้มันเป็นความลับของเราพ่อ ลูก
ได้เวลาส่งตัวแล้ว ขอให้ลูกทั้งสองรักกันมาก ๆ นะ มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดจากัน กอล์ฟแม่ฝากน้องด้วยนะ
ลูกแก้วแม่ฝากพี่เขาด้วยนะ
ไอ้ลูกชายอย่าลืมที่พ่อสั่งนะ
พ่อพูดจบแล้วก็เดินออกไปนอกห้อง ผมยิ้มแล้วก็เผลอหลุดขำออกมา เมื่อทุกคนออกไปหมดผมจึงมานั่งคุยกับเธอ เราคุยกันอยู่นานจนผมเริ่มง่วงรีบไปอาบน้ำแล้วก็มานอนทันที คืนนี้ผมตั้งใจไว้ว่าผมจะไม่แตะต้องตัวเธอ
พี่กอล์ฟคะ พี่กอล์ฟ เมื่อกี้นี้คุณพ่อท่านว่าอะไรคะพี่กอล์ฟ
ผมทำฟอร์มหลับทั้ง ๆ ที่ผมก็รู้ตัวว่าเธอพูดอะไรจนเธอทนไม่ไหวเดินมานอนข้าง ๆ ผม แต่ก็ดูเธอนอนไม่หลับ เธอเดินลงจากเตียงเดินไปเดินมาอยู่นานแล้วเธอก็เดินไปเปิดประตูห้องเพื่อจะออกจากห้อง เธอคงเหงาเพราะไม่มีใครคุยด้วย แต่ก่อนที่เธอจะเปิดประตูผมก็วิ่งไปจับมือเธอก่อน
อะไรกันคะ
จะไปไหนเหรอ
ก็มันเหงานี่นา เลยจะไปดูข้างล่างเห็นเขากำลังสนุกกัน
ไปไม่ได้โบราณเขาถือ ส่งตัววันแรกจะออกไปนอกห้องไม่ได้นะ
ผมเดินประคองตัวเธอเข้ามานั่งที่โซฟาในห้อง เธอนอนหนุนตักผมเหมือนเด็ก ๆ เลย
อยู่บ้านนอนกี่ทุ่มกัน นี่มันเที่ยงคืนแล้วไม่ง่วงเหรอคนดี
ผมถามขึ้นอย่างสงสัย
ไม่ง่วงค่ะ เพียงแต่ไม่เคยชินกับที่นอน แล้วก็ปกติคุณแม่จะมาเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนเพราะฉันชอบฟังค่ะพี่กอล์ฟ
ผมถึงกับหลุดขำออกมาทีเดียว แล้วผมก็มองหน้าเธอ เธอทำหน้าเหมือนกับไม่พอใจผมก็เลยต้องเล่านิทานให้เธอฟังจนหลับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมไปสรรหานิทานมาจากไหน อาจจะเป็นเพราะผมชอบอ่านหนังสือด้วยหรือเปล่านะ มันถึงทำให้ผมมีเรื่องเล่าให้เธอฟังเยอะแยะ เพราะกว่าเธอจะนอนได้ผมก็เล่านิทานปาเข้าไป 5 เรื่องแล้ว พอเธอหลับสนิทผมจึงอุ้มเธอมานอนบนเตียง ผมมองหน้าเธอจนเคลิ้มหลับไป