แดนพิศวง ๑๒ ( เตรียมออกเดินทาง ) ชายหนุ่มเหลือบสายตามองเห็นแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในการมาของ พี่ชายเขา จึงเดินเลี่ยงไปชมต้นไม้ต่างๆที่กำลังชูดอกสะพรั่งส่งกลิ่น หอมหวน พลางสนทนากับพวกแมลงเบาๆอย่างสนุกสนานใจ “เฮ้ยๆๆ!!!!ๆๆๆ จะเลี่ยงไปไหนล่ะว๊ะเจ้ารุทธิ์ แล้วเรื่องล่ะ ว่าอย่างไรกัน ไม่เห็นตอบกลับเดินหนีไปเสียอย่างนี้แหละ” “ผมบอกพี่ไปก็พวกนั้นก็ไม่มีปัญญาหาได้หรอกเพราะจะไปหาได้ ที่ไหนล่ะที่มีขนาดใหญ่ๆนะ” “แล้วมันอะไรกันล่ะ ทำไมพวกนั้นเขาร่ำรวยมากมีหรือจะหา ไม่ได้” “หากผมบอกไปจะหาได้หรือ ที่ต้องมาทำเป็นมีดนะ ต้องมีขนาด ใหญ่ยาวมากเสียด้วยนะ” “แล้วอะไรล่ะ????...บอกมาเถิดจะได้ไปบอกเขาสักทีว๊ะ” “อ้าวก็ เพชร ไงล่ะที่มีความแข็งแกร่งแม้แต่กระจกก็ยังตัดขาดได้ แล้วเขาจะไปหาได้ที่ไหนกันได้เล่า???...เพราะต้องใช้จำนวนมาก ต้องมาสั่งทำอีกแล้วก็ใช้หลายเล่มเสียด้วยซิ” “เพชรหรือ????!!!!... เพชรๆๆหวังว่าหูข้าไม่เพี้ยนนะ” "เพชรหรือ???!!!!....เฮ้ยเพชรที่เขาใช้ทำเครื่องประดับหรือ จริงๆหรือ ว๊ะ???...เพชร???แน่นะโว้ยเจ้ารุทธ์ เอ็งไม่ได้หลอกข้านะ" คราวนี้ชายผู้พี่งุนงงทันที จริงของมันว่าจะไปหาได้ที่ไหนราคา หรือก็แพงเสียด้วยซิ แล้วอย่างอื่นทดแทนไม่มีอีกหรือว๊ะเจ้ารุทธ์” “มีนะมีหรอก แต่ก็คงเหมือนกันนั่นแหละ เป็นของเทียมเช่นเพชร รัสเซีย สวิสเซอร์แลนด์ ยังไง เพราะเพชรนี้เป็นคาร์บอนที่ผ่าน อุณหภูมิความร้อนสูง กว่าจะได้สักก้อนหนึ่งก็แสนยากแต่ก็ยังดีกว่า เพียงเป็นรองสิ่งหนึ่ง ซึ่งมีพลังงานในตัวเองอีกด้วย” “หากไม่ใช่เพชรเทียมแล้วก็อะไรอีกว๊ะเจ้ารุทธิ์” “ก็แก้วหินคริสตัลที่เกิดจากธรรมชาตินะจะไปหาได้ที่ไหน นอกจากนั้นฉันเองก็มองไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดที่มาทดแทนได้นะ” “เออๆๆๆแก้วหินคริสตัลพอจะหาได้หรอกนะ เพราะเห็นเขาสร้างกัน และมีจำหน่ายทั่วๆไปราคาก็ไม่แพงนักเห็น เป็นเครื่องภาชนะกันไว้โชว์กันมันใช่พวกแก้วนี่นาจะใช้ได้หรือว๊ะ” “แก้วหินคริสตัลที่เขามาทำกันนั้นเป็นของเทียมของแท้จะอยู่ตาม ภูเขาในป่าลึกๆยากจะค้นหา มักอาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะอุณหภูมิความร้อนสูง มากๆ ในแถบภูเขาไฟเป็นส่วนใหญ่มักอยู่ ตามถ้ำ บางแห่งก็ถูกทับถมอยู่ภายในใต้ดินลึกๆมากๆเสียด้วยส่วน ใหญ่ลึกไปในใต้ดิน แล้วเขาก็จะออกเดินทางไปในเดือนหน้านี้แล้ว ไม่ใช่หรือ จะมีเวลาหาทันหรือลองคิดดูซิ” คราวนี้หนุ่มนิวัฒน์อ้าปากค้างทันที น้องชายมันรู้ได้อย่างไรว่า พวกนักค้นหาของโบราณตามลายแทงจะเดินทางไปค้นหาในเดือน หน้านี้ มันรู้ได้อย่างไรกัน จึงถามด้วยความสงสัยว่า “แล้วแกรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะออกเดินทางไปในเดือนหน้านี้ ว๊ะ พี่ชักสงสัยเสียแล้วแกมันดูแปลกๆยังไงชอบกลนัก” “อ้อๆๆๆ ฉันเดาเอาเองแหละเพราะอากัปกิริยารู้สึกกระตือรือล้น ยิ่งนักนี่นา นี่เขาติดต่อเพื่อนเขาไว้ อ้อๆๆๆหากเขาหาสิ่งที่บอกได้ นะให้เอาให้มาผมดูก่อนได้ไหมล่ะ เพื่อจะได้ตรวจสอบอะไรบาง อย่างเสียก่อนแล้วจะคืนให้ แล้วพี่ไม่ไปกับเขาด้วยหรือ คุณพัชราเขา ก็ไปด้วยนา เดี๋ยวคุณสุเมธจะเอาไปกินเสียก่อนนะ” คำพูดของน้องชายยิ่งทำให้ชายผู้พี่งุนงงเพิ่มขึ้นไปอีก มันบอกว่า เดาแต่ดันรู้ว่าคุณพัชราก็จะไปด้วยได้อย่างไรกัน เขาหารู้ไม่ว่าที่ น้องชายเขารู้เพราะอ่านจิตใจเขาออกหมดแล้ว “แล้วแกจะเอามาดูทำอะไรหาหอกอะไรหรือ???...” “หากหาไม่ทันพี่ไปบอกเขาก็ได้ว่าให้เขา เอางาช้างมาทำอาวุธไว้ แต่ต้องนำมาให้ผมพิสูจน์ดูก่อนก็แล้วกัน พี่ไปบอกเขาแค่นี้แหละ เพราะว่าผมก็จะออกเดินทางไปทำธุระบางอย่าง ยังไม่รู้ว่าจะกลับ เมื่อไหร่ให้พี่ดูแลทางนี้ก็แล้วกันนะ” “งาช้างหรือ เออๆๆๆงั้นก็ยังพอจะหาได้ทันหรอก แล้วพี่จะไป บอกเขาให้รู้ไว้ หากเขาทำเสร็จก็จะนำมาให้เอ็งตรวจสอบอีกครั้ง หนึ่งนะแล้วหากงาช้างไม่ครบแล้วอย่างอื่นใช้ได้อีกไหมล่ะ???...” “ก็เห็นจะมีพวกเขี้ยวสัตว์นี่แหละ เช่น เขี้ยวเสือ หรือเขี้ยวหมูป่า แต่มันสั้นๆกันไปเห็นยาวๆก็มีแค่เขี้ยวหมูป่าเท่านั้นแต่มันไม่ตรงจะ ยาวไม่พอเสียส่วนมากนะ จึงไม่ค่อยมีประโยชน์เช่นจำพวกงาช้างซึ้งยาวกว่าเขี้ยวอื่นๆ สามารถเอามาทำมีดสั้นหรือมีดยาวได้นะ แต่สิ่งสำคัญต้องทำให้ แหลมคม สามารถใช้แทงได้และหากใช้ฟันได้ด้วยก็ยิ่งดี” “อืมม!!!???...แล้วพี่จะไปบอกเขาและจะให้เขาเอามาให้แกดูจะ ใช้เวลาดูนานไหมล่ะ เห็นเขากระวนกระวายตื่นเต้นนักเรื่องนี้นะ” “ไม่นานหรอกวันสองวันคงจะเรียบร้อยแหละพี่ เมื่อผมจัดการ เรื่องนี้เรียบร้อยแล้วก็จะต้องเดินทางไปเที่ยวยังต่างประเทศบ้าง ส่วน พวกนั้นเขาคงจะเดินทางไปหมู่เกาะเปอร์โตริโก้กระมัง” “นี่หากเอ็งเป็นหมอดูนะ คนมาให้ดูเพียบเลยว๊ะ ใช่แล้วล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะ ฮึๆๆๆแต่ไม่กล่าวว่าอย่างไร ก็ได้ยินพี่ชายเขาพูด ว่า งั้นพี่ไปก่อนนะเอ็งจะดูต้นไม้ดอกไม้ก็ตามใจแก่เถอะนะ” “อ้อๆๆแล้วจะไปต่างประเทศไหนล่ะไม่เคยเห็นแกค่อยไปเที่ยว ไหนเลยนี่นา ขนาดพี่ชวนไปยังไม่ไปเลยนี่นา” “ผมว่าจะไปเที่ยวแถวภูเขาหิมาลัยสักหน่อยนะ ไม่มีอะไรหรอกพี่ เพราะจะหาทางเปิดหูเปิดตาบ้างเท่านั้นเองแหละ” “งั้นตามใจแกเถอะว๊ะ ทางนี้ไม่ต้องห่วงหรอก พี่จะเฝ้าบ้านเอง ไป เที่ยวทางทัวร์หรือ” “เปล่าจะไปคนเดียว หลังจากพวกเขาออกเดินทางไปก่อนแล้วล่ะ นะ แล้วค่อยจะไป พี่รีบไปบอกเขาเถอะพวกเขาป่านนี้คงวางแผนไว้ เรียบร้อยแล้วล่ะ คงคอยฟังจากพี่เท่านั้นเองแหละ” “ใช่ๆเขาจะออกเดินทางเดือนหน้านี้แหละ ติดต่อเพื่อนเขาทาง โน้นไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เชื่อเอ็งเรื่องอาวุธนี้แหละจึงวานให้มา ช่วยถามเท่านั้นแหละ งั้นพี่ไปก่อนนะตามสบายเอ็งเถอะจะชม ดอกไม้ก็ตามใจเอ็ง พี่ไปล่ะ” แล้วร่างหนุ่มนิวัฒน์ก็หันหลังกลับเดินทางเข้าบ้าน สักครู่หนึ่ง เสียงรถยนต์ก็แล่นออกจากบ้าน ชายหนุ่มนึกว่าการไปของคณะนี้ จะต้องประสบภัยพิบัติอย่างคาดคิดมิถึงแน่นอน แล้วเราล่ะจะทำ อย่างไรจะออกเดินทางเมื่อไหร่ดี เพราะของที่เขาต้องการนี้ยังไม่รู้ แน่นอนเลยว่าอยู่ที่ใด แต่ช่างเถอะเขานึกถึงสุภาษิตที่กล่าวว่ายิ่งอยาก ได้สิ่งนั้นยิ่งยากแก่การค้นหาย่อมห่างไป สิ่งใดที่ไม่อยากได้มักจะ พัวพันเข้ามาหาเอง ฉะนั้นเขาจึงปล่อยวางเฉยปล่อยให้เป็นไปตาม วาสนาเถอะจะดีกว่า เมื่อเขาคิดได้เช่นนี้ก็เที่ยวเดินชมสวนไปเรื่อยๆ จนเบื่อแล้วก็เดินทางเข้าไปในบ้าน เมื่อเข้าไปในบ้านก็พอดีแม่ม่อมถือถาดแก้วน้ำส้มคั้นมาส่งให้เขา ดังนั้นจึงนำเข้าไปยังห้องนอน นั่งบนโต๊ะนั่งเล่นจิบน้ำส้มพลาง คิดไปทางว่าจะไปเนปาลก่อนหรือว่าธิเบตก่อน ก่อนนั้นตั้งใจว่าจะ ออกเดินทางเลียบไปทางเหนือเข้าสู่พม่าแล้วไปยังอินเดีย หากเป็น เช่นนั้น จะต้องเสียเวลาเดินข้ามเขาต่างๆไปจะทำให้เสียเวลามาก และไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะพบหรือไม่ บัดนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว จึง ไปยังโทรศัพท์จองตั๋วเครื่องบินไปประเทศเนปาลทันที โดยสั่งจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้ก่อน พร้อมทั้งบอกเวลาวัน เดือนในการจะออกเดินทางเพื่อค้นหามรกตสีทองต่อไป แต่แรง สังหรณ์ใจบางอย่างจึงได้เดินไปค้นหาสิ่งของสิ่งหนึ่งในลิ้นชักบน หัวเตียงเขานำออกมา มันเป็นขนนกสีต่างๆแวววาวนัก ของบุรุษทั้ง สามที่ทิ้งไว้ให้เขาเก็บเอาไว้ ดังนั้นจึงได้เพ่งมองพร้อมรวบรวม พลังงานต่างๆลงไปบรรจุในขนนกสีอันสวยงามนั้น พลันปรากฏ แสงแผ่กระจายออกมาแวววาวสวยสดงดงามมาก จึงไปนำสายสร้อยที่ทำด้วยเชือกไนล่อนมาพันที่ก้านขนนกนั้น แล้วขมวดเป็นวกกลมจนแน่น ในขณะที่เขาทำนั้นได้ใช้เวทย์มนต์พร้อม พลังงานแห่งจักรวาลใส่ลงไปด้วย แล้วนำเชือกไนล่อนนั้นมาปลุก เสกอีกครั้งหนึ่งถ่ายเทพลังงานต่างๆลงไปแล้วนำไปเก็บไว้ในกล่อง กำมะหยีสีแดงเก็บไว้ในที่หัวเตียงเขาดังเดิม เสียงดังขลุกขลักดังใน กล่องกำมะหยีสีแดงนั้นไหวไปๆมาๆ จึงได้ใช้มือถ่ายทอดพลังงาน เพิ่มเติมลงไปอีก เหตุการณ์จึงเข้าสู่ปกติดังเดิม ครั้นเรียบร้อยแล้ว เพียงคอยเวลาให้พี่ชายเขานำสิ่งของที่บอกไว้มา เขาก็จะทำพิธีดัง กล่าวไว้แล้วค่อยส่งมอบคืน เพราะเขาทราบว่าสิ่งของเหล่านี้จะช่วย ให้พวกนักค้นคว้าใช้ในการป้องกันตัวได้ไม่มากก็น้อย มิฉะนั้นคงจะ ต้องเสียชีวิตหมดภายในพายุหมุนซึ่งจะเกิดมิติที่ถูกเปิดออกแน่นอน เขามองเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างชัดแจน หากเมื่อเขาทำพิธี เรียบร้อยแล้ว พอได้โอกาสก็จะเริ่มออกเดินทางต่อไปทันที เวลาผ่านไปไม่เกินสามวันสิ่งของต่างๆก็นำมาให้เขาตรวจสอบ ดูทันที พร้อมพี่ชายเอ่ยขึ้นว่า “นี่ทั้งหมดนี้ไปหาอย่างแกว่าไม่ได้หรอกจึงได้แค่งาช้างเท่า นั้นเอง และก็เป็นแค่เพียงมีดสั้นบ้างยาวบ้างเท่านั้น แกลองตรวจดูซิ ว่าจะพอใช้ได้หรือเปล่า” ชายหนุ่มไม่กล่าวกระไรพลางบอกกับพี่ชายของเขาว่า “อย่างนั้นขอเวลาผมตรวจดูก่อนนะ อีกสองวันพี่วัฒน์ก็มานำไป ให้แก่เขาก็แล้วกัน” เขาพูดจบเท่านั้นไม่ตอบคำถามใดๆอีกจึงรีบเดินเข้าห้องไปพร้อม ลั่นดานใส่กลอนทันที พร้อมนำออกมาตรวจที่ละเล่มเห็นว่ามีทั้ง ความแหลมคมและลักษณะคล้ายๆกริชไทย เพียงแต่ไม่มีรอยหยัก เท่านั้นเอง เรียกว่าพระขรรค์ขนาดพอเหมาะมือ เมื่อตรวจแล้วมี เพียง หกเล่มเท่านั้นเองจึงได้นำเหล็กแหลมเมื่อได้มาแล้ว จึงเข้าเจริญ สมาธิทำจิตให้แน่วแน่รวมเป็นหนึ่งเดียวตามกรรมฐานทางพุทธ ศาสนา เจริญสมาธิตั้งแต่อุปาจารสมาธิไปจนถึงเอกัคคัตตารมย์แล้ว ลงมายัง อุปจารสมาธิพลางร่ายเวทย์มนต์ที่ร่ำเรียนมาจากตำราทั้งสาม เป่าลงไปบนเหล็กปลายแหลมแล้ว พร้อมบรรจุพลังงานลงไป ทันใด นั้นเหล็กแหลมก็บังเกิดแสงสว่างไสวกระจายไปทั่วสว่างไสวรอบ ห้องนอนของเขาทันที เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็รู้ว่าเขาทำสำเร็จ แล้วจึงได้ เป่ามนต์คาถาอาคมลงไปกำกับอีกชั้นหนึ่งพร้อมพลังงาน นำมาลงอักขระบนพระขรรค์แต่ละเล่มมากบ้างน้อยบ้างซึ่งสร้าง ด้วยงาช้างทั้งหมด เมื่อระหว่างลงเขาเรียกสูตรทุกๆตัวอักขระ พลาง เป่ามนต์ลงบนพระขรรค์ทันใดพร้อมส่งพลังงานต่างๆใส่ไว้ด้วย ทำ ให้พระขรรค์ทั้งหกเล่มลอยขึ้นไปในอากาศทันทีหมุนเวียน แต่ละ เล่มเปล่งสีสรรค์ต่างๆนาๆ เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นจึงเรียกพระขรรค์ ทั้งหมดมายังฝ่ามือ พร้อมทั้งพนมมือเร่งพลังงานต่างๆลงไปอีกครั้ง หนึ่ง พร้อมสั่งพระขรรค์แต่ละเล่มให้ไปทำลายสิ่งของบางอย่าง ตามใจที่เขานึกได้ทุกประการ สิ่งของที่ถูกพระขรรค์นั้นพุ่งโดนก็พลันแตกกระจายเป็นชิ้น เล็กชิ้นน้อยทันที เมื่อเขาทดลองทั้งหกเล่มครบเรียบร้อยแล้ว ก็เดิน ไปวางไว้ยังใต้หมอนเขาทันทีเพื่อรอคอยที่จะส่งมอบให้แก่พี่ชาย รวมทั้งกล่องกำมะหยี่สีแดงที่เขาประสงค์จะมอบ ให้แก่สาวพัชราไว้คล้องศีรษะด้วยเพื่อใช้ในระหว่างเดินทาง การ กระทำของเขานี้ใช้เวลาเกือบทั้งคืนจึงลุล่วงสำเร็จ แต่เขาก็ไม่แน่ใจ เหมือนกันว่าในมิตินั้นจะทรงอานุภาพเหมือนในโลกนี้หรือไม่ แต่ อย่างน้อยก็สร้างกำลังใจให้แก่ผู้ใช้ได้เป็นอย่างน้อย ครั้นเวลาผ่านไปสองวันเขาจึงนำสิ่งของทั้งหมดห่อผ้าไว้ เรียบร้อย แล้วจึงเดินออกจากห้องทันทีก็เห็นพี่ชายเขากำลังนั่งทาน กาแฟอยู่จึงเดินไปหา พร้อมทั้งนั่งลงพลางเอ่ยขึ้นว่า “ผมตรวจดูแล้วใช้ได้และได้ห่อผ้าไว้ให้เรียบร้อยแล้วล่ะครับพี่ อ้อๆๆๆส่วนกล่องกำมะหยี่นั้นเป็นสร้อยมอบให้คุณพัชราเป็นพิเศษ ให้หล่อนคล้องไว้อย่าได้เอาออกเป็นอันขาดไม่ว่าในกรณีย์ใดๆ ทั้งสิ้นแม้จะเข้าห้องน้ำก็จะไม่เป็นปัญหาใดๆด้วย พี่นำไปมอบให้ พวกเขาได้แล้ว ผมคิดว่าพวกเขาคงจะรอคอยอยู่แล้วล่ะ” พี่ชายมองเห็นห่อผ้าน้องชายที่ยื่นมาวางไว้ข้างหน้า พลางแกะ ออกตรวจดู เห็นว่าของต่างๆได้ถูกจารึกด้วยอักษรอะไรเขาไม่อาจจะ ทราบได้ว่าน้องชายเขาลงอะไรไว้ แล้วพลางเปิดกล่องออกดูเห็นเป็น ขนนกสีสรรค์ต่างๆแปลกๆ ก็ถามว่า “อย่างอื่นนั้นพี่ไม่สงสัยหรอกเจ้ารุทธ์เพียงสงสัยขนนกนี้มันมี สีสรรค์แปลกๆคล้ายๆมีประกายอะไรซ่อนเร้นไว้ มันคือขนนกอะไร หรือ พอจะบอกพี่ได้ไหมล่ะ???...” “ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับพี่ เพียงเก็บได้จากชายหาดที่แหลมหน้า บ้านเราเองแหละเห็นสวยดีก็เก็บเอาไว้ มีอยู่อันเดียวจึงมอบให้คุณพัช ราไว้เท่านั้น เห็นว่ามีสีสรรค์หลายๆสีแปลกๆดีนะ” พี่ชายของชายหนุ่มมองหน้าพลางหัวร่อ “เจ้าคงจะชอบหล่อนแล้วซินะเจ้ารุทธ์” “ไม่หรอกพี่ผมไม่กล้าแย่งไปจากพี่กับคุณสุเมธได้หรอก รู้ว่าพี่ทั้ง สองชอบหล่อนและเรื่องผู้หญิงผมก็ไม่ค่อยสนใจเท่าใดนักหรอก” “อ้าวแล้วจะมอบให้หล่อนทำไมล่ะ???.....ในเมื่อไม่ชอบหล่อน??? หากนำไปให้เขาคงจะคิดว่าน้องพี่คงจะชอบเขาก็ได้นะเจ้ารุทธ์” ชายหนุ่มหัวร่อ ฮึๆๆ พลางเอ่ยกับพี่ชายเขาว่า “คงจะมีอะไรพิเศษๆอยู่อาจจะป้องกันตัวได้นะผมเองคิดเช่นนั้น เห็นเป็นหญิงคนเดียวก็เลยมอบให้ บางทีอาจจะมีประโยขน์บ้าง ผมมานั่งคิดว่าน่าจะมีอะไรพิเศษๆอยู่ในขนนกนี้นะซิครับและ หล่อนเป็นผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชายอาจจะช่วยเหลือหล่อนได้ในเมื่อถึง คราวจำเป็นก็อาจจะเป็นไปได้กระมัง จึงได้มอบให้เธอไว้ใช้ติดตัว” “อ้าวพระขรรค์นี้มีตั้งหกเล่ม พี่เองไม่ได้ไป ที่ไปแค่ห้าคนทำไม เขาทำถึงหกเล่มไว้นะ พี่เองก็สงสัย????....” “เขาคิดว่าพี่อาจจะเปลี่ยนใจไปก็ได้นี่นา อย่าคิดมากไปมอบให้เขา ก็แล้วกันนะครับ เท่านี้นะครับผมจะไปเดินเล่นชายหาดสักหน่อย” “งั้นก็ตามสบายแกเถอะ พี่เองก็จะรีบไปหาพวกเขาเหมือนกัน นะ นี่ก็จวนสายแล้วจะได้หมดเรื่องเสียที เสียเวลาเที่ยวเตร่ว๊ะ” เมื่อพี่ชายเขาขับรถออกไปจากบ้านในขณะที่เขากำลังมุ่งหน้าไป ยังแหลมที่เคยฝึกวิทยายุทธ์อยู่นั้น ก็หัวร่อในใจดีแล้วล่ะที่พี่ชายเขา ไม่ไปในครั้งนี้ทำให้เขาหมดห่วง หากพี่ชายเขาไปเขาเห็นจะต้อง ออกเดินทางร่วมไปด้วยเพราะความเป็นห่วง เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็ เดินทางมาถึงแหลมชายหาดพลางมองไปในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ไพศาล มองไปยังปลายขอบฟ้าพลางนึกในใจว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ ธรรมดาเสียแล้วต่อพวกค้นคว้าวัตถุโบราณอย่างแน่นอน............. * แก้วประเสริฐ. *
6 พฤษภาคม 2555 20:47 น. - comment id 129146
มาด้อมๆมองๆ แดนพอศวงของครูแก้วฯค๊า
7 พฤษภาคม 2555 16:50 น. - comment id 129165
คุณ แก้วประภัสสร บทก่อนครูก็ได้บอกแนวทางไว้ให้แล้วไป อ่านดูเอาเอง ที่สำคัญคือความรอบรู้และจิตนาการ ในการสร้างเรื่องราวไว้ ส่วนด้านในคือสิ่งประกอบ เท่านั้นเองจ้า อีกอย่างจะดีหรือไม่ครูไม่ สนใจนัก นอกจากจะทำให้ครูสนุกสนาน เท่านั้นก็พอเพียงแล้วละจ้า รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
10 พฤษภาคม 2555 09:37 น. - comment id 129232
วันนี้เข้ามาดู...เจอแดนพิศวงแต่เช้า... เข้ามาอ่าน...แล้วสุขใจ..คลายเครียด.. สนุกครับ...ขอบคุณครับ
10 พฤษภาคม 2555 10:18 น. - comment id 129233
หวัดดีอีกครั้งครับ จะเปนไปได้ไหมครับที่ผมและแฟนๆ นวนิยายของท่านอีกหลายคนมีความคิดว่า อยากอ่าน แดนพิศวง อาทิตย์ละ 2 ตอน นะครับเพราะนานมากกว่าจะได้อ่าน เพราะบางครั้ง รอทำให้อารมณ์ค้าง...และรู่สึกว่า ความอยาก ที่จะอ่านมันพรั่งพรูจนมีความรู้สึกเหมือนดู ดูซีรีย์เลยครับ...ฝากท่านพิจารณาด้วยครับ ให้ความฝันเปนจริงด้วยครับ..ขอบคุณมาก ครับ