ประมาณ 05.00 น. ของวันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2547 เราก็ต้องรีตื่นเพื่อเก็บสัมภาระเดินทางต่อไปอีกสถานีหนึ่งซึ่งต้องเดินทางอีกแล้ว เรามาถึงสถานี้นั้นแล้วก็วางสัมภาระไว้ แล้วก็ไปกินข้าว ไม่นานครูฝึกก็เป่านกหวีดเรียกเพื่อทำการฝึกหนักครั้งสุดท้าย ซึ่งด่านนี้ยากเหลือเกินที่จะอดทนเพื่อผ่านมันไปให้ได้ เมื่อเราเข้าแถวเสร็จ ครูฝึกได้ให้พวกเราคลานต้ำลงสู่พื้นหินเข็ง ๆ ไปข้างหน้า และถอยหลังหลายรอบมาก เราก็รู้สึกเจ็บ แต่ต้องผ่นไปให้ได้ สักพักครูฝึกก็บอกว่าเดี๋ยวเราจะไปดูหนังแฟนฉันกันซึ่งไปลำบากมาก เค้าให้ถีบจักรยานโดยการนอนหงายชูปืนขึ้นเป็นแฮนด์ แล้วยกขาขึ้นถีบอากาศ ซึ่งฝุ่นดินแดงที่ตลบขึ้นมานั้นทำให้มันเข้าไปในปากบ้าง เข้าจมูกบ้าง ฟันแดงไปหมด หลังจากนั้นเราก็แบ่งเป็นสองหมวด ซึ่งหมวดแรงเป็นการเข้าตี หมวดที่สองเป็นการตั้งรับ เราเองเข้ารับการฝึกที่ฐานเข้ารุกก่อน ต้องทาขี้เถ้าทับไปอีกต่อจากเมื่อวานทำให้หน้าดำขลับเลย เราต้องตั้งแถวเป็นหมู่ปืนเล็ก เพื่อทำการเข้าตี เราเดินทางลาดตระเวนไปยังทุ่งกว้าง ท่ามกลางแดดที่ร้อนผ่าว เราเดินผ่า ทุ่งพริก ทุ่งมัน และ พื้นที่ราบกว้าง ๆ เต็มไปด้วยหิน และดินมากมาย เสียงปืน และ ระเบิดดังขึ้นเป็นพัก ๆ เพื่อให้ถึงอรรถรสให้การฝึกการเข้าตีของทหาร ขณะที่กำลังเข้าตีข้าฝึกนั้น มีทั้งหมอบ คลาน โผ มีทั้งหมดที่เราเคยเรียนมาตลอด 3 ปี ครึ่งวันแรกได้ผ่านไปครึ่งวันหลังได้มีการเข้าตั้งรับ ซึ่งเราได้เข้าฝึกกับครูฝึกซึ่งมีฉายาว่า ครูฝึกนรก ฟังแล้วดูโหดมาด และก็เป็นอย่างที่เราคาดไว้ ดุจริง ๆ บอกว่าเราต้องฝึกอย่างทหาร เอ้า เอา ก็เอา ก้เข้ารับการฝึก มีทั้งหมอบคลาน คลุกกับดินแดง ซึ่งเเหนื่อย และกระหายมากเราเดินทางมาถึงที่ป่าชายเขาก็ยังไม่วายคลานไปอีก (อันที่จริงก็เพราะว่าตอ้งการหลบหนีข้าศึกนั่นเอง) น้ำก็หมดรวมถึงล้ามาก ๆ คอแห้งไปหมด เราได้มาประจำตำแหน่งหนึ่งซึ่งต้องวิ่งหนีข้าศึกเขาไปในป่า เมื่อได้เวลา เราทั้งหมดชุดก็ทำการยิงข้าศึก ทำเสียง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ไปเรื่อย ๆ พอครูฝึกส่งสัญญาณหนี (ในกรณีข้าศึกกดดัน) ก็ต้องรวบรวมแรงทั้งหมดไปตั้งรับในป่า ตอนนั้นเหนือยที่สุด ไม่นานก็เข้าแถวเพื่อออกจากป่าไปกินข้าว เราเดินทางกันอย่างอ่อนล้า แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราได้เข้าไปพักในหลุมหลบภัยซึ่งครูฝึกได้ให้พวดเราเฝ้าไว้คนละหลุม เราได้งีบหลับไปสักพัก พอตกเย็นครูฝึกก็เรียกรวมไปกินข้าวให้หายเหนื่อย ไม่นานก็ต้องมารวมกันอีกครั้งเพื่อทำการตั้งรับอีกครั้งในเวลากลางคืน เราเข้าตั้งรับในเวลากลางคืนอย่างไม่ลำบากนักเพราะว่าการตั้งรับ(ในกรณีข้าศึกไม่กดดัน)ซึ่งไม่มีอะไรมาก เรารอตั้งรับกันจนมืดและได้เดินทางกลับมายังทีรวมพลอีกครั้งพร้อมทั้งกระเป๋าเป้ที่หนักมา เราได้มารวมพลกันที่ราบกว้าง รอบ ๆ กายมีทั้งดวงดาวเปล่งประกายในความืด พระจันทร์เสี้ยวที่ส่องแสงเหมือนว่ามีรอยยิ้มให้กับความสำเร็จของเรา ครูฝึกที่ทำการฝึกเราได้มาพูดอะไรให้นักศึกษาฟัง รวมถึงครูฝึกนรกด้วย ครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่ฝึกเมือบ่าย ครูฝึกนรกก็เหมือนครูฝึกนักศึกษาวิชาทหารคนนึงที่มีระเบียบ และต้องการฝึกนักศึกษาวิชาทหารอย่างทหาร เพื่อให้ไดรับความรู้ไปอย่างมากที่สุด เราเองก็เข้าใจ และรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทั้ง รุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้...เราจะได้กลับบ้านเสียที อะไรต่าง ๆ ที่เราฝึกมาทั้งหมดในวันนั้น เราจำได้ไม่มีวันลืม เพราะอย่างน้อยเราเองได้บันทึกเรื่องราวทั้งหมดไว้ในนี้แล้ว มิตรภาพใหม่ ๆ ระหว่างเรากับเพื่อนต่างโรงเรียนที่เข้าร่วมฝึกด้วยกันดูเหมือนว่าจะผูกพันเหมือนเพื่อนที่ไม่อยากจากกันซะแล้ว ชักจำหน้าเพื่อนได้ และไม่อยากจากไป... มันต่างจากวันแรกอย่างสิ้นเชิง เราอยากกลับบ้าน เราไม่อยากฝึกที่นี่ วันนี้มันไม่ใช่ เราอยากกลับไปที่บ้านพร้อมทั้งมิตรภาพที่จะยังงอกงามต่อไป ไม่ใช่เติบโตและเหี่ยวเฉาไปเพียงแค่นี้ วันที่เราเหนื่อย...พักก็หาย วันที่เราเจ็บกาย...ไม่นานก็ทุเลา วันที่เราต้องจากศูนย์ฝึก...ไม่นานคงได้กลับมา วันที่เราต้องจากเพื่อนใหม่...อาจคงไม่ได้พบกันอีก... ต่างคน...ก็ต่างที่มา เรามารวมกัน ณ ที่ที่หนึ่งซึ่งต้องช่วยเหลือกัน มีน้ำใจให้กัน พูดคุยกัน สนุกสนานด้วยกัน มันได้จากลาไปพร้อมกับความลำบากที่เราไม่ตอ้งการ...เราไม่น่าพบกันในที่ที่นั้นเลย... เราน่าจะพบกันที่โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง หรือ มหาวิยาลัยที่เรากำลังจะเข้าเรียนในอนาคต... แต่ใต้ท้องฟ้ากว้างใหญ่แห่งนี้ยากนักที่จะกลับมาพบกับหนึ่งชีวิตเล็ก ๆ ที่เคลื่อนที่ไปอย่างไร้ร่องรอย และข่าวคราว คงได้แค่คิดถึง...ย้ำลึกในเวลาที่เรากลับมาให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าจะลืมเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราเคยร่วมทุกข์สุขกันมา เป็นการรู้จักที่สั้นจริง ๆ เราเองยังตั้งตัวไม่ทัน...
31 มกราคม 2547 07:34 น. - comment id 70894
หนุกมากเลยอ่ะ มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับร.ด.แล้วก็เขียนได้ถึงอารมณ์เล่าความรู้สึกได้เยี่ยมจริงๆเลยนี่ชมจากใจจริง
31 มกราคม 2547 20:39 น. - comment id 70897
เป็นมิตรภาพที่แม้จะเกิดในระยะเวลาสั้น ๆ แต่จะเป็นความประทับใจในระยะเวลาที่ยาวนานเสมอจ๊ะ แต่แหมเรียกครูแบบนั้นได้ไงค่ะ เขาไม่ว่าหรือไม่ได้เรียกต่อหน้าจ๊ะ สงสัยจริง แต่อ่านแล้วก็สมชื่อนะค่ะ โหดจริง ๆ ดีหน่อยที่ไม่ใจร้ายด้วย ไม่งั้นหละ ไม่อยากคิดเลยค่ะอิอิ (เขียนได้ดีมากเลยค่ะ)
1 กุมภาพันธ์ 2547 16:49 น. - comment id 70915
วันเวลาที่แสนสุขใจไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ แต่มันก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของเราตลอดเวลา เหมือนเมื่อวานที่ตะแหง่วเข้าค่ายฝึกทักษะชีวิต สนุกมากๆได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความสามัคคี มิตรภาพ จะจดจำไว้ตลอดไป..... ..
2 กุมภาพันธ์ 2547 23:21 น. - comment id 70928
ได้ยินว่าเข้าค่ายกินแต่ไก่เหรอ ระวังไข้หวัดนกนะ ด้วยความเป็นห่วงครับทุกคนด้วยนะ
4 กุมภาพันธ์ 2547 02:00 น. - comment id 70944
ขอบคุณคุณผู้หญิงไร้งเงา คุณตะแหง่ว คุณมันส์ฝรั่ง มาก ๆ ครับ ขอตัวงีบหน่อยนะครับ ง่วงมากเลยครับ อิอิ **-*--
8 กุมภาพันธ์ 2547 10:22 น. - comment id 71005
..ตอนนี้ ..เรนเริ่ม เศร้าแล้วดิคะ..