ชีวิตในอุดมคติ
Disillusionment
“ที่นี่ที่ไหน” เขาอุทานออกมา เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่กำลังสับสน คนที่ไม่รู้ว่ามาโผล่ตรงนั้นได้อย่างไร และเขาก็สอบผ่านในเรื่องนั้น
เขาจำได้ว่าเพิ่งถูกตำรวจซิวไป เขายิงตำรวจตายไป 2 คน บาดเจ็บสาหัสหลายคน เขากำลังจะหนีได้แล้วเมื่อตำรวจนายหนึ่งโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ตำรวจอยู่ใกล้เกินที่จะยกปืนขึ้นยิง เขาจึงถูกทุบด้วยด้ามปืน เป็นด้ามปืนออโต้ด้วย น้ำหนักของกระสุน 9 มิลลิเมตรหลายสิบนัดและเหล็กทำให้เขาล้มลงกับพื้น สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้คือตำรวจคนนั้นก่นด่าอะไรบางอย่างแล้วเหนี่ยวไกใส่หัวเขา เขาจำไม่ได้ว่ากระสุนโดนหัวเขาไหม สิ่งเสพติดที่เขาขนมามีมูลค่ามากเกินจินตนาการ เขากำลังจะได้เสวยสุขแล้วถ้าไม่ใช่เพราะตำรวจคนนั้น
เขาคิดว่านี่น่าจะเป็นคุกและเขาถูกจับ หรือเขาจะตายไปแล้ว? เขาก็ไม่แน่ใจ...
เขากำลังจะลุกขึ้นเมื่อประตูห้องเปิดขึ้นและไฟถูกเปิดพร้อมกัน...
ความมืดที่เคยปกคลุมห้องที่ถูกยกออกไป เผยให้เห็นห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม อย่างหรูหรา มีสไตล์ยิ่งกว่าที่ใดๆที่เขาเคยเห็น เตียงไม้แบบในหนังฝรั่ง แบบยุโรปเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว แชนเดเลียที่ดูก็รู้ได้ทันทีว่าผ่านมือช่างฝีมือและเวลามากมายมา ตู้เสื้อผ้า ประตู ทุกอย่างเหมือนหลุดมาจากหนังย้อนยุค ดูราคาเกินล้านทั้งหมด เขากำลังอ้าปากค้างตอนที่เขาสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงเข้ามาพร้อมกัน
เธอสวมชุดเมด แบบที่เห็นได้ในการ์ตูนญี่ปุ่น หน้าตาสวยงามกว่าผู้หญิงใดๆที่เขาเคยคบหา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่าน”
“ที่นี่คือที่ไหนเหรอ?” คำถามเงินล้านก็ออกไปจนได้
“ก็ห้องของท่านไงค่ะ”
???
“เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ?”
“เปล่า ไม่เป็นอะไร”
“มื้อเช้าอยู่ข้างล่างนะค่ะ”
“อา อือ”
เขาลุกออกจากเตียงอย่างงุนงงและพบว่าชุดนอนที่เขาสวมอยู่ทำจากเนื้อผ้าดีมาก เขาเดินไปที่ห้องน้ำ
มันกว้างเท่าห้องที่เขาเคยอยู่ สุขภัณฑ์ก็หรูหราเกินบรรยาย ทั้งหมดทำจากทอง พร้อมลวดลายประดับเต็มไปหมด
เขาล้างหน้าแล้วดูหน้าในกระจก
เขาตกใจแทบล้มทั้งยืนที่หน้าเขาหล่อเท่าดาราหนังและไม่มีร่องรอยของความแก่เลย
“อะไรว่ะเนี่ย”
ยังไงก็ตาม ไปกินข้าวก่อนดีกว่า จะได้มีแรง จะได้คิดออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
บันไดเวียนเหมือนหลุดมาจากละคร เหมือนบ้านทรายทอง ภาพเขียนสวยงามที่ราคาเกินสิบล้านเต็มผนัง
มื้อเช้าเป็นทุกอย่างที่เขาอยากให้มีในมื้อเช้า มีแต่ของที่เขาชอบ ทั้งหมดมีคุณภาพระดับที่ภัตตาคารต้องเรียกพี่เรียกพ่อเรียกปู่เรียกพระเจ้า
รสชาติทำให้เขาแทบจะตายอยู่ตรงนั้นได้ ไม่เคยกินอะไรอร่อยแบบนั้นมาก่อน
เขาเดินไปในห้องนั่งเล่น ทีวีจอยักษ์แบบที่อยากได้ เครื่องเล่นบลูเรย์ เครื่องเสียง ทุกอย่าง เครื่องเล่นเกม ทุกอย่างที่เขาอยากได้
เขาทำการสำรวจทั่วบ้าน เขาพบว่าทุกความฝันที่เขาเคยคิด มีอยู่ทั้งหมดในบ้านที่ใหญ่อย่างสนามกอล์ฟหลังนี้ แน่นอนมีสนามกอล์ฟในบ้านเขาด้วย
ระหว่างที่เขากำลังดีใจกับวัตถุทั้งหมดนี้อยู่
ประตูใหญ่ข้างบ้านก็เปิด...
ผู้หญิงที่ทำให้โลกของเขาหมุนถอยหลังก็โผล่มา เธอสวยที่สุดในโลกสำหรับเขา เธอเป็นทุกอย่างที่เขาต้องการ เป็นคนที่เขาอยากแต่งงานด้วย
“ที่รัก! เป็นอย่างไรบ้างค่ะ?”
ที่รัก...ก็หมายความว่าเราทั้งสองอยู่ด้วยกัน?
“เธอคือภรรยาของฉันเหรอ” เขาทำหน้างงๆและชี้นิ้วไปที่ตัวเอง
“ก็...ใช่สิค่ะที่รัก เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ?”
เขารีบวิ่งไปกอดทันที หน้าอกหน้าใจใหญ่โตแบบที่เขาต้องการ มันนุ่มนิ่มเหมือนปุยเมฆ
“ที่รักค่ะ ฉันคิดถึงคุณมากเลย เราไปมีเซ็กซ์กันดีกว่า!”
???
แต่ก่อนที่เขาจะคัดค้านความคิดนั้นได้ ความต้องการทางเพศที่ไม่ได้ปลดปล่อยมานานเป็นชาติก็ทำให้เขาตกลงและวิ่งเข้าหาทันที
ทั้งสองทำอย่างว่ากันอย่างมีความสุข สุขีปรีดา
ตอนกลางคืนพวกเขาก็นอนดูดาวและสานต่อจากตอนกลางวัน มื้อเย็นก็เช่นตอนกลางวัน ระดับภัตตาคารตกถังขยะเหมือนกัน
วันรุ่งขึ้นทั้งสองไปเที่ยวทะเล ซึ่งก็คือการเดินบันไดลงไปไม่ถึง 10 เมตร
นอนที่ชายหาด ลมเย็นๆ เสียงคลื่น เล่นเจ็ตสกี เล่นเรือกล้วย ทุกอย่างที่เขาอยากทำ
ทั้งสองทำอย่างที่รู้กันว่าคืออะไรต่อ
เมื่อความสุขมากมายขนาดนี้ ความทุกข์ไม่มาข้องเกี่ยว เขาก็ลืมคำถามที่เขาถามตัวเองในวันแรกไปอย่างสิ้นเชิง
ตีกอล์ฟ สปา นวด และนารีนับคนไม่ถ้วน เพศสัมพันธ์ในทุกรูปแบบที่เป็นไปได้ กามทั้งปวงที่เป็นไปได้ เกม หนัง ทุกอย่าง เงินไม่มีที่สิ้นสุด ยาเสพติดทุกชนิดที่เป็นไปได้ ไม่มีที่สิ้นสุด ชีวิตของเขาดำเนินไปอย่างไม่มีความทุกข์เข้ามาข้องเกี่ยวเลยสักเล็กน้อย...อย่างที่เขาฝันเอาไว้...
10 ปีผ่านไป ชีวิตที่มีแต่ความสุข...
เขาตื่นขึ้นมา อย่างไร้เรี่ยวแรง เขารู้สึกทรมาน เขาผ่านกิจวัตรแห่งความสุขอย่างที่ผ่านมาตลอด เงินเขาก็ไม่เคยหมด เขาไม่ต้องเครียดอะไรสักอย่าง แต่เขา...เขารู้สึกทุกข์ เขารู้สึกเศร้า เขารู้สึกทรมาน เขารู้สึกซึมเศร้า ตอนเย็นสุดที่รักเขาชวนให้เขามีเพศสัมพันธ์ด้วย เขาบอกว่าไม่ เขาบอกว่าเขาเบื่อ คนรับใช้ชวนให้เขาออกไปเล่นกอล์ฟ ชวนให้ไปทะเล ชวนให้กินอาหาร กินไอศครีม กินขนม ทั้งหมดคุณภาพคับแก้ว เขาไม่รู้สึกอยากเลย ไม่เลย เขาไม่มีอารมณ์ทางเพศเลย เขาไม่อยากทำอะไรเลย...เหมือนมันด้านชาไปหมด...แปลก...เขาคิดขึ้นมา ก็มีความสุขสบายมากขนาดนี้ทำไมมันว่างเปล่าไปหมด ทำไมมันยังว้าเหว่ขนาดมีสุดที่รักอยู่ ได้ทำอย่างว่าทุกวัน แต่ก็รู้สึกห่อเหี่ยว ไม่ต้องเครียดอะไร ไม่ต้องทำงาน แต่ก็ทุกข์ แต่ก็ว่างเปล่า เขารู้สึกเหมือนเขาเป็นคนที่ทุกข์ที่สุดในโลก
ทุกอย่างที่เขาอยากได้และทุกอย่างที่เขาจะอยากได้ เขาได้มาหมด เขามีทุกอย่างในโลก แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรเลย เขารู้สึกว่างเปล่า
แล้วคืนนั้น เขานอนอยู่บนหลังคา ดูดาวไปพลาง เศร้าไปพลาง ไปนานๆเข้าเขาก็เริ่มรู้สึกว่าเริ่มหลุดไปมาระหว่างความจริงกับความฝัน แล้วตอนที่หัวว่างเปล่า...เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่าง...
“มีเพื่อนสนิทกันอยู่ อยู่มาวันหนึ่งคนหนึ่งตายไป เพื่อนอีกคนยังอยู่ก็เศร้าที่เขาจากไปแต่เขาก็ก้าวต่อไป วันหนึ่งเขาต้องตกใจที่เพื่อนคนนั้นกลับมาหาเขา เขาถามเพื่อนเขาว่า ”โลกข้างหน้า” เป็นไงบ้าง ได้ไปที่ไหน...เพื่อนบอกว่าเขาได้มีเพศสัมพันธ์ทุกวันเลย คนนี้เลยบอกว่า ดีจัง แสดงว่าได้ไปสวรรค์ใช่ไหม เพื่อนที่ตายไปบอกว่าไม่ ทุกวันเขามีแค่เพศสัมพันธ์ เพศสัมพันธ์และกิน ตอนแรกก็มีความสุขแต่ไปๆมาๆเขาก็ไม่มีอะไรเลย เขารู้สึกทรมาน มีเพศสัมพันธ์ทุกวัน เขารู้สึกว่านั่นคือนรก แล้วเพื่อนก็ถามว่า แล้วตกลงไปเกิดเป็นอะไร เกิดในสวรรค์เหรอ? เพื่อนที่ตายไปยิ้มอย่างสงบแล้วตอบว่า ไปเกิดเป็นกระต่ายในเขาดินไง แล้วมันก็คือนรกดีๆนั่นเอง”
เขาเคยอ่านเรื่องนี้ในหนังสือการ์ตูนไทยชื่อดังเล่มหนึ่ง เขาหัวเราะท้องคัดท้องแข็งและพูดว่าถ้าได้มีเพศสัมพันธ์ทุกวันแล้วจะต้องการอะไรอีก
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าจริงๆมันเป็นไง เขาขำไม่ออกแล้ว
แล้วเขาก็นึกถึงสิ่งที่พ่อแม่เคยสอนเขา พ่อแม่น่ารำคาญสำหรับเขาเสมอ เขาไม่เคนรับฟังทำตามสิ่งใดที่ท่านพูดเลย แต่สิ่งนี้ก็ถูกพูดบ่อยจนมันฝังเข้าไปในส่วนลึกของสมองซึ่งเขาเลือกจะปิดกั้นมันไว้ตอนที่เขาออกจากบ้านไปเสพและขายยาเสพติดเพื่อชีวิตที่สุขสบาย
“สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ”
ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจเลยว่ามันหมายความว่าอย่างไร เขารำคาญแล้วก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป บ่อยครั้งที่เขาเตะพ่อแม่
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจดีแล้วว่ามันหมายความว่าอย่างไร เขาเข้าใจดีเลย
น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากตาที่คล้ำและย่นของเขา เขาเริ่มเสียใจแล้วที่เขาไม่เคยฟังคำของแม่และพ่อ ไม่เคยทำตาม ไม่เคยช่วยท่าน ไม่เคยบอกว่ารักท่าน ไม่เคยฟังเวลาพวกท่านพูดถึงหลักธรรม ความจริงของชีวิตจากประสบการณ์ เขาบอกว่าพล่ามอะไรก็ไม่รู้ บุญกินได้เหรอ? ทำดีแล้วได้ดี? คนชั่วเท่านั้นล่ะที่รวยที่มีความสุข คนดีก็ถูกใช้ประโยชน์ พอเพียง? แล้วจะพอกินเหรอ? แล้วจะอยู่จนๆกันแบบนั้นเหรอ?
เขาเห็นแล้วว่ามันละเอียดอ่อนกว่านั้น...
เขาเริ่มมองดูตัวเขา
เขามีทุกอย่างที่เขาอยากได้ ทุกอย่างที่อยากได้ตั้งแต่อดีตไปสู่อนาคต แม้แต่คู่อริที่อยากฆ่าทิ้ง เขาก็ตามไปทรมานทุกวิถีที่เป็นไปได้แล้วฆ่าได้โดยที่ตำรวจไม่มารังควาน...เขาแค่ยื่นกระดาษสีเงินๆให้สักสองสามลังแล้วทุกอย่างก็จบไป ทุกคนแฮปปี้ แน่นอนว่าบ้านพ่อแม่เขาถูกเผาไปแล้ว โปรยเงินนิดหน่อยก็ได้เห็นข่าวที่จบด้วยไฟฟ้าลัดวงจร โรงเรียนที่เขาเคยเรียนถูกฆ่าทั้งโรงเรียน ครูฝ่ายปกครองถูกเขาทรมานโดยการส่วนตัวในทุกวิธีที่เป็นไปได้ เขายิ้มอย่างสะใจเมื่อครูฝ่ายปกครองร้องขอชีวิต เขาได้ทุกอย่างจริงๆ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็มีแต่ความว่างเปล่า มีแต่ความเศร้า
“ตาต่อตาทำให้ทั้งโลกตาบอด” พ่อเขาเคยพูดให้เขาฟัง แต่เขาไม่ฟัง ลูกผู้ชายจะให้อภัยได้ไง? มันต้องแก้แค้น ต้องให้สาสม จะยอมได้ไง?
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว และหน้าตาทุกคนที่เขาฆ่า ภาพของครอบครัวที่ขาดพ่อ ขาดแม่ ขาดพ่อแม่ ขาดพี่ ขาดน้อง ขาดครู ขาดตัวเอง โผล่มา เขาทรมานยิ่งนัก
เขามีทุกอย่าง แต่เขาไม่มีอะไรเลย...
แล้วเขาก็ฉุกคิดขึ้นในใจ จากการเห็นทั้งหมดนี้...
เขามีทุกอย่าง มีแต่ความสุข แต่เขาก็ไม่พบความหมายใดๆในสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว แสดงว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง! เพราะที่ปลายทางมีแต่ความทรมาน...
แล้วอะไรล่ะคือความสุขที่แท้จริง? ความสุขคืออะไร? ความทุกข์คืออะไร? อะไรคือคำตอบ? คือคำตอบสูงสุดของชีวิตล่ะ? ชีวิตคืออะไร? ทั้งหมดนี้...อะไร? เรื่องที่เขาเคยคิดตอนเด็กๆแล้วก็ลืมไปนานแล้ว...อะไรล่ะ? คำถามที่ผุดโดยธรรมชาติในใจเขาเมื่อเช้าวันนั้นแล้วเขาก็ลืมไป...อะไรล่ะ?
เขาอายุ 29 มีทุกอย่างแต่ไม่มีอะไรเลย เขามองหน้าภรรยา และลูกน้อยของเขา พ่อจะออกไปค้นหาความจริง...เขาบอกทุกคน แต่พวกเขาหลับอยู่
เขาเดินผ่านห้องของคนใช้...นารีนับคนไม่ถ้วน...คนใช้...คนรับใช้...นอนกองกันเหมือนสิ่งของ...น้ำลายไหล...กรน...เสื้อผ้าหลุดลุ่ย...เกาพุง...เกาตูด...ตด...ไม่เหลือความสวยความหล่ออยู่เลย...
เขาให้คนใช้เอกของเขาเตรียมรถสีขาวคันโปรดของเขา เขาบอกว่าเขาอาจไม่กลับมาอีก เขาจะไม่กลับจนกว่าจะพบความจริง แม้ชีวิตจะหาไม่ คนใช้ของเขาร้องไห้และไปเปิดประตู
เขาขับออกไป ไปจนถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง ด้วยอะไรดลบันดาลก็ไม่รู้ แต่พอมาถึงก็พบว่าเป็นภาพของการก้าวข้ามและเริ่มต้นใหม่ที่น่าสนใจ เขาจอดที่ริมแม่น้ำ ลงจากรถแล้วหยิบมีดพับออกมาตัดผมและหนวดเคราที่ยาวรุงรัง เขาใส่เสื้อผ้าชุดที่เก่าที่สุดของเขา หยิบข้าวของที่จำเป็นไปถุงแล้วแบก...แล้วเขาก็ออกเดินทางค้นหาความจริง...
เขามุ่งหน้าออกไป...ที่ไหนก็ได้ที่เขาจะพบความจริงของชีวิต...ของทุกสิ่ง...
พอเดินไปได้สักพักก็เจอชายแก่คนหนึ่ง ไม่สิ เขาดูไม่ออกว่ามนุษย์คนนี้เป็นเพศอะไร แต่หน้าตาของมนุษย์คนนี้...ร่างกาย...ดูมีความผ่องใสออกมาอย่างบอกไม่ถูกแม้หน้าจะเหี่ยวย่นและแก่มากแล้ว ขอบตาดำปี๋
“จะไปไหนเหรอ...?”
“จะไปค้นหาความจริง”
“จริงเหรอ?”
“จริง!” เขาตอบอย่างแน่วแน่ที่สุดในชีวิต
“ฮึฮึ...ดีมากๆ อย่าลืมนะ ถ้าเจอพระพุทธเจ้าบนถนนก็ฆ่าแม่งเลย!” แม้ใบหน้าเขาจะจริงจังมาก...แต่ก็มีคล้ายๆแสงของความอ่อนโยนออกมา...และน้ำเสียงเขาก็สบายๆมาก...ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันระหว่างความสดใสของเด็กกับความจริงจังของผู้ใหญ่ สดใสเพราะไม่รู้อะไรกับมืดมนเพราะรู้บางอย่าง...รวมกัน...
“!?”
“ฮะๆ อยากพูดแบบนี้มานานแล้ว...โอ้...ไม่มีอะไรหรอก...เดินต่อไปแล้วคุณจะได้ค้นพบความจริงแน่!”
แล้วทุกอย่างก็เลือนรางไปหมด...เหมือนกับตอนที่เขาตื่นขึ้นมาในห้องสุดหรูนั้นครั้งแรก...
เขาตื่นขึ้นมา...
รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก...เหมือนฝันร้าย...
ไอ้สายไฟตรงท้ายทอยนี่มัน...ความรู้สึกมาจากตรงนี้...เขาพยายามแกะออกแต่รู้สึกเหมือนฝันร้ายฝันดีวนไปมา...สุข...ทุกข์...สลับไปมาจนเวียนหัว...จุดสูงสุด...อร่อย...หอม...อะไรเนี่ย...
เขาวางมือลงแล้วหอบหายใจ...ไม่ไหว...
แล้วสังเกตว่ามีจอมอนิเตอร์อยู่ใกล้ๆ...
ในขณะเดียวกันที่คนแก่คนเมื่อกี้...ที่บอกว่าให้ฆ่าพระพุทธเจ้าที่เจอบนถนน...กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ...คล้ายๆเฝ้าไข้...คนแก่ละสายตาจากหนังสือชื่อ “simulacra and simulation” วางลง...ลุกขึ้น...ทำให้หนังสือการ์ตูนและนิยายที่หน้าปกเป็นภาพการ์ตูนบนตัก...ตกลงบนพื้น...
ตาแก่นี่ซุ่มซ่ามจริงๆ...
“ฮ่าฮ่า...โทษที...เราซุ่มซ่ามมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” เขาเอามือจับหัว ก้มหน้าลง
แล้วอยู่ดีๆหน้าที่ไร้อารมณ์ในตอนแรก...แล้วมายิ้มตอนนี้...ก็กลายเป็นหน้าแบบที่เด็กที่ได้เห็นทะเลครั้งแรกจะเป็น...
“โอ้...หนังสือมันไม่ร้องว่าเจ็บเลย! มันไม่ด่าเราที่ซุ่มซ่ามด้วย! เก่งจัง! มันไม่ตกใจเลย!”
??? อะไรเนี่ย...ตาแก่นี่...และพลันเห็นป้ายชื่อที่เหน็บที่กระเป๋าเสื้อ...
Dr.
ดอกเตอร์?
ซุ่มซ่ามแบบนี้คงไม่ใช่หมอแน่...
“อ้าตื่นแล้ว!!!”
เขางุนงงกับตาแก่คนนี้จนลืมทุกอย่างรอบตัวได้...สายไฟที่ท้ายทอย...มอนิเตอร์...และความน่าสับสนของที่นี้...แปลก...มันรู้สึกเหมือนตาแก่นี่ไม่น่ารำคาญเลยแม้จะดูน่าจะน่ารำคาญ...เหมือนไม่มีเสแสร้งใดๆ...ปกติมีคนน่ารำคาญแบบนี้...แค่อยู่ในห้องเดียวกันมันก็อึดอัดขึ้นมาเฉยๆแล้ว...แต่กลับกันตาแก่นี่กลับทำให้สดชื่น...
เขานึกขึ้นได้ถึงมอนิเตอร์นั่น...
เขามองไปที่ชื่อไฟล์...
!!!???
“...”
“โครงการสิทธัตถะ...”
...