......เพราะรักเธอ...... (3)

TANOI_ZA

ผมพาตัวเองมาถึงผับเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เมื่อก่อนผมเคยมาเที่ยวกับเพื่อนฝูงบ่อยจนรู้ที่รู้ทางดีได้อย่างไรไม่ทราบ มันเศร้าเสียใจ หมดแรงที่จะทำอะไรต่อมิอะไร อึดอัดจนแทบระเบิด ผมจะจัดการอย่างไรกับตัวเองดี ผมจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปโดยขอเป็นเพื่อนกับเธออย่างนี้ต่อไปส่วนผมก็มีทางของผมเองดีหรือเปล่า ความคิดนับล้านผ่านเข้ามาในหัวผมจนจับต้นชนปลายไม่ถูก สับสนหาทางออกไม่ได้ 
ผมกินเหล้าไปแก้วที่เท่าไรก็จำไม่ได้เพราะมันมากเหลือเกิน พยายามกินจนกว่าจะลืมเธอแต่ยิ่งกินกับเหมือนยิ่งจำยิ่งตอกย้ำความทรงจำและภาพต่างๆ เกี่ยวกับเธอ รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาแต่ผมบังคับให้มันหยุดไหลไม่ได้ ผมคงดูไม่ได้แล้วล่ะตอนนี้น่ะ คงเละเทะยิ่งกว่าหมาข้างถนนก็ไม่ปาน ผมไม่ได้อกหักนะเพราะเรายังไม่ได้เป็นคนรักกัน และเพราะผมไม่ยอมทิ้งความกลัวต่างๆ ของผมสักทีผมถึงต้องมาอยู่ในสภาพไม่ต่างจากหมาอยู่นี่ไง เสียงหวานใสกังวาลจนผมรู้สึกปวดหัวดังมาจากด้านข้าง
มาทำอะไรอยู่แถวนี้เหรอคะจารึก
ใคร!? เธอเป็นใคร!?  เธอจะฟังผมพูดรู้เรื่องหรือเปล่านะ เพราะตอนนี้ผมว่าเสียงผมต้องอู้อี้เพราะฤทธิ์เหล้าแน่ๆ เลย
ที่จำไม่ได้เพราะว่าเมาหรือว่าไม่ได้จำคะ
อย่ามายุ่งกับผมดีกว่า ผมอยากอยู่คนเดียว
แหมไม่อยากได้เพื่อนคุย หรือว่าเพื่อนแก้เหงาหรือไงคะ
ไม่  ผมหยุดคิดสักครู่เพราะความรู้สึกชั่วร้ายกระตุ้นมาจากจิตใต้สำนึกว่า บางทีผมอาจใช้แม่สาวคนนี้เพื่อลืมอักษรได้
ก็ได้ นั่งสิคุณชื่ออะไรล่ะ
ลลนาไงคะจำไม่ได้หรือไงกัน
ลลนาเหรอ เธอเป็นใครครับ ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่าเธอเป็นใคร ผมจำเธอไม่ได้เลย
เป็นอะไรไปคะทำไมถึงมานั่งอยู่คนเดียวที่นี่ได้
เรื่องของผม ผมจะอยู่คนเดียวหรือยู่กับใครมันก็เรื่องของผม คุณจะขอนั่งเป็นเพื่อนคุยก็กรุณาอย่าพูดเรื่องส่วนตัว
ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นมาคุยเรื่องของเราดีกว่า สายตายั่วยวนที่ผมไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว ผมหายห่างไปจากการพบปะผู้หญิงประเภทนี้นานเสียจนรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้สบตาเธอเลยหรือนี่
ผมว่าเราไปต่อที่อื่นดีไหม เพราะเดี๋ยวที่นี่ก็ปิดแล้ว ผมตาฟาดหรือเปล่านะ เพียงเสียวหนึ่งผมรู้สึกเหมือนเห็นเธอยิ้มเย้าะที่มุมปากเมื่อผมชวนเธอไปต่อที่อื่น
ก็เอาสิคะ เธอเอานิ้วมาลูบแผ่วเบาที่แขนอันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของผม พรางส่งแววตาเจ้าชู้มาให้จนผมเริ่มควบคุมสันดาลดิบไม่ได้ แล้วเราจะไปไหนกันดีคะ
ผมคว้าข้อมือเธอด้วยความรวดเร็วจนแทบจะเรียกได้ว่ากระชากไปที่รถของผม ผมขับตรงดิ่งไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ผมเคยไปเป็นประจำเมื่อสมัยที่ผมยังไม่เจออักษร ในที่สุดเรื่องของเราก็จบลงที่โรงแรมโดยที่ผมขาดสติลืมนึกถึงสิ่งสำคัญบางอย่างไปเสียสนิท
ผมตื่นเช้ามาพร้อมอาการปวดหัวหน่วงๆ อันเกิดจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ รู้สึกได้ถึงน้ำหนักอะไรบางอย่างที่พาดผ่านหน้าท้องผม ทันทีที่ผมขยับตัวเสียงดังอู่อี้ก็ดังมาจากร่างบางที่นอนอยู่ข้างกายผม ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อทบทวนเรื่องราวบางอย่างได้ เมื่อคืนนี้ผมกับเธอทำเรื่องที่ผิดกับอักษรไปเพราะผมน้อยใจอักษรและเมาเหล้า ให้ตายเถอะ! ผมได้แต่ก้มหน้าซบมือทั้งสองข้างอย่างไร้หนทางสักพักจึงรู้สึกถึงอ้อมแขนที่โอบผ่านท้องผมมาจากด้านหลัง เสียงออดอ้อนที่เปล่งออกมาหวานเสียจนผมอยากอ้วก
ตื่นแล้วหรือคะ ผมพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ คิดอะไรไม่ออกยิ่งกว่าเมื่อวานนี้อีก
ไม่ต้องกลัวฉันไม่บอกยายใบ้นั่นหรอก 
คุณเองหรือ! ทำไม! ทำไมคุณต้องมาวุ่นวายกับผมอีก! 
หึๆๆ ถึงเมื่อคืนนี้ไม่ใช่ฉันคุณก็ต้องไปกับคนอื่นอยู่ดี
กับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ!  ผมตวาดใส่เธอเพราะทนไม่ไหวแล้ว อันที่จริงเธอไม่ผิดอะไรหรอกคนที่ผิดคือผมต่างหากที่ไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลัง หรือยับยั้งชั่งใจก่อนที่จะทำเลว 
จะเอาไงต่อดีน้า.. ลลนาลากเสียงยาวออดอ้อนผมเสียจนผมนึกเกลียดเธอมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
อย่ามายั่วโมโหกันหน่อยเลย คุณเองก็คงจะมีทางให้ไปผมรู้
มีสิ! แต่ยายใบ้เพื่อนคุณนั่นแหละทำให้เขาไม่เหมือนเดิม ผมไม่เข้าใจที่เธอกำลังตัดสินความผิดให้อักษร และเขาคนนั้นที่เธอกำลังพูดถึงคือใครกัน พูดเรื่องอะไรของเธอ 
จะบอกว่าไม่รู้เรื่องกันเลยอย่างนั้นสินะ ยายใบ้นั้นคงไม่ได้ฟ้องคุณล่ะสิ
อะไร! เธอทำอะไรอักษร! ทำอะไร! บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!  ใครก็ได้ห้ามผมทีผมกำลังโมโหมาก ลลนาทำอะไรอักษร ถ้าลลนาไม่บอกตอนนี้ล่ะก็เชื่อได้เลยว่าผมอาจทำร้ายผู้หญิงได้โดยไม่รู้ตัว
ปล่อยมือออกจากไหล่ฉันก่อนสิ
ก็แค่เขียนจดหมายขู่ไปที่บ้านแม่นั่นทุกวัน ว่าอย่ามายุ่งกับพยัคเฆนทร์ซึ่งตอนนี้เป็นผัวชาวบ้านไปแล้วอีก ถ้ามันยังยุ่งกับเขาอยู่อีกฉันจะตามฆ่ามัน ลลนาเล่าด้วยสีหน้าที่ไม่รู้สึกผิด ยิ่งทำให้ผมรู้สึกโมโหมากขึ้นไปอีก
จะบ้าไปใหญ่แล้ว! ผู้หญิงอย่างอักษรไม่มีวันทำอย่างนั้นหรอก! 
ทำสิ!  ลลนาหันมาสบตาผมอย่างไม่เกรงกลัวด้วยความโกรธ
พี่เฆนทร์กลับมาที่นี่ทีไรไม่เคยแวะไปหาฉันเลย ดีแต่แวะไปหายายนั่นทุกวัน น้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอ่อออกมาคลอเต็มตาเธอ
ฉันเหงานะ! ฉันเจ็บมากที่เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับฉันเท่าเด็กผู้หญิงที่เป็นรักแรกของเขา เขาเห็นฉันเป็นแค่ตัวแทนของเธอได้ไงกันใจร้ายที่สุด!  ลลนากรีดร้องออกมาพร้อมน้ำตาที่ทะลักล้นออกมาจนผมเริ่มสงสารเธออยู่บ้างหากไม่คิดถึงเรื่องที่เธอทำกับอักษร 
แต่ตอนนี้ฉันแก้แค้นเธอได้สำเร็จแล้ว เพราะฉันแย่งคุณมาเป็นของฉันได้ สายตาของเธอเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างหากแฝงไปด้วยความเจ็บปวด คำพูดของเธอสะกิดใจดำของผมจนแทบอยากจะตบเธอ หากแต่ความรู้สึกสงสารลลนายังพอมีอยู่บ้างและเพราะผมคิดถึงอักษรขึ้นมาในวูบที่ผมจะตบลลนา อักษรคงเสียใจถ้ารู้ว่าผมทำร้ายผู้หญิง ผมไม่อยากเป็นคนเลวสำหรับอักษรมากไปกว่านี้แล้ว ผมจึงทำได้แค่สบถออกมาแล้วลงไปที่หมอนด้านข้างตัวเธอ
โธ่เว้ย!  สีหน้าลลนาตกใจที่เห็นผมโกรธจนทำร้ายตัวเอง ผมทำอย่างนี้ทำไม! ผมได้อะไรขึ้นมาบ้าง! ผมทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักได้ไงกัน!  
เราจะได้หายกันแล้วนะ ยายใบ้แย่งผัวฉันไป ส่วนฉันก็ได้เพื่อนรักของมันมา
ผมจะไม่มีวันยอมให้เรื่องมันจบแค่นี้แน่นอน ผมขอร้องคุณได้ไหมได้โปรดอย่าทำร้ายเธออีกเลย แค่เธอมีชีวิตอยู่ในโลกเงียบ ถูกคนอย่างผมทำร้ายจิตใจ เธอก็คงจะละเอียดสลายคามือผมแล้ว ลลนาไม่ตอบอะไรกลับมา หากลุกขึ้นยืนใส่เสื้อผ้าเก็บข้าวของและหันมายิ้มให้ผมอย่างเศร้าใจก่อนจากไป แต่ก่อนจากเธอทิ้งคำพูดหนึ่งไว้ให้ผมคิด
ไม่ใช่แค่ยายใบ้คนเดียวหรอกที่เจ็บปวดเจียนตาย ฉันเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไร ฉันแค่อยากได้สิ่งที่ฉันควรจะได้ เธอบอกว่าเธอไม่ใช่คนใจร้ายแต่กลับจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ควรจะได้ ผมจะไว้ใจเรื่องความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของผมในวันนี้ได้ไหมครับ และผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเธอจะไม่ขู่อักษรอีก 
วันนี้ผมเรียนแทบไม่รู้เรื่องเลยสักนิดเดียว อุตส่าห์กลั้นใจมาเรียนเพื่ออนาคตที่ผมอยากจะเป็นผู้รักษาโรคภูมิแพ้ให้เธอเอง เพราะผมอยากจัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอด้วยมือของผมเอง
เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน ผมขอตัวกับเพื่อนในชมรมโดยอ้างกับพวกเขาว่ามีธุระด่วนมากที่ต้องทำ ผมใช้เวลาเดินทางไปถึงบ้านเธอไม่นานเลย อักษรออกมาต้อนรับผมด้วยสีหน้าดีใจมากที่ได้เห็นผม แววตาใสซื่อไร้แววกังวล ก็แน่อยู่แล้วล่ะเพราะเธอยังไม่รู้เรื่องผมกับลลนานี่ ถ้าเธอรู้เธอคงจะโกรธจนไม่อยากพบหน้าผมอีกแล้ว เอ้ะ! ไม่สิเธออาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้ เพราะเธอมีชายคืนนั้นข้างกายคอยอยู่เคียงข้างเธอแทนผมแล้วนี่! แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกเจ็บที่เธอยังยิ้มให้ผมได้อย่างเต็มที่ในขณะที่ผมรู้อยู่แก่ใจว่าผมทำเลวลับหลังเธอไว้อย่างแสนสาหัสขนาดไหน มันทรมานจนทนเก็บไว้ไม่ได้อีกต่อ ผมจึงแล่นมาที่ทันทีที่เลิกเรียนไงครับ
ผมพาเธอไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะที่เราพบกันครั้งแรกโดยไม่ยอมพูดอะไรเลยระหว่างทาง ผมรู้สึกได้ถึงแววตากังวลและเป็นห่วงผมจากเธอที่มองตรงมาที่ผมตลอดทาง แต่ผมต้องทำเป็นไม่สนใจเพราะผมกลัวจะร้องไห้ออกมาทันทีที่ได้สบสายตาที่บ่งบอกถึงความห่วงใยคนเลวอย่างผม 
คุณเคยโกหกใครคนหนึ่งที่ดีกับคุณมากบ้างไหมครับ มันเป็นความรู้สึกเดียวกัน เจ็บทุกครั้งที่เขายังมองเราด้วยสายตาไร้เดียงสา ยังปรารถนาดีกับเราทุกอย่าง ยังเป็นห่วงเป็นใยเราในขณะที่เรากำลังเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องความผิดที่กำลังผิดบังไว้ 
ผมจอดรถและรีบเดินจูงมือเธอลงจากรถอย่างร้อนรน ทันทีที่เราลงจากรถความผิดที่ผมเก็บไว้ยังไม่ถึงวันมันก็จะระเบิดอยู่รอมร่อแล้ว มันล้นปรี่จนผมแทบจะกระอักมันออกมา ผมคงดูไม่สบายใจมากจนอักษรเอื้อมที่ว่างอีกมือหนึ่งของเธอมาแตะเบาๆ บนมือผมที่กำลังจูงเธอเพื่อไปหาที่สงบสำหรับคุยกันเงียบๆ ความรู้สึกของเธอถ่ายทอดมาให้ผมโดยที่ผมไม่ต้องหันไปมองหน้าเธอ อุ้งมือที่ผมเคยจับอยู่บ่อยครั้งวันนี้เพียงแค่เธอแตะลงบนมือคนบาปอย่างผมมันระอุไปด้วยความห่วงใย ความอ่อนโยน ความอบอุ่นและอีกนานาความหวังดีจากเธอ จนผมรู้สึกสงบลงมาบ้าง
เราหาที่ม้านั่งติดริมน้ำและริมสุดของทางเดินเท้าเรียบฝั่งแม่น้ำที่ทางเทศบาลจัดไว้ให้ผู้คนได้มาพักผ่อนกัน เธอหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าตัวนั้นด้วยรอยยิ้มที่เธอมักจะใช้ปลอบใจผม จะต่างจากครั้งก่อนๆ ตรงที่เธอไม่ได้สบตาผมเช่นเคย เธอมองเหม่อไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ เธอยังคงปล่อยให้ผมจับแขนเธอไว้และยังไม่ยอมปล่อยมือข้างที่แตะมือผมไว้เช่นกัน สักพักเธอจึงกระตุกแขนข้างที่อยู่ในอุ้งมือผมเบาเป็นเชิงเรียกให้ผมนั่งลงข้างเธอ แต่ผมไม่กล้านั่งลงเคียงข้างเธอในตอนนี้ ผมไม่มีค่าพอให้เธอปลอบใจด้วยซ้ำ ผมจึงทำได้แค่ก้มหน้าและคุกเข่าลงกับพื้นหญ้าด้านหน้าเธอด้วยอาการราวกับคนหมดเรี่ยวแรง เราอยู่สองคนนั่งกันอยู่อย่างนั้นนานจนผมทำใจเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอได้ และผมก็ต้องตกใจ เธอกำลังมองผมอยู่ทั้งน้ำตา แต่เมื่อเธอเห็นผมเงยหน้าขึ้น เธอก็รีบส่งยิ้มที่แสนอบอุ่นมาให้ผม แววตาเธอพยายามหาเหตุผลที่ผมหมดอาลัยตายอยากได้ขนาดนี้ ผมจึงเริ่มเอ่ยปากเล่าให้เธอฟังอย่างที่ผมเคยทำทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมไม่รู้ว่าเธอจับใจความได้หรือเปล่าว่าผมกำลังสารภาพบาปกับเธอ แต่ยิ่งผมเล่าอักษรก็ยิ่งสะอึกสะอื้นร้องไห้เสียงดังมาก ทันที่ผมเล่าจบและเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้งเธอก็ชักมือออกจากการเกาะกุมของผมและพูดภาษามือบอกผมว่า
ไม่เป็นไร ถ้าการที่จามีสีหน้าเศร้าโศกขนาดนี้เพราะความรู้สึกผิดที่ทำอะไรบางอย่างกับเรา เราก็ขอลืมความรู้สึกผิดที่จาพยายามถ่ายทอดให้เรารับรู้เมื่อครู่แล้วกัน เธอรู้ว่าผมกำลังพยายามบอกอะไรเธอ แต่ผมเชื่อว่าเธอไม่รู้แน่ๆ ว่ามันหนักหนาขนาดไหน ผมจึงตัดสินใจบอกเธอด้วยการเขียนตัวอักษรลงบนมือเธอ
เมื่อคืนนี้ผมไม่ได้นอนคนเดียว ข้างกายผมมีผู้หญิงคนอื่นที่ไม่รู้จักนอนกอดผมอยู่ อักษรร้องไห้สะอึกสะอื่นออกมาราวกับเด็กเล็กเพราะเธอคงควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ผมเอื้อมแขนทั้งสองข้างไปโอบรอบเอวเธอแน่นเพื่อไม่ให้เธอหนีผมไปและร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียงทันทีที่เธอกอดหัวผมไว้อย่างอ่อนโยน
ผมขอโทษษร ผมขอโทษ ผมมันเลว ผมไม่น่าใจร้ายกับคุณขนาดนี้เลย ผมทำกับคุณแบบนี้ได้ยังไง ยกโทษให้ผมนะ ยกโทษให้คนเลวๆ อย่างผมได้ไหม อย่าทิ้งผมไปเลย ผมรักคุณนะษรผมรักคุณ ผมพูดออกไปอย่างนี้เธอจะเข้าใจผมอย่างเมื่อครู่อีกหรือไม่ เธอจะรู้ไหมว่าผมบอกรักเธอแล้วและผมเพิ่งรู้ตัวเองว่าผมไม่ยอมเสียเธอให้ใครแน่ ผมเงยหน้าขึ้นจากการโอบกอดอักษรเพื่อสบเววตาที่สั่นไหวของเธอและสะอึกสะอื้นพูดต่อไป
ผมจะไม่ใจร้ายกับคุณอีกแล้วนะษร ผมจะซื่อสัตย์ต่อใจของตัวเอง จะไม่สนใจสายตาใครจะไม่กลัวเรื่องอนาคต จะไม่ทำให้ษรเสียใจ อักษรยังคงร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุดท่าทางไม่ยอมรับรู้อะไร ผมจึงค่อยๆ เลื่อนมือไปจับมือเธอไว้เบาๆ สบตาเธอนิ่งๆ ยิ้มให้เธอเพื่อบอกเธอว่ามันจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว แก้มผมเอียงเข้าหาฝ่ามือเธอช้าๆ เพื่อซึมซับความเจ็บปวดทั้งหมดจากเธอ ไม่นานเธอเริ่มหยุดร้องไห้ ผมจึงหลับตาทิ้งน้ำหนักไปที่ฝ่ามือนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อบอกกับเธอว่า ผมจะหยุดทุกอย่างของผมไว้ที่เธอ จะฝากทุกอย่างไว้ที่เธอ จะไม่ไปไหนแล้วทั้งนั้น อักษรวางมือลงที่หัวผมลูบมันอย่างเอ็นดูและทะนุถนอมเพื่อปลอบใจผมทั้งๆ ที่เราสองคนก็บอบช้ำพอๆ กัน ผมจุมพิตหนักแน่นลงที่ฝ่ามือเธอและเขียนลงไปที่มือเธอว่า 
ผม  รัก - คุณ และเพื่อความแน่ใจผมจึงทั้งพูดภาษาปากและภาษาเขียน 
ความเปิ่นของผมจึงทำให้เธอหัวเราะออกมาจนได้ เธอทั้งร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อมกัน แต่ผมแน่ใจได้เลยว่าเธอมีความสุขอยู่อย่างแน่นอนเพราะรอยยิ้มของเธอนั้นกลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้ว ผมจึงถือโอกาสอ้อนเธอโดยลุกขึ้นนั่งข้างตัวเธอและเอนตัวนอนบนม้านั่งไม้และใช้ตักนิ่มของอักษรแทนหมอน เธอหน้าแดงเลยครับ น่ารักจังเลย การที่ผมได้บอกรักเธอมันทำให้ผมรู้สึกดีขนาดนี้เลยเหรอ ผมไม่ต้องพยายามห้ามใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว อยากอ้อนเธอก็อ้อนได้เลยโดยไม่ต้องกลัวว่าเราสองคนจะถลำใจรักกันมากกว่าเดิม มีความสุขเสียจริง แต่ยังมีอีกสองเรื่องที่มันยังคาใจผมไม่เลือนคือผู้ชายที่ผมเห็นคืนนั้นซึ่งเรื่องนี้ผมต้องถามเธอแน่ๆ แต่อีกเรื่องนี่สิผมจะถามเธอดีไหม ผมกลัวว่าถ้าถามออกไปแล้วจะทำให้เธอกลัวขึ้นมาได้ ถึงจะอยากรู้ทั้งสองเรื่องขนาดไหนแต่วันนี้ผมคงไม่ถามให้เสียบรรยากาศหรอกครับ เพราะถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคนรักคนใหม่ของอักษรขึ้นมาจริงๆ คำสารภาพรักที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีที่ผ่านมาของผมคงจบเร็วจนผมรับไม่ทัน
จริงเหรอจา! จะให้ยายจัดฉลองให้เลยไหม คุณยายสุดที่รักของอักษรเริ่มเปลี่ยนวิธีการพูดเมื่อสนิทกับผมได้ 4-5 เดือนแล้วล่ะครับ
หรือจะให้ยายไปขอจาที่บ้านเลยไหมลูก คุณแเก้วตาผู้เป็นแม่ของคนรักผมอดล้อเลียนกับอาการดีใจเกินหน้าเกินตาของผู้เป็นแม่ตัวเองไม่ได้ 
เกินไปจ้ะแก้วตา เราต้องรักษากิริยาไว้มั่งนะลูกอย่ารีบร้อน
นี่คุณแม่คิดจะไปสู่ขอตาจารึกจริงๆ เหรอคะ
ก็ใช่น่ะสิ ใครว่าแม่ไม่คิด จริงไหมลูก คุณหญิงพิมลหันไปลูบหัวหลานสาวที่กำลังนั่งเหม่อท่ามกลางความยินดี
เป็นอะไรไปลูกหือม์ คุณหญิงเลิกคิ้วพรางถามอักษรเป็นภาษามือ ผมเองก็สังเกตเห็นตั้งแต่ในรถแล้วเหมือนกันว่าเธอมีท่าทีแปลกไป ตอนที่ผมบอกรักเธอก็ดูมีความสุขดี แต่ทำไมตอนที่เธอขึ้นรถมากับผมตลอดเส้นทางอักษรก็นิ่งไปราวกับว่าเธอมีเรื่องราวไม่สบายใจบางเรื่อง ดูท่าจะหนักมากด้วยครับเพราะเหมือนเธอคิดไม่ตก ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าจนผมต้องกุมมือเธอไว้นั่นแหละถึงได้มีโอกาสเห็นเธอยิ้มขึ้นมาบ้าง
เป็นอะไรลูกบอกยายได้ไหม ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า ไม่ดีใจหรือไงที่จารึกเขาก็รักหนูด้วยน่ะลูก
ดีใจสิคะ ดีใจที่สุดในชีวิตเลย ชาตินี้คงไม่มีเรื่องไหนที่จะทำให้หนูดีใจได้มากกว่านี้อีกแล้ว
พูดเกินไปแล้ว เพิ่งจะเกิดมา 20 ปีกว่าเอง มั่นใจได้ยังไงลูก
ก็หนูอ่อนแอ จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ ทำไมเธอพูดอะไรอย่างนั้น! ใจร้ายจังเลยนะอักษร ทำไมเธอถึงพูดทำร้ายจิตใจคนที่เป็นห่วงเธอได้ขนาดนี้ เพราะผมคนหนึ่งล่ะที่จะพยายามรักษาเธอไว้ให้อยู่กับผม
ทำไมพูดอย่างนั้น ผมถามเธออกไปตามใจคิดด้วยสีหน้าโกรธ เธอเลือกที่จะหลบตาผมแทนคำตอบ อ๋อ! หรือว่าเรื่องผู้ชายคนนั้น
หรือว่าเพราะผู้ชายคนที่มาส่งคุณเมื่อคืนนี้ อักษรตาโตเมื่อผมถามออกไปในขณะที่คนในบ้านไม่ได้มีปฏิกิริยาตกใจอะไร คุณหญิงพิมลเพียงแต่อธิบายถึงความเป็นมาให้ฟังแทนหลานที่กำลังตกใจอยู่
อ้าว! จำพ่ออรัณย์ลูกพี่ลูกน้องของอักษรที่เป็นหมอประจำตัวษรไม่ได้หรือจา เป็นคนพาอักษรไปพบเขาเองก็ออกบ่อย
คือ..คืนนั้นผมเห็นไม่ชัดน่ะครับ มันมืดๆ ด้วย ไกลอีกต่างหาก แล้วษรไปกับเขาทำไมตั้งดึกดื่นขนาดนั้นครับ
เมื่อวานนี้อยู่ๆ แม่อักษรก็เป็นลมล้มพับลงไป ตกใจกันทั้งบ้านจึงพาไปหาตาอรัณย์ที่คลีนิกและฝากไว้ให้ดูอาการให้หน่อยว่าเป็นอะไรมากไหม ยายอยากตรวจแม่อักษรให้ละเอียดเลย เพราะช่วงนี้เป็นบ่อยเหลือเกิน
กลับดึกมากเลยนะครับ คลีนิกอะไรเปิดดึกขนาดนั้น
แหมพ่อจารึก ตาอรัณย์เขาก็พาลูกพี่ลูกน้องเขาไปเลี้ยงข้าวเลี้ยงปลาตามประสาญาติๆ บ้างสิจ้ะ รู้ความจริงแล้วก็ยังจะหึงหลานยายกับตาอรัณย์อีกหรือไง ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้หึงนะครับ!ก็ได้คือผมหึงนิดหน่อย!.. ก็ได้ๆ หึงครับหึง กับลูกพี่ลูกน้องผมก็หวงที่รักของผมอยู่ดี สมัยนี้ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันเองก็มีถมไป คนรักผมน่ารักออกปานนี้ไม่หวงไม่หึงไหวหรือครับ แต่ที่ผมถามย้ำกับคุณยายก็เพราะว่าผมรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่ทราบ รู้สึกผิดสังเกตยังไงชอบกล แต่ผมยังไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไรและจะเริ่มจากตรงไหนดีจึงได้แค่เก็บไปสงสัยในใจเพียงคนเดียว
ผมก็แค่เป็นห่วงนี่ครับ อะไรที่มันไม่เป็นปกติก็ต้องถามให้หายสงสัย
จ้าพ่อนักสืบ ตกลงเรียนจบจะเป็นคุณหมอหรือจะเป็นตำรวจคะลูก
ผมอยากเป็นหมอครับ ก่อนรู้จักอักษรผมอยากเป็นหมอเพราะพ่ออยากให้เป็นและมันเป็นงานที่เงินดีงานหนึ่ง ที่สำคัญคนนับหน้าถือตาก็เยอะด้วย
ถ้าอย่างนั้นพอจาเจอหลานสาวยายแล้วจาอยากเป็นหมอเพราะอะไรล่ะ คุณหญิงพิมลแกล้งถามทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่ท่านก็อยากฟังอะไรที่ทำให้เธอประทับใจในพ่อหนุ่มเพลย์บอยเก่าให้ชื่นใจ ผมหันไปมองหน้าคนรักและยิ้มอย่างอายๆ ให้ หากเพื่อยืนยันความรักของผมที่มีต่อเธอให้บรรดาญาติของเธอรู้ผมจึงต้องหน้าหนา (หรือที่ปกติผมจะเรียนหน้าด้าน) บอกเหตุผลไป ดังนั้นผมจึงขอจับมือและโอบเธอไว้หลวมๆ เพื่อขอกำลังใจก่อนพูดต่อ
จุดมุ่งหมายในการเป็นหมอของผมเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้รู้จักอักษร ผมไม่เคยรู้สึกถึงความสำคัญของเป้าหมายในอาชีพหมอมาก่อน แต่อักษร.. ผมกระชับมือแน่นกว่าเดิมพร้อมกับระดับความอายที่เพิ่มมากขึ้น
เงียบทำไมล่ะจา อ้อมไปอ้อมมาอยู่นานแล้วนะ คนรอฟังลุ้นกันจนจะเอาหูไปแนบปากเธอแล้วนะนั่น
เรื่องส่วนตัวนะครับคุณแม่ ไม่ใช่เรื่องสาธารณะ
เอากับเขาสิ! ยายยอมให้แกว่าวันหนึ่ง ตกลงจะเล่าดีๆ หรือว่าจะให้ฉันจับเราแยกกับแม่อักษรก่อน
จะไม่มีอะไรแยกเราสองคนออกจากกันได้อีกแล้วล่ะครับ นอกจากความตาย
เอ้ะ! วันนี้เป็นอะไรกันเนี่ยพูดแต่เรื่องตายเรื่องเจ็บ อย่ามัวเฉไฉเลยจา พูดต่อเลยนะ
คร้าบ.. ถึงไหนแล้วนะ ผมยังอดยวนไม่เลิกก็หมั่นไส้นี่ครับ น่ารักกันทั้งบ้านเลยน่าแกล้งนักเชียว
จารึก!  ทุกคนที่กำลังรอฟังคำพูดผมด้วยใจระทึกรีบพูดเสียงเขียวดังเสียจนผมต้องยอมใจอ่อนเลิกแกล้ง แล้วจึงหันไปสบตาอักษร พูดช้าๆ เพื่อให้เธออ่านปากผมออกและเข้าใจเหตุผลที่ผมอยากเป็นหมอเพื่อใคร
เพราะว่าผมอยากเป็นคนดูแลคนที่ผมรักด้วยตัวผมเอง ผมไม่อยากให้ใครมาดูแลเธอนอกจากผม ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอผมจะต้องเป็นคนช่วย ทุกครั้งที่อักษรป่วยจะต้องเป็นผมที่ดูแลเธอ เพราะคงไม่มีใครคนไหนดูแลเธอได้ดีเท่าผมคนที่รักเธอ
จาเธอรู้ตัวไหมว่าเสน่ห์ของเธออยู่ที่ไหน
เร้าใจมั้งครับ ผมก็พูดไปอย่างนั้นเพราะตั้งใจจะล้อเล่นแต่ไม่คิดว่าทั้งบ้านจะทำหน้าตาตื่นกันขนาดนี้จนผมอดขำไม่ได้
เหลวไหลน่ะ ยายถามจริงๆ รู้ตัวเองไหม
รูปร่างหน้าตาล่ะมั้งครับ หรือฐานะทางบ้านก็ไม่รู้เหมือนกัน
สำหรับยายนะ ถ้ายายยังสาวยังสวยสู้แม่อักษรได้ละก็ ยายคงหลงรักจาที่ความคิดและคำพูดของเธอนั่นแหละ ใครฟังเขาก็รู้สึกดี อย่างยายฟังที่เธอพูดยายก็อยากให้หลานสาวของยายได้คนอย่างเธอมาอยู่เคียงข้าง คุณยายของอักษรพูดชื่นชมผมเสียจนผมเขิน แต่มันก็ต้องมีคำถามต่ออีกนั่นแหละ แล้วทำไมอักษรรักผมทั้งๆ ที่เธอไม่สามารถฟังถ้อยคำสละสลวยเหล่านั้นได้
คุณยายผมขอตัวไปข้างนอกกับอักษรนะครับ
เอาสิจะเอาไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ตามแต่เธอเถอะ
ก็แค่พาไปเดินตากน้ำค้างให้ไม่สบายเล่นที่หน้าบ้านเท่านั้นแหละครับ
จ้าๆๆ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปหาอะไรทำกันบ้างเถอะนะแม่แก้วตา ตาจารึก แม่หวานใจ ปล่อยหนุ่มๆ สาวๆ เขาไปหาที่จู๋จี๋กันสองคนดีกว่า คุณหญิงเรียกบรรดาลูกสาวและหลานชายลุกขึ้น แต่ยังไม่วายชายตามามองอักษรให้เธอรู้สึกเขินที่ท่านรู้ทัน
ผมพาอักษรมานั่งตรงซุ้มเรือนไทยที่ทำจากไม้ท่าทางจะอยู่กับบ้านหลังนี้มานานหลายปีแต่สภาพของมันไม่ได้เก่าตามกาลเวลาเลย เพราะคงมีคนคอยดูแลเป็นอย่างดี ผมนั่งจับมือของอักษรอยู่นานจนเราต่างคนต่างเงียบหากมันไม่ใช่ความเงียบที่สร้างความรู้สึกอึดอัดให้เราสองคน ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าถามคำถามคาใจกับเธอไปด้วยภาษามือ
ทำไมถึงรักผม เธอส่งยิ้มให้แต่กลับไม่ยอมตอบคำถามผมราวกับไม่เห็นสิ่งที่ผมกำลังพยายามสื่อให้เธอตอบ ผมจึงย้ำกับอักษรอีกรอบพร้อมบีบมือเธอเบาๆ
ทำไมถึงรักผม อักษรรวบมือทั้งสองข้างของผมไว้ ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้พรางส่ายหน้าอย่างไม่ยอมบอกคำตอบ จากนั้นเธอจึงค่อยๆ คลี่มือบางออกและจับมือผมให้แบออกเช่นกัน ผมรู้แล้วว่าเธอจะทำอะไร 
ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีเราจาจะอยู่ต่อไปใช่ไหม 
ทำไมถามอย่างนี้!  ผมตกใจกับคำถามของเธอมากจนส่งเสียงอุทานออกมาดังลั่น ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่แล้วที่เธอมีท่าทีแปลกประหลาดรวมถึงคำพูดก็แปลกไม่ต่างกัน แล้วนี่ยังจะถามอย่างนี้อีก อักษรคุณมีอะไรปิดบังผมไว้หรือเปล่า
มีอะไรไม่สบายใจที่อักษรไม่ได้บอกให้ผมรู้ใช่ไหม บอกผมมาก่อนผมจะอึดอัดตายลงตรงนี้เสียก่อนนะ
เปล่านี่ ก็แค่คิดว่าตั้งแต่นี้ต่อไปเพียงได้เห็นหน้าจาทุกวัน มีจาอยู่เคียงข้างเราไปจนวันสุดท้ายของชีวิต เราก็พอใจที่สุดแล้ว ผมรู้ว่าเธอทำเป็นยิ้มอย่างใจดีสู้เสือ ก็ได้ผมจะตามใจเธอ ไม่อยากบอกผมก็ตามใจแต่ไม่ใช่ว่าผมจะยอมแพ้นะ ผมจะต้องสืบรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ผมจึงแกล้งทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุยและไม่ทันเล่ห์หลอกของเธอ
หรือจะเฉไฉไม่ยอมบอกเหตุผลที่รักคนอย่างผม รักผมเพราะอะไรครับบอกมาเดี๋ยวนี้นะ
อย่าให้รักของเราขึ้นอยู่กับคำว่าเหตุผลเลย อักษรเคลื่อนที่มือไปมาอย่างชำนาญเพื่อบอกผม
ถ้าเรารักใครสักคนด้วยเหตุผลมันคือ การใช้สมองคิดคำนวณหาข้อได้เปรียบเสียเปรียบในการที่เราจะรักเขาคนนั้นต่างหาก แต่ความรู้สึกที่บอกว่าทุกอย่างที่เป็นเธอคือ ความสุขของฉันนี่สิถึงจะเรียกว่าความรัก ที่รักของผมมักจะมีคมให้ผมได้ซึ้งใจเป็นประจำ คงเป็นเพราะโลกของเธอสดใสเจอแต่ความสะอาดบริสุทธิ์ อักษรจึงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเสียจนคนรอบข้างมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้เธอ ผมอยากจุมพิตเธออีกจัง ความรู้สึกจากรอยสัมผัสบางเบาบนริมฝีปากของผมในวันนั้นยังคงไม่ลืมและโหยหามาตลอด ซึ่งคำพูดของเธอก็ทำให้ผมต้องการหวนระลึกถึงความหวานจากรอยจูบนั้นอีกครั้ง 
เราสองคนนั่งสบตากันนิ่งเนิ่นนาน มือของอักษรช่างอบอุ่นและอ่อนโยน ที่รักของผมถ้าคุณไม่อยากให้ผมเสียมารยาทกับคุณอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าคราวนี้เราจะเป็นคนรักกันแล้วก็ตาม คุณก็จงหยุดยิ้มแบบสดใสและไร้เดียงสาอย่างนั้นเสีย รู้ไหมว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันทำให้ผมเผลอขโมยจุมพิตของคุณได้นะ ทันทีที่ผมเริ่มขยับตัวอักษรก็ผงะหน้าหนีนิดหนึ่ง เธอแสดงออกว่าเธอรู้ความคิดผม แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุผมหยุดตัวเองไม่ได้แถมยิ่งอยากจะเอาชนะเธอเสียอีก ผมยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมที่ตกมาละใบหน้าสวยใสเบาๆ ถือวิสาสะเลื่อนมาลูบแก้มเนียนอย่างช้าๆ อักษรสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสมือของผมลงไปที่แก้มของเธอครั้งแรกและจึงเปลี่ยนอาการเป็นเอียงแก้มใสเข้าซบในอุ้งมือผมและจับมือข้างที่ลูบแก้มเธอไว้สบตากันนิ่ง ที่น่าแปลกคือเธอไม่ยอมหลับ ทำให้ผมยิ่งหมั่นไส้สาวน่าตีอย่างเธอ โธ่แม่สาวน้อยในกำมือมารนี่คุณพยายามป้องกันความเป็นอธิปไตยของตัวเองขนาดนี้เชียวหรือนี่ เธอคิดว่าผมเป็นใครกัน ผมเป็นคนรักเธอนะทำไมเธอต้องกลัวผมจุมพิตเธอขนาดนั้นด้วย ผมจึงลองยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธออย่างช้าๆ อักษรก้มหน้างุดๆ อย่างที่ผมเดาไว้ครับหลับตาสนิทจนหยีเลย มือก็ดันหน้าอกไว้ใหญ่เชียว โธ่เธอจ๋า! ลำพังแรงแขนที่อ่อนแอทั้งสองข้างของเธอนั้นจะทำอะไรผู้ชายแข็งแรงอย่างผมได้หรือครับ แต่มันก็ทำให้ผมได้มีเรื่องแกล้งสาวไร้เดียงสาตรงหน้าเพิ่มขึ้น ผมจึงก้มลงจูบลงที่ต้นแขนอย่างหนักหน่วง อักษรทั้งสะดุ้งทั้งลืมตาโตเป็นไข่ห่านเลย พอผมเห็นเธอลืมตาขึ้นจึงยื่นหน้าเข้าไปหาใหม่อีกครั้งและเธอก็หลับตาดันหน้าอกผมเหมือนเดิม คราวนี้ผมก็เป่าลมไปที่ข้างหูเธอบ้าง เอนหัวหนีโดยไม่ยอมเปิดตาเฉยเลยแต่สังเกตได้ว่าตาที่หยีอยู่แล้วแทบจะหายไปเลยน่ารักมากเลยครับ ก็เพราะอย่างนี้แหละน้าผมถึงได้อยากแกล้งเธอขึ้นมา
นี่อย่าเบียดสิ ฉันจะดูหลานฉันถูกจูบให้ถนัดๆ หน่อย คนแก่สายตาไม่ดี ลูกน่ะหลบไปก่อนเลย
อย่าดังสิแม่! โธ่แม่ขา! หนูกับยายหวานใจก็แก่ไม่ต่างจากแม่แล้วนะคะ แบ่งๆ กันดูนั่นแหละ และถึงอย่างไรยายอักษรก็ลูกหนูเหมือนกันนะ
เป็นพี่ผมด้วย และผมก็เด็กที่สุด ผู้ใหญ่ต้องไม่เอาเปรียบเด็กนะครับคุณยายคุณน้าคุณแม่
อะแฮ่ม! 
ชู้ว!!เงียบๆ กันหน่อยแล้วก็อย่าดัน เดี๋ยวจารึกก็รู้ตัวพอดีกัน
อะแฮ่มๆ ผมรู้นานแล้วล่ะครับทุกคน ก็เล่นส่งเสียงดังกันขนาดนั้น
อ้าวรู้แล้วเหรอจ้ะ คือยายกับแม่ลูกสาวยายเขาก็อยากเดินเล่นแถวๆ นี้เหมือนกันน่ะ บังเอิญจังเลยนะจ้ะ
ผมอุตส่าห์ล่อหลอกให้อักษรออกมานอกบ้านกันแค่สองคนได้แล้ว พวกคุณยายยังอุตส่าห์ตั้งใจให้บังเอิญกันอีกนะครับ แต่ผมไม่อายหรอกจะจูบหลานคุณยายต่อหน้าต่อตาเลยก็ได้ ว่าแล้วผมก็ก้มลงหอมแก้มนวลของอักษรเมื่อตอนที่เธอเริ่มรู้สึกปลอดภัยที่มีผู้มาขัดจังหวะจนไม่ทันระวังจากการจู่โจมของผม เล่นเอาเธอสะดุ้งเฮือกหันมาตีดังเผียะ และมองค้อนอย่างอายๆ ได้น่ารักจนผมต้องคว้าเธอมาโอบไว้หลวมๆ 
แหม ได้คืบจะเอาศอกหรือจ้ะพ่อจารึก พอได้แล้วยังไม่ได้แต่งงานกันนะจ้ะ อย่าเพิ่งล่วงเกินกันประเจิดประเจ้อต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ของเธอสิจ้ะ 
ทีเมื่อกี้ทำไมลุ้นกันยิ่งกว่าษรอีกละครับ
เอาไว้ทำลับหลังดีกว่านะเรื่องอย่างนั้นน่ะ ใครรู้เขาได้ว่าบ้านยายรู้เห็นเป็นใจให้หลานเสียคนเอาน่ะสิ
ครับๆๆ ผมขอโทษด้วยนะครับ ไว้ผมจะมาขอหมั้นไว้ดีไหมษร ผมหันไปขอความคิดเห็นของสาวคนรักด้วยก่อนใช้ภาษามือคุยกับเธอ
ผมจะมาหมั้นคุณไว้ดีไหมษร แล้วพอผมเรียนจบแล้วเราก็แต่งงานกันเลยนะ ผมหวังจะเห็นสีหน้าดีใจและเต็มใจจากเธอ แต่กลับกลายเป็นว่าผมทำให้อักษรมีสีหน้าราวกับจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ ผมพูดอะไรผิดหรือครับเรื่องน่าดีใจขนาดนี้แต่ทำไมเธอถึงจะร้องไห้ (หรือว่าซึ้งใจจนพูดอะไรไม่ออก - ล้อเล่นนะครับผมน่ะเข้าใจเธอดี)
ตื่นเต้นจนจะร้องไห้เลยเหรอ ไม่เป็นไรผมไม่รีบอะไร ต้องขอบใจประสบการณ์โกหกอันโชกโชนของผมเมื่อในอดีตจริงๆ เพราะมันทำให้ผมปั้นหน้ายิ้มให้เธอโดยไม่แสดงความเป็นห่วงเรื่องที่อักษรกำลังปิดปังผมอยู่ ให้ตายเถอะเธอเป็นอะไรกันแน่!? เธอมีอะไรกลุ้มใจจนไม่สามารถบอกกับผมได้เลยหรือ มันคือเรื่องอะไรกันนะ
หลังจากนั้นไม่นานผมจึงขอตัวกลับบ้าน โดยไม่ลืมที่จะเก็บเอาความสงสัยกลับไปด้วยอย่างแน่นอน ที่รักของผมเธอมีอะไรกลุ้มใจอยู่หรือถึงได้มีท่าทีแบบนั้น ความรักของเราที่เมื่อก่อนมันไม่สมหวังตอนนี้ผมก็ยอมรับใจตัวเองแล้วแต่ทำไมสีหน้าของเธอกลับเศร้าหนักลงไปอีก ผมมั่นใจว่าเรื่องที่อักษรกลุ้มใจมันต้องเกี่ยวกับผมแน่นอนแต่เพราะบางอย่างที่ผมพูดออกไปทำให้เธอมีสีหน้าเศร้าลงกระทันหันจนหัวใจผมหล่นวูบไปพร้อมกับรอยยิ้มของเธอ หรือว่าจะเป็นเรื่องจดหมายขู่ของลลนาที่ส่งมาขู่ว่าจะฆ่าเธอ ไม่แน่! อักษรอาจจะกำลังกลุ้มใจเรื่องนั้นอยู่ก็เป็นได้เพราะเรื่องนี้ผมก็ยังไม่ได้ถามเธอและเธอเองก็ยังไม่คิดจะปริปากบอกผม
เรื่องทั้งหมดกระจ่างในบ่ายวันหนึ่งหลังจากที่ผมพยายามล่อหลอกถามเธอหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยได้ผลสักครั้งเดียว วันนั้นผมเรียนเสร็จตั้งแต่บ่าย งานชมรมก็สะสางจนไม่เหลืออะไรให้เป็นที่เดือดร้อนคนอื่นผมจึงมานั่งเสนอหน้าอยู่ที่บ้านอักษรตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ผมนั่งเป็นเพื่อนอักษรอยู่ข้างๆ เธอ มองเธอวาดรูปดอกไม้ในสวนอยู่นานแต่ก็ไม่รู้จักเบื่อ สักพักอักษรจึงหันมาหาผมและขอให้ผมเป็นแบบให้ มีหรือที่ผมจะปฏิเสธผมรีบตอบรับและนั่งเป็นแบบให้ทันที เธอลืมตัวเอานั่งจ้องผมนิ่งโดยไม่ยอมลงปลายดินสอลงกระดาษเล่นเอาผมเขินและแซวเธอว่า
ซีดหมดแล้ว ทำไมไม่วาดเสียทีล่ะ
ไม่ได้อยากวาดหรอก อยากมองจารึกเฉยๆ เลยหาข้ออ้างให้จารึกนั่งนิ่งๆ 
ไม่เห็นต้องมีข้ออ้างเลย เราเป็นคนรักกันนะ อยากมองเมื่อไรก็มองได้
อีกหน่อยอาจไม่ได้มอง เราเสียดายถ้าจะไม่รีบเก็บภาพของคนรักของเราไว้
ช่วงนี้พูดแปลกๆ รู้ตัวไหม 
แปลกเหรอ อักษรยิ้มให้ผมเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย
จารึกเราเคยถ่ายรูปคู่กันบ้างหรือยังนะ ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ผมจะพยายามหาความลับในใจเธอเอง
เคยถ่ายสิ มีเป็นร้อยเลยนะ
แล้วรูปที่ความหมายจริงๆ ล่ะ เราเคยถ่ายกันหรือยัง รูปที่เราได้ยืนเคียงข้างในฐานะคนรักน่ะ
ยังไม่เคยเลยจริงๆ ด้วย ษรอยากถ่ายรูปคู่กับผมเหรอ ได้เลยนะ
อยากสิ! ถ่ายเลยนะ! ถ่ายเลย ใช่กล้องจานะ เอามาหรือเปล่า
เอามาสิ เดี๋ยวนะ! เดี๋ยวไปเอามาให้ อยู่ในกระเป๋าหน้าบ้านนี่เอง ไม่นานผมก็วิ่งกลับมาหาอักษรที่เรือนไทยหน้าบ้านพร้อมกล้องดิจิตอลที่เราสองคนไปเลือกซื้อด้วยกัน
เราสองคนถ่ายคู่กันโดยผมเป็นคนกดชัตเตอร์ ผมทั้งกอด ทั้งโอบ ทั้งหอมแก้มนวลนั้นจนแทบช้ำ เราสองคนหยอกล้อกันเพลินเชียว ผมแอบถ่ายรูปตอนที่เธอเขินด้วย ตอนที่เธอหันมามองค้อนผมตาโต หรือตอนที่เธอยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่ผมแอบขโมยหอมเมื่อครู่ หน้าบึ้งอย่างสาวสวยขี้งอนก็ถ่ายเก็บไว้ ตอนที่เธอยิ้มหรือหัวเราะผมก็ถ่ายเก็บ ทำไงดีครับผมมีความสุขจังเลยที่ได้อยู่กับผู้หญิงคนนี้จนผมอดหันไประบายความรู้สึกสุขใจกับอักษรไม่ได้
มีความสุขจังเลย อยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป
เราก็อยากให้เป็นอย่างนั้น สีหน้าเศร้าซึมลงไปจนเห็นได้ชัดเจนเชียวล่ะ เธอหันหลังไปเกาะที่กรงไม้โดยไม่ยอมหันมามองผมเลย ผมจึงเดินเข้าไปกอดเธอไว้จากด้านหลัง และเอื้อมมือไปจับมือของอักษรแบขึ้นและเขียนรูปหัวใจลงไป เธอหันมาดันอกผมออกและทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ผมกลับตัดหน้า
ดีเหมือนกันนะที่เราถ่ายรูปเก็บไว้ พอเราโตขึ้นจนมีลูกมีหลานจะได้เอาออกมาให้เขาชื่นชมความรักที่ยิ่งใหญ่ของเราสองคนไง เขาจะได้ดีใจที่ได้รู้ว่าพ่อกับแม่เขารักกันขนาดไหน เขาจะได้ภูมิใจที่เขาเป็นผลของความรักที่พ่อกับแม่ตั้งใจให้เกิดขึ้น เธอร้องไห้ออกมาแทบคลั่ง แต่ผมก็ยังดันทะรังพูดต่อไปเพื่อล้วงเอาความลับเธออกมาให้ได้
ผมจะรักษรตลอดไปนะ จะไม่ไปไหนทั้งนั้น ต่อให้คุณลงทุนไล่ผมด้วยตัวเองก็จะไม่ไป ผมจะอยู่กับคุณต่อไปจะดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณ จะทำทุกอย่างเพื่อคุณอยู่เสมอจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายที่เราตายจากกัน เธอยิ่งสะอึกสะอื้นจนผมเริ่มใจไม่ดี
สัญญานะ สัญญากับเรา อักษรเริ่มเคลื่อนไหวมือเป็นคำพูด
สัญญาว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามจาก็จะไม่ลืมสิ่งที่เราหวังไว้มาตลอดคือ การได้เห็นวันพรุ่งนี้ที่เต็มไปด้วยความสุขของจา
สัญญาสิ สัญญาครับ ผมโอบร่างนั้นมากอดอีกครั้งจนร่างบอบบางและอ่อนแอของแทบจะแหลกคามือ
อย่าปิดผมอีกเลยได้ไหมอักษร ขอให้ผมได้มีโอกาสดูแลคนรักของผมในฐานะของคนรักเถอะนะ ความสุขของผมก็คืออยากเห็นคนรักของผมยิ้มได้อย่างมีความสุขเหมือนกัน
เรา ไม่นะ! เธอเป็นลมต่อหน้าผมจนผมรับร่างเธอไว้แทบไม่ทัน สีหน้าที่ซีดราวคนไร้เลือดอยู่แล้วซีดลงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่านัก 
ใครอยู่แถวนี้บ้าง! คุณอักษรเป็นลมเอารถออก!  ลางสังหรณ์ที่ผมเพิ่งจะคลำทางได้เมื่อครู่ปรากฏเป็นคำตอบให้ผมทราบโดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยปากบอกอะไรทั้งสิ้น ถ้าลางสังหรณ์ของผมมันจะแม่นยำขนาดนี้ละก็ ผมก็จะไม่พยายามสืบเสาะความลับของเธอเลย
เร็วๆ สิ! มีใครอยู่แถวนี้บ้าง! เปิดประตูรั้วบ้านเร็วเข้า!  ผมรีบอุ้มเธอไปที่รถและวางเธอลงอย่างแผ่วเบาก่อนวิ่งไปที่ประตูรั้วบ้านเอง แต่ยังไม่ทันถึงก็มีคนรับใช้ในบ้านของอักษรวิ่งมาเปิดประตูหน้าตาตื่น พรางมองผมด้วยความตกใจและสงสัย
คุณอักษรเป็นลม บอกคุณยายด้วยฉันจะพาอักษรไปโรงพยาบาลก่อน ถ้าส่งถึงมือหมอแล้วจะรีบโทรกลับ เรื่องที่อักษรกำลังพยายามปิดอยู่มันจะต้องร้ายแรงมากแน่ๆ ผมไม่อยากคิดอะไรอีกแล้วเพราะยิ่งคิดยิ่งอยากร้องไห้
อย่าเป็นอะไรนะที่อักษร ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้รักคุณอย่างเต็มที่เอง
 
โปรติดตามตอนต่อไป
แสนซน				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน