๏งานประพันธ์ปัจเจกบุคคล ๚ รำพึงถึงชีวิตผู้คนบนถี่กรรมแห ความอ่อนแอ แทรกอยู่กับความพ่ายแพ้ข้างหน้า ความเข้มแข็งก็มักแซงแทรกแหวกหยาดน้ำตา ความขมปร่าก็สอดผ่านความหวานซ่านตรึง ทิกิ_tiki ทีมา http://www.thaipoem.com/web/scoopdata.php?id=2830 จะเริ่มเมื่อไหร่ เริ่มวันไหน...ใจก็รู้ พินิจดู วางคำ ซ้ำอักษร พินิจงาน วางบาท บทคาดกลอน ก็หวนย้อน ความนัย ใครประวิง ทิกิ tiki ที่มา http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_57140.php เห็นแล้วรู้สึกสำนึกเสมอ ค่าเลิศเลอคือพระธรรมคำสั่งสอน เดินด้วยทางตรึกตระหนักจักทุกตอน ทุกบทย้อนปัญญา...เมตตานำ ทิกิ_tiki 15 ก.ค. 47 - 01:39 ที่มา http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_57304.php ชาติตะวันตกแม้จะยกย่องความสามารถส่วนบุคคล เป็นที่ยิ่ง ก็ยังถือว่า สังคมส่วนใหญ่เป็น แบบฉบับรากฐานประพฤติ ปฎิบัติ จริยะธรรม และมโนพฤติเป็นเกณฑ์ ระเบียบและระบอบ แห่งสังคม เป็นมาตรฐานแห่งสังคมผู้เจริญแล้ว แต่กระนั้นก็ดี เมื่อมองกลับมายังชาติตะวันออก กลับมองเห็น แนวปรัชญาแห่งการดำรงชีวิตสายตะวันออกด้านตัวตนแห่งบุคคล หรือ ปัจเจกบุคคล นี้ เด่นชัดยิ่งกว่าชาติตะวันตก ที่มา http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_57312.php
ไร้เหตุผลและกฎเกณฑ์ font color=#5000B0>เกิดมาตามอารมณ์พรมตามเรื่อง สนุกนักมักประเทืองจินตศิลป์ ไร้เหตุผล ตัวตน เป็นชีวิน เสนาะยิน....บันเทิง...เริงอุรา มองตาม..งามงด...สดใส รสนิยม..เลิศวิไล..เป็นหนักหนา ไร้เกณฑ์กฎ ราวกบฏ ไม่นำพา ไร้สำนึก..รู้สึกค่า...แห่งคนเมือง อีกกี่ชาติ ..ก็ประหลาด...อยู่เช่นนั่น อย่ามาสรร หาผ่องผุด...สุดตามเรื่อง ไร้ระบอบ..ชอบกลนัก ผลักฟันเฟือง ผ่าทุกเรื่อง...แซงขวาซ้าย...สลายเกณฑ์ เดิมนิยม เรียกอัตตา...ภาษาเก่า บัดนี้เรา...ต้องยอมรับ....กับพิมเสน เป็นปัจเจก..บุคคล...ราวโอนเอน เหมือนโงนเงน...หมัดเมา...คล้ายเงาคน ชีววิถี....ลี้ลับ...กับความฝัน เริงชีวัน...ไล่ไม่ทัน...หันล่องหน จับไม่ได้..วุ่นกลาย คล้ายเล่นกล คือปัจเจก..บุคคล...ศิลปจินต์....
แต่กระนั้นก็ดี เมื่อมองกลับมายังชาติตะวันออก กลับมองเห็น แนวปรัชญาแห่งการดำรงชีวิตสายตะวันออกด้านตัวตนแห่งบุคคล หรือ ปัจเจกบุคคล นี้ เด่นชัดยิ่งกว่าชาติตะวันตก แนวความคิดเรื่อง ปัจเจกบุคคลนี้ จึงแพร่หลายยิ่งขึ้นถึงเป็นตำราในการสอดส่องผู้มีความมั่นคงทางจิตวิญญาณเป็นสารัตถะแห่งชีวิตกันเลยทีเดียวว่า ปัจเจกบุคคลนั้นมี ทัศนะ ผัสสะ อัตตนิสัยอย่างใด ซึ่งโดยสรุปองค์รวมแล้ว ปัจเจกบุคคล หากมองทางพุทธปรัชญาแล้วจะเห็น ความสันโดษ และ สมถะเด่นชัด แต่กระนั้น ก็เป็นผู้มีอารยะธรรมสูงทางด้านจิตวิญญาณ แห่งการเป็นตัวของตัวเอง อย่างลึกซึ้ง แห่งการสละซึ่งเลือดเนื้อวิญญาณตนแด่ผองชนได้ หากนัยหนึ่ง ปัจเจกบุคคล มิใช่ผู้คนอันจะแสดงตัวให้ผู้ใดเห็นโดยง่าย ดังสายอริยบุคคลทางด้านพุทธิธรรมนั้น มักจะเก็บตัวนิ่งอยู่ในภาวะการครองศีล สมาธิ ปัญญา แห่งตน สงบ สันติ และ สันโดษ อยู่เป็นนิตย์ การถ่ายทอดวิถีวิญญาณ อันสงบแห่ง ปัจเจกบุคคลนั้น ดูราวเป็นเรื่องมหัศจรรย์อันจะผ่านวิถีธรรมและวิธีคิด ปฏิบัติแห่งตนประหนึ่ง ว่า กฎเกณฑ์ทางสังคม ต้องเปิดทางให้ความบริสุทธิ์ผ่องใสแห่งใจอันสงบสันติ... หากเรานำรากฐานทางศาสนา ออกจากตัวบุคคลนั้นๆ ไม่คำนึงว่า จะนับถือคำสอนหรือศาสนาใดๆเป็นหลักแล้ว เบื้องลึกแห่งวิญญาณ ของ ปัจเจกบุคคล นั้นมีปรัชญาแห่งปัญญาบริสุทธิ์เป็นเนื้อใน... ปัจเจกบุคคล ส่วนใหญ่ จึงสามารถผ่านกระแสแรงต้านทางสังคม ได้อย่างเงียบสงบ เสมือนล่องหน และ เร้นลับ ในแวดวงชีวิตของผองชนได้อย่างน่าอัศจรรย์... ประมวลจากความรู้เดิม ผสานรากฐานปรัชญาและ ประมวลพุทธประวัติแห่งพระพุทธเจ้า และศาสดาเอกแห่งโลกมาเป็นหลักในการตอบข้อธรรม ในเชิงศิลปนิยม ปัจเจกบุคคล มีความสามารถส่วนตน อันได้สั่งสมบารมีมานานมากนับหลายภพชาติสมัย จึงสามารถนำใส่ศิลปกรรมอันเป็นไปเพื่อความสงบยั่งยืนในวิญญานได้มากกว่าบุคคลทั่วไป... ปัจเจกบุคคล โดยนัยหนึ่ง ผู้ค้นพบวิถีธรรมเฉพาะตน จะสามารถประคองธรรมแห่งตนไปบนทางขีวิตได้อย่างมั่นคงไม่หวั่นไหวในโลกธรรม คือ ความเกิดแก่เจ็บตาย ความสุข ความทุกข์ ความมีลาภ ความเสื่อมลาภ ความมียศ ความเสื่อมยศ การสรรเสริญ และ การนินทา โดยเหตุแห่ง ศิลาธรรมในดวงใจแห่งตน ซึ่งได้ฝึกฝนจนคุ้นเคยยิ่งแล้ว... ทิกิ_tiki : 303797 - 15 ก.ค. 47 - 10:47
ในแง่แห่งพฤติกรรมองค์กร ปัจเจกบุคคล ส่วนใหญ่ มีได้มีภาวะวิสัยแห่งการเป็นสมบัติแห่งองค์กรใดอย่างแท้จริง ในการปกครอง ปัจเจกบุคคล จึงมักกระทำไปอย่างไม่ราบรื่นเท่าใดนัก โดยเหตุผลแห่งพุทธิปัญญาอันเป็นภาวะรากฐานจิตวิญญาณแห่งปัจเจกบุคคลเหล่านี้ ปัจเจกบุคคล อาจมิได้แสดงตนเป็น คนผู้คลั่งถือลัทธิใด อาจมิได้แสดงตนเป็นสาวกแห่งศาสนาคือคำสอนใด อาจมิได้แสดงตนเป็นสีและเหล่าใดอย่างชัดเจน ด้วยความกลืนกันแห่งจิตวิญญาณตนสู่วิถีปัญญาบริสุทธิ์แห่งตน อันเป็นบารมีธรรมเฉพาะตนมา เราจึงจะภาพความรู้สึกรวมบริสูทธิ์แห่งภาวะธรรมในจิต หรือ จิตในธรรม แห่งปัจเจกบุคคล เป็นเด่นชัดกว่าการถือคติอื่น ในแง่การเป็นปัจเจกบุคคล อันเป็นไปจากเนื้อในและเนื้อวิญญาณตนนั้น...บุคคลเหล่านั้น จึงมิเอ่ยเอื้อนปรัชญาเฉพาะตนให้ปรากฎแด่ผู้ใด ยกเว้นเป็นการแสดงออกในผลงาน ซึงตนได้แสดงต่อสาธารณชน อาทิเข่น ใน ภาพเขียน ในจิตรกรรม ใน ปฏิมากรรม ใน วรรณกรรม ในคีตกรรม แห่งตน...ในการยก เอากรอบ หรือ รูปแบบออกเสียจาก งานเหล่านั้น เราจะแลเห็น พุทธิปรัชญาแห่งปัจเจกบุคคล ในเนื้องานที่แสดงออกมา หากมิในวีนนี้ ก็จะเป็นในวันหน้าที่บุคคลอื่นจะ พึงเข้าใจใน พุทธิปรัชญาอันเร้นแฝงภายใน
วันที่ไปชมงาน สถาบันปฎิมากรรมฯ พบงานท่าน ศิลปินเหรียญทองนับแต่เรายังไม่เกิดอยู่หลายท่าน ปฎิมากรรมเหล่านั้น สะท้อนงานพุทธิปรัชญาอย่างเด่นชัด มิสามารถนำรูปมาลงได้ในวันนี้ จะขออนุญาตท่านเจ้าของงานก่อน วันนี้ขออนุญาตไปทำงานด่วนของตนเองก่อน สัญญาว่าจะมาเขียนต่อ ทิกิ พระศุกร์ 16 กรกฎาคม 2547 (สัญญาว่าจะมาเขียนต่อ เมื่อคืนทำตามสัญญาแต่คอมพ์เจ้ากรรมเครื่องนั้น ดับสนิทนิ่งเสียเมื่อกำลังบรรยายประกายตาฝันข้ามมิติ แห่งท่านศิลปินบนผืนกระดาษอัดรูปขยายขนาดใหญ่ แทบจะร้องไห้ เพราะcontrol Z อันใด ก็ไม่กลับมาค่ะจะเขียนให้ใหม่อีกครั้งจะเหมือนเดิมไหมในคืนนี้ ขอลองก่อนนะคะ) ทิกิ ด้วยเศร้าที่บทความเมื่อคืนหายไปทั้งบท น้ำตาแห้งผากใจไปแล้ว ตีสองครึ่ง อีกคืน พระเสาร์ 17 กรกฎาคม2547 หลายความคิด หลายคำถาม ปัจเจกบุคคล ปัจ เจ กะ เฉพาะตัว....เฉพาะผู้เดียว การเข้าถึงสิ่งใดต่างๆด้วยตัวคนเดียว เช่น ทำบุญเพียงผู้เดียว ไม่เคยบอกใครเลยสักครั้ง การ ไหว้พระสวดมนต์แต่เพียงผู้เดียว การมีภาวะ สมถะ สันโดษ... ถามว่า ผิดไหม มิผิด แต่ บางครั้ง ในสายพรหมผู้เกื้อกูลมวลชน จะ ทนไม่ได้ ต้องขอดึงเหล่า ปัจเจกะ นี้มาแสดงธรรมอันเป็นไปเพือความสงบระงับแก่ฝูงชน... หากท่านปัจเจกบุคคล นั้นจะแสดง ไม่แสดง ก็เรื่องของท่าน พระปัจเจกพุทธเจ้ามากหลายในอดีต ท่านบรรลุนิพพาน โดยมิได้แสดงธรรมให้แก่ผุ้ใดทราบแม้นสักน้อย สมมุติ...ว่า หากในภาวะโลกกำลังมีแต่ เหล่า ถือตะบองวิ่งไล่กวด ไดโนเสาร์ จะไปแสดงธรรมให้ได้ประโยชน์อันใดขึ้นมา เรื่องโลกๆมันก็ตลกอย่างนี้แหละท่าน อ่านกลอนและ บทประพันธ์ ให้เหมือนมองดู บทนิยามสารคดีสักเรื่อง...แต่คงดี หากเราได้นิยามตัวตนของความเป็นคน สมถะสันโดษ... ของคน แล้วมีความสุขสงบรำงับ นั้นก็สุขยิ่งแล้ว
16 กรกฎาคม 2547 13:52 น. - comment id 75493
เนื่องด้วยงานนี้ไปขึ้นไว้ทางหน้าบทกลอน ซึ่งแท้จริงสมควรจะอยู่ด้านเรื่องสั้นและบทความนี้มากกว่าจึงขออนุญาตนำมาทบทวนใหม่ และจะเพิ่มเติมบางส่วนให้สมบุรณ์ แต่ก็ยังไม่ว่างพอนักค่ะ เรียนท่านผู้อ่านมาด้วยความเคารพอย่างสูง
16 กรกฎาคม 2547 13:59 น. - comment id 75496
ตั้งใจจะเขียนเรื่อง ปัจเจกบุคคล หรือ individuality ...individualism มาเป็นเวลาเดือนได้แล้วมังคะ แต่หาเวลาเขียนมิได้ งานไม่หลั่งออกมาเพิ่ง สรุปมาได้เดี๋ยวนี้เองค่ะ...ไว้จะขยายความบ้างสักนิด วันนี้ขอลาหน้าจอก่อน เป็นหนึ่งในความคิดเห็นส่วนบุคคล ..ในการมองมุมกว้าง ดึงตัวเองขึ้นเบื้องบน มองลงมาด้วยตานกอินทรีย์ มิได้เจาะจงสรรพสิ่ง หรือ ชีวิตใครเป็น เอกบุคคล ใดใด ทั้งสิ้น จึงขอท่านอย่าได้วิตกกังวลว่าไปพาดพิงถึงใคร เปรียบการเขียนงาน ของข้าพเจ้า คือแนวสารคดี มากกว่าจะเป็นบทกลอนตามอารมณ์หวั่นไหว หรือ เรื่องสั้นจินตนาการ ขออภัยทุกท่านไว้ล่วงหน้า โปรดอย่าเข้าใจผิดแม้สักนิดเลย ทิกิ_tiki สงวนลิขสิทธิ..ตามพระราชบัญญัติ Copyright ..All rights reserved คืนพระพุธ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗ เวลา ตีสองครึ่ง
16 กรกฎาคม 2547 14:00 น. - comment id 75497
ใช้คำได้สวยงาม สื่อถึงจินตนาการอันไร้ที่สิ้นสุด ชอบมากค่ะ
16 กรกฎาคม 2547 14:02 น. - comment id 75498
ปัจเจกบุคคล...ย่อมมีในองค์กร..และสังคม...หากเข้าใจ...ในวิถีแนวทาง...บูรณาการ..ความเชื่อมโยง...ให้เกิดขึ้นย่อมส่งผลดีให้กับสังคมโดยส่วนรวม..... แวะมาเยี่ยมคุณทิกิค่ะ... จาก : รหัสสมาชิก : 3197 - ราชิกา รหัส - วัน เวลา : 303869 - 15 ก.ค. 47 - 13:20 ขึ้นอยู่กับวิธีการในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน โดยทฤษฎี เราอาจตั้งอย่างไรก็ได้ ทว่าในภาคปฎิบัตินี้...เราต้องมีสัมมาทิฐิในการเข้าหาอย่าง ถุกต้องต่อ ปัจเจกชน หรือ ปัจเจกบุคคลผู้นั้น อย่างยิ่งค่ะ โดยอาศัยประสบการณ์แล้วการใช้ใจสัมผัส เราจะได้มุมมองอันกว้างใหญ่ต่อชีวิตของท่าน ปัจเจกชนนั้นจริงๆค่ะ ขอบคุณ นะคะ ขอบคุณ คุณราชิกามากค่ะ จาก : รหัสสมาชิก : 4895 - tiki รหัส - วัน เวลา : 304232 - 15 ก.ค. 47 - 22:01
16 กรกฎาคม 2547 14:05 น. - comment id 75500
ใช้คำได้สวยงาม สื่อถึงจินตนาการอันไร้ที่สิ้นสุด ชอบมากค่ะ จาก : รหัสสมาชิก : 8767 - Priest รหัส - วัน เวลา : 10595 - 16 ก.ค. 47 - 14:00 คุณ priest คะ ขออภัย ไม่ทันมองเห็นคำตอบคุณ เพราะดูมาจากหน้าจอตนเอง ที่เขียนไว้ ขอขอบคุณที่มาอ่านมาชมงานค่ะ
16 กรกฎาคม 2547 14:17 น. - comment id 75502
ปัจเจกบุคคลแท้จริงแล้วไม่มีสภาวะใดหรือมีใครเป็น ปัจเจกบุคคล เราสักแต่เรียกว่า ปัจเจกบุคคล เพราะฉนั้นแล้ว วิถีทาง หรือ การปฏิบัติ ต่อปัจเจกบุคคล จะมีขึ้นได้อย่างไร? \"ตะกร้าว่างๆยิบหินมาใส่ มันก็หนักเปล่าๆ\"
17 กรกฎาคม 2547 03:14 น. - comment id 75514
ปัจเจกบุคคลแท้จริงแล้วไม่มีสภาวะใดหรือมีใครเป็น ปัจเจกบุคคล เราสักแต่เรียกว่า ปัจเจกบุคคล เพราะฉนั้นแล้ว วิถีทาง หรือ การปฏิบัติ ต่อปัจเจกบุคคล จะมีขึ้นได้อย่างไร? \"ตะกร้าว่างๆยิบหินมาใส่ มันก็หนักเปล่าๆ\" จาก : รหัสสมาชิก : 8686 - ถังแดง รหัส - วัน เวลา : 10601 - 16 ก.ค. 47 - 14:17 มาช่วยหยิบหินออกค่ะ
17 กรกฎาคม 2547 15:51 น. - comment id 75523
...Individualism.....ถ้า มองแล้ว ดู จะเป็น ตะวันออก เสียมาก...ผมเคยอ่าน นวนิยาย ของ โยชิคาว่า เอญิ..ชื่อ มิยาโมโต มูซาชิ......กล่าวถึง ชายคนนั้น ซึ่ง มีความเป็น ปัจเจคบุคคล ในทาง แห่ง ดาบ....แต่ ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ....ว่าปัจเจค บุคคลนั้น...หมายถึง หรือมีความหมาย จริง ๆหรือ ไม่................บางทีดูคล้ายกับว่าไม่มีตัวตน ไม่มีแก่น สาร... . ถ้า มองแบบ ปัจจุบัน แล้ว คงเป็น ความเพ้อเจ้อเพ้อฝันเสียมากกว่า เพราะเราก็คงถูก อำนาจแห่ง วัฒนธรรม นั้นชักนำอยู่ดี.......แล้วใครมันจะไป ชิลด์ ตัวเองได้นะ.. ...............แต่ถ้าถามถึง ความว่างเปล่า ความเร้นเลือนแล้ว......ในพุทธศาสตร์ ก็มีความหมายไปทางนั้นอยู่นะครับ.....จะว่าไป นิกาย เซ็น เองก็เหมือนกับ หินยาน และ มหายาน อยู่ ดี ถึง จะแยกจากกัน เป็น นิกาย แต่วัฒนธรรมทางการนับถือศาสนา ของ ชาว สยาม เราเป็น ในแบบ ศาสนพิธี มากกว่าให้ ความสำคัญ กับ ตัวบทพระธรรม พระสูตร...และถูกใช้เป็น เครื่องจูงใจเครื่อง ยึดมั่นในทางการเมือง อยู่ แล้ว ปัจจุบัน ก็ ยังเป็น อยู่ เลย.....( ผมว่าลอง สังเกตุ พฤติกรรม ของ วัด ใหญ่ แถว ปทุมธานี ดูซิ ).........เคยพบว่า ในอดีต ที่ยังไม่แยกเป็น นิกาย เช่น ปัจจุบัน นั้น ภิกษุ หรือ ภิกษุณี นั้น เมื่อยึดถือ พระไตรรัตน์เป็น สรณะ แล้ว...( ก็ที่ว่า...พุทธัง สรณัง ...สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นั้น ประไร ) ก็จะอยู่ ในสมณเพศ ไปตลอด เพิ่ง มีการแปรไปในห้วงแห่ง สงครามการเมืองแห่ง กรุงสยาม หรือที่ใดๆ ที่บรรดา ชนชั้นสูง มักจะ บวชหนี เพศภัย นั้นกระไร....จึงอาจจะมีการบวชการ สึกเป็น นิจ... แล้ว ความสงสัยต่อการบัญญัติ ภาษา ต่างประเทศ แล้ว คำว่า ปัจเจคนั้น คงไม่ใช่ คำไทย แน่ๆ เพราะมีความรู้สึกว่า ความเป็น ไทย ไม่เอื้ออำนวยต่อการ เป็น ปัจเจค บุคคลแต่ อย่างใด.....เป็น ความจริงที่เราก็ต้องยอมรับกันไป.....เราอาจพึ่งศาสนามากเกินไป จึงมิอาจเข้าใจในความเป็น ปัจเจค ก็ได้ น่าสนใจถ้าลองเกิดมาแล้วไม่มี ศาสนา ไม่มี ศีลธรรม เราจะดำรงชีวิต อยู่อย่างใด ถ้าต้องเจอกับการเร่งรัดเร่าร้อน ของ สังคม ความเป็น มนุษย์........ศาสนา อาจเกิด จากจุดนั้นก็ได้ . ............เข้ามาอ่านงานเขียน พี่ ทิกิ แล้ว ก็เลย เกิดความคิดขึ้น นะครับ ก็เลย บรรเลงกัน สดๆ คงไม่ว่ากันนะครับ
18 กรกฎาคม 2547 01:35 น. - comment id 75529
มาอ่านค่ะ เอกมาศ หลายความคิด หลายคำถาม ปัจเจกบุคคล ปัจ เจ กะ เฉพาะตัว....เฉพาะผู้เดียว การเข้าถึงสิ่งใดต่างๆด้วยตัวคนเดียว เช่น ทำบุญเพียงผู้เดียว ไม่เคยบอกใครเลยสักครั้ง การ ไหว้พระสวดมนต์แต่เพียงผู้เดียว การมีภาวะ สมถะ สันโดษ... ถามว่า ผิดไหม มิผิด แต่ บางครั้ง ในสายพรหมผู้เกื้อกูลมวลชน จะ ทนไม่ได้ ต้องขอดึงเหล่า ปัจเจกะ นี้มาแสดงธรรมอันเป็นไปเพือความสงบระงับแก่ฝูงชน... หากท่านปัจเจกบุคคล นั้นจะแสดง ไม่แสดง ก็เรื่องของท่าน พระปัจเจกพุทธเจ้ามากหลายในอดีต ท่านบรรลุนิพพาน โดยมิได้แสดงธรรมให้แก่ผุ้ใดทราบแม้นสักน้อย สมมุติ...ว่า หากในภาวะโลกกำลังมีแต่ เหล่า ถือตะบองวิ่งไล่กวด ไดโนเสาร์ จะไปแสดงธรรมให้ได้ประโยชน์อันใดขึ้นมา เรื่องโลกๆมันก็ตลกอย่างนี้แหละท่านเอกมาศ อ่านกลอนและ บทประพันธ์ ให้เหมือนมองดู บทนิยามสารคดีสักเรื่อง...แต่คงดี หากเราได้นิยามตัวตนของความเป็นคน สมถะสันโดษ... ของคน แล้วมีความสุขสงบรำงับ นั้นก็สุขยิ่งแล้ว ขอบคุณท่านเอกมาศ