กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วประมาณ 10-7 ปี ได้มีชนเผ่า 3 ชนเผ่า(ไม่ใช่) มีคนอยู่คนหนึ่งนามว่าวรุตม์ ที่มัวแต่หลงรักคนชื่อจี้เหวิน ซึ่งไม่เคยสมหวังสักกะที[สมควรแล้ว] ผมอาศัยอยู่ใต้น้ำ(ซึ่งรู้กันอยู่แล้ว)[คุณเป็นกัปปะหรือไง] มีเพื่อนคือ ศิริบู่ คณิตบู่ จิบู่ ฯลฯ ผมมีอาชีพหลักคือ แต่งเรื่องเล่น[โม้แล้วครับ] มีอยู่ครั้งหนึ่งทาง ร.ร ได้จัดไปทัศนศึกษาที่ Buland ซึ่งอยู่ที่ จ.เนปจูน อ.กาแล็กซี่ ถ.พระอาทิตย์ ต.ติ๊งต๋อง ประเทศเมอคิวรี่ มีคนไปทั้งหมด 10 ล้านคน เรื่องการเดินทางไม่ต้องห่วง เพราะไปด้วยพลังจิตของผมซึ่งมีกำหนดไปวันที่ 1/ม.ค./0001(ยังไม่เกิดเลยอ่ะ)[หลายวันผ่านไปไวเหมือน 1 วินาที] วันนี้เป็นวันที่ต้องไป Buland ซึ่งทุกคนมารวมตัวกันที่เขตทุนดรา พอทุกคนรวมตัวกันเสร็จหมดแล้วก็ให้นั่งสมาธิ(5 วิผ่านไป)ทุกคนมาที่ Buland กันหมด ผมมองไปทั่วๆทุกพื้นที่ก็พบแต่มอๆ(วัวนั่นเอง)ผมจึงขี่วัวเล่นไปตามทางเรื่อยๆจนถึง 6 PM. ทุกๆคนก็นอนตามพื้นหญ้า (2 AM.)ในตอนนี้ทุกๆคนหลับกันหมดแล้วผมก็ตื่นขึ้นมาแล้วสำรวจคนนอนไปเรื่อยๆ ผมได้พบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่หลังโขดหิน ที่กำลังมองดูคุณดาวอยู่บน sky ผมเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น ผมมองหน้าคนนั้นแล้วคนนั้นก็มองหน้าผม [คุณมองหน้าเขาทำไม]ผมจึงถามว่าไม่ทราบว่าผมเคยเห็นหน้าคุณที่ ร.ร มาก่อนใช่หรือไม่[ถามทำไม] ญ:ใช่ ผม:แล้วทำไมคุณมานั่งเธอมานั่งตรงนี้คนเดียว ญ:เอ่อ คือเราไม่มีอะไรทำหน่ะ ผมจึงถามต่อไปว่าไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร ญ:เราชื่อ(ไม่อยากเขียน)[แล้วจะรู้ไหมเล่า] และแล้วทั่งคู่ก็นั่งอยู่บนโขดหินจนหลับไปถึงเช้า (กระโต้ก ๆ;เสียงไก่หอน)[ไก่บ้านไหนหอนเนี่ย] ทั้งสองตื่นขึ้นมาต่างคนต่างกลับที่พักตัวเองเพื่อไปเปลี่ยนชุด (160 sec.ผ่านไป) ผมก็ได้พาไปเข้าชานเมืองซึ่งมีระยะทาง ((12)9ล้าน)87) กิโลไมล์ (127พันปีผ่านไป)[ตายแล้วใช่ไหม] ก็มาถึงชานเมืองซักที ผมจึงบอกว่า เราจะต้องไปที่ถ้ำต่ออีก 10 km. พอเดินไปเรื่อยๆ ก็พบถ้ำ พอดีตอนนี้ทุกคนเหนื่อยมากผมจึงให้พักบริเวณปากถ้ำและค้างคืนด้วย พอตกกลางคืนผมก็เดินตรวจคนเหมือนอย่างปกติ และแล้วผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องออกมาจากในถ้ำจึงรีบวิ่งเข้าไป[บ้ากามนี่นา] ผมเข้าไปข้างในก็พบคนที่อยู่ด้วยกันที่โขดหินกับผี6฿ ผมได้วิ่งคว้ามือผู้หญิงเข้าไปข้างในเรื่อยๆจนถึงทางตันแล้วก็หลงทางจนได้ จน(อีกแล้ว)กระทั่งได้พบกับพระองค์หนึ่งซึ่งมีชื่อว่าโจ ผมและผู้หญิงจึงขออาศัยพักตรงนี้สักคืนนึง (ทางด้านค่ายพัก)ทุกๆ คนที่นี่ออกตามหาผมกันทั่ว[ไปตามหาทำไม] พอรุ่งเช้าผม,ผู้หญิง และพระโจ เดินออกมาจากข้างในถ้ำพร้อมกับผี 6฿ ผมจึงเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ค่ายพักทันที(2 นาทีต่อมา) ผมพาทุกๆ คนเข้าป่าซึ่งผมบอกว่าถ้าผ่านป่านี้ไปได้ก็จะเป็นแก่งหินเพิง (จ.ปราจีนบุรี) ผมเดินนำทางไปเรื่อยๆ ก็พบกับฤาษีท่านหนึ่ง (ฤาษีตนนี้มีชื่อว่าฤาษี POD) ฤาษี POD มองไปพบผมกับผู้หญิงคนซึ่งผมแอบชอบนั่นเอง (no ใช่จี้เหวิน) ฤาษี POD บอกว่า 2 คนนี้เป็นเนื้อคู่กัน ผมกับผู้หญิงคนนี้มองหน้ากันด้วยความตะลึง ผมจึงนิมนต์ฤาษี POD ให้มาเที่ยวโลกมนุษย์ด้วย[แล้วนี่มันโลกอะไร] ต่อไปนี้ผมจะเรียกผู้หญิงคนนี้ว่า girl ต่อมาผมก็เดินไปเดินมา(ก็เพราะว่าเดินมาผิดทาง) ผมจึงพาเดินขึ้นเขาไปจนถึงน้ำตกจึงสั่งพักแวะล้างหน้าล้างตา[ขี้ตาเยอะ] ผมมองหา girl จนพบว่าเล่นน้ำตกอยู่ ทันใดนั้นก็มีสิ่งไม่คาดเข็มขัดเกิดขึ้น เมื่อมีไอ้เข้โผล่มาใกล้ girl ของผม[น้ำตกมีไอ้เข้ด้วยหรือ] ผมจึงออกไปตะโกนว่า.อยู่นิ่งๆ[ซุ่มอยู่เหรอ] แล้วผมก็กระโดดลงน้ำเพื่อที่จะไปช่วยพร้อมด้วยคนที่ยืนมุงกันมากมาย ผมวิ่งไปเตะจระเข้ออกนอกโลกไปเลย(ผมเองนั่นแหละที่ออกนอกโลก) (2 นาทีต่อมา)[ทำไมลงมาเร็วจัง] ผมได้ตกลงมาในโลกพร้อมด้วยชุดไกรทอง[ตายแล้วใช่ไหม:ไปสวรรค์มา] ผมฆ่าจระเข้เสร็จแล้วก็ไปหา girl ผม&girl จับมือกัน แต่ตอนที่ผมกำลังจะ.[จะทำอะไรคุณกาม] นั้นก็มีเสียงคนหนึ่งซึ่งเป็นเสียงที่คุ้นมากตะโกนออกมาว่าหยุดนะ! [มาจากไหน:ใครค่ะ] ผมกำลังจะลงแดงเฮ้ยลงเอยกับ girl นั้นต้องหันมามองซึ่งคนนั้นก็คือจี้เหวินนั่นเอง(ถู..กต้องนะคร้าบ.บ.บ) girl จึงถามว่าใคร? ผมยืนตะลึงปากค้าง(เพราะกินกาแฟ) อยู่จึงไม่ตอบกลับ[ทำผิดแล้วไม่รับผิด] girl จึงตบหน้าผมกระเด็นไปหาจี้เหวินแล้วก็วิ่งหนีไปพร้อมกับร้องไห้ ผมจึงถามเหวินว่าเธอมาที่นี่ได้อย่างไร เหวินตบหน้าผมน้ำลายกระเด็น 6 หยด พร้อมกับบอกว่าไม่นึกเลยนะว่าคุณจะทำแบบนี้[เลว] หลังจากที่พูดเสร็จก็เดินหนีไปเรื่อยๆ ก็พบกับโจรป่า โจรป่าจับเหวินเป็นตัวประกันพร้อมกับบอกว่าถ้าไม่อยากให้นังนี่ตายพาไปพบหัวหน้าพวกเอ็งซะ ผมจึงบอกว่าฝันไปเถอะ พอผมพูดจบโจรป่าก็(คิดเอาเอง) ออกนอกโลกไปเลย ผมกับเหวินจึงเดินกลับค่ายพักพร้อมกัน ผมถึงค่ายพักก็พบ girl นั่งอยู่คนเดียว ผมจึงเดินไปนั่งใกล้ girl แล้วถามว่าทำไมมานั่งอยู่คนเดียวครับ girl นั่งเงียบต่อ ผมจึงเสียสติไปเลย(เพราะโดนใครไม่รู้ยิงยาสลบใส่) พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้ผมอยู่ในงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ผมออกเดินดูข้างนอกก็พบว่าตัวเองกลับมาถึงกรุงเทพฯแล้วจึงเดินเข้าไปในงานต่อ สักพักผมก็ได้พบกับ girl ในชุดแต่งงาน เธอเดินมาจูงมือผมขึ้นบนเวที girl บอกกะซิปว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ในงานแต่งงานของเราสองคนนะ ผมจึงบอกว่าแล้วเธอตบหน้าเราตอนนั้นหมายความว่ายังไง? Girl จึงบอกว่าแล้วเดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟัง งานนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จนกระทั่งผมได้พบกับจี้เหวิน ผมถามว่าทำไม girl ถึงจัดแต่งงานกับเราหล่ะ ทั้งที่ยังโกรธเราอยู่ไม่ใช่เหรอ เหวินจึงหัวเราะแล้วบอกว่าเราอธิบายเรื่องทั่งหมดของเราสองคนหมดแล้วว่าไม่มีอะไรกันก็เท่านั้น ผมได้ฟังดังนั้นก็เข้าไปหา girl แล้วบอกกับเธอว่าต่อไปเราจะไม่มีทางโลเลใจไปหาใครคนอื่นนอกจากเธอ girl ได้ยินดังนั้นก็กอดผมจนตัวเป็นเกลียวเลย THE END! เรื่องทั้งหมดในตอนนี้ก็มีแค่นี้นะครับ ตรงส่วนไหนที่พบเขียนคำไม่สุภาพก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ถ้ามีใครอยากจะดูเรื่องของผมต่อไปอีกก็คงต้องรอต่อไปสักระยะหนึ่งก่อนนะ[ให้เราแต่งเรื่องเล่นเสร็จก่อน] หรือถ้าใครอยาก E-mail หาผมก็ได้นะครับที่ Non_antakle@hotmail.com ลาก่อนนะครับ Bye Bye
25 กันยายน 2546 15:14 น. - comment id 69658
ตลกค่ะ อิ อิ เอิ๊กกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
25 กันยายน 2546 15:19 น. - comment id 69659
อ่านแล้วหายเครียดเลย...เข้าใจแต่งนะ...ฮ่าๆๆ
25 กันยายน 2546 17:22 น. - comment id 69665
ตกลงที่แต่งมาตายแล้วทำไมยังลงแดงได้อยู่อีกล่ะ *ผมก็ได้พาไปเข้าชานเมืองซึ่งมีระยะทาง ((12)9ล้าน)87) กิโลไมล์ (127พันปีผ่านไป)[ตายแล้วใช่ไหม]*
26 กันยายน 2546 12:40 น. - comment id 69678
อืมขอถามไรหน่อยน้าคะ ทําไมลงความคิดเห็นของกลอนอะคะ ทําไมมานไม่ขึ้นให้เห็นอะ -_-\"
28 มิถุนายน 2548 15:20 น. - comment id 77094
แปลเพลง When You Say Nothing At All It\'s amazing how you can speak right to my heart Without saying a word, you can light up the dark Try as I may I could never explain What I hear when you don\'t say a thing The smile on your face lets me know that you need me There\'s a truth in your eyes saying you\'ll never leave me The touch of your hand says you\'ll catch me whenever I fall You say it best.. when you say nothing at all All day long I can hear people talking out loud But when you hold me near, you drown out the crowd (the crowd) Try as they may they can never define What\'s been said between your heart and mine The smile on your face lets me know that you need me There\'s a truth in your eyes saying you\'ll never leave me The touch of your hand says you\'ll catch me whenever I fall You say it best.. when you say nothing at all The smile on your face lets me know that you need me There\'s a truth in your eyes saying you\'ll never leave me The touch of your hand says you\'ll catch me whenever I fall You say it best.. when you say nothing at all (You say it best when you say nothing at all You say it best when you say nothing at all..) The smile on your face The truth in your eyes The touch of your hand Let\'s me know that you need me.. By : บี Date : 16 May 2005 17:13 ความเห็นที่ #7 ( 394067 ) ช่างน่าอัศจรรย์ เธอพูดได้ซึ้งถึงหัวใจโดยมิต้องเอ่ยปากสักคำ เธอจุดประกายในความมืด ฉันไม่อาจอธิบายสิ่งที่ได้ยินแม้เธอไม่กล่าวอะไร รอยยิ้มบนใบหน้านั้นทำให้ฉันรู้ว่าเธอต้องการฉัน ความจริงบ่งบอกในสายตาว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันไป สัมผัสจากมือของเธอจะช่วยฉันเมื่อใดก็ตามที่ฉันล้มลง เธอได้กล่าวไว้อย่างดีที่สุดแล้วแม้เธอจะไม่พูดอะไรก็ตาม แทบทั้งวันฉันได้ยินคนพูดจากันมากความ แต่ยามเธออยู่ใกล้ เธอกลบเสียงนั้นไปจนหมดสิ้น พวกเขาไม่อาจนิยามสิ่งที่ใจของเธอและฉันเข้าใจกัน รอยยิ้มบนใบหน้า ความจริงในสายตา สัมผัสจากมือของเธอ นั้นทำให้ฉันรู้ว่าเธอต้องการฉัน
28 มิถุนายน 2548 15:18 น. - comment id 77127
เรื่องราวของความรัก เมื่อว่าเรื่องราวมันจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม แต่ถนนทุกสายที่ฉันผ่าน ที่ทุกที่ที่ฉันไปเหมือนจะคอยกระซิบ ตอกย้ำเรื่องราว ที่ฉันเคยผ่านมา และวันนี้ ก็เป็นเหมือนเช่นทุกวัน ณ ที่ๆ ความทรงจำอันปวดร้าวของฉันได้เริ่มต้น รีบมาได้แล้ว พี่จะไปแล้วนะ เสียงของเพื่อนฉันดังขึ้นในห้วงความคิด ราวกับว่าเธออยู่กับฉันด้วยจริงๆ ไม่ต้องรีบมากขนาดนั้นก็ได้ ฉันพูดขณะที่กำลังมองหารถประจำทางสายเดิม ก็ชลอยากเจอพี่เวหาเร็วๆนี่ แล้วน้ำค้างก็จะได้เจอพี่เค้าเสียที หวังว่าคงดี สมกับที่ชลบอกนะ แล้วน้องของชลก็วิ่งมาจนถึงหน้าประตูโรงเรียน ที่เรายืนรออยู่ ขอโทษที่มาช้า อ้าว! สวัสดีค่ะ พี่น้ำค้าง เธอหันมาทักฉัน แล้วไม่นานเราก็ไปถึงที่ทำงาน ที่แม่ของชลทำงานอยู่ วันนั้นเป็นวันที่ฉันได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่วันๆเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ถึงแม้ว่าเขา จะยังเป็นแค่เด็กฝึกงานเท่านั้น พี่เวหาเก่งมากเลยนะน้ำค้าง เค้าคงทำให้เราเข้าใจในบทเรียนที่เราไม่เข้าใจ ได้ไม่ยากเลยล่ะ ฉันว่า ที่เธออยากรีบมาเจอเค้าขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องเรียนหรอก รู้ดีจริงนะ ใช่แล้วล่ะ ฉันรู้ใจเพื่อนคนนี้ ของฉันดี รู้ดีว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และที่สำคัญเขารักใคร เราเดินมาจนถึงห้องทำงานเล็กห้องหนึ่ง พี่เวหา วันนี้ชลพาเพื่อนมาด้วยล่ะ เธอดึงฉันมายืนอยู่ข้างหน้าเธอ เค้าชื่อน้ำค้างนะ สวัสดีค่ะ ทันทีที่สายตาคู่นั้นจับจ้องมาทางฉัน มันเหมือนกับมีแสงสว่างส่องมากระทบน้ำค้างที่ไร้ค่าอย่างฉัน ให้เกิดประกาย เหมือนดัง อัญมณีที่มีค่า ความจริงแล้วเรื่องราวของเรา มันควรจะจบลงไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ควรสานต่อความสัมพันธ์ของเรา แต่ก็นั่นล่ะนะ เหมือนฟ้าจะยิ่งแกล้งให้คนต้องทุกข์ทน ทั้งๆที่มีกำแพงกั่น มีกำแพงแห่งศีลธรรมกั่นระหว่างเราเอาไว้ แต่ฉันก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป จนเรื่องราวมันแย่ลงไปทุกที ตลอกเวลาที่ฉันคบอยู่กับเค้า ฉันได้รับสิ่งดีๆจากเขามากมาย เขาเปรียบเหมือนดังทะเลที่พร่ำชัดคลื่นแห่งความห่วงใยเข้าหาฝั่ง ไม่เคยอยู่พัก ไม่เคยอ่อนแรง และฉันก็พร้อมที่จะซึมซับคลื่นนั้นทุกวี่วัน เขาทำให้ฉันได้พบความสุข ในแบบที่ฉันไม่เคยคาดหวัง ว่าจะได้จากใคร แต่มีก็เป็นความสุขที่อยู่บนความทุกข์ของคนอื่น แล้วคนอื่นนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย เขาคือเพื่อนรักของฉันเอง เราคบกัน โดยที่ไม่ให้เพื่อนของฉันได้ล่วงรู้ เวลาที่เราสามคนอยู่พร้อมหน้ากัน เราจะไม่พูดคุย ไม่สบตา ไม่ทักทาย ทำทีว่าไม่ใช่คนที่คุ้นเคย แต่ทุกครั้งที่สายตาของเราบังเอิญมาสบกัน ความปวดร้าวก็เหมือนว่าจะยิ่งเกาะกินใจของเราทั้งคู่ ฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้น และฉันก็รู้อีกว่า เขาก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ในที่สุดความลับก็ไม่มีในโลกจริงๆ น้ำค้างเลิกยุ่งกับพี่เวหาได้ไหม รู้ไม่ใช่เหรอว่า ชลรักที่เวหา ไม่มีคำตอบใดออกจากปากของฉัน แต่ฉันกลับได้ยินเสียงก้องอยู่ในใจ เหมือนเสียงตะโกนในหุบเขาลึกลับ ที่ไม่มีผู้ใดได้ยิน ขอโทษ......... วันนั้นล่ะมั๊ง เป็นวันสุดท้าย ที่เพื่อนรักสองคนพูดถึงเรื่องของความรัก ต่อจากนั้น เรื่องนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับเรา เราพูดคุยกันเรื่องอื่นสารพัด แต่ยกเว้นเรื่องนั้นเรื่องเดียวเท่านั้น มันเป็นการจากลา โดยที่ไม่มีแม้คำอำลาใดๆ ชื่อของเขาหายไปจากชีวิตฉัน แต่ยังคงอยู่ในใจเสมอ ภาพที่เราเคยอยู่ด้วยกัน จะก่อตัวขึ้นทุกครั้งที่ฉันหลับตา ภาพรอยยิ้มที่แสนหวานจากเขา แววตาที่เคยส่งความรู้สึกดีๆมาให้ ยังอยู่ในใจของฉัน แล้ววันหนึ่ง วันที่ฟ้าเล่นตลกให้เราบังเอิญมาเจอกัน แววตาของเขาทำให้หัวใจฉันแทบสลาย แววตาที่เคยสดใสเปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่วันนี้มันดูอ้างว้างจับหัวใจ เรายืนอยู่เฉยๆพักใหญ่ เหมือนกับคนที่ผ่านการเดินทางอันยาวไกล ได้นอนพัก ณ จุดหมายของเขา ไม่มีเสียงใด ไม่มีแม้คำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากที่ปิดสนิท ร่วมสัปดาห์ทีเดียว ที่ฉันปล่อยให้ทั้งเขาและฉัน เดินหันหลังกลับสุดอดีต อดีตที่ไม่มีเรา แต่เหมือนว่าฉันจะทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด... สวัสดีครับ มันยังคงเป็นเหมือนเดิม น้ำเสียงนี้ยังเหมือนเดิม วันนี้ฉันได้รับรู้ว่า ระหว่างที่เราไม่เจอกันนั้น เขาตกลงใจที่จะคบหากับเพื่อนของฉัน แต่ก็ดูเหมือนว่า มันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เธอไม่ได้ให้ความรักกับเขา อย่างที่ฉันเคยให้ แต่กลับทำร้ายหัวใจของเขาเป็นครั้งที่สอง เราก็เป็นเหมือนกับสินค้า เมื่อมีใหม่เข้ามา สินค้าตัวเก่าก็หมดความหมาย คำพูดนั้นของเขา เป็นคำพูดที่กรีดลึกเข้าไปที่ใจฉัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาถูกทำให้คิดว่า การจากไปของฉัน เป็นการทำเพื่อตัวฉันเอง เพียงเพราะฉันเจอใครคนใหม่ที่ดีกว่าเขา ฉันอยากจะบอกและอธิบาย เรื่องราวต่างๆให้เขาได้รับฟังเหลือเกิน แต่ฉันก็ยังคงเป็นฉันคนเดิม ที่ไม่สามารถนำพาความรู้สึกใดๆของตัวเอง ออกมาสู่ผู้ที่รอรับฟังได้ ฉันอยากแสดงให้เขารู้ถึงความรักของฉัน ที่ไม่เคยจางหายไป มันยังคงอบอวลอยู่ในห้วงของความคิดคำนึง แม้เวลาจะผ่านมานานเท่าใด ฉันอยากจะขอ เพียงให้เขารู้ ว่าฉันพร้อมจะทำทุกอย่างให้เขามีความสุข แม้ว่าฉันจะเจ็บแค่ไหนก็ตาม ฉันอยากโอบกอดเขาไว้ ให้ใกล้ที่สุด เผื่อว่าบางที เขาอาจจะได้ยินเสียงเหล่านั้นบ้าง ความรักที่ฉันเคยได้รับนั้น หมดสิ้นไปแล้วจริงๆ นับตั้งแต่ที่ฉันเดินออกมาจากดินแดนแห่งความรักของเรา ดินแดนที่ในวินาทีนี้ ฉันอยากจะกลับเข้าไปเหลือเกิน แต่ก็เหมือนว่าที่นั่นจะมีรั้วล้อมไว้อย่างแน่นหนา ฉันไม่อาจปีนหรือลอดผ่านเข้าไปได้ รั้วนั้นสูงเหลือเกิน และประตูทางเข้า ก็ถูกใส่กุญแจไว้โดยน้ำมือของเขา ไม่ใช่สิ โดยน้ำมือเราทั้งสามคนต่างหาก จะมีโอกาสไหม ที่ฉันจะได้รับความรักจากเขาอีกสักครั้ง จะมีโอกาสไหม ที่ฉันจะได้เดินเข้าไปในดินแดนแห่งรักอีกสักครั้ง และจะมีทางไหม ที่ฉันจะได้บอก ให้เขาได้รับรู้ ว่าฉันรักเขามากแค่ไหน หมดทั้งหัวใจ หมดทั้งชีวิต มีให้เขา คนเดียว ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา ทำให้ฉันคิดได้ว่า ถ้าฉันได้ครอบครองความรักอีกสักครั้ง ถ้าฉันได้รับความรักจากใครอีกสักครั้ง ฉันจะไม่มีทางปล่อยมันไป ไม่มีทางโยนมันทิ้ง และที่สำคัญจะไม่มีทางยอมยกมันให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น ถึงแม้ว่าวันนี้ เราจะเดินเป็นสามทาง แต่เราก็ไม่โดดเดี่ยว เราทั้งสามมีเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วย นั้นก็คือเวลา เพื่อนที่ดีที่สุดของเรา เวลา..................... ที่จะคอยเยี่ยวยาเรา เวลา......................ที่จะคอยรักษาเราจากบาดแผลแห่งรัก และ.......................มันจะทำทุกอย่างให้เราหลุดพ้นจากความเจ็บปวดในอดีต แปลกดีนะ ที่ฟ้าให้คนสามคนมาพบกัน... รู้จักกัน... รักกัน... และสุดท้ายทำให้เราแยกจากกัน แต่เชื่อเถอะว่า หัวใจของเราสามดวง จะยังคงผูกพันกันอยู่ ตลอดเวลา และตลอดไป --------------------- ขอให้ข้อความนี้ไปถึงเธอด้วย