เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกทอแสงจากภวังค์ แสงเสร็จหรือยังครับ เสียงนุ่มๆเสียงหนึ่งดังมาตามสาย ค่ะ ทอแสงตอบเสียงปลายสายอย่างไร้อารมณ์ และวางหูโทรศัพท์แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงชายหนุ่ม ทอแสงเก็บของส่วนตัวใส่กระเป๋าถืออย่างลวกๆ ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างไม่ใยดีกับงานที่ยังค้างอยู่ และออกจากห้องไป แสง..วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านผมนะ คุณพ่อกับคุณแม่เพิ่งกลับมาจากไปเยี่ยมน้องรินที่อังกฤษ ท่านอยากเจอคุณ ผมว่าท่านต้องมีของมาฝากคุณหลายอย่างเลยล่ะ ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี พลางเปิดประตูรถยนต์คันงามให้หญิงสาวตรงหน้า ค่ะ ทอแสงตอบด้วยประโยคและอารมณ์เดิม สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ยินดีใดๆ เป็นอะไรไปหรือเปล่า ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนโยน พลางกุมมือหญิงสาวไว้อย่างห่วงใย เปล่าค่ะแค่เครียดกับงานนิดหน่อย นั่นคือคำโกหก ทอแสงจะเครียดกับงานได้อย่างไร ในเมื่อทั้งวัน เธอแทบไม่ได้แตะงานที่กองสุมบนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย อืมถ้างั้นทานข้าวเสร็จ ผมพาแสงไปฟังเพลงต่อนะ จะได้หายเครียด ชายหนุ่มเสนอ พลางพารถคันงามไปอออยู่บนถนนที่สภาพการจราจรคับคั่งดั่งเช่นทุกเย็น ไม่ดีกว่าค่ะวายุแสงอยากพักมากกว่า ทอแสงรีบปฏิเสธ เธอไม่อยากให้ผู้ชายที่อยู่ข้างๆดีกับเธอมากไปกว่านี้ ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทอแสงได้แต่ถามตัวเองว่า ทำไมผู้ชายที่ออกจะเพียบพร้อมสมบูรณ์อย่างวายุถึงมาให้ความสำคัญกับเธอมากถึงเพียงนี้ ทอแสงเคยถามเขาหลายครั้ง หากแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทุกครั้งไม่ต่างกันเลย เหตุผลของเขาคือ แสงเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใคร ผมไม่เคยเห็นใครที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแสงมาก่อน แสงจริงใจกับผม และผมก็รักที่แสงเป็นแบบนี้ นั่นออกจะเป็นคำยกยอปอปั้นที่ฟังดูเหมือนประโยคในหนังไทยไม่มีผิด ทอแสงรู้สึกแปลกใจทุกครั้งที่ได้ยินคำตอบของเขา เพราะเธอแค่เป็นผู้หญิงธรรมดา ฐานะก็ธรรมดา ใช้ชีวิตก็ธรรมดา และไม่เคยคิดว่ามหัศจรรย์แห่งรักจะเกิดกับคนธรรมดาๆอย่างเธอได้ แต่แล้ววันหนึ่งก็มีผู้ชายหน้าตาดี พรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติผ่านเข้ามาในชีวิต และนับจากนั้น เขาก็แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ วายุคอยเอาใจใส่ดูแล เป็นห่วงเป็นใย และไม่เคยอารมณ์เสียใส่ทอแสงเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็คงจะจริงที่ว่า ความดีกับความรักมักเป็นคนละเรื่องกันทอแสงไม่ได้ต้องการเป็นคนพิเศษ หรือคนสำคัญของผู้ชายที่แสนดีอย่างเขา หากแต่ว่าเขาเองที่ดูเหมือนจะต้องการให้เธอเป็น เย็นนั้น หลังจากทานข้าวเย็นมื้อสำคัญกับครอบครัวของวายุแล้ว วายุก็พาทอแสงมาส่งที่บ้าน บ้านที่แตกต่างจากบ้านของเขาโดยสิ้นเชิง บ้านของทอแสงเป็นบ้านสองชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ทาสีฟ้าเทา ด้านหน้ามีเฉลียงที่เชื่อมถึงด้านข้างซึ่งยื่นไปในบ่อปลา ทอแสงมักใช้เวลายามว่างอ่านหนังสือหรือแม้แต่ปูผ้านอนเล่นที่เฉลียงด้านข้างเนื่องจากมีเนื้อที่กว้างกว่าด้านหน้า บริเวณตัวบ้านล้อมรอบด้วยต้นไม้ทั้งใหญ่และเล็ก ให้บรรยากาศสงบร่มรื่นอบอุ่น ส่วนบ้านของวายุนั้นเข้าขั้นเศรษฐี ทุกกระเบียดนิ้วของบ้าน ทั้งในและนอก ตกแต่งและใช้แต่ของราคาแพง ทอแสงรู้สึกราวกับว่าตัวเองหลงเข้าไปความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง กระนั้น เธอก็เป็นคนหนึ่งที่วายุพาเข้าออกบ้านหลังนี้เสมอ แต่ทอแสงมิได้รู้สึกยินดีกับมันเลย ตรงกันข้าม เธอรู้สึกอึดอัด และไม่เป็นตัวของตัวเอง ครอบครัวของวายุทุกคนดีกับเธอ และไม่ได้แสดงความรังเกียจที่เธอมิได้อยู่ในสถานะเดียวกับกับพวกเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอึดอัดของเธอลดลง ทอแสงล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มคลุมด้วยผ้าห่มสีฟ้าอ่อน นาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลาเกือบ 5 ทุ่ม แม่ของทอแสงเข้านอนหลังจากที่เธอกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย แม่ของเธอให้ความไว้วางใจกับวายุ ราวกับวายุจะมาเป็นลูกเขยของบ้านนี้ ทอแสงไม่ค่อยพอใจนักกับทีท่าของผู้เป็นแม่ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าวายุจะต้องเข้ามามีชีวิตร่วมกับเธอในอนาคตเนื่องจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบ ทอแสงพยายามข่มตานอน พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์แรกของเดือนธันวาคม และเป็นวันที่ครบ 3 ปีของการจากไปของใครคนหนึ่งซึ่งไม่เคยจางไปในความรู้สึกของเธอ ติดตามตอนต่อไปครั้งหน้าค่ะ
4 กันยายน 2545 04:49 น. - comment id 66273
จารอติดตามจ้า........ คนที่เขียนเองเนี่ยหนับหนุน....... ให้กำลังใจจ้า
4 กันยายน 2545 08:38 น. - comment id 66275
ขอบคุณค่ะ ตั้งใจไว้นานแล้ว บางทีอยากเขียนแต่ไม่ได้เขียน ในที่สุดมันก็ลืม ก็เลยคิดว่าถ้าตั้งใจแล้วก็น่าจะลงมือทำ ถึงมันอาจจะยังไม่ดีตอนนี้ แต่สักวันมันก็ดีขึ้น...
4 กันยายน 2545 13:20 น. - comment id 66284
จะรออ่านค่ะ น่าติดตามมากๆ
4 กันยายน 2545 15:27 น. - comment id 66289
ขอบคุณมากค่ะ อยากบอกว่าดีใจมากที่ความฝันเป็นจริง.... ^__^
5 กันยายน 2545 13:18 น. - comment id 66296
กาลครั้งหนึ่งนานมา ท้องฟ้าสีฟ้า ทะเลละลอกคลื่นใส ตะวันทอแสงนวลใย วายุพัดไกว แต่ใจฉันมีแต่เธอ...