เมื่อครั้งที่ผมสอบผ่านเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ สมกับความฝันที่ผมได้ตั้งใจไว้ สิ่งที่ผมคิดไม่ตก แก้ปัญหาไม่ได้ ผมจะเอาเงินที่ไหนมาเรียน บ้านผมถึงจะไม่มีเงินมากมาย แต่ก็ไม่ได้อดตาย อย่างน้อยก็ยังมีนาให้คราดดำ ไถ หรือหว่าน เลี้ยงชีพมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว แต่ค่าใช้จ่ายในระดับมหาวิทยาลัยที่ผมกำลังเรียนอยู่ในขณะนี้ ช่างแพงมาก เกินกว่าที่ลูกชาวนา และคนที่ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ของผมจะสามารถส่งเงินจำนวนนั้นมาให้ผมจ่ายเป็นค่าเล่าเรียน และค่าจิปาถะอื่น ๆ ได้ ผมสอบผ่านในวิชาที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ว่า ถ้าสอบผ่าน ก็ไม่ต้องลงทะเบียนเรียนในรายวิชานี้ได้ ... ใช่ ผมสอบผ่านทั้งหมด ผิดกับเพื่อน ๆ ที่พ่อแม่ของพวกเขามีเงินเหลือเฟือ พอที่จะส่งเสียลูก ๆ ของพวกเขาให้เรียนจนจบมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ อย่าว่าแต่ปริญญาตรีกิ๊กก๊อกเลย ปริญญาเอก หรือที่สูงกว่านั้นก็สามารถส่งให้ลูก ๆ ของพวกเขา ซึ่งก็เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนของผมได้ ... พวกเพื่อน ๆ สอบไม่ผ่าน มีเพียงผมคนเดียวที่สอบผ่าน ... น่าหัวเราะเยาะกับวาสนาของตัวเองเสียเหลือเกิน มีปัญญาสอบผ่านได้ แต่ไม่มีปัญญาที่จะหาเงินเพื่อเรียนในมหาวิทยาลัยที่ตัวเองสอบได้ โลกช่างยุติธรรมสิ้นดี ... คิดไปอยากหัวเราะดัง ๆ ในวาสนาตัวเองหลาย ๆ ครั้ง จะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคน ๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นความหวังของครอบครัว สู้ทนฝ่าฟันอุปสรรค หวังว่าสักวันจะมีงานมีการที่มั่นคง มีเงินเดือน ส่งให้พ่อแม่และครอบครัวที่เคยเลี้ยงดู และเคยส่งเสียให้ได้เรียนจนจบมหาวิทยาลัย ... น่าสงสารจริง ๆ ชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ไม่ได้เกิดบนกองเงินกองทอง ไม่ร่ำรวย ... เคยคุยกับแม่ทางโทรศัพท์ว่า แม่ครับ แม่จะเอาเงินที่ไหนส่งให้ผมเป็นค่าเทอม และค่าใช้จ่ายประจำวัน ... ค่ารถ ค่าอาหาร และ...? แม่จะไปหายืมจากญาติ ๆ และพี่น้อง แม่ตอบผม ผมรู้ว่าแม่ไม่มีเงินมากพอ แม้แต่ค่าเทอมสัก 4,500-9,500 บาทในช่วงเวลา 4 เดือน แม่ไม่ต้องขายควายเพื่อส่งเงินให้ผมหรอกนะครับ ผมอายเพื่อน ๆ และสงสารควายที่ไม่รู้ประสีประสา ชีวิตผมไม่มีค่าแค่ควายหนึ่งตัว .... ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ควายสักกี่ตัว ผมจึงจะสามารถเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้ ... ผมตอบแม่ไปด้วยอารมณ์ขันแกมประชดประชันในโชคชะตาและวาสนาของผมเอง ... แม่เงียบไปสักครู่ ซึ่งผมก็ทราบด้วยสัญชาตญาณว่า แม่กำลังคิดอะไรอยู่ ... สักครู่เดียว ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะของแม่ผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งผมก็รู้อีกอีกนั่นแหละว่า แม่หัวเราะออกมาอย่างกล้ำกลืน... อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าบ้านผมมีโทรศัพท์ หรือว่าแม่ผมมีโทรศัพท์มือถือหรอกนะ เพราะที่บ้านมีโทรศัพท์สาธารณะอยู่หน้าบ้าน ผมใช้เบอร์นี้แหละติดต่อกับแม่ของผมเป็นประจำ ซึ่งนั่นก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผมหายคิดถึงแม่ของผม และน้อง ๆ อีกสองคนที่อยู่ที่บ้านเกิดในเวลานี้ เกินจะทนไหวจริง ๆ เมื่อผมทราบว่า ค่าใช้จ่ายในขณะเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ต้องใช้เงินถึง 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาท) เงินเล็กน้อยในสายตาเพื่อนร่วมห้อง แต่มากมายสำหรับคนบ้านนอกอย่างตาสียายสาแถวบ้านจะหามาจ่ายให้ได้ ... จะเอาที่ไปจำนองเพื่อเอาเงินให้ลูกไปจ่ายค่าเทอมรึ? จะขายควายที่มีอยู่เพียง 2 ตัวรึ? หรือว่าจะต้องให้แม่ทำงานดายหญ้าในสวน? หรือว่าจะต้องถอนต้นวัชพืชในสวนผักเพื่อแลกค่าจ้างเพียงวันละ 50 บาทรึ? ... น่าหัวเราะในโชคและวาสนาของตัวเองยิ่งนัก ... ทำไมโลกช่างสร้างสิ่งอยุติธรรม! และความอัปยศ! ให้กับครอบครัวของผมนะ? ... ในตอนนี้ผมจ่ายค่าเทอมไปแล้ว 4,500 บาท ส่วนค่าอาหารและค่ารถโดยสารต้องให้เพื่อน (ที่ฐานะร่ำรวยออกให้) ... ในชีวิต หากไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ต้องอาศัยคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังมีอาการครบ 32 ประการ มันช่างน่าละอายสิ้นดี เรียนก็หนัก ... อ่านหนังสือมากกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลายกิ๊กก๊อกหลายเท่า ... เพื่อน ๆ อาศัยผมในเวลาที่เรียนได้ ผมเป็นที่ปรึกษาของเพื่อน เป็นคนติวข้อสอบให้เพื่อน ๆ ไม่อยากชมว่าตัวเองเรียนเก่ง แต่ความจริงก็คงยังเป็นความจริงไปไม่พ้น ... ก็ผมเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพื่อนบางคนที่สงสารก็ออกค่าโดยสารเมื่อไปมหาวิทยาลัยให้ผม เพื่อนบางคนเลี้ยงข้าวมื้อกลางวัน ... ดีที่ผมยังมีเพื่อนที่ดี และจริงใจอยู่บ้าง ถึงผมจะจน แต่ผมก็ยังมีศักดิ์ศรีไม่ยอมรับสิ่งที่เพื่อนช่วยเหลือ โดยที่ไม่ตอบแทนเพื่อน ๆ เหล่านั้น ... ไม่ต้องสงสัยว่าผมตอบแทนอะไรเพื่อน ๆ ก็เพื่อนเหล่านั้นรวย มีฐานะทางการเงินดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาด้อยกว่าผมก็คือ ความทรงจำในการเรียน ... ผมไม่ได้เอาเพื่อนมาขายหรอกนะครับ แต่เพราะผมเห็นว่าช่างไม่ยุติธรรมต่อผม และเพื่อน ๆ ของผมเลย ไม่มีความพอดีในสังคมมนุษย์ คนเรียนโง่แต่ร่ำรวย จะเรียนอะไรก็ได้ เพราะพ่อแม่มีเงินส่งเสีย แต่ผมสิ! น่าหัวเราะเยาะตัวเองนัก น่าสงสาร! แต่ก็ไม่เคยเรียกร้องความสงสารจากใคร ๆ คนจนอย่างผมก็มีศักดิ์และศรีพอ ไม่ยอมลดตัวและศักดิ์ศรีลูกตาสียายสาบ้านนอกกันดารและชนบทเช่นนั้นได้ ยอมไม่ได้จริง ๆ ชีวิตผมยังคงต้องดำเนินต่อไป พร้อม ๆ กับชีวิตของตาสียายสา ที่รอคอยความสำเร็จจากลูก ที่เป็นเพียงความหวังเดียวของครอบครัว ... มันเป็นชีวิตจริงที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นมานาน ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ชีวิตของคน ๆ หนึ่ง จะไปคล้ายกับชีวิตของคนอีกหลาย ๆ คนในสังคมไทย ... ไม่อยากคิดเลยจริง ๆ เพียงแต่อยากบอกให้สังคมได้รับรู้ว่า ยังมีคนอีกหลาย ๆ ชีวิต รวมทั้งตัวผมเองด้วย ในโลกเบี้ยวดวงนี้ ที่ยังต้องดำเนิน และสู้กับชะตาชีวิตที่อยุติธรรม! อีกต่อไป จนกว่าวันที่หวังไว้ และวันแห่งชัยชนะจะมาถึง เท่านี้ก็เกินจะรับไหวแล้วครับ ยโส-โย อริน อริยไตรกุล
ขอขอบคุณที่มาของภาพ จาก www.webshot.com
20 มิถุนายน 2547 10:05 น. - comment id 74785
เพียงอยากให้ได้รับรู้ว่า โลกยังมีสิ่งที่อยุติธรรมอยู่อีกมาก ที่ผมได้รับและได้เห็น เป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นเอง
20 มิถุนายน 2547 10:33 น. - comment id 74786
ไว้คงต้องเล่าเป็นการส่วนตัว เรื่องทิกิ ขอ ให้คุณ ลองสมัครงานอย่าง part time ดุนะค ด้วยเห็นใจ
20 มิถุนายน 2547 18:13 น. - comment id 74795
ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องเศร้าแต่อ่านแล้ว ถึงกับน้ำตาซึม แข่งเรือแข่งพายพอแข่งได้แต่แข่งโชควาสนาแข่งยาก คิดว่าเรามีโชค เกาะกุมโอกาสที่ดีในชีวิตก้าวไปให้ถึงเส้นชัยนะครับ เงินไม่มีอาจจะพอหาได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ถ้าเราขยันไม่มีอดหรอกครับ ทำให้พ่อแม่ท่านได้ภูมิใจในตัวลูกนะครับ สมัยนี้แหล่งบันเทิงต่าง ๆ มีมากมาย ถ้าไปหลงงมงายไม่จบอย่างแน่นอน อย่าไปคิดมากเรื่องโลกเบี้ยว เพื่อนรุ่นเดียวกันของผมมีเมียมีลูก กันเกือบทุกคน ไม่อยากจะโม้ ทั้งที่ดูแล้วหน้าตาพวกมันก็ขี้ริ้วขี้เหร่กว่าผมซะอีก ก็คุยเล่น ๆ ตามหนุ่มอารมณ์ดีที่เศร้าไม่เกินนาทีครับ
21 มิถุนายน 2547 06:44 น. - comment id 74805
เรน ..เป็นเพื่อน ..คุณได้ ..นะคะ..
21 มิถุนายน 2547 14:19 น. - comment id 74808
ขอบคุณ... ทุกคนที่ยังเข้าใจคน ๆ หนึ่ง และมีเพื่อนที่ดีอย่างในสถานที่แห่งนี้
22 มิถุนายน 2547 10:15 น. - comment id 74835
ต้องมีสักวัน..ต้องมีสักวัน ช่วยกันภาวนา นะ
22 มิถุนายน 2547 14:33 น. - comment id 74842
ตั้งกองทุน*สู่ฝันปันน้ำใจรักให้อริน* ดีไหม..เรามาช่วยกันคนละตามศรัทธา นะ ขอความคิดเห็น..นะ จากทุกท่าน
22 มิถุนายน 2547 18:59 น. - comment id 74863
คุณ...คนที่เมล์ไปให้คำมั่น *น้ำใจรักที่มอบให้ ทราบซึ้งเกินจะเอ่ยคำขอบคุณที่ไหนมาเปรียบได้... จริง ๆครับ
23 มิถุนายน 2547 18:06 น. - comment id 74886
ไม่มีใครสมบูรณ์ไปทุกอย่างในชีวิตหรอกค่ะ แต่อย่างไร เชื่อนะค่ะ ว่าเมื่อถึงเวลานั้นคุณจะมีทุกอย่างที่สมบูรณ์หลังจากที่คุณต้องเหนื่อยกับปริญญาใบสุดท้าย และสามารถสร้างฐานะได้ จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ส่วนของผู้หญิงไร้เงาก็คงจะไม่ต่างจากคุณเท่าไหร่ คุณพ่อคุณแม่ก็คือชาวบ้านตาดำ ๆ หาใช่เศรษฐีไม่ ฉะนั้นเพื่อคุณพ่อคุณแม่แล้ว ผู้หญิงไร้เงาจะทำความฝันให้เป็นจริง และสมบูรณ์ โดยการพยายามสอบเข้าให้ติดและเรียนโทให้จบค่ะ เอาเป็นว่าขอให้เราเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันนะค่ะ
24 มิถุนายน 2547 22:03 น. - comment id 74899
**คุณ ผู้หญิงไร้เงา** แค่เพียงได้ทราบว่า ยังมีเพื่อน ๆ คอยให้กำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรค และยังพอเข้าใจกับชะตากรรมของชีวิตที่ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ... เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ
18 กรกฎาคม 2547 16:00 น. - comment id 75548
ไม่มีอะไรจะพูด
20 สิงหาคม 2547 12:42 น. - comment id 76218
ณ เวลานี้ ตัวฉันก็ยังคงอยู่กับเพื่อน ๆ ณ สถานที่ที่เรียกว่า \"สถาบันการศึกษา\" อยู่กับเพื่อน ๆ กับตัวฉันเอง กับความห่อเหี่ยวหัวใจ สัปดาห์สุดท้ายแล้ว ที่ตัวฉันต้องหาเงินมาจ่ายค่าลงทะเบียนที่ยังคงค้างอยู่ ... ฉันคงทำไม่ได้แน่ ๆ (ทั้งลาออก และการหาเงินมาจ่าย) และไม่มีใครช่วยฉันได้