สิ่งสวยงาม
The Classic
เช้าวันหนึ่งหลังจากการหลับไหลอันยาวนานด้วยฤทธิ์ของซาแนกซ์ มันเป็นเช้าที่ปลอดโปร่งทีเดียว แต่มันค่อย ๆ หดหายไปอย่างไม่รู้ตัวเหมือนกับทุก ๆ ครั้ง และแล้วความรู้สึกเดิม ๆ ก็คืบคลานกร่อนกินความสดชื่นของเช้าวันนั้นเหมือนมะเร็งร้ายที่ลุกลามไปเรื่อย ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ยากจะเยียวยา
แสงแดดรำไรค่อย ๆ แรงขึ้นแรงขึ้น เงาของกิ่งไม้นอกหน้าต่างขริบขอบของตัวเองให้เด่นชัด และค่อย ๆ หดตัวลงจนมาซ้อนทับกับต้นกำเนิดของเงานั้นเอง กว่าก้อยจะมีเรี่ยวแรงพอที่จะปลุกประสาทสัมผัสทั่วร่างให้ลุกขึ้นจากกลุ่มก้อนมืดดำที่กดทับเธอไว้ เธอก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ามีความร้อนอบอ้าวตลบอยู่ทั่วทั้งห้องเพราะเครื่องปรับอากาศที่ถูกปิดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มีแต่เพียงพัดลมเล็ก ๆ ส่ายหัวไปมาอย่างอย่างช้า ๆ
ทำไมคนเราต้องกิน ทำไมคนเราต้องทำงาน ทำไมคนเราต้องหายใจ???? คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาอีกครั้ง แต่เป็นเพียงคำถามเงียบ ๆ ที่ถูกขังอยู่ภายในกรอบของจิตใจเท่านั้นเอง และแน่นอนคำตอบที่กลายเป็นคำตอบแรกและคำสุดท้ายของคนส่วนมากก็ คือ คนเราต้องมีชีวิตอยู่ แต่สำหรับก้อยแล้วเธอไม่ค่อยมั่นใจในคำตอบนี้เท่าไรนัก
โจ๊กหมูสับเจ้าอร่อยอยู่บนโต๊ะ ก่อนทานอุ่นด้วยนะจ๊ะบอล โน้ตสั้น ๆ ที่แปะไว้ตรงตู้เย็น เขียนด้วยตัวหนังสือไม่ค่อยสวยนักแต่ก็ยังบ่งบอกถึงความบรรจงของผู้เขียน มือเรียวยาวแต่ขาวซีดของก้อยรีบคว้ากระดาษนั้นไว้และขยำทิ้งลงถังขยะทันที จากนั้นก้อยก็นำโจ๊กชืด ๆ เทใส่ในชาม แล้วยกไปนั่งที่หน้าทีวี
มิวสิควิดีโอของศิลปินยอดนิยมก็ปรากฏขึ้น แต่แล้วช่องต่าง ๆ ก็ถูกเปลี่ยนกลับไปกลับมา จนสุดท้ายเสียงนักข่าวสาวของช่อง CNN ที่พูดรัวและเร็วจนจับใจความได้ยากยิ่งก็กลายเป็นเพื่อนรับประทานอาหารของก้อยที่ดีที่สุด ราวกับว่าทั้ง 2 สื่อสารกันได้ คนหนึ่งพูดโดยไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะฟังหรือไม่ ส่วนอีกคนหนึ่งสื่อสารด้วยการกินอย่างเชื่องช้าและสายตาที่เลื่อนลอยราวกับพยายามบอกว่าไม่อยากฟัง แต่ขอร้องเถอะ อย่าไปไหนเลยนะ ! เพราะคุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันในเวลานี้
###################################################
ก้อยเพิ่งลาออกจากงานเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ท่ามกลางความตะลึงจังก้าของเพื่อนร่วมงาน ภายใต้สีหน้าที่อิ่มเอมของก้อยเธอนึกถึงวันข้างหน้าที่สดใสที่เธอจะหลุดพ้นจากกล่องเฮงซวยนี้ได้ เธอหายใจลึก ๆ 2-3 ครั้ง ราวกับว่าเธอได้สูดเอาความรู้สึกแห่งชัยชนะเข้าไปให้เต็มปอดถึงแม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่น้อยคนนักที่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้ หรืออาจจะไม่มีเลยสักคนเดียว จากนั้นเธอก็คว้ากระเป๋าสะพายออกไปจากบริษัทเหลือทิ้งไว้แต่ความงงงวยของเพื่อนร่วมงานทั้งหลาย รองเท้าส้นสูงถูกทิ้งลงถังขยะหน้าลิฟท์ชั้น 10 ปุ่มลิฟท์ถูกกดซ้ำ ๆๆๆๆๆ ความร้อนระอุที่คุกรุ่นผลักดันให้ก้อยวิ่งลงทางวนของบันไดหนีไฟ ชั้นแล้วชั้นเล่าแลดูเนิ่นนาน ราวกับเข็มบอกเวลามันเหน็ดเหนื่อยที่จะเดินต่อไปข้างหน้าวันแล้ววันเล่า
ก้าวแรกที่เท้าอันบอบบางของก้อยแตะพื้นฟุตบาท เธอก็เริ่มวิ่ง วิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ไม่มีจุดหมาย มารู้สึกตัวอีกทีรั้วบ้านสีคุ้น ๆ ก็อยู่ตรงหน้าแล้ว บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านที่อบอุ่นแต่บัดนี้มันกลายเป็นความหนาวเย็นที่ชาชืด
บอลกลับมาถึงบ้านด้วยอาการเร่งรีบ เหงื่อเม็ดโตค่อย ๆ ไหลอาบแก้มของเขา ทันทีที่ทราบข่าวของก้อยเขาก็รีบบึ่งรถกลับมาที่บ้าน ภาพแรกที่เขาเห็นสภาพของก้อยกับถุงน่องที่ขาดวิ่นฝ่าเท้าที่มีเลือดไหลซิบ ๆ นั่นทำให้บอลเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าก้อยเลยทีเดียว
บอลอุ้มก้อยหายเข้าไปในบ้าน เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาไม่ขาดสายแต่ไม่มีใครรับ ผ่านไปกี่โมงยามไม่มีใครสนใจ แสงอัสดงค่อย ๆ คลี่ปมร้อนระอุให้แผ่วลง และลมเย็นยามรัตติกาลก็หอบพัดเอาไอร้อนออกไปสิ้น ความยะเยือกกลับเข้ามาโอบล้อมไว้ทั่วทุกอาณาบริเวณ แต่ไม่ว่าอย่างไรเช้าวันใหม่ก็โผล่ลำแสงออกมาทักทายเพื่อเตรียมต้อนรับความร้อนแรงของแดดกล้าอีกครั้ง
###################################################
บางทีคำตอบที่ว่า คนเราต้องมีชีวิตอยู่ นั้นไม่ใช่เหตุผลของการที่ลมหายใจของก้อยยังเข้าออกผ่านร่างกายของเธอ ราวกับว่าโลกนี้เล่นตลกกับเธอไม่หยุดหย่อน ลำแสงจากดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ทักทายเธอด้วยสัมผัสอันร้อนแรง
กลิ่นหอมจากในครัวโชยมาเชื้อเชิญให้ก้อยหยุดมองผู้ชายที่ขมักเขม้นทำกับข้าวอยู่อย่างไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาอยู่เบื้องหลัง
ความทรงจำแวบแรกเกี่ยวกับผู้ชายแสนดีคนนี้คือ รอยยิ้ม รอยยิ้มที่เคยดูอบอุ่น ถึงแม้ตอนนี้มันจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงแต่ความรู้สึกของผู้รับรู้นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว คำว่า ขอบคุณ ติดอยู่ในลำคอ เปล่งออกมาเพียงแค่คำพูดที่ไม่ได้สำคัญอะไรนัก
วันนี้ทำอะไรหรือคะ ที่รัก
ก็นี่ไง ของโปรดก้อยเลยนะ หมูทอดกระเทียม กับนี่แกงจืดไข่น้ำไงจ๊ะ นี่ก็จะเที่ยงแล้วนะ ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า แล้วค่อยลงมากินข้าว
ขอบคุณนะ คำ ๆ นี้แทรกผ่านลำคอของก้อยออกมาอย่างแผ่วเบาและยากลำบาก
หา..ว่าอะไรนะ? บอลตะโกน
เปล่าไม่มีอะไร .. ก้อยไปอาบน้ำนะ ก้อยขึ้นบันไดอย่างเชื่องช้า
บอลซื้อสบู่ขวดใหม่มาอยู่ในถุงหน้าห้องน้ำน่ะ บอลตะโกนไล่หลังไป
แต่เสียงที่ตอบกลับมาคือ ความเงียบ ที่ฟังดูมันจะพูดดังฟังชัดเสียเหลือเกิน เกินกว่าคำพูดไหน ๆ ในบ้านหลังนี้
###################################################
ความทรงจำวัยเด็กของก้อยไม่ค่อยจะเหมือนเพื่อน ๆ คนอื่นนัก เธอค่อนข้างสับสนกับคำว่า แม่ เธอมีแม่ 2 คน คนหนึ่งคือผู้ให้กำเนิดที่เธอรักเกินกว่าสิ่งใดในโลกนี้ แต่อีกคนหนึ่งที่เธอเรียกว่า น้าอร ที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างเส้นแบ่งของความรักและความชิงชัง
ก๊อก ๆๆ
น้าอร ๆ แม่เรียกให้ช่วยเอารถเข้าบ้านหน่อย
สักพักผู้ชายวัยกลางคนพร้อมกับทรงผมยุ่ง ๆ กระวีกระวาดออกมาเปิดประตู สภาพที่เห็นคือ ผ้าขนหนูที่ยังใส่ไม่ค่อยเรียบร้อย
เดี๋ยวนะ ก้อยขึ้นไปนอนก่อน บอกแม่ด้วยว่าเดี๋ยวพ่อจะเอารถเข้าบ้านให้เอง แป๊บเดียวนะ และแล้วประตูก็ปิดลงอย่างเร่งรีบ แต่ก้อยยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ก้อยไม่รู้หรอกว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นมันคืออะไร เด็กน้อยรู้เพียงว่าพ่ออยู่ในห้องนี้ ห้องที่ไม่ใช่ห้องนอนของแม่ !
###################################################
ยินดีด้วยนะครับ คุณท้องได้ 2 เดือนแล้ว หมอบอกก้อยและบอล
จริงเหรอครับหมอ บอลโพล่งออกไปด้วยอาการตื่นเต้น
ช่วงนี้สภาพจิตใจจะไม่ค่อยปรกติ เพราะฮอร์โมนในร่างการเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง หมอพูดไปด้วยก้มหน้าเขียนใบสั่งยาไปด้วย ควรพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ และไม่ต้องกังวลอะไรมาก ผมจะสั่งยาบำรุงให้ และกลับมาพบหมอใหม่ในสัปดาห์หน้านะครับ
ก้อยนิ่งเงียบไม่มีแม้แต่เสียงใด ๆ ออกมา แต่แล้วน้ำตาเธอก็ไหล เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำตาที่ไหลออกมานั้นมันคือ น้ำตาแห่งความยินดีหรือเสียใจกันแน่ !
ก้อย เราจะเป็นพ่อเป็นแม่คนแล้วนะ ถึงกับร้องไห้เลยเหรอ บอลสัญญานะ เราจะดูแลเค้าอย่างดีที่สุดเลย เด็กคนนี้จะโชคดีมากที่เกิดมาเป็นลูกของเรา เสียงของบอลปลอบก้อย แต่น้ำตาของเธอก็ยังคงไหลออกมาไม่ขาดสาย
###################################################
น้องน่ารักมั๊ย นี่ไงน้องชายของหนู ลองอุ้มดูมั๊ย เด็กน้อยวัย 9 ขวบ ได้อุ้มน้องชายครั้งแรก และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่เธอรู้สึกว่าเธอจะไม่เป็นน้องคนสุดท้องอีกต่อไป เธอไม่จำเป็นต้องเอาตุ๊กตามาอุ้มติ๊งต่างเป็นน้องอีกแล้ว ตอนนี้น้องชายที่มีเลือดเนื้อเชื้อสายเดียวกับเธอครึ่งหนึ่งได้อยู่ในอ้อมกอดเธอ และความรักที่ไม่มีข้อกังขาก็ก่อเกิดในหัวใจของก้อย
น้องชื่ออะไรดีคะ แม่
อืม แม่ก็ไม่รู้ ลองไปถามน้าอรดูสิ แม่รับทารกน้อยมาอุ้ม และก้อยก็วิ่งกระวีกระวาดไปหาน้าอร
น้าอรคะ น้องชื่ออะไรดีคะ
ก้อยอยากให้ชื่ออะไรล่ะ น้าอรถามกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย
หนูก็ไม่รู้ เอ..ก้องดีมั๊ยคะ หนูมีเพื่อนชื่อก้องในห้องเรียนเค้าเป็นหัวหน้าห้องด้วย เด็กน้อยยังคงเจื้อยแจ้ว
ก็ดีนะ จะได้คล้องกัน กิ๊ก ก้อย แล้วก็ ก้อง แต่ต้องไปถาม
ดีงั้นชื่อ ก้อง นะ ยังไม่ทันจะฟังเสียงน้าอรพูดต่อ ก้อยก็วิ่งตะโกนออกไปบอกแม่ว่า
แม่ ๆ น้อง ชื่อก้องนะคะ แต่ภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็ชะงักอาการตื่นเต้นของก้อยได้ทันทีนั่นก็ คือ คราบน้ำตาของแม่พร้อมกับเด็กทารกในอ้อมกอดของเธอ
บางทีภาพนี้มันก็ดูสวยงามนะ
###################################################
เรามีลูกไม่ได้ ก้อยพูดกับบอลในรถ
ทำไมล่ะ เราเลี้ยงเค้าได้นะ ตอนนี้เราพร้อมทุกอย่างแล้ว
ไม่ ๆ ไม่มีทาง ก้อยไม่อยากมีลูก เราเลี้ยงเค้าให้เป็นคนดีไม่ได้หรอก ก้อยยังคงยืนยันในความคิดเดิม
บอลไม่เข้าใจน่ะ เรารักกันไม่ใช่เหรอ และตอนนี้ครอบครัวของเรากำลังจะสมบูรณ์นะก้อย ส่วนเรื่องงานไม่ต้องห่วง ก้อยก็อยู่ที่บ้านเฉย ๆ บอลจะเป็นฝ่ายทำงานเองนะ อย่าคิดมากเลย
บอลไม่เข้าใจหรอก และไม่มีวันเข้าใจด้วย ก้อยจะเอาเด็กออก! เมื่อสิ้นสุดคำนี้ความเงียบก็ครอบคลุมทุกอณูของการสนทนาอีกครั้ง
เพลงนี้เพราะนะ มันเคยเป็นเพลงของเราใช่มั๊ย บอลทำลายความเงียบ
ใช่มันเคย..
###################################################
ตั้งแต่พ่อเสียไป นี่เป็นครั้งแรกนะที่ก้อยกลับมาเยี่ยมบ้าน แม่ของก้อยพูดนิ่ง ๆ แต่ไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มแห่งความปิติจากแววตาของเธอได้
แม่คะ ก้อยออกจากงานแล้วนะ ก้อยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
อ้าว แล้วบอลเค้าว่าไงบ้างล่ะลูก
ก็ไม่ว่าอะไร งานมันยุ่งน่ะแม่ คนก็วุ่นวาย กะว่าจะอยู่ว่าง ๆ ซักพักแล้วค่อยหางานใหม่
กลับมาอยู่บ้านมั๊ย แม่เหงาน่ะ ตอนนี้อรก็ต้องดูแลร้านเสื้อ ส่วนกิ๊กก็ไม่ค่อยว่าง เจ้าก้องก็ตามประสาวัยรุ่นน่ะ ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านหรอก
แม่คะ จะว่าอะไรมั๊ยถ้า หนูจะเลิกกับบอล
อ้าว มีปัญหาอะไรกันหรือลูก ก้อยเงียบไป
เราน่ะเป็นลูกผู้หญิงอะไรยอมได้ก็ยอมเค้าไปเถอะลูก
ก้อยหันมาสบตาแม่ แล้วสิ่งที่แม่เคยยอมล่ะคะ มันทำให้ชีวิตแม่เป็นยังไง แม่มีความสุขนักเหรอ
ก้อยเป็นอะไรไปน่ะ ความล้มเหลวของแม่มันเป็นคนละเรื่องกับครอบครัวของลูกนะ
แม่พูดว่าคนละเรื่องกันเหรอคะ ก็เพราะความอ่อนแอของแม่ไม่ใช่เหรอที่ทำให้หนูเป็นแบบนี้น่ะ! ตอนนี้หนูกลายเป็นคนล้มเหลวค่ะแม่ ก็เพราะแม่นั่นแหล่ะ แม่ยอมพวกเค้าทำไม
ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของแม่อีกเลย มีเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในห้องนี้ นั่นก็คือ สายตาแห่งความเจ็บช้ำของผู้เป็นแม่ แม่เดินออกไปพร้อมกับทิ้งบางอย่างไว้เบื้องหลัง
แต่ ลูก คือ สิ่งสวยงามที่สุดที่แม่เคยสร้างมาในชีวิตนี้นะ
###################################################
เสียงนักข่าวสาวจากช่องภาษาอังกฤษยังคงดังอยู่ ก้อยยังคงทานโจ๊กที่จืดชืดนั้น นาฬิกาบอกเป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว เด็กในท้องยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้แล้วสินะที่หมอในคลินิคนัดก้อยไว้ นับแต่วันนั้นมาบอลและก้อยคุยกันน้อยมาก บอลกลับจากที่ทำงานก็เข้านอน ส่วนก้อยก็ดูโทรทัศน์จนดึกดื่นและตื่นสายโด่ง สิ่งเดียวที่ทั้ง 2 สื่อสารกันนั่นก็คือ post it ที่ล้วนแล้วแต่เป็นลายมือของบอลทั้งสิ้น ก้อยพยายามหลบหน้าบอลเพราะเมื่อไหร่ที่ทั้ง 2 คนต้องเผชิญหน้า บาดแผลที่ความเงียบทิ้งร่องรอยไว้นั้นก็จะถูกสะกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีกว่าถ้าทั้ง 2 คนสร้างเกราะกำบังด้วยการก่อกำแพงของตัวเองและมีโลกของตัวเอง
ก้อยแต่งตัวเสร็จแล้ว วันนี้เธอตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะเธอต้องการปกปิดความโศกเศร้าบางอย่าง ลิปติกสีแดงสดถูกวาดลงบนริมฝีปากซีดเผือด บางทีสีเลือดเช่นนี้อาจจะเป็นตราบาปที่เธอกำลังจะก่อ แต่จะแตกต่างที่ลิปติกเป็นสิ่งที่สามารถลบทิ้งได้แต่บาดแผลที่ก้อยกำลังจะทำร้ายตัวเองนั่นไม่มีวันที่จะลบเลือนได้เลย.
บางทีสิ่งสวยงามอาจจะเหมาะที่จะเป็นของคนบางคนเท่านั้นนะ
###################################################