*+*+*+*+ หมาในอยากออก หมานอกอยากเข้า ตอนที่ 5 โชกุลและเพื่อน*+*+*+*

13 นางมาร

" ก็บ้านเราอยู่ติดกันอยู่ติดกันพอดี เปิดหน้าต่างทุกที ทุกทีหน้าเราก็ชนกัน ถ้าเมื่อไหร่หน้างอเราก็งอใส่กัน
แต่ก็มีบางวันที่ยิ้มให้กันตลอดไป เรายิ้มให้กันตลอดไป.." 
     เสียงเพลงจากตู้สี่เหลี่ยม ใสๆ ข้างในมีทีวีและไมโครโฟน พร้อมด้วยคนที่ยอมเสียเงินสิบบาทต่อ 1 เพลง
 มันช่างเป็นตู้ที่รวยไปด้วยความคิดสร้างสรรค์   เป็นประดิษฐ์กรรมเพื่อสนอง 
ความต้องการของมนุษย์ที่มีใจรักการร้องเพลงอย่างแท้จริง  ออนเดินผ่านเจ้าตู้นี้ขณะเดินซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่ง หูได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมา
ใครน่ะช่างเลือกร้องเพลงเก่าได้มาเสียเงินเพื่อร้องเพลงเก่า ๆ เพลงนี้ คิดว่าเค้าคงมีความหลังฝังใจกับเพื่อนบ้านแน่ ถึงได้
ติดใจยอมเสียเงินเพื่อจะได้ระลึกความหลัง 
     
        นึกถึงเพื่อนบ้าน แล้วออนก็พาล ระลึกถึง ...เธอ  นานแล้วน่ะตั้งแต่เธอได้ย้ายจากไป ไปตามทางของชีวิต ภาพในวันนั้นยังตรึงอยู่ในความทรงจำ
วันนั้นวันที่เราพบกันครั้งแรก 
        " พี่แหม่ม หายไปไหนมา วันนี้ออนรอ จะเล่นด้วย ลูกนกที่บ้านโตแล้วไปดูกันไหม " วัยนั้นเด็กหญิงผมเปีย หัวยุ่ง
หน้ามอมเป็นแมว พูดขึ้นหลังจากเจอเพื่อนเล่น ที่รอคอยมาทั้งวัน
        " ออน พี่ คนมาแนะนำ ให้รู้จัก อีก 2 คน คนนี้ พี่ปอ กับ ป่าน เค้าเป็นพี่น้องกับพี่ จะมาอยู่บ้านที่ด้วย" พี่แหม่มซึ่งยามนั้นเป็น
เพื่อนบ้าน รั้วเดียวกัน ที่วัยใกล้ๆกับออนมากที่สุด แนะนำ 2 พี่น้องให้ออนรู้จัก
        " ออนกับป่านน่าจะอายุเท่ากันน่ะ " 
        " เธอจะมาอยู่ บ้านเดียวกับพี่แหม่ม ก็คือบ้านติดกับเราใช่ไหม " ออนจีบปากจีบคอทักทายเพื่อนใหม่ ที่หน้ากลมขาว หมวย ดูก็รู้ว่าเป็น
          ลูกของลุงซื้งเป็นพ่อของพี่แหม่ม
        " ใช่ แม่เราเสียไปแล้ว แม่เราเป็นมะเร็ง " ป่านพูดขึ้นมา
       ยามนั้นออนยังไม่เข้าใจว่ามะเร็งคืออะไร รู้แค่ป่านบอกว่า แม่ของเธอชอบกินขนมปังที่ปิ้งไหม้ๆ และของย่าง
ที่ไหม้ๆ เกรียมๆ  ยามนั้นรู้อย่างเดียวว่ามีเพื่อนเล่นคนใหม่ ที่รุ่นราวคราวเดียวกัน เค้า 3 คนอยู่บ้านเดียวกัน
 พี่แหม่ม พี่ปอ แล้วก็ ป่าน 3 สาวซึ่งพ่อเดียวกันแต่คนละแม่
 
         ยามเด็กบ้านของออนเงียบเหงามาก บ้านเราไม่มีใครนอกจากออน แม่และพี่  ดังนั้นคนชอบความครื่นเครงอย่างออน
มีหรือที่จะไม่ร่อนไปตามบ้านต่างๆ บ้านที่อยู่บ้านตรงข้าม ซึ่งเป็นบ้านคุณยายก็เป็นที่หนึ่งที่ออนใช้หลบภัย
 หากแต่บ้านยายมีแต่พี่ๆ ไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันดังนั้น การจะหาเพื่อนหรือทำชีวิตไม่ให้เหงานั้น ออนเรียนรู้
ตั้งแต่เด็กว่าจะต้องทำอย่างไร 
          เท่าที่สมองในวัยเด็กจะคิดได้  ไม่ห็นยากถ้าเหงา ก็เดินไปหา 3 สาวบ้านติดกัน ก็สนุกแล้ว ของเล่นมากมาย
 เพื่อนเล่นก็มี  3 สาวบ้านนั้นแต่ละคนก็ชอบเล่นคนละอย่าง  พี่ปอชอบเล่น วี ดี โอ เกมส์  เข้าไปบ้านนั้น
ทีไร ก็เห็นพี่ปอจ้องอยู่หน้าทีวี ที่ประกอบเข้ากับเกมส์      ส่วนพี่แหม่มนั้นเล่นได้หมด แต่เรื่องโลดโผนเช่น
ขี่จักรยาน ไปท้ายหมู่บ้านไปตะลุยกองทราย จะถนัดเป็นพิเศษ   ส่วนป่านเพื่อนรักของออนนั้น
นิสัยเรียบร้อย อ่อนโยน ไม่ชอบกิจกรรมแผลงๆ  ป่านเป็นคนเดียวในรุ่นๆ ที่ที่โตขึ้นมาด้วนกันแล้วขี่จักรยานไม่เป็น
ด้วยว่าป่านเคยหัดแล้วล้ม หลังจากนั้นเธอจึงมาซ้อนท้าย ออนแทนเวลาแก๊งพวกเราออกตระเวนขี้จักรยานเล่นกัน
แม้ทักษะทางด้านการโลดโผ่นของป่านจะมีไม่มาก แต่ทักษะทางด้านกระประะดิษฐ์ประดอยนั้นป่านมีมากกว่าทุกคนในวัย
เดียวกัน   ของเล่นจุกจิกมากมายที่พวกเราเล่นก็เป็นผลงานของป่าน  วิชาพับนกกระเรียน 
และพับอื่นๆ  อีกมากมาย ก็ได้เธอคนนี้ที่สอน     ที่สำคัญคือ ป่านเป็นคนรักการอ่าน เราสองคนมักแลกหนังสือ
กันอ่านเสมอ ยังจำได้ว่าเรื่อง โต๊ะโต๊ะจังเด็กหญิงข้างหน้าต่าง และเรื่อง ราโมนาเด็กดี เธอเป็นคนแนะนำให้ออนอ่าน
และอีกหลายต่อหลายเรื่องที่เราแลกกันอ่าน  
        มีบ้างบางครั้งที่พ่อแม่ บ้านนั้นพาลูกสาว 3 คนไปเที่ยว กันเป็นครอบครัวซึ่งโดยมากเป็นวัน
อาทิตย์ ออนก็ต้องกลับมาอยู่บ้านตัวเอง  และถ้าตรงกับที่บ้านคุณยายไม่มีใครอยู่ ออนไม่มีที่ไป
จึงต้องกลับมาอยู่บ้านตัวเอง  ยามเย็นวันอาทิตย์ เสียงนก กา บินกลับรวงรัง  บ้านอันเงียบเชียบ 
กับเด็กหญิงที่นั่งโยกเปลไกวเล่นอยู่คนเดียว  ที่ในใจมีแต่ความเหงา  รู้สึกรับรู้รสชาติของความเจ็บปวด ความ เหงา เศร้า
ปวดร้าวที่ไม่มีใครสนใจดูแล เหมือนไม่มีใครรัก  เหมือนอยู่คนเดียวในโลก ไม่มีครอบครัวที่อบอุ่น  
ไม่มีวันที่ จะได้ออกไปเที่ยวไปกินข้าวครบหน้า อย่างที่คนอื่นมี  ความเหงากับออนจึงเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่วัยเด็ก 
แต่ความเหงาก็ไม่ได้มาเยี่ยมบ่อยนักพราะปรกติแล้ว  ออนจะหาทางออกให้กับตัวเองได้เสมอ ...
        เวลาผ่านไป...............
        จวบจนโต นึกแล้วก็ขำตอนนี้ต่างคนก็ต่างไป ออนเองก็ไม่ได้ข้ามไปหา 3 สาวอีกเลย หลังจาก
ที่ทุกคนก็โตแล้ว แยกวงออกไป หากแต่ตอนนี้กำลังมีสิ่งมีชีวิต อย่างนึงที่ข้ามมาจากบ้าน 3 สาวนั้นเข้ามาบ้านออน
        " มิกกี้ กลับบ้านไป " 
         ออนส่งเสียงไล่เจ้าหมาพุดเดิ้ล ขนหยิกหนอง สีทอง พลางเดินไปข้างรั้วและตะโกนว่า
        " มีใครอยู่บ้าง มารับมิกกี้หน่อย" 
        เงียบ
        ไม่มีเสียงตอบกลับระหว่างที่ออนกำลังชะเง้อ ชะแง้ เรียก เจ้าของมิกกี้ ข้างหลังออนคือ
        เจ้าส้มโชกุลและเพื่อนบ้าน ที่เล่นกันอย่างสนุกสนาน มิกกี้ตัวเล็กกว่าโชกุล
    สามารถมุดใต้ท้องโชกุลได้  สองตัวเล่น ฟัดกันนัวเนีย บางครั้งโชกุลก็ดึงหูอันยาวฟู ของมิกกี้แล้วสะบัด
   บางครั้งโชกุลก็เอาตีนตบมิกกี้  จนเจ้ามิกกี้ต้องทำท่ายอมแพ้โดยการนอน หงายท้อง  ขนเจ้ามิกกี้จะเต็มไปด้วย
   ดินและโคลน   ช่วงเวลาที่มิกกี้แอบมาหาโชกุล จึงดูเหมือนเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ของทั้งคู่โดยแท้
         ชั่วเวลาไม่นานคนที่บ้าน 3 สาวก็จะมาอุ้มมิกกี้ กลับบ้านไปโชกุล มองตาละห้อย 
         คาดว่ามันคงจะส่งภาษาหมากันแล้วว่า
        "  ไปก่อนน่ะเพื่อนรัก แล้วข้าจะมุดมาใหม่ เมื่อมีโอกาส " มิกกี้บอก
        " แล้วข้าจะรอ น่ะ มาหาเร็วๆ น่ะ ข้าเหงา " โชกุลตอบกลับพลางเดินไปส่งมิกกี้ที่ประตู
        " บ็อก บ็อก "
          
         ในความรู้สึกของออน พอจะเข้าใจความรู้สีกของ 2 หมาเพื่อนรักนี้ เพราะทั้งโชกุล และมิกกี้ต่างก็มี
ความเหมือนกันอยู่หนึ่งอย่างนั้นคือ ความเหงา ด้วยว่าปรกติทั้งคู่ก็ต้องอยู่ตัวเดียว โดยโชกุลอยู่นอกบ้าน
และมิกกี้อยู่ในบ้านของสามสาว ต่างก็ต้องรอ เจ้านาย กลับมาเล่นด้วย  ส่วนในรูปลักษณภายนอก ทั้งคู่ไม่มีอะไร
เหมือนกันเลย  ว่าด้วยโชกุลหน้าสั้น มิกกี้หน้ายาวแหลม  โชกุลสีดำสลับขาว มิกกี้สีน้ำตาลเข้มเป็นประกายทอง
โชกุลขนสั้นตรง มิกกี้ขนหยิกหยอง   โชกุลตัวหนา ล่ำ มิกกี้ตัวเล็กผอม   แต่ทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันได้
         จำไม่ได้ว่ามิกกี้และโชกุลมาเป็นเพื่อนชี้ กันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่รู้อีกที มิกกี้ก็เป็นแขกประจำบ้านที่ชอบหนี
ออนจากบ้านตัวเองมาบ้านออนอยู่เป็นเนืองๆ   ตามข้อสัณนิษฐาน คาดว่า บ่ายวันหนึ่ง
 มิกกี้คงจะเหงามากจึงหาทางออน  มุดรั้วออกมานอกบ้าน หลังจากออกมาได้ สมองอันน้อยนิดของ มิกกี้คงตัดสินใจถูกที่
เลี้ยวซ้าย มาเจอบ้านรั้วสีน้ำเงิน ประตูบ้านเป็นรูๆสีเหลี่ยมขนาดพอดีตัว  สามารถมุดเข้ามาได้ 
เมื่อมุดเข้ามา มิกกี้ คงได้พบหน้าส้มโชกุลครั้งแรก  มิกกี้คงตกใจกับตัวประหลาดหน้ายู่ๆ ตาโปน หน้าตาเหมือนตื่นตระหนก ของโชกุล
       มิกกี้คงเริ่มต้นมิตรภาพแบบหมาๆ เรียบ ง่าย ด้วยวิธีนี้
       เห็นหมาแล้วคิดถึงเจ้าของหมา ไม่รู้ป่านนี้ ป่านจะเป็นอย่างไรบ้าง นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ด้วยว่าต่างคนก็ต่าง
วิ่ง วุ่น อยู่ในวังวนความวุ่นวายของมนุษย์  มิตรภาพบางครั้งก็สามารถประทับอยู่ในความทรงจำได้นาน  มันโดนแช่แข็ง
ด้วยความรู้สึกในวัยเด็ก ความไร้เดียงสาในวันอันเยาว์วัย แค่ได้คิดถึงก็มีความสุข  แม้ว่าภาพในความทรงจำ
มันจะนานจนตอนนี้ กลายเป็นภาพขาวดำแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถิดน่ะ ป่าน...เธอจะเป็นคนในความทรงจำของเราตลอดไป
เราสัญญา  ...  ปล ตอนนี้แม้เราจะห่างกันแต่เราก็มีตัวแทนคือน้องหมาของเราที่มาเป็นเพื่อนกันน่ะ
       
       นึกถึงคำสัญญาแล้ว จำได้ว่าออน สัญญากับน้องหมาไว้ ว่าจะพาโชกุลเข้ามาเล่นในบ้าน วันละ 10 นาที
พี่ออนขอรับผิด บางวันพี่ออนก็ไม่ได้พาโชกุลเข้าบ้าน เพราะว่ากลับมาโชกุลก็เข้ากรงนอนแล้ว
พี่ออนคงไม่ ไปปลุกโชกุลออกมาหรอกน่ะ ให้โชกุลนอนหลับฝันดี คงจะดีกว่า   ส่วนเรื่องพาโชกุลวิ่งนั้น
พักนี้ ฝนตกชุ พอยามเย็นวันเสาร์ หรืออาทิตย์ ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ กระหน่ำลง มาพี่ออนคงไม่อุตริ พาโชกุล
วิ่งเล่นกลางสายฝน  เพราะฉะนั้นบางครั้งคำสัญญาก็ต้องมีข้อแม้ ในบางที หวังว่าลูกโชกุลคงจะเข้าใจน่ะลูก
พี่ออนไม่ได้แก้ตัวน่ะ เค้าเรียกว่าข้อจำกัดของสัญญาน่ะลูก
        
          วันก่อนขณะที่เราสามคนแม่ลูกนั่งกินข้าวด้วยกัน นานทีจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ในวงสนทนา
ก็มีการพูดถึงโชกุล กันในทำนองว่า
      " สงสารโชกุล หาเพื่อนมาอยู่นอกบ้านให้โชกุล ไหม "
      " แล้วจะเลี้ยงหรอ แต่ 2 ตัวยัง ขนาดนี้เลย  "
      " แต่โชกุลก็จะ 2 ขวบแล้วเป็นหนุ่มแล้ว น่าจะหาแฟนให้โชกุล"  พี่แอนพูด
      "จริงๆ โชกุล เลี้ยงง่าย น่ะ อยู่นอกบ้าน กินก็ง่าย อยู่ก็ง่าย"
     " ได้ เดี๋ยวจะลองถามๆ ดูว่า ใครมี หมา บอสตั้น เทอเรีย ตัวเมียบ้าง " ออนบอกแม่และพี่ พลางคิดว่าอาจลอง
เข้า internet ตาม web board ประกาศขายต่างๆ
        ว่าแล้วเมื่อมีเวลาว่างจากงาน ออนก็ลองเข้า www.หมาน้อยน่ารัก.com   ออนลองเข้าไปที่มุมwebboardประกาศ 
สัตว์เลี้ยง ลองอ่านหัวข้อที่คนเข้ามา Post ไว้ ส่วนมากจะเป็นขายหมาพันธุ์ที่      คนนิยมเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็น พั๊ก
เทอเรีย ,  ดัลเมเชี่ยน   ,บางแก้ว   ,บ็อกเซอร์ ,   พุดเดิ้ล   ,ร็อดไวเลอร์ , ปักกิ่ง , โกลเด้น รีทีฟเวอร์ ,  ดัลเมเชี้ยน 
 หาจนออนใจ ท่าทางจะไม่มีใครเลี้ยง บอสคั้น เทอเรียเลย เศร้าใจจัง จะหาคนเลี้ยงนักคนไม่มีเลยหรอ
แล้วโชกุลจะหาแฟนได้อย่างไร  วันก่อนไปเดินสวนจตุจักร ถามๆก็ไม่มีใครขายเจ้า บอสตั้น เทอเรียเลย
คลิกไปคลิก  มากลับไป ดูกระทู้เก่าๆ พลันก็เห็น มีคนมาตั้งทู้ไว้ว่า 
     **** ขายลูกสุนัข บอสตั้น เทอเรีย แท้ *****
     เย้ เย้ ยัป ปี้  !!!  เจอ แล้ว ดีใจ มาก รีบกดเข้าไป อ่าน
     เค้าให้เบอร์โทรไว้ บอกว่าสนใจติดต่อ เบอร์ 01-XXX-XXXX เป็นเบอร์มือถือ
     จากนั้นออนก็รับโทรไป หาทันที
     ตู๊ด ตู๊ด ๆๆ เมื่อมีคนรับ
    " สวัสดีคับ "
     " สวัสดีค่ะ เออโทรมาเรื่องน้องหมาบอสตั้น ที่ลงไว้ใน Web ค่ะ"  เสียงออนตื่นเต้นที่จะได้คุยกับคนเลี้ยงหมาพันธุ์เดียวกัน
     "คับผม ไม่ทราบคุณอะไรคับ" เสียงอีกด้านตอบกลับมาเป็นเสียงผู้ชาย
     " ชื่อ ออนค่ะ แล้วคุณชื่ออะไรค่ะ"
     " ผมเล็กคับ ที่บ้านคุณออนเลี้ยง ตัวผู้หรือตัวเมียคับ " 
      "ออนเลี้ยงตัวผู้ค่ะ มันไม่มีเพื่อนเลย หาคนเลี้ยงพันธ์นี้ยากจังค่ะ"
      " ผมเองก็เลี้ยงมานาน พยายามรวบรวมคนเลี้ยง บอสตั้น เทอเรีย อยู่เหมือนกันได้ประมาณ 10 กว่าคน" 
      " แล้วคุณเล็ก ลงประกาศขายไว้หรอค่ะ" 
      "อ้อ มันนานแล้วคับ มีคนมาซื้อไปแล้ว" 
      " หรอค่ะ ว้า นึกว่าจะซื้อมาเลี้ยงเป็นเพื่อนน้องหมาน่ะค่ะ น้องหมาของออน หล่อน่ะค่ะ พ่อแม่ของมันเป็น
    บอสตั้น แท้แบบ ped degree มาจากเมื่อนอก" ออนคุยอย่างเมามันส์ บางครั้งเพื่อนใหม่ก็หาได้ง่ายดาย
    เพียงแค่มีส่วนเหมือนกันแค่ 1 อย่างคือเป็นเจ้าของหมา พันธ์ที่ประชาชนเค้าไม่ค่อยเลี้ยงกัน
       " ที่บ้านผมเลี้ยง อยู่ 2 ตัวคับ "
       " อยากเห็นจังเลยค่ะ โชกุลก็คงอยากเจอด้วย "
      " ได้คับ ไว้ถ้า ว่างๆ ผมจะนัด คนเลี้ยงบอสตั้น เทอเรียอีกคน ทีผมรู้จัก มาเจอกัน" 
      "ได้ค่ะ ว่าแต่คุณเล็กอยู่ละแวกไหนค่ะ " 
        เมื่อได้รู้ว่าบ้านของเค้าและคนที่เลี้ยงบอสตั้น อีกคนอยู่ละแวก ชาญเมืองเหมือนกัน ออนก็รู้สึกยินดีมาก
เพราะว่า เห็นหนทางที่โชกุลจะได้มีเพื่อนเล่น เป็นหมาหน้าตาเหมือนกัน 
         
        เย็นวันหนึ่ง วันที่ออนได้ตกลงนัดวันกับคุณเล็กแล้วว่าจะพาหมาไปเจอกัน ออนพาโชกุลเข้ามาเล่นในบ้าน
 ออนคุยกับโชกุล ถึงเพื่อนใหม่ที่ออนจะพาโฃกุลไปเจอ 
         " ลูกโชกุล  มานี่ลูก พี่ออนมีข่าวดี "  ออนพูดกับหมา โดยมีโชกุลนั่งจ้องหน้า ตาโปน
         " พี่ออน หาเพื่อนให้ได้แล้ว เดี๋ยว เสาร์หน้าตอนเย็นเราไปหาเพื่อนโชกุลกันน่ะ บ้านนั้นเค้าเลี้ยง 2 ตัว"     
        " แม่ เสาร์หน้า ไปด้วยกันน่ะ พาโชกุลไปหาเพื่อน ไปดูกันว่าหมาเค้าสวยกว่าหมา เราไหม " ออนหันไปบอกแม่
         ลูกโชกุล คงจะรับรู้ได้แต่ว่า มีเรื่องดีๆ แต่มันคงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
        " โชกุล ดีใจ ไหมลูก จะได้พบเพื่อนที่หน้าตาแบบเดียวกัน "
     
       แล้ววันเสาร์ที่โชกุลและเจ้าของรอคอยก็มาถึง ออนเรียกแม่ซึ่งกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่นอกบ้าน
         " แม่ แม่ ไป พาลูกกุลไปหาเพื่อนกัน "
         ว่าแล้วออนก็เอาสายจูงมาถือไว้ เอาปลอกคอใส่ให้โชกุล  ดูหน้ามันดีใจมากเหมือนรู้ว่าจะได้ไปเที่ยว
         "มามา ส้มโชกุลขึ้นรถ"
          ส้มโชกุลกระโดดขึ้นและนั่งลงอย่าง งง งง เพราะปรกติ ถ้าโชกุลกระโดดขึ้นรถ มันจะต้องโดนไล่ลงมา
         เมื่อออนและแม่ ขึ้นนั่งข้างหน้า ออนบอกกับโชกุลว่า
         " โชกุล นั่งเรียบร้อยน่ะ อย่าซน "
         เมื่อรถเริ่มเคลื่นโชกุลซึ่งนานๆ ได้นั่งรถสักที มันมองเลิกลั๊ก ออกไปข้างนอก ทำหาลีบไปด้านหลัง
         ออนเห็นทีท่า มันคงไม่คุ้นกับการนั่งรถ ออนจึงเอามือไปลูบหัวมันเบาๆ ไม่ให้มันตกใจ
          สองคนแม่ลูกและหมาอีก 1 ตัว ขับรถไปยังหมู่บ้านที่เป็นที่นัดหมายในการพบปะกันระหว่างหมาและหมา
         เจอแล้วบ้านคุณเล็ก บ้านข้างหน้าล่ะแม่ ดูตามบ้านเลขที่ ที่เค้าให้ไว้ ว่าแล้วก็จอดรถแล้วก็พาส้มโชกุลลง
จากรถ มันมีทีท่าตื่นเต้น มันคงไม่เข้าใจว่าพามันมาทำไม ออนกดกริ่ง หลังจากนั้นเจ้าของบ้านออกมาเปิดประตู
ออนทักทาย และแนะนำคุณแม่ให้คุณเล็กรู้จัก 
          ........
          หลังจากกล่าวอำลาเจ้าของบ้าน   ออนและแม่พาโชกุลขึ้นรถกลับบ้าน  เมื่ออยู่ในรถ
          " นึกว่าหมาเรา หล่อแล้ว ปรากฎสู้ หมาเค้าไม่ได้เลย " ออนพูดขึ้นและต่อด้วยประโยคที่ว่า
          " หมาเค้า ตัวล่ำหนา ขนมัน  หูตั้ง  ตัวป้อมๆ  ลูกกุล ขี้เหร่ ไปเลยลูก "
         ออนหันไปมองโชกุล อย่างพิจารณา โชกุลขายาวอย่างที่เค้าบอกจริงๆ 
         เมื่อไปเทียบกับหมาพันธุ์เดียวกัน โชกุลตัวผอมไปถนัดตา และขาก็ยาวเรียว กว่าตัวอื่น 
         แต่เรื่องหน้าตา ก็พอสู้จะเค้าได้ มีแต่รูปร่างที่ หมาเค้าสวยกว่า ขาดลอย
         โชกุล เมื่อได้พบหน้า หมาบ้านนั้น มันเล่นกันอย่าง สนุกสนาน โชกุลดูมีความสุขมาก
        ที่ได้เจอเพื่อนที่หน้าตาเหมือนกัน ระหว่างที่ปล่อยให้หมาเล่นกัน คนเลี้ยงหมา
ก็มานั่งคุยกัน  คุณเล็กผู้ซึ่งเคย พาหมาของเค้าไปประกวด บอสตั้น เทอเรีย ตามสนามต่างๆ
วิจารณ์โชกุลตรงๆ  ว่า " ลำตัวเล็กไป ตัวผอม ไป และขาวยาวเกิน ทำให้ตัวดูโย่งเย่ง ดูกล้ามเนื้อไม่
เป็นมัด เค้าบอกว่าให้หมั่น พาโชกุลวิ่งเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา"
         ออนยิ้ม ให้เค้าแล้วบอกเค้าว่า
         " ปรกติ ก็พยายามจะพาเค้าวิ่งน่ะค่ะ ถ้ามีเวลา หมาของคุณเล็กสวยมากเลย ทำอย่างไร หูตั้ง ได้ขนาดนั้นค่ะ แล้วตัว
ก็ล่ำหนา ขาโต กล้ามเนื่อเป็นมัด "
           เจ้าของยิ้มใหญ่ที่ออนชม ว่าหมาของเค้าสวย และเจ้าของเลยเล่าวิธีเลี้ยงให้ออนฟังมากมาย
         ออนถามถึงราคา ของลูกหมาที่เค้าขายไปครอกที่ แล้วฟังตัวเลขแล้วออน ก็อึ้ง ตัวละ หนึ่งหมื่นบาท
        อึ้ม.....คิดในใจ โชกุล รอพี่ออนเก็บเงินก่อนล่ะกัน ตอนนี้ ก็เล่นกับมิกกี้ เพื่อนเกลอไปก่อนน่ะลูก
        กลับมาถึงบ้าน โชกุลลงจากรถวิ่งไปหาส้มฉุน ซึ่งรถการกลับมาของเราอยู่ที่บ้าน
       ส้มฉุนวิ่งมาทักทาย และดมตัวโชกุล มันคงได้กลิ่นหมาจากบ้านโน้น
       ออนให้ข้าวหมาทั้งสองตัว พลางพูดกับโชกุลและส้มฉุนตอนให้ข้าวว่า
     " ลูกกุล ลูก ฉุน ใครว่าลูกไม่หล่อ ไม่เป็นไร พี่ออนว่าหล่อ ก็พอแล้วน่ะลูกน่ะ "
       สำหรับหมาก็คงก้มหน้าก้มตากินไป ไม่ได้รู้เรื่องรูปร่างหน้าตาภายนอก รู้แต่ว่า วันนี้ มันได้เจอเพื่อนใหม่
ได้เล่นกันสนุกสนาน 
       หมาคงรู้แค่นี้ แต่สำหรับคน วันนี้เป็นวันที่ออนได้เข้าใจอะไรบางอย่าง เข้าใจแล้วว่าความคิดที่แล้วมาของออนนั้น ผิดหมด 
ออนเคยทะนงนัก หนา ว่าหมา ข้านี้ช่าง หล่อ เหลา ที่สุด เนื่องด้วยไม่เคยมีหมาพันธุ์เดียวกันมาเปรียบเทียบ ทำให้เข้าใจไปเองว่า หมาเรานั้นเจ๋งที่สุด
หล่อที่สุด ช่างน่าหัวเราะในความคิดของตัวเอง  วันนี้ออนได้รู้แล้วว่าโชกุลนั้นหน้าตาธรรมดาเมื่อเทียบกับหมาพันธุ์เดียวกัน
และออนก็ยอมรับได้แล้วว่า โชกุลก็เป็นอย่างที่มันเป็น   เอาเป็นว่าโชกุลน่ารักและเป็นหมาที่ดี ในสายตาของออนก็พอ
         มองดูหมาแล้วย้อนมองคนเรา ว่า อย่างพึ่งทะนงตัวไปว่าเราสามารถทำในบางสิ่งได้ แม้คนรอบกาย
จะชม จะชื่นชอบ  ว่าเราดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเก่งที่สุด  เมื่อไรที่เราได้เจอคู่เปรียบ
เมื่อนั้น เราจะรู้ว่าเราอยู่ที่ระดับไหน และเหนือสิ่งอื่นใด สำหรับคนเมื่อรู้ตัวเองแล้วก็ต้องปรับปรุงพัฒนา ตัวเองขึ้น ไปทำให้เต็มความสามารถ
เมื่อนั้น ไม่ว่าใครจะว่าเราว่าอย่างไร หรือเทียบกับคนอื่นแล้วเราจะอยู่ระดับไหน อย่างน้อยเรา ก็ยิ้มรับได้อย่างภาคภูมิ ว่า
" วันนั้นฉันได้ทำอย่างเต็มความสามารถแล้ว"
    ตอนต่อไป หมาในอยากออก หมานอกอยากเข้า ตอนที่ 6 หมาเร่ร่อน				
comments powered by Disqus
  • zonkung

    16 กันยายน 2545 10:27 น. - comment id 66393

    ซาหนุกฮับ ข้อคิดก้อมีเพียบเยยดีจัง
    จะรออ่านตอนที่ 6 อย่าให้รอจนแมวหลับนะพี่ตอง อิอิ..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน