ความรักของฉัน..มันขึ้นอยู่กับความอดทน ถ้าความอดทนมันสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ เมื่อนั้น..ฉันคงจะได้เดินออกมาจากชีวิตของเธอซักที ที่ผ่านมามันคงจะมากเกินไปแล้วล่ะ สำหรับสิ่งที่ฉันหยิบยื่นให้เธอ ความรู้สึกดีดีที่เคยมอบให้ กับความห่วงใยที่มี แต่สิ่งที่ฉันได้รับตอบแทน ฉันมีค่าเป็นแค่ตัวเลือกของเธอ มันยากมากนะ ... กับการที่จะตัดความสัมพันธ์กับใครซักคน เพราะอะไรน่ะเหรอ... ฉันคิดว่า.. ฉันยังหาเหตุผลให้กับตัวเองไม่เจอ... เหตุผล.. ที่ตัวฉันเองต้องยอมจำนน.. และไม่มีข้อโต้แย้งอะไรในใจอีก... เหตุผล.. ที่มันจะทำให้ฉันไม่ดื้อดึง ที่จะยอมรับความเป็นจริง ว่าเธอ..ไม่หลงเหลือความรู้สึกดีดี..ให้ฉันอีกแล้ว ตอนนี้.. ฉันคิดว่าฉันคงจะหาเหตุผลนั้นเจอแล้วล่ะ เหตุผลที่เธอไม่เคยบอกฉันตรง ๆ แต่..ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดไปเอง เธอเลือกเขา.... เพราะอะไรน่ะเหรอ ฉันรู้...เธอก็น่าจะมีเหตุผลของเธอ เหตุผล.. ที่จะทำให้ความเจ็บปวดเกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยที่เธอไม่คำนึงถึงผู้โชคร้ายคนนั้น ที่ต้องรับมันไป เธอขอแค่ให้มันเกิดขึ้นน้อยที่สุด ...เท่านั้นเอง.... ความเจ็บปวดนี้..ซึ่งเธอคิดว่า ถ้ามันเกิดขึ้นกับเขา.. คงจะหนักหนาสาหัสมาก เขาคงจะรับไม่ได้ จนอาจจะทำอะไรประชดชีวิต แต่ถ้าสิ่งนั้นมันเกิดขึ้นกับฉันล่ะ... เธอคงคิดว่า..ฉันคงไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ อย่างมากก็แค่เสียใจ แต่... ความเจ็บปวดมันใช้อะไรวัดไม่ได้หรอกนะ และการกระทำที่ตอบรับ.. มันก็ไม่ได้เป็นเครื่องมือวัดความเจ็บปวดได้เลยซักนิด มันอยู่ที่ใครจะทนยอมรับกับความเจ็บปวดนั้นได้แค่ไหน และหาทางออกให้กับตัวเองยังไง ...ต่างหาก... แต่...เมื่อเธอตัดสินใจจะมอบมันให้ฉันแล้ว ไม่เป็นไร...ฉันยอมรับมันแต่โดยดี และไม่มีข้อแม้ใดใด อย่างน้อย..ฉันถือว่า ฉันได้ทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งหนึ่ง ที่จะไม่ทำให้คนคนนึง.. ต้องเสียใจ จนกระทั่งเสียผู้เสียคน โดยการยอมรับมันซะเอง ซึ่งผลของมันในครั้งนี้ มันคงจะตอบแทนฉัน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ฉันจะรอวันนั้น.... ฉันคิดว่า.. .มันคงจะถึงเวลาแล้ว เวลาที่ฉันจะเดินออกมาจากชีวิตเธอจริง ๆ ซักที ฉันคอยเวลานี้มานานแล้วล่ะ เวลา...ที่ฉันพร้อมจะเดินจากเธอมา โดยที่ฉันไม่ทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ สิ่งหนึ่งสิ่งนั้นที่มันสำคัญ.. ที่ฉันควรจะเอามันไปฝากไว้กับใครก็ได้ ที่เขาต้องการมันจริง ๆ และใครคนนั้น..คงไม่ใช่เธอ... ไม่เสียดายเวลา หรือความรู้สึกดีดีที่เคยมีให้เธอ เพราะถึงแม้ว่า... มันไม่เคยงอกงามในใจของเธอ แต่อย่างน้อย... มันก็ยังงอกงามอยู่ในใจฉัน ตลอดเวลาที่เราได้รู้จักกันมา เธอได้ทำให้ฉันรู้จักกับ ...การให้.... การให้...ที่หวังว่าซักวันหนึ่ง เธอจะเห็นคุณค่าของมันบ้าง แต่ฉันคงจะคาดหวัง กับสิ่งนั้นมากไปหน่อย แต่ต่อนี้ไป ฉันคงไม่หวังอะไรอีก เพราะคงไม่เหลืออะไรให้ฉันหวังอีกแล้ว ความหวังมันได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ยังไง.... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันยังมีหน้าที่ที่ฉันต้องทำ และฉันก็ต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งเธอ ...ก็เหมือนกัน... สิ่งที่ฉันไม่เคยลืม... ฉันยังต้องก้าวไปข้างหน้า หนทางของฉันยังอีกยาวไกล ถึงมันจะไม่มีเธอเคียงข้าง อย่างที่ฉันเคยหวัง.. แต่อย่างน้อย..ฉันก็มีตัวฉันเองที่เหลืออยู่ และยังต้องก้าวเดินต่อไป. ถ้าในวันนี้.... เธอยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการตัดสินใจของฉัน ฉันเชื่อว่าซักวันนึง.. เธอคงจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน ถ้าเธอไปเจอใครซักคน.. ..ที่มีความหมายกับชีวิตเธอมาก.. หรือเธออาจจะเจอแล้วฉันก็ไม่รู้.. ยังไง... ก็ขอให้รักษาเขาให้อยู่กับเธอให้นานที่สุด ขอให้ฉัน ..คือ ความทรงจำดีดีของเธอ และเธอจะอยู่ในความทรงจำดีดีของฉัน....ตลอดไป....
21 มีนาคม 2547 14:23 น. - comment id 71981
^*^*^.......สู่เส้นทางรัก...ตอน......\" ฝั น ส ล า ย........^*^*^*^*^*^*^ คงไม่มีใครปรารถนาจะหลงรักใครข้างเดียว แต่มีไม่น้อยที่เที่ยวแสวงหาคนอื่นมาลุ่มหลงตนเพียงฝ่ายเดียว ชีวิตมีสัญชาตญาณเชิดชูตน พยายามโปรยเสน่ห์ เรียกร้องความสนใจ มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่ได้อวดอ้างความโดดเด่นในตนอวดสวย อวดรวย อวดเก่ง อวดดี ไม่ต้องการให้ตนไปหลงใคร แต่ขอให้ใคร ๆ มาหลงตน ก็จะรู้สึกเกิดอาการปลื้มอย่างบอกไม่ถูก ธรรมชาติของใจคน เที่ยวแสวงหาการยอมรับจากคนอื่น ๆ และไม่อยากให้การยอมรับนั้นเสื่อมสูญไป ถ้าตนเป็นที่รักของใครขึ้นมา ก็ไม่อยากให้เขาปันใจไปนิยมคนอื่นนอกเหนือจากตน แต่ใจตนนั้นเล่า จะซุกซนกะล่อนปานใด ตนก็ไม่ค่อยถือ ในจิตใจตนเองก็ไม่ค่อยมีความสามารถที่จะไม่ให้ไปติดสอยห้อยตามคนโน้นคนนี้ แต่ก็ยังหวังให้คนอื่นเชิดชูเราเพียงหนึ่งเดียว แท้จริงในความรู้สึกนึกคิดของคนอื่น ๆ ก็มีลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน คือใจตนเองก็ไม่ค่อยจะแน่นอน แล้วไปหวังให้คนอื่นมีความแน่นอนต่อเรา ถ้าเราเองไม่อยากจะตกเป็นทาสรักใครแต่ในที่สุดเมื่อเราเจอคนถูกใจ ที่เขายอมรับเราขึ้นมา เรายิ่งหวังให้เขามีใจภักดีเพียงเรา แต่ความหวังเช่นนี้มีความเสี่ยงเสมอ ความปักใจว่าใครมีใจซื่อตรงต่อเราตลอดไปนั้นเป็นความเข้าใจผิดดั่งใจเราเองก็มีความรู้สึกสำส่อนทางความคิดได้ ความเผลอสำคัญตนว่าเป็นเลิศในสายตาของคนคนหนึ่งบางครั้งก็ทำให้อ่านใจตนใจเขาไม่ออก หลงวาดวิมานอยู่เพียงลำพังอย่างลม ๆ แล้ง ๆ ด้วยความเข้าใจผิด ลืมระวังใจไปว่า เราไม่มีสิทธิ์ควบคุมความรู้สึกของคนอื่นที่มีต่อเราได้ทั้งหมดแม้แต่คู่รักที่กำลังหวานฉ่ำสุดซึ้งก็ตาม การหลงรักเขาข้างเดียวเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากเราไม่หลับตาเสียจนสนิท จนมองไม่เห็นอะไรเอาเสียเลย เพราะเรามีสิทธิ์เข้าใจความรู้สึกของคนที่พัวพันต่อเราได้ (แม้เขาจะพยายามซ่อนความรู้สึกจนอ่านใจยาก) ถ้าเรารู้ว่าเขาก็มิได้หลงอะไรเราจริง ๆ จัง ๆ เราก็คงไม่หวังอะไรจากเขาจนเกินเหตุ เว้นเสียแต่ว่าเราดันทุรังจนเกินไปทำตามใจปรารถนาของตนอยู่ร่ำไป เขาให้ท่านิดหน่อย ให้เกียรติเล็กน้อยก็พริ้วไหว ฝังใจและเก็บมาฝัน ปรุงแต่งเสริมฝันเข้าข้างตัวเองอยู่อย่างซ้ำซาก และหาเรื่องไปสัมพันธ์กับเขาอยู่ข้างเดียว โดยไม่เข้าใจเขาจริงบางทีคนเราชอบใครขึ้นมาบ้าง ก็เกิดมุมานะจะเอาชนะใจเขา โดยคิดว่าตนแน่พอ วนไปเวียนมา ตามใจตนเองไม่ทัน กลายเป็นหลงข้างเดียวไป ถ้าเรารู้ใจตนว่าหวั่นไหวไปกับใครตั้งแต่ไฟยังอ่อน ๆ ก็ง่ายแก่การดับ ไม่พยายามเก็บเอาพฤติกรรมน้ำหวานยั่วยวนมาย้อมใจตนอย่างเข้าข้างตนเอง หลบเลี่ยงการกระทำที่จะให้ตนยิ่งเมา รับรู้ต่อมโนภาพที่ผุดขึ้นมายวนใจอย่างเข้าใจและปล่อยวาง.เราคงไม่ถลำลึกไปฝังใจใครข้างเดียว ถ้าเราไม่ลำพองใจฟูไปจนลืมตัวดั่งคนบ้าบอ เราก็มีโอกาสได้คิดและมีปัญญาอันสว่างไสวห้ามรักไม่ใช่เป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ดั่งบทกวีผู้อ่อนแอ ถ้าคนเราเฝ้าใส่ใจเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มก่อไฟรัก เราย่อมดับมันไม่ให้ไหม้ลามได้ด้วยการมีสติปัญญา ไม่ต่อเติมเสริมปรุงแต่ง แต่ถ้าเราขาดสติ เราจะกระพือให้ลุกไหม้หาเรื่องเข้าไปผูกพัน ลำพังสิ่งที่ต้องตาต้องใจก็ใช่ว่าจะทำให้เราคลั่งไคล้จนขาดแล้วเจ็บปวด แต่ความสำคัญอยู่ที่การปล่อยใจเผลอไปยึดมั่นครอบครองของอันไม่ใช่ของเราอย่างดาราภาพยนตร์เรื่องที่เราชื่นชอบ แม้ตายจากไปเราก็มิได้เดือดร้อนใจอะไรนัก เพราะเราไม่เคยปักใจว่าเขาเป็นของเรา เหมือนใครบางคนที่ลวงใจให้เรามีหวังเราควรมีส่วนในการควบคุมจิตใจของตนเองได้บ้างไม่ควรฝากชีวิตไว้กับความเป็นไปของคนอื่น เราไม่มีสิทธิ์บงการความรู้สึกนึกคิดของใครได้ ไม่ควรใฝ่ฝันจนเกินไปที่จะให้ใครมาลุ่มหลงตน เชิดชูตน ถึงตนเองจะคิดว่าตนเข้มแข็งไม่มีวันหลงใครได้ง่ายแต่พอเจอท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าเขามาชอบเรา ก็กลับหนาว ๆ ร้อน ๆ ใจสั่นตื่นเต้นไปเหมือนกัน แล้วเกิดความต้องการให้เขาหลงตนนิรันดร์ไป กลายเป็นว่าตนต้องหลงเขาไปด้วยโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะจริงจังมากน้อยแค่ไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่งเราควรเข้าใจสัจจะว่า ไม่มีใครหรอกที่เขาจะมาตื่นเต้นอยู่กับเรานานเกินไป ถึงเราจะผุดผาดบาดใจสักแค่ไหนหรือเท่ห์สักปานใด จิตใจปุถุชนเวียนหาสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ เราควรใส่ใจสำรวจใจตนตั้งแต่เริ่มต้นลำพองใจ เริ่มต้นพึ่งพิงใจใครเข้าเอาไว้มาก ๆ ฝึกทักษะแห่งการรู้สึกตัวเข้าไว้ ใหม่ ๆ อาจรู้สึกฝืนใจตนที่ชอบปล่อยตามอารมณ์บ้าบออยู่เป็นนิจ ตัวเราเองยังเที่ยวเรียกหาความสนใจเก็บเศษสรรเสริญจากใคร ๆ คนอื่นก็เช่นเดียวกัน ทั้งเราทั้งเขาเอาแน่นอนไม่ได้ ไม่มีใครจริงใจกับเราได้เท่าตัวเราเอง และเราเองก็ไม่เคยจริงใจกับใครเท่ากับเราเองหมั่นสงบใจลงค้นหาความเป็นจริงมากกว่าความฝันใครเขาผ่านเข้ามาในชีวิตของเราได้ เขาก็ผ่านจากไปได้ ความเจ็บปวดมิได้อยู่ที่เขาจากไป แต่อยู่ที่ใจเราไม่ยอมให้เขาจากไป เขามาแล้วเขามีสิทธิ์ไป มีสิทธิ์เดินออกนอกกฎเกณฑ์ที่เราหลงวางให้เขา แม้เราอาจมีอิทธิพลเหนี่ยวรั้งจิตใจเขาได้บ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แม้แต่ใจเราที่เคยคิดว่ารักเดียวใจเดียว ก็ยังเผลอผูกมัดใครต่อใครได้อีก การหมั่นรู้ว่าสิ่งทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ทำให้เราไม่หวังอะไรจนเกินไป และทำใจได้ดีขึ้นเคล็ดลับสำคัญที่สุดในการสร้างจิตให้เข้มแข็ง อยู่ที่การรู้สึกตัวเมื่อถูกยั่วยวนให้หลงตน และเห็นความไร้สาระของมัน แต่บทฝึกหัดนี้มิใช่ของง่ายเลย ถ้าไม่เอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยชินกับการตามใจตนเอง บางครั้งแค่ลมลวง แสร้งให้การเอาใจสนุก ๆ ไป หรือการกล่าว ฉันรักเธอ ออกไปอย่างส่งเดช หรือชมว่า น่ารักจัง ด้วยอำนาจความเคยตัวที่พูดบ่อย ๆ หรืออะไรต่อมิอะไรในลีลาให้ความหวัง สิ่งเหล่านี้ผู้แสดงออกอาจกระทำไปเพียงความคึกคะนอง แต่ในสมองของผู้รับฟังจะช่างจดจำและเกิดความหวังขึ้นมาอย่างลม ๆ แล้ง ๆ เขากล่าวแล้วลืมแล้ว แต่คนฟังยังประทับใจที่ได้รับการประพรมน้ำหอมหายนะ อาจยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งไร้สาระขึ้นมา รู้สึกตัวเองมีค่าขึ้นมา หลงปรุงแต่งอยู่เดียวดาย นานครั้งเข้าก็เกิดการพึ่งพาทางใจ ได้คุยได้พบหน้า รู้สึกว่าหายเหงา มีชีวิตชีวา แต่พอสัมผัสความจริงได้ว่า เขามิได้จริงจังอะไร เราอาจโกรธแค้นเขา หาว่าเขาหลอกลวง ทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับเขากลายเป็นสิ่งทิ่มแทงใจ แท้จริงการหลงใครข้างเดียวนี้เป็นเรื่องของเราที่ไม่ระวังใจตน ไม่ใช้สติปัญญาในการรับรู้โลก ถ้าเรารู้สึกตัวอีกสักนิด ลืมตากว้าง ๆ เข้าไว้ จะมีใครมาหลอกหลอนใจเราได้อย่างไรก็ดีในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น รักข้างเดียวนั้นไม่ค่อยมีหรอก เพราะทั้งหญิงและชายวัยรักนั้นอ่อนแอด้วยกันเสมอ (แม้ผู้ชายมักจะฝึกปกปิดความอ่อนแอได้เก่งกว่า กลั้นน้ำตาได้เก่งกว่า แสดงบทตัดรักได้อย่างไม่มีเยื่อใย แต่ใจปวดร้าว) เมื่อใครหักอกใครต่างต้องทรมาน คิดมาก ฟุ้งซ่านกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ แต่จะมากน้อยต่างกันไปตามความรู้สึกผูกพัน ถ้าหญิงชายได้ถักทอความสัมพันธ์กันมา จนรับความรู้สึกได้ว่าต่างมีความหมายต่อกัน นั่นแสดงว่าในสมองของเขาได้ผูกพันไกลเกินกว่าถ้อยคำและพฤติกรรมแสดงออก หากว่าเขาหรือเธอมีเหตุผลบางประการให้ขบคิดจนปักใจว่าไม่ควรผูกพันกันต่อไปจะด้วยไม่ชอบนิสัย ไปมีคนใหม่ขึ้นมา (ซึ่งง่ายเหลือเกินในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน) จะเกิดความรู้สึกสูญเสียอย่างรุนแรงขึ้นในใจของคนที่ยังผูกพันอยู่อย่างแน่นหนา อะไร ๆ ในตัวของคนที่เคยรักจะถูกมองเป็นสิ่งเลวร้ายไปหมด มโนภาพแห่งความทรงจำที่เคยหวานชื่นจะผุดขึ้นมากรีดเฉือนตนเองนับครั้งไม่ถ้วน แค่มองเห็นหลังคาบ้านเขาก็ยังเจ็บใจ บางคนถึงกับคิดสั้นเอาง่าย ๆ ก็มีนี่เป็นปรากฎการณ์จริงของโลกมนุษย์ที่เป็นประหนึ่งศาลาคนเศร้า คนเราใจง่ายลุ่มหลงคนโน้นคนนี้ได้ง่าย แล้วประมาทครอบครองชีวิตอื่นประดุจสังหาริมทรัพย์ของตน ถ้าเราเรียนรู้ความจริง หัดมีชีวิตที่อิสระไว้ให้มาก ๆ ก็จะไม่เสียใจจนเกินไป ในยามที่อะไร ๆ มิได้เป็นไปดั่งใจคิด .ถึงกระนั้นก็ตามในยามเจ็บป่วยเพราะพิษรักขึ้นมา ก็ควรถือว่าเป็นบทเรียนที่ตนจะได้ฉลาดขึ้น เก่งขึ้นในการทำใจ ไม่ควรจมอยู่กับภาพหวานชื่นของอดีตรัก ควรมีสติระลึกได้ที่จะก่อกำลังใจให้ตนเอง ยิ้มสู้กับภาพหวานชื่นเก่า ๆ ที่จะเข้ามาเสียดแทงใจอย่างรู้เท่าทันให้มากที่สุด เราคงลืมมันได้ไม่ง่ายนัก แม้ว่าจะพยายามลืม แต่เรามีสิทธิฝึกฝน ตื่นตัว และใช้ปัญญาให้มาก ในสัจธรรมความขมขื่นเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มาจากการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งไร้สาระ ถ้าหมั่นพิจารณาให้เห็นความจริง ความเข้าใจจะทำให้คนเราทำใจได้ไม่มีใครเขามาหลอกเราแต่เราเผลอใจและสับสนเข้าใจผิดไปเอง ในยามวิมานสลายลงมา กลับเป็นเวลาที่เราต้องใช้สติปัญญา การที่ใครจะผ่านมาแล้วผ่านไปเป็นเรื่องธรรมดาโลก ไม่พึงใช้อารมณ์ประชดประชันตนเอง หรือหาหนทางแก้แค้น การใช้ปัญญาเข้าใจความจริง มิใช่การปลอบใจตนยามสูญเสีย แต่เพื่อความเข้มแข็งในการเผชิญชีวิตยามนั้นและต่อไป ในความผิดหวังสติปัญญาจะบอกความหวังในการมีชีวิตให้แก่เรา ทุกชีวิตย่อมผ่านมาทั้งความผิดหวังสมหวัง ในครั้งที่ชีวิตอับเฉาจากการสูญเสียสิ่งสุดหวงแหน ใครจะรู้ว่ารสชาติของมันเป็นเช่นใด รสชาตินั้นแหละคือประสบการณ์ชีวิตบางครั้งก็เฟื่องฟู บางครั้งก็ตกต่ำ หมุนเวียนเปลี่ยนไปเป็นฤดูกาลของชีวิต เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ชีวิตแข็งแกร่งขึ้น เหมือนต้นไม้ที่แข็งแรงต้องผ่านชีวิตมาหลายหน้าแล้งหน้าฝน ถ้ามีแต่ฤดูฝนที่อุดมสมบูรณ์ต้นไม้ก็ฟ่ามน้ำและอ่อนปวกเปียก จะต้องมีหน้าแล้งให้เกิดวงปีขึ้นเป็นแกน.ไม่มีความทุกข์ทรมานใดอยู่กับเรานานเกินไป ทุกบาดแผลจะมีวันหายสนิทเสมอ แม้ว่าเราอาจจะอ่อนสติปัญญา ไม่อาจจะรู้เท่าทันทุกผัสสะที่ผุดขึ้นมาหลอกหลอนทางจิตใจ แต่ในที่สุดกาลเวลาจะช่วยบรรเทาแผลให้แก่เราเสมอ ไม่พึงใช้ประสบการณ์อันมีค่าเป็นบ่อเกิดแห่งอารมณ์ที่นำไปสู่ความเสียคน ความผิดหวังและสมหวังเป็นฤดูกาลของชีวิตในท่ามกลางความระเริงและความหงอยเหงา ในท่ามกลางความรุ่งโรจน์และความตกต่ำ ถ้าเราได้แลเห็นเป็นวัฏจักรนี้แจ่มแจ้ง คลายความยึดมั่นถือมั่นลงไปได้บ้าง เราคงไม่จริงจังกับอะไรเกินไป แม้ในความเหงาความว้าเหว่คนเรายังมีความหวังที่จะสงบสุขได้ เพราะริ้วรอยเจ็บปวดนั้นจะคงอยู่ไม่นานนักหรอก เข้าใจได้เช่นนี้เราก็ย่อมมีความสุขพอควรแก่อัตภาพของตน ทุกบาดแผลเจ็บช้ำอยู่ไม่นาน ไม่มีบาดแผลใดที่มนุษย์ทนไม่ได้ หากเรามีขันติธรรมบ้าง เราย่อมทนได้ พร้อมกับมีความสวยงามใหม่ให้เราเกิดกำลังใจสร้างสรรค์ การสรรหาสิ่งบันเทิงเริงรมณ์มาบำบัดพิษรักก็คงช่วยได้แค่ลืม ๆ เป็นพัก ๆ เพื่อซื้อเวลาให้ผ่านช่วงวิกฤติไป แต่ไม่อาจทำให้ชีวิตเห็นแจ้งและเข้มแข็งขึ้น ถ้าเราเข้าใจว่าการได้มาและการสูญเสียคือเรื่องธรรมดา เราจะมีชีวิตที่สุขสบายใจขึ้นอีกมากการเห็นว่ามันเป็นธรรมดา เป็นการเห็นที่ยิ่งใหญ่ที่คลายความหลงผิดในจิตใจคนเรา แต่ความรู้สึกนี้มิใช่จะได้มาโดยง่าย โดยปราศจากการฝึกฝนสติ เด็ก ๆ เคยร้องไห้เพราะสูญเสียตุ๊กตาตัวโปรด แต่เมื่อโตขึ้นการสูญเสียตุ๊กตาจะไม่ทำให้เขาร้องไห้อีกเลย เพราะเขาเห็นแจ้งแล้วว่าตุ๊กตาก็ของธรรมดา เช่นเดียวกันทุก ๆ สิ่งที่เราเคยรักหวงแหน ที่แท้ก็เป็นของธรรมดา อะไร ๆ มันก็ธรรมดามันก็เท่านั้นเอง มันเป็นตามเหตุตามปัจจัยของมัน มันเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีเหตุปัจจัยให้ต้องเปลี่ยนไป มิได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาความปรารถนาของเราถึงเราไม่สูญเสียคนรักไปในวันนี้วันหนึ่งเราก็จะต้องใจเองว่าเขาก็เท่านั้นเองจริง ๆ ความทุกข์ทรมานเพราะผิดหวังในความรักเนื่องจากความยึดมั่นถือมั่นของคนเรา มีความขัดแย้งของกระแสแห่งเหตุและปัจจัย ความช้ำใจทั้งหลายเป็นสิ่งมีคุณค่าแก่การเข้าใจถึงความอ่อนแอของตนที่ผ่านมา ขอให้เราตั้งใจที่จะเรียนรู้ด้วยสติปัญญาเท่านั้น สักวันหนึ่งเราจะสามารถต้อนรับกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างองอาจทั้งความพลัดพราก ความเจ็บป่วย และความตายในที่สุด ในยามที่ตกต่ำผิดหวังควรสงบกายใจลงให้ระงับ แล้วลองทบทวนถึงความเผลอใจลืมตัวที่ผ่านมาที่เคยฟู ๆ แฟบ ๆ ไปกับสิ่งลวงใจ เราคงเข้าใจและเกิดกำลังใจขึ้นมาใหม่ ไม่มีความแค้นใดที่ต้องชำระ ไม่มีสิ่งใดที่ต้องตัดพ้อน้อยใจที่เสียแรงรัก แต่ควรรู้ว่ามันธรรมดา มีหน้าที่ทำความเข้าใจและให้กำลังใจตนแสวงหาสิ่งดีงามใหม่ ๆ ให้ชีวิตมีปีติยินดี ทางชีวิตเป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ แต่เรามีสิทธิ์เข้มแข็งและทำใจได้ในการประจัญกับสถานการณ์ที่เราไม่ได้เลือก ต้อนรับได้แม้แต่ความตาย ด้วยดวงใจสงบเย็น ชีวิตเป็นบทเรียนที่ว่าด้วยความทุกข์ เราจะต้องต้อนรับมันด้วยความเข้าใจ ถ้าเราไม่ใส่ใจที่จะเรียนรู้ปรากฎการณ์ความเคลื่อนไหวในใจตน เมื่อถูกท้าทายให้ระเริงใจและสูญเสีย เราก็จะยังมีจิตใจที่ระหกระเหินแม้อกหักสักกี่ครั้งก็ยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าใจความรักความหลงนี้ได้เลย การเรียนรู้ความรักของหนุ่มสาวต้องเรียนรู้ที่จิตหวั่นไหว มิใช่เรียนรู้ได้ด้วยการมีมากคนรัก นักบวชผู้เฝ้าระวังความหวั่นไหวที่จิตใจด้วยสติปัญญาจึงรู้เรื่องราวของความรักได้ดี มีความสามารถรู้ทันต่อสิ่งลวงใจ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีคนรักเลย ตรงกันข้ามมนุษย์นักล่าผู้แสวงหาคนรัก แม้จะมีคนรักสักกี่คน ถ้าไม่เคยตั้งต้นอ่านใจตนเอง เขาก็หารู้จักความรักไม่รู้จักเพียงเหยื่อและวิธีการล่าเหยื่อที่ถูกบงการมาจากอำนาจมืดในใจตน จะอ่อนแอแพ้ใจตนเอง เดี๋ยวเหงาเดี๋ยวหวาดหวั่นไปชั่วชีวิต ***************************************************************************************************
21 มีนาคม 2547 14:56 น. - comment id 71983
ความรักบางทีไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
22 มีนาคม 2547 23:09 น. - comment id 72033
ต่อนี้ฉันก็คงเลือกทางที่ถูกแล้ว ที่เดินจากเธอมา ขอให้เธอกับเขามีความสุขกันมากมากนะ ลาก่อนผู้ชายในนิยาย