เมื่ออดีตไล่ต้อนผม ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ผมไม่ได้ล้อเลียนคุณฮวน เอนริเกซ์ ( JUAN ENRIQUEZ ) คนเขียน เมื่ออนาคตไล่ล่าคุณ ( AS THE FUTURE CATCHES YOU ) ดอกครับ เพราะอย่างไรผมก็หนีอนาคตไม่พ้น แต่ที่หนักกว่าสำหรับผมคือต้องหนีอดีตด้วย อดีตตามล่าผมอยู่ทุกเวลานาที ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ผมเขียนความร้อยไว้ตอนหนึ่ง (คุณจะข้ามข้อความตอนนี้ไปเลยก็ได้ครับ) เพื่อนไปไกลเสียแล้วล่ะแก้วเอ๋ย อย่าถามถึงเขาเลยจะได้ไหม เพราะเอ่ยชื่อของเขามาคราวใด ก็ปวดใจเต็มขีดเหมือนมีดแทง อาจจะจริงเหตุข่วนใจไม่ใช่เขา เป็นคนก่อต่อเราในหลายแหล่ง เพื่อนของเขาไม่ใช่เขาทำเราแรง วันนี้แผลแลดูแห้งหากแทงใจ เธอจำได้ใช่ไหมเล่าในคราวก่อน เขาเอาแก้วสามก้อนก้อนใหญ่ใหญ่ มาแลกกับเศษดินหินเหล็กไฟ บอกเอาไปทำเป็นของเป็นทองเค เราเอาหินเหล็กไฟให้เพื่อนเขา ใจของเราไร้เหลี่ยมกลลืมสนเท่ห์ หินของเราห่างมือเราเขากลับเก ทับเราเป๋อ่อนเปลี้ยหวิดเสียคน ได้ข้าวเราบอกจะเอาไปปรับพันธุ์ ของเดิมมันปลูกไปจะไร้ผล ข้าวพันธุ์เก่าเราปล่อยปั๊บก็อับจน กลายเป็นคนหงอยหงอปีต่อปี พันธุ์ใหม่มันฉกาจสร้างทาสใหม่ ผลผลิตต่อไร่สูงเต็มที่ แต่ขอโทษต้นทุนคุณก็มี ราคาดีอยู่กี่ฝนก็ป่นลง พันธุ์ของคุณเหนือชั้นแพงบรรลัย พันธุ์ของผมพันธุ์ไพร่คุณไม่ส่ง- เสริมก็เสริมไปงั้นงั้นพากันปลง นั่นความจริงมันแจ้งตรงกลางจอตา เอาเข้าซีดีเอ็นเอโมดิฟายด์ ค่าความรู้มันมากมายใครเห็นค่า คุณนั่นแหละเห็นหลังไหล่ใครทำนา แต่เพื่อนคุณเป็นคนฆ่าคนแทนคุณ ความก้าวหน้าทุกแถวช่องเป็นของดี ไม่แอนตี้เพราะเราต่ำเดินย่ำฝุ่น แต่โนว์ฮาวเปลี่ยนมือไปไกลมือบุญ ถึงมือบาปผมและคุณหรือต่างตอ อ้าปาก พูดมากไปทำไมมี ก็เห็นไหมเพื่อนพี่ ผีหัวหมอ มันมักได้ ถ่ายเดียวได้ ไม่เคยพอ กรรมเวรก่อกลับตกไหม้ใครอื่นแทน พูดอย่างตรงที่สุด -ไม่ไว้ใจ ! คุณตัดต่อเอาเล่ห์ใส่ได้เป็นแสน ใครจะรู้กับคุณได้ ใช่ไหมแฟน คิดแล้วแสนหวั่นหวาดปนขลาดกลัว ทิ้งช่องว่างเปิดทางไว้ให้ทางเขา เลือกทางเอาอย่าเหมาชี้แล้วตีหัว ไม่ทำตามเท่าขี้เล็บก็เจ็บตัว คนไม่ใช่ควายงัว -มีหัวใจ ตราบที่ตัวยังต้องพึ่งแต่คนอื่น จะยิ้มรื่นเต็มที่ได้ที่ไหน พึ่งตนได้จึงยิ้มได้สบายใจ อยากเป็นไทหรือเป็นทาสประกาศเอง . (คัดจากเวบบอร์ดของปพส.) สิ่งที่ผมเขียนเป็นส่วนหนึ่งที่ผมคิด เวลานี้ผมกำลังหนีให้ไกลจากสิ่งที่ผมเคยคิดอย่างสุดชีวิต แต่มันเหมือนเงาตามตัวที่แม้ก้าวเร็วเท่าใดมันก็ก้าวตามไวเท่านั้น ทำไมผมต้องหนี ? ผมลาออกจากงานในองค์กรพัฒนาชนบทของเอกชนองค์กรหนึ่ง แล้วเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีชีวภาพบริษัทหนึ่ง เพราะเคยเรียนมาทางด้านจุลชีวเคมีรวมทั้งต่อมาไม่นานองค์กรเดิมของผมก็ประกาศยุบเลิกหน่วยงานลงเหลือเพียงชื่อ หนังสือพิมพ์บางฉบับเอาเรื่องราวของผมไปเขียนในหน้ากอสซิปเป็นทำนองว่า มันเกินความคาดหมายที่ใครจะคิดไปถึงว่าเด็กหนุ่มลูกข้าวเหนียวนึ่งจะมานั่งแป้นเป็นรองซีอีโอของบริษัทนี้ได้ เวลานี้ เด็กหนุ่มคนนั้นมีรายได้ติดอันดับท็อปเท็นของคนวัยไม่เกินสามสิบที่มั่งคั่งที่สุดของประเทศ และเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วไปไม่เฉพาะแต่คนในวงสังคมชั้นสูง ที่มาที่ไปที่ทำให้ผมต้องหนีอดีตก็สืบเนื่องมาจาก ผมดันไปคิดค้นและพบวิธีการเปลี่ยนยีนลดการย่นของผิวของคุณผู้หญิง( รวมทั้งผู้ชายและตุ๊ดด้วย)โดยไม่ต้องผ่าตัดดัดแปลงอะไร เพียงแต่กินข้าวเหนียวที่ตัดแต่งพันธุกรรมวันละมื้อเท่านั้น สินค้าลงตลาดครั้งแรกได้รับการตอบรับน้อยเพราะคนในวงสังคมชั้นสูงรังเกียจ( เกลียด )ข้าวชนิดนี้มาก ( ก็เล่นเปรียบเทียบข้าวจ้าวกับข้าวไพร่นี่ครับ ) ต่อมาเมื่อดาราและนางแบบ(ลูกข้าวเหนียว) ที่กินข้าวของผมเด่นดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมาในระดับอินเตอร์เนชั่นแนลที่คนเขาพูดกันว่าโกอินเตอร์นั่นแหละ สินค้าของผมจึงได้รับความสนใจแบบพลิกความคาดหมาย รายได้ของบริษัทที่ผมเป็นรองซีอีโอ จึงแซงรายได้ของบริษัทมัลติเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ที่มีเส้นสายเครือข่ายเกี่ยวโยงกับวงการเมืองไปแบบเฉียดฉิวในไตรมาสแรก และทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นในทศมาสถัดมา ผมไม่ได้เน้นตรงคำว่า ข้าวเหนียว เพราะความรู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้าอะไรดอกนะครับ ก็จริง ! ที่ในอดีตผมคับข้องใจ คับแค้นใจ ที่จำต้องใส่แต่กางเกงคับ ๆ ที่คนข้างบ้านโยนเป็นทานมาให้ พร้อมกับคำพูดให้จุกคับอกว่า พวกขี้ทุกข์ ( จนที่สุด ) สำนึกมันบอกว่า เขาโยนมาให้ก็ดีถม ผมจึงต้องใส่ของผมไป ; ข้าวเหนียวเป็นข้าวที่มีลักษณะเฉพาะ โดดเด่นตรงทนทานต่อโรคและแมลง ปรับตัวต่อความแห้งแล้งได้อย่างมหัศจรรย์ เมื่อเอามาตัดต่อพันธุกรรมก็สามารถทำได้อย่างเหลือเชื่อ ซีอีโอบอกผมว่าก็จะไม่มหัศจรรย์ได้อย่างไรในเมื่อข้าวพวกนี้มันปรับตัวอย่างรุนแรงสุดขีดมาตั้งแต่ยุคบ้านเชียง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของคนในดินแดนที่เรียกสุวรรณภูมิ เขาท้าทายผมด้วยว่า ลองเอาข้าวเปลือกในไหบ้านเชียงขึ้นมาตัดต่อพันธุกรรมกับข้าวเหนียวทุ่งกุลาดูซี บางทีอาจจะดีกว่าที่เรากำลังทำอยู่เป็นไหน ๆ ผมทึ่งความคิดเขาแต่ก็เอาความคิดนั้นใส่ลิ้นชักที่ยี่สิบไว้ก่อน ก่อนที่จะดึงเอาความคิดในลิ้นชักที่สองขึ้นมาทำเงินทิ้งห่างคู่แข่งคู่แค้นที่พูดถึงไปแล้ว ติดตามตอนหน้าครับ
15 เมษายน 2547 05:59 น. - comment id 73023
ผมเองก็ทานข้าวเหนียว แต่งแต่ละเรื่องพล็อตมาแบบเหนือความคาดหมายมากครับ
15 เมษายน 2547 06:04 น. - comment id 73025
สวัสดีครับ ขอบคุณมาก ทำเอาแปลกครับผม
15 เมษายน 2547 08:27 น. - comment id 73041
อ่านแล้วต้องขอบอกว่า ... รออ่านตอนหน้าค่ะ
15 เมษายน 2547 09:02 น. - comment id 73049
สวัสดีครับคุณห้องฝัน เช้านี้ดี ใช่ไหมครับ คุณจะพบสิ่งดีๆ เพราะคุณมีใจที่ดี
15 เมษายน 2547 16:54 น. - comment id 73065
เอาตอนหน้ามาลงเร็วนะคะ......... เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น........ คมความคิด.......... คิดแบบ..ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์....... ล้อ.......ทักษิณ......ไงคะ
15 เมษายน 2547 17:00 น. - comment id 73067
ผมดัง ไม่ก็ดับ คราวนี้แหละคุณเซอเลอร์วีนัสเอ๋ย รับเลี้ยงคนพิการด้วยนะครับ