เหตุการณ์ที่ทำให้โลกตะลึง และสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ชาวโลกผู้พบเห็น อีกเรื่องราวนั่นคือ รอยประหลาดบนทุ่งหญ้า ร่องรอยขนาดมหึมาและรูปร่างแปลกๆ ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุและสร้างเป็นปมปริศนาให้แก่ผู้คน ชาวโลกรวมทั้งนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายอย่างมาก ในอดีตบนพื้นแผ่นดินโลกเคยมีร่องรอยประหลาดในรูปทรงแบบต่างๆ ปรากฏขึ้นหลายแห่ง อย่างเช่นรอยประหลาดบนที่ราบนาสก้า ในดินแดนอเมริกาใต้ รอยรูปร่างมนุษย์ที่วิลมิงตัน ในรัฐซัสเซ็กส์ อังกฤษ ร่องรอยประหลาดนั้น ยังคงเป็นปริศนาและถกเถียงกันอยู่ทั่วไป และยังไม่มีการสรุปถึงสาเหตุและการเกิดที่แท้จริง นอกจากมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานาแต่อย่างไรก็ดีร่องรอยประหลาดเหล่านั้น ก็สร้างความฉงนฉงายและประหลาดใจแก่ชาวโลกนัก ร่องรอยประหลาดในรูปทรงเลขาคณิตขนาดมหึมา ที่มีลักษณะแตกต่างกันไป และได้เกิดขึ้นมากมายบนผืนโลก สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนอย่างมากมาย ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายจากหลายองค์กรต่างตื่นเต้น และกระหายที่จะวิเคราะห์พิสูจน์ถึงการเกิดร่องรอยประหลาดขึ้น ร่องรอยดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณปี 1985 ก็ยังไม่เป็นที่แปลกอกแปลกใจเท่าไรนักและถือว่าเป็นร่องรอยของการมาเยือนจากสิ่งมีชีวิตต่างดาว ซึ่งเป็นเรื่องเล่าลือและฮือฮากันพักหนึ่งแล้วก็เงียบไป จะเหลือเพียงแต่ผู้คนที่สนใจที่จะวิเคราะห์พิสูจน์ตามหลักวิชาการเท่านั้น กระทั่งปีต่อมาก็เกิดรอยประหลาดขึ้นอีก ในลักษณะเดียวกันในที่ต่างๆ อีกหลายแห่งก็เลยยิ่งสร้างความสนอกสนใจมากยิ่งขึ้น จนในปีต่อๆ มา เกิดร่องรอยประหลาดดังกล่าวอีกมากมาย นับเป็นร้อยๆ แห่ง จึงกลายเป็นปรากฏการณ์ปริศนา ที่ทำให้ผู้คนแทบทุกวงการต่างจับตามอง เรื่องราวของรอยปริศนาดังกล่าวมีการถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ มีการตั้งทฤษฎี สมมติฐานไปต่างๆ นานา จากนักวิชาการผู้คนในหลายๆ วงการทั้งมีการนำเอาดิน ต้นหญ้าหรือสิ่งของบริเวณที่เกิดรอยประหลาดไปวิเคราะห์ พิสูจน์กันอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อหาบทสรุปและที่มาของรอยปริศนา ครอป เซอเคิล นั้น และพิจารณาจากรูปภาพที่เห็นแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีบางอย่างได้เกิดบนผืนโลกแล้ว และก็คงจะต้องมีอะไรมากมายกว่านั้นแน่ รูปทรงอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ปรากฏอยู่บนท้องทุ่งในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เรียกกันว่า ครอป เซอเคิลนั้น นักวิชาการลงความเห็นว่า ถ้าไม่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ก็คงเป็นปรากฏการณ์ลึกลับเหนือธรรมชาติ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้มี ทฤษฎีมากมาย ที่พยายามอธิบายถึงปรากฏการณ์นี้ เทอเรนซ์ มีเดน แห่ง Totoro อธิบายว่าหุบเขาที่ล้อมรอบบริเวณนั้น อาจก่อให้เกิดกระแสลมหมุนอย่างรุนแรง ยังผลให้บริเวณท้องทุ่งเป็นรูปลักษณ์อย่างที่เห็น แต่ทฤษฏีของเขาก็ยังไม่มีความกระจ่างแจ้งนัก และไม่น่าจะเป็นไปได้เมื่อพิจารณารูปทรงของ ครอป เซอเคิล ซึ่งดูเที่ยงตรง แม่นยำ ราวกับถูกเสกสรรปั้นแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร แต่ทั้งนี้ก็ไม่น่าจะใช่ฝีมือมนุษย์ด้วยกัน นักวิชาการ 2 คน คือ จอร์จ วิงฟิลด์และจอห์น แฮดดิงตัน ได้ให้ทฤษฎีไว้ดังนี้ 1. ลำต้นของหญ้าเหล่านั้นโค้งงอ แต่ไม่หักไม่มีส่วนใดถูกทำลาย 2. บางส่วนของรูปทรงปรากฏให้เห็นเป็นรอยเพียงบางเบา เป็นเรื่องยากที่มนุษย์จะทำได้ 3.รูปทรงส่วนใหญ่เป็นวงรี ยากแก่การทำขึ้นเพื่อหลอกลวง ทั้งๆ ที่ รูปวงกลมทำได้ง่ายกว่า 4. มีวงกลมวงในเล็กๆ ซึ่งห่างจากวงนอกเพียงไม่กี่นิ้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นในระดับพื้นดิน นอกเสียจากจะขึ้นไปมองจากที่สูง 5. ไม่มีร่องรอยของมนุษย์คนใดได้เข้าไปเหยียบย่ำ 6. มีวงกลมเล็กๆ อีกจำนวนมากปรากฏอยู่ข้างๆ วงกลมใหญ่ 7. ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วโลก 8. ความเที่ยงตรง แม่นยำของรูปทรงทำให้น่าขบคิดอยู่ไม่น้อย 9. พยานหลายคนยืนยันว่าจะต้องเป็นสิ่งที่มีพลังมหาศาล ประทับลงไปจนทำให้เกิดรอยอย่างที่เห็น 10 .ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายเฉพาะที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 1990 มีรายงานการพบเห็นมากกว่า 1,000 แห่ง 11.ครอป เซอเคิล มักปรากฏอยู่บริเวณที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าเป็นไปได้ก็มีอย่างเช่น ความผิดปกติของสนามแม่เหล็ก ผลจากแผ่นดินไหว การแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือคลื่นเสียงการแพร่กระจายของก๊าซ และการเกิดปฏิกิริยาเคมีของดิน มีข้อพิจารณาอย่างยิ่ง คือรูปลักษณะที่ปรากฏนั้นดูคล้ายสัญลักษณ์และน่าจะมีความหมายบางอย่างแอบแฝงอยู่ด้วย นี่เป็นจุดที่ทำให้นักวิชาการหลากคนเชื่อว่าจะต้องเป็นเรื่องเร้นลับ เหนือธรรมชาติอย่างแน่นอน และเชื่อว่ามีผู้ทรงภูมิปัญญาสูงส่งอยู่เบื้องหลังการกระทำอย่างนี้ ครอพ เซอเคิลและการตีความหมาย ครอพ เซอเคิลอาจมีความข้องเกี่ยวกับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ของชาวเซลท์ในทางใดทางหนึ่ง มีเรื่องเล่าขานกันมานานนมทั่วหมู่เกาะอังกฤษเกี่ยวกับเทพยดาตัวเล็กๆ ที่เป็นผู้แต้มแต่งสีสันของมวลดอกไม้ ชอบออกเต้นรำ ภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการท่องไปในกาลเวลา และวงกลมแห่งเทพยดาหรือรอยวงกลมขนาดย่อมที่ปรากฏบนผืนหญ้าในสมัยก่อน ดังเช่นร่องรอยครอพ เซอเคิล สมัยปัจจุบันนั่นเอง เมื่อเร็วๆ นี้มีรายงานว่ามีผู้ค้นพบเห็นมนุษย์ประหลาดตัวเล็ก ผมแดงสว่างไสว แอบแฝงตัวอยู่บนต้นไม้ใกล้ๆ บริเวณที่เกิดครอพ เซอเคิล คนแคระผมแดง นี้เป็นที่รู้จักกันดีในเทพนิยายของชาวเซลท์ และในเรื่องราวเกี่ยวกับจานบิน เป็นไปได้ไหมว่า คนแคระผมแดง ที่เรียกขานกันในสมัยโบราณกาลนั้น แท้ที่จริงคือมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง สถานที่ที่ครอพ เซอเคิล ปรากฏอยู่ก็ล้วนทำให้น่าพิจารณาทั้งสิ้น สโตนเฮนด์หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่พบได้มากที่สุดทางตอนใต้และทางตะวันตกของประเทศอังกฤษก็เป็นบริเวณที่มีการพบ ครอพ เซอเคิล บ่อยที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่าลักษณะการเรียงรายของหินนั้นคล้ายคลึงกับลักษณะที่ปรากฏบนท้องทุ่ง เนื่องจากสโตนเฮนด์จถือเป็นแผนที่ดวงดาว จึงเชื่อกันว่าครอพ เซอเคิล ก็น่าจะมีความหมายในทำนองเดียวกันก็ได้ ดูเหมือนเป็นความบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อจากการสำรวจยังพบว่า มากกว่า 40 รายถูกพบบริเวณปิรามิด ซิลเบอร์รี ฮิล สถานที่สำคัญทางศาสนาที่มีอายุเก่าแก่ถึง 2600 ปี บริเวณไวท์ ฮอร์ส แห่งอัฟฟิงตัน ซึ่งว่ากันว่าเป็นประตูเชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์และโลกแห่งจิตวิญญาณก็มีครอพ เซอเคิลปรากฏอยู่อย่างมากเช่นกัน รูปลักษณะของครอพ เซอเคิลถูกนำมาเปรียบเทียบกับรูปไม้กางเขนของชาวเซลท์โบราณและยังมีส่วนคล้ายกับสัญลักษณ์ของเทพเจ้าของชาวฮินดูในอดีตคือพระศิวะ ผู้ทำลายล้างโลกนอกจากนี้ยังพบเครื่องหมายสวัสดิกะ ซึ่งหมายถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันขอ่งจักรวาลหรือไม่แน่อาจมีความหมายธรรมดาๆ ว่า " โชคดี " ก็เป็นได้ บางทีอาจต้องใช้จินตนาการช่วยบ้างในการเข้าใจสิ่งพวกนี้ เพราะรูปทรงอาจจะไม่เหมือนกันกับสัญลักษณ์เสียเลยทีเดียว วิงฟิลด์กล่าวว่า "สิ่งลึกลับเหล่านี้พูดคุยกับเราผ่านทางจิตใต้สำนึกไม่ใช่การใช้เหตุผลแต่อย่างเดียว" บางรูปก็เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับชาวอินเดียน เผ่านาจาโจ และสามารถพบได้จากภาพวาดบนพื้นทรายของพวกเขา ทั้งหมดที่กล่าวมานี้นำไปยังข้อสรุปที่ว่า นี่เป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ทางศาสนา ไม่ใช่การปลุกผู้คนให้ตื่นตัว แต่เป็นการปลุก " อีกครั้งหนึ่ง " แฮดดิงตัน กล่าวว่า " บางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับโลกเรา พวกเขามาแล้ว ส่วนสาเหตุที่ต้องมานั้นไม่มีใครรู้ พวกเขารู้แต่ว่า ต้องมาที่นี่ " นักวิชาการได้พยายามทุกวิถีทางที่จะไขปริศนาลับนี้ ได้มีการใช้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิญญาณเพื่อช่วยอธิบายปรากฏการณ์นี้ บางคนบอกว่า พวกเขาคือเหล่าเทพยดาที่เคยมาสร้างปิรามิดซิลเบอร์รี่ ฮิล เมื่อ 4,500 ปีที่แล้ว และจากไปในช่วงระยะสุดท้ายของยุคหินเนื่องจากมนุษย์มีจิตใจเสื่อมทรามลง พวกเขากลับมาในครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลกเราให้พ้นจากสภาวะเสื่อมทรามที่ว่านี้ ทฤษฏีของคาร์ล จุง กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างมีจิตใจที่เชื่อมโยงรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเป็นพลังที่มหาศาลและอาจก่อผลอย่างที่เห็น บางคนยังได้ทำนายวันเวลา สถานที่ที่ ครอพ เซอเคิลจะปรากฏขึ้นในอนาคต ซึ่งก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ทั้งยังบอกด้วยว่าวงกลมเล็กที่ปรากฏอยู่ข้างวงกลมใหญ่นั้นน่าจะหมายถึงต่ำแหน่งของดวงดาว นักวิชาการอีกพวกหนึ่ง รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวจานบินต่างมีความเห็นสอดคล้องกันว่ารูปรอยบนพรมหญ้านั้น เป็นผลจากการลงจอดของยานบินของมนุษย์นอกโลก มีพยานหลายรายเล่าว่าได้เห็นลูกไฟสีแดงสว่างขนาดใหญ่ หรือไม่ก็เห็นจานบินเรืองแสงในท้องฟ้ายามค่ำคืน พอรุ่งขึ้นก็ปรากฏพบรอยประหลาดขนาดใหญ่พวกนี้ เชื่อว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่นอน ครั้งหนึ่งในการสำรวจ ครอพ เซอเคิล ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น พยานหลายคนเล่าว่าได้เห็นแสงไฟสีน้ำเงิน แดงฉานแปลบปลาบอยู่โดยรอบพร้อมทั้งลูกไฟสีส้มขนาดใหญ่ หนึ่งในคณะสำรวจได้รับสารด้วยทางจิตว่า " อยู่ตรงกลางยานของเราในอีกมิติหนึ่ง" ทุกคนในนั้นยืนยันว่าได้ยินเสียงสั่นที่มีความถี่สูงมาก ดังอยู่ตลอดเวลาทั่งบริเวณ กล้องและอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำไปด้วยใช้การไม่ได้โดยไม่มีสาเหตุแม้แต่สุนัขของพวกเขาก็ยังมีปฏิกิริยาแปลกๆ คือไม่ยอมกรายกล้ำเข้าไปพื้นที่นั้นที่ที่เต็มไปด้วยความลึกลับน่าเกรงขาม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผู้ใดสามารถจับภาพยานบินขณะลงจอดได้ จึงยังไม่สามารถสรุปได้คงต้องอาศัยการค้นคว้าและพิสูจน์กันต่อไป
ยัง...มีรูปอีก...
อยากรู้จังทำได้ไง.....
รูปแบบสวยมากเลย....มันเรียนศิลปะ...ที่ไหน..?
28 มิถุนายน 2547 04:12 น. - comment id 74960
อ่านเจอพอดี....เอามาลงเล่น...ลองอ่านดูนะ... เชื่อว่ามีหลายคนที่..ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น... สงสัยป่าวว่ามันเกิดขึ้นได้ไง... ใครรู้ยกมือขึ้น..บอกผมหน่ออย... ง่วงละไปนอนก่อนนะ...ฝันดีกานทุกคนนะครับ... อ๋อ..เวลานี้คงจะตื่นมากกว่าหลับอะนะ...อิอิ
28 มิถุนายน 2547 10:04 น. - comment id 74962
ผมก็ศึกษามาบ้างเหมือนกันครับ แต่ไม่มีหนังสืออ่านอย่างงี้น่ะ... บ้างก็ว่า มันเกิดจากฝีมือมนุษย์ บ้างก็ว่าเกิดจากลมพายุหมุนขนาดเล็ก..แต่มันก็น่าจะเกิดจากมนุษย์ต่างดาวดีกว่าเนอะ คลาสสิกดี