* แดนพิศวง ตอน ๑๑ *

แก้วประเสริฐ


                          * แดนพิศวง ๑๑ *
                         (กำหนดทิศทาง)
   หลังจากที่คณะโบราณคดีได้กลับไปแล้วพร้อมด้วยพี่ชายเขา แม่ม่อมกำลัง
สั่งการให้บรรดาเด็กรับใช้เก็บสัมภาระที่บนโต๊ะอยู่  เป็นระหว่างที่ชายหนุ่ม
กำลังครุ่นคิดหาทางจะออกเดินทางไปยังดินแดนลี้ลับ  เขาเองยังไม่ทราบว่าจะ
เริ่มต้นจากที่ใดดี  ส่วนพวกนักโบราณคดีนั้นเขาทราบแล้วว่าต้องออกเดินทาง
ไปค้นหาหลักฐานต่างๆแน่นอน   ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆเพราะรู้ทางกระแสร์จิต
แล้วว่าหากพวกนี้ออกเดินทางไปจะประสบเหตุการณ์ที่ทุกๆคนจะคาดไม่ถึง
แน่นอน  ในยามว่างเช่นนี้เขาก็ไปนำหนังสือเล่มที่สองที่บันทึกเกี่ยวกับ
พลังงานต่างๆไว้ พลางพลิกหน้าไปๆมาๆก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแอบซ่อนไว้
ภายในหลังปกหนังสือนั้น ด้วยความหนาของปกหนังสือหน้าหลังไม่เท่ากัน
จึงนำหนังสือทั้งสามมาเปรียบเทียบดู  มีเพียงเล่มนี้เล่มเดียวเท่านั้นที่แปลก
ซึ่งอาจจะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ในนั้น  พลางมองอย่างพินิจพิจารณาด้วยความ
ฉงนสนเท่ห์นัก   จึงหยิบหนังสือขึ้นมาส่องยังแสงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาทาง
หน้าต่างเขาเพื่อตรวจสอบว่าจะหาทางใดที่จะนำสิ่งนั้น ซึ่งเขาคิดว่าอาจจะมี
บางสิ่งบางอย่างซ่อนเอาไว้ก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะปกหนังสือก็ราบเรียบเป็น
ปกติ เพียงแต่ความหนาเท่านั้นที่ไม่เท่ากัน  จึงลองไปหยิบมีมาค่อยๆแงะ
รอยต่อของหนังสือ เพราะคมมีดไม่สามารถจะกรีดไปบนแผ่นกระดาษนั้นได้
เลย    ทันใดสมองแว๊ปหนึ่งก็ฉุกคิดได้ว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้เห็นทีจะต้องใช้
พลังงานมาช่วยเสียแล้วกระมัง เนื่องจากหนังสือนี้มีความพิสดารอยู่แล้ว
        ดังนั้นชายหนุ่มจึงตั้งสมาธิเร่งพลังงานในตัวเขาออกมาพร้อมลูบไปยัง
ด้านในของปกหนังสือโดยใช้พลังงานดึงดูดสิ่งนั้นออกมา  พลังงานดึงดูดของ
เขา  แผ่นว่างเปล่าปกหนังสือก็ค่อยๆนูนออกมาแล้ว  กระดาษที่ซ่อนไว้ก็ทะลุ
ผ่านปกหลังด้านในออกมา   ชายหนุ่มดีใจมากจึงลดพลังงานลงพร้อมดึงดูด
แผ่นกระดาษนั้นลอยมาในมือเขา แปลกแผ่นด้านหลังปกหนังสือก็ยังราบเรียบ
เหมือนเดิม   เขาพลันคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่านซึ่งเป็นรอยพับไว้ขนาด
เท่ากับหนังสือพอดี  ในข้อความระบุถึงพลังงานอำนาจจิตหรือโทรจิตสามารถ
ที่จะสื่อสารไปกับสัตว์ต่างๆได้  หากรู้จักแนวทางในการใช้นั้นให้ถูกต้อง
เหมาะเจาะกับภาษาสัตว์ต่างๆได้อย่างสมดุลย์กัน อาศัยพลังงานด้านโทรจิตให้
เป็นสื่อสัญญาณในการติดต่อไว้  ชายหนุ่มจึงเริ่มต้นค่อยๆฝึกซึ่งอำนาจระบุไว้
ว่าการใช้พลังงานทางด้านโทรจิตนั้นล้วนแล้วขนาดของสัตว์นั้นๆ หากใช้
เกินไปจะทำให้สัตว์นั้นถึงตายได้ ผู้ใช้จึงต้องระมัดระวังพลังงานให้สมดุลย์
เหมาะสมพอดีเท่านั้น   มิอาจมากหรือน้อยไปได้ควรต้องศึกษารูปร่างอีกด้วย
   ดังนั้นชายหนุ่มมองกระดาษที่อยู่ในมือมีอยู่สามแผ่น แบ่งแยกขนาดปริมาตร
ของบรรดาสัตว์ทั้งหลายไว้  ด้วยความดีใจเขาจึงเริ่มต้นค้นคว้าศึกษาตั้งแต่หน้า
แรก    เนื่องจากชายหนุ่มมีพลังงานในตัวอยู่มากมายและสามารถควบคุม
พลังงานนั้นได้ด้วยตามใจนึก   เพียงไม่ช้าเขาก็สามารถเข้าใจและอ่านหนังสือ
เหล่านี้จนจบทั้งสามหน้า แต่ละวรรคตอนได้กำหนดขนาดของพลังงานไว้
ตามลักษณะขั้นตอนของสัตว์นั้นๆ   เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็ฝึกฝนจนสำเร็จ
หมดสิ้น  เขาค่อยๆแยกพลังงานในร่างกายเขาเก็บไว้ในส่วนต่างๆของร่างกาย
เขา   หากเขาต้องการใช้กับสัตว์ประเภทใด   เมื่อฝึกสำเร็จแล้วก็นำกระดาษนั้น
ไปวางทาบยังหลังปกหนังสือด้านหลังพลางค่อยๆใช้พลังงานส่งกระดาษที่วาง
เรียงไว้แล้วถ่ายทอดพลังงานลงไปในกระดาษกับปกหลังหนังสือ  กระดาษทั้ง
สามแผ่นก็ค่อยๆแทรกหายไปในหนังสือเหมือนดังเดิม   ชายหนุ่มนึกทบทวน
วิชาโทรจิตส่งสัญญาณกับสัตว์แบ่งวาระขนาดได้อย่างแม่นยำ  เพียงขาดการ
จะทดลองของจริงเท่านั้น   
     เขาจึงก้าวออกมาจากห้องเวลาก็ผ่านใกล้พลบค่ำไปแล้ว เขารำพึงในใจว่าจะ
ทดลองในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าดีกว่า  ด้วยช่วงนี้กับช่วงเย็นมักจะมีพวกนกต่างๆ
มาในสวนหลังบ้านเขา  ถึงแม้ว่าบ้านเขาจะไม่ใหญ่นักแต่ก็ปลูกต้นไม้นาๆชนิด
ไว้ทั้งเล็กและใหญ่   พวกนกต่างๆมักจะมาหาอาหารกันในช่วงนี้เป็นประจำ 
อีกทั้ง บ้านเขาก็ไม่ห่างไกลจากท้องทะเลมากนัก    ครั้นแล้วเขาก็รีบไปทาน
อาหารที่ทางแม่ม่อมจัดวางไว้   ซึ่งแม่ม่อมก็ยังนั่งคอยเขาอยู่ครั้นเห็นชายหนุ่ม
ออกมา  ก็รีบลุกขึ้นยืนทันทีเพื่อทำหน้าที่เสริฟย์อาหาร  ชายหนุ่มทดลองอ่าน
ใจของแม่ม่อมว่ากำลังคิดอะไร  ก็หัวร่อทันทีด้วยเป็นเรื่องส่วนตัวของแม่บ้าน
เขาเองจึงไม่กล่าวอะไรให้แม่ม่อมรู้ว่าเขาอ่านจิตใจหล่อนออกเสียแล้ว  ด้วย
แม่บ้านเขาเมื่อรับใช้เขาเสร็จก็จะออกเดินทางไปข้างนอก เพื่อไปยังตลาดและ
จะรีบไปสั่งเด็กรับใช้ให้คอยติดตามหล่อนไปด้วย พร้อมซื้อของส่วนตัวด้วย
         ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่กล่าวอะไรอีก  รีบรับทานอาหารให้เร็วครั้นเสร็จ
แล้ว ก็หันไปทางแม่ม่อมพร้อมควักเงินจากกระเป๋ามาส่งให้แม่ม่อมปึกใหญ่
เพื่อหล่อนจะได้เป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อของส่วนตัวและของใช้ภายในบ้านนี้
ด้วยเขาทราบว่า  แม่ม่อมกำลังกังวลเรื่องเงินที่จะไปใช้จ่ายว่าจะคงไม่พอและ
ได้ของมาน้อยต้องเสียเวลา  ครั้นจะเบิกเงินก็ดูกระไรอยู่  เล่นเอาแม่ม่อมสะดุ้ง
เพราะชายหนุ่มเอาเงินมาส่งให้เหมือนกับจะรู้ความในใจหล่อน
    “เอาไปเถอะแม่ม่อม   เงินที่เหลือคงจะไม่พอและอีกอย่างหนึ่งของที่แม่ม่อม
ต้องการนั้นคงเกรงว่าจะไม่เพียงพอกับค่าอาหารในคราวต่อไป เงินจำนวนนี้คง
จะเพียงพอนะ  หากขาดเหลืออะไรไม่ต้องเกรงใจหรอกบอกได้เลย”
    เล่นเอาแม่ม่อมถึงกับอ้าปากค้างอะไรๆช่างเหมาะเจาะเช่นนี้ คุณชายรู้ได้
อย่างไรกันว่าหล่อนกำลังต้องการเงินเพิ่ม
   “เจ้าค่ะ???...เงินขนาดนี้คงพอและจะเหลืออีกนะเจ้าค๊ะ”
   “ที่เหลือแม่ม่อมเก็บไว้ซื้อของใช้ส่วนตัวที่แม่ม่อมต้องการก็แล้วกัน เท่านี้นะ
ผมจะออกไปเดินเล่นในสวนสักหน่อย”
   “เจ้าค่ะ นี่ก็เย็นมากๆแล้วควรไปดูพระอาทิตย์อัสดงมิดีหรือเจ้าค๊ะ  อากาศ
กำลังเย็นสบายอยู่ด้วยล่ะ”
   “อืมมๆๆๆๆจริงซินะ ในสวนก็คงจะมืดไป งั้นผมไปก่อนนะแม่ม่อมจะไป
เดินเล่นชายหาดสักหน่อย”
   “เจ้าค่ะ!!!!!.....ประเดี๋ยวดิฉันจะเอานางเล็กไปข้างนอกเหมือนกัน เพราะ
ตอนนี้อากาศยังไม่มืดเท่าใดนัก เป็นเวลาที่พวกแพปลาเขานำของมาขายแล้ว
คุณชายจะทานอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าเจ้าค๊ะ”
   “ไม่หรอกจ้าแม่ม่อม  ซื้อของตามใจแม่ม่อมก็แล้วกันของใช้ส่วนตัวของแม่
ม่อมด้วยนะ  เดี๋ยวลืมไปเสียล่ะ”
       แล้วชายหนุ่มก็หัวร่อเบาๆ  พลางก้าวเดินออกจากประตูบ้านไม่กล่าวอะไร
อีก เล่นเอาแม่ม่อมยิ่งงงมากยิ่งขึ้น  คุณชายรู้ได้อย่างไรว่าเราจะไปซื้อของใช้
ส่วนตัวที่ขาดอยู่ด้วย   จึงมองไปยังร่างชายหนุ่มจนร่างลับสายตาไป  ก็รีบ
กระวีกระวาดเรียกเด็กรับใช้ให้มาหา เพื่อจะออกไปซื้อสิ่งของต่างๆ
เช่นเดียวกัน    ด้วยระยะทางไกลพอสมควรจะมืดเสียก่อน
     ร่างชายหนุ่มเดินทอดน่องไปตามทางครั้นถึงบริเวณชายหาดก็เดินลงไป
ยังน้ำทะเล   ก็แลเห็นฝูงนกนางนวลกำลังบินกันเป็นทางยาวเพื่อกลับสู่รัง
จะมีบ้างบางตัวที่มุ่งหน้าหาปลากินอยู่  ชายหนุ่มใคร่จะทดลองการสื่อสาร
กับสัตว์ทางโทรจิตว่าจะได้ผลประการใดบ้างด้วยพึ่งฝึกมาใหม่ๆ  จึงมองไปยัง
นกนางนวลที่ใกล้ที่สุด พลางเอ่ยถามทางโทรจิตทันที
   “เป็นอย่างไรจ๊ะแม่นก  ทำไมยังไม่กลับอีกล่ะเห็นพวกๆกำลังกลับกันแล้ว”
   นกนางนวลสะดุ้งสุดตัวมองซ้ายแลขวาไม่เห็นใครนอกจากชายหนุ่มที่อยู่ชาย
หาดเพียงคนเดียว ที่ยืนแช่น้ำอยู่จ้องมาทางแม่นกนั้น   ก็หันมามองดู  พลาง
มองด้วยความสงสัย ว่าใครมาถามเพราะว่าพวกมันก็บินห่างไปไกลแล้ว 
เหลือเพียงมันตัวเดียว  และอีกไม่กี่ตัวก็อยู่ห่าง มีแต่ชายคนนี้ที่ใกล้ที่สุด
   “ฉันเองแหละจ้าที่ยืนแช่น้ำอยู่นี่แหละ  เป็นอย่างไรหากินวันนี้ไม่พออีกหรือ
เดี๋ยวจะไม่ทันพวกๆแม่นกนะ”
   คราวนี้แม่นกนางนวลก็แน่แก่ใจ จึงบินร่อนมาใกล้ๆแต่ยังไม่กล้าเท่าใดนัก
   “มาเถอะจ้า  ฉันไม่ทำอะไรแม่นกหรอกเพียงสงสัยเท่านั้นเองแหละ”
      คราวนี้แม่นกแน่แก่ใจแล้วว่าคนที่พูดกับหล่อนคือชายหนุ่มคนนี้นี่เองแต่
ก็แปลกใจที่ทำไมถึงรู้ภาษาของหล่อนได้ดี  พลางร้องแล้วตอบว่า
    “เพราะฉันต้องหาให้มากๆจ้าเพื่อจะนำไปฝากลูกๆฉันที่รอคอยอยู่จ้า”
   “อ้อๆๆๆ....อย่างนี้หรืองั้นฉันไม่รบกวนแม่นกนะ  เชิญเถอะจ้าแม่นก”
   “แล้วท่านรู้ภาษาฉันได้อย่างไรกันจ๊ะ”
   “ฉันรู้ได้ก็แล้วกันนะจ๊ะ  อย่าสงสัยอะไรเถอะ  ฉันออกมาเดินเล่นเท่านั้นเอง
  พอดีเจอแม่นกที่อยู่ใกล้ที่สุดนี่แหละ จึงสงสัยคิดสนทนาด้วย”
    ครั้นแล้วแม่นกก็บินมาเกาะบนไหล่ของชายหนุ่มพลางเอียงคอด้วยความ
สงสัยเพราะว่าหล่อนรู้แล้วว่าชายคนนี้ไม่เป็นภัยแก่หล่อนแน่นอน
   “เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อนจ้า  โน่นๆฝูงปลาอยู่ไม่ไกลนักแม่นกลองไปดูเถอะจ้า
เดี๋ยวมันจะหนีไปหมดแล้วล่ะ”
   แม่นกหันไปมองตามที่ชายหนุ่มชี้มือก็เห็นฝูงปลาฝูงหนึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่
เหนือผิวน้ำ   ดังนั้นจึงหันมาทางชายหนุ่มกล่าวว่า
   “ขอบใจมากจ้า ฉันไปก่อนนะเดี๋ยวได้อีกสักไม่กี่ตัวก็จะรีบไปให้ลูกๆที่คอย
อยู่จ้า เอ๊ะฉันตั้งแต่เกิดมาก็พึ่งได้ยินว่าคนสามารถพูดภาษาฉันได้ก็คราวนี้เอง”
    ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆ พลางเอื้อมมือไปลูบบนหัวนกพลางเอ่ยว่า
   “ไปเถอะจ๊ะฝูงปลามันพูดกันว่าจะกลับกันแล้ว  เดี๋ยวจะไม่ทันนะ”
   “อย่างนั้นฉันไปก่อนนะ ไว้วันหน้าจะแนะนำพ่อนกให้รู้จักท่านอีก เดี๋ยวไม่
ทันฝูงปลานั้น”
   “จ้าไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันนะแม่นก เอาแค่พอประมาณก็พอ”
   “จ้าขอบใจพ่อหนุ่มมากจ้า ฉันไปล่ะ”
   แล้วแม่นกก็ผละจากไหล่ชายหนุ่มพุ่งร่างไปยังเบื้องหน้าที่มีฝูงปลากำลังร่า
เริงอยู่   พลางเฉี่ยวแล้วรีบกลืนลงท้องจนเห็นว่าเพียงพอแล้วจึงได้รีบบินจาก
ไป   เมื่อชายหนุ่มทดลองวิชาเห็นผลดังนั้นก็มีความดีใจมากที่การฝึกของเขา
สำเร็จ  เป็นโอกาสพอดีว่าตั้งใจจะทดลองในวันรุ่งขึ้นเห็นว่าคงจะไม่ต้องแล้ว
ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินชมวิวไปเรื่อยๆ และมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
อากาศเริ่มขมุขมัว  เขาจึงหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน  ก็พบแม่ม่อมกับเด็กสาวชื่อ
เล็กกำลังช่วยกันหิ้วของพะรุงพะรัง แต่ชายหนุ่มลัดเลาะไปอีกทางเพื่อเข้าบ้าน
เพื่อทบทวนวิชาที่พึ่งร่ำเรียนสำเร็จใหม่ๆ  นี่ดีนะที่เขาแบ่งพลังงานไว้ตามใจ
นึกได้สำเร็จ  ก็คิดว่าเขาจะออกเดินทางเมื่อใดดีและทางนี้เขาไม่ห่วงอยู่แล้ว
ด้วยยังมีพี่ชายเขาคอยดูแล  จึงเดินเข้าห้องพลางร่างจดหมายถึงคุณพ่อคุณแม่ว่า
เขาจะออกเดินทางไม่ต้องห่วงแล้วหากงานสำเร็จเรียบร้อยจะกลับมา  แต่เขาไม่
บอกว่าไปทำงานอะไร ซึ่งเขาก็ทราบจิตใจพ่อแม่ดีอยู่แล้วว่าคงจะไม่ห่วงเขา
นักด้วยเชื่อใจเขานั่นเอง   เมื่อร่างจดหมายเรียบร้อยแล้วก็ใส่ซองไว้บนหิ้ง
หนังสือ  ว่าจะฝากให้แม่ม่อมเวลาเขาออกเดินทางไป แต่ทิศทางที่เขาจะไปนั้น
จะตรงกันข้ามกับ  เพื่อนพวกนักโบราณคดีกำลังวางแผนกันจะออกเดินทาง
ชายหนุ่มคิด เขาจะมุ่งเป้าไปที่เนปาลก่อน เพราะที่นั่นมีศาสนสถานมากมาย
โชคดีอาจจะพบดวงแก้วก็อาจจะเป็นไปได้  ชายหนุ่มคิดคำนึงการผจญภัยของ
เขาครั้งนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นประการใดดี  หากไม่พบก็จะเลยขึ้นไปธิเบตแล้วล่อง
ลงมายังเผ่านาคาซึ่งที่นี่เขาไม่แน่ใจนัก ถึงแม้จะมีเชื้อสายเผ่าอินคาก็ตาม 
ด้วยชนพวกนี้หันกลับมานับถืองูเป็นส่วนมาก  ดังนั้นดวงแก้วนี้คงจะไม่อยู่
ด้วยแน่นอนเพราะพลังงานเหล่านี้ บรรดางูทั้งหลายจะเกรงกลัวยิ่งนัก ตามข่าว
สารคดีเผ่านี้ก็ล้วนแต่นับถือพวกงูอยู่และ พวกงูยังอาศัยในบ้านเหล่านี้อีกด้วย
ที่ที่เขาคิดว่าน่าจะไม่ที่ประเทศเนปาลก็คงจะเป็นที่ธิเบตมากกว่า การเดินทาง
ของเขาหากเขาจะอาศัยพลังงานในการล่องลอยไปก็จะเป็นที่สงสัยแก่คนทั้ง
หลาย  จึงคิดที่จะเริ่มต้นเดินทางผ่านป่าทางด้านทิศเหนือลัดเลาะผ่านพม่าแล้ว
วกเข้าประเทศอินเดียมุ่งสู่ประเทศดังกล่าวเห็นจะดีกว่าจะเดินทางโดย
เครื่องบินเพราะต้องเสียเวลาเช็คคนเข้าเมืองอีก  เรื่องการตรวจสอบเขาคิดว่า
ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาแน่นอน หรือบางครั้งอาจจะได้พบวัตถุอีกชิ้นที่เขา
เองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร  เพียงพบดวงแก้วก่อนแล้วเรื่องนั้นค่อยว่ากันที่หลัง
เขาคิดเช่นนั้น   จึงตั้งใจว่าหากการฝึกการเรียนรู้ภาษาสัตว์ได้คล่องแคล่ว
กว่านี้ก็จะเริ่มออกเดินทางทันที  จึงสะบัดศีรษะเบาๆแล้วเดินเข้าห้องไป
เพื่อฝึกฝนวิชาการต่างๆให้คล่องแคล่วมาขึ้น  พลังงานทางโลกเรานี้กับ
พลังงานสถานที่ลี้ลับนี้จะเข้ากันได้อย่างไรกันหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เขาคิด
บางครั้งหรืออาจจะเป็นไปได้ว่าพลังงานในสถานที่ลี้ลับที่เขาจะเดินทางนี้
คงจะทรงพลังสูงกว่า ถ้าถึงตอนนี้เห็นที่จะต้องเริ่มต้นประสานกันใหม่อีก
เป็นแน่แท้  จริงอยู่พลังงานในร่างกายเขาจะมีมากมายก็ตามหากไปพบกับ
พลังงานในอีกที่หนึ่ง อาจจะอ่อนด้อยก็เป็นไปได้ แต่เขาก็เชื่อในบันทึกที่
เขาได้รับจากชายสามคนที่ตกทอดสืบกันมาว่าสามารถที่จะทำได้อย่าง
แน่นอน  มิฉะนั้นคงไม่ติดตามหาตัวเขาและก็แปลกที่ดวงแก้วทั้งสอง
คือดวงแก้วสุริยันต์จันทราก็ยินยอมและอยู่ในร่างกายเขาอีกด้วย จึงเพิ่ม
ความมั่นใจแก่ตัวเขามาก  เขาคิดว่าด้วยความรู้เกี่ยวกับพลังงานต่างๆนี้
อาจจะช่วยเหลือเขาได้ไม่มากก็น้อย  หากได้ดวงแก้วอีกดวงซึ่งมีอิทธิฤทธิ์
มากกว่าดวงแก้วสองดวงนี้แล้วไซร้  พร้อมกับได้วัตถุอีกชิ้นหนึ่งคงจะไม่
สร้างปัญหาใดๆแก่เขามากนัก   ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองอาทิตย์หน้าเขาคงจะ
เริ่มออกเดินทางได้แล้ว  ส่วนพวกนักโบราณคดีนั้นเขาสังหรณ์ใจว่าจะต้อง
มาพบกับเขาในอีกมิติหนึ่งอย่างแน่นอน หรือว่าวัตถุชิ้นนั้นยังถูกเก็บไว้ใน
ท้องมหาสมุทรแอตแลนติคอยู่ แต่ช่างเถอะขอให้เขาพบดวงแก้วนี้เสียก่อน
เรื่องอื่นค่อยมาคิดภายหลัง   ดังนั้นเมื่อคิดปลงได้เช่นนี้เขาก็เอนกายลงบน
ที่นอนแล้วทบทวนวิชาการต่างๆด้วยความคล่องแคล่วว่องไวแล้วผลอยหลับ
ไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว
      ครั้นถึงวันใหม่ย่างเข้ามาเขารีบตื่นแต่เช้าแล้วออกไปเดินชมสวนซึ่งมีดอก
ไม้ต่างๆส่งกลิ่นหอมทำให้อารมณ์เขาสดชื่น  และได้พูดคุยกลับพวกแมลงที่
กำลังเชยชมเกสรดอกไม้เพื่อค้นหาน้ำหวาน  อย่างสนุกสนาน ตลอดจนนก
ต่างๆอีกด้วย  ตอนแรกพวกแมลงและนกต่างตกใจกันไปตามๆกัน  แต่เขา
บอกว่าไม่เป็นไร ฉันไม่ทำอันตรายพวกเธอหรอก เพียงอยากจะสนทนา
เท่านั้นเอง แต่กว่าจะเข้าใจกันได้ก็ใช้เวลานานเหมือนกันถึงจะไดด้ความ
ไว้วางใจกัน   ซึ่งการกระทำเช่นนี้เพื่อที่จะให้เกิดความชำนาญในวิชาการมาก
ยิ่งๆขึ้นไปกว่าเดิม  จนเขาสามารถรับรู้ภาษานกและแมลงต่างๆได้เป็นอย่างดี  
ในขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินอยู่นี้  มีนกตัวหนึ่งบอกแก่เขาว่ามีคนเดินทางมา
ด้านนี้  เขาจึงหันหน้าไปมองเห็นร่างของพี่ชายกำลังเร่งรีบเดินมาหาเขาอย่าง
รีบร้อนนัก  ดังนั้นจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า
   “มีอะไรหรือครับพี่วัฒน์ถึงได้เร่งรีบเช่นนี้”
   “ไอ้ห่า!!!!!...ตามหาตั้งนานดีนะแม่ม่อมบอกว่ามาเดินเล่นในสวน มีเรื่อง
หนึ่งจะถามแกหน่อย”
   “เรื่องอะไรหรือ???...พี่วัฒน์ หรือ มีเรื่องร้ายแรงไหม???”
   “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรอก  เพียงแต่ ดร.รพีท่านให้มาถามว่าอะไรหรือที่ให้
นำติดตัวไปไม่ใช่โลหะ  พี่เองคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกตลอดจนคนเหล่านี้
ด้วย  เพราะว่าเขาจะรีบออกเดินทางในไม่กี่วันนี้แล้วล่ะ”
   “อ้อๆๆๆ...เรื่องแค่นี้หรือนึกว่าเรื่องเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่เสียอีก  วัตถุที่
ผมบอกไปนั้นต้องมีความแข็งแกร่งแหลมคมไม่ใช่โลหะ พี่วัฒน์คิดไม่ออก
จริงๆหรือ???...”
   “เออซิว๊ะ...หากคิดออกจะมาถามทำไม ปกติพี่เองก็ไม่สนใจเท่าใดแต่เกรง
ใจ ดร.รพีเท่านั้น และไม่คิดจะร่วมไปด้วยอีกล่ะ”
    “เกรงใจ ดร.รพีหรือว่าเกรงใจ คุณ พัชรา ใช่ไหมล่ะพี่”
   “ไอ้นี่วอนเสียแล้วซิ  เออๆๆๆทั้งสองอย่างแหละว๊ะ”
   “แล้ว คุณพัชราจะร่วมเดินทางไปด้วยหรือไงถึงเป็นห่วงใยมากเช่นนี้”
    “ก็เพราะว่าคุณพัชราเขาโทรฯมาหานะซิ  ให้มาถามเอ็งด้วยเพราะพวกเขา
คิดกันไม่ออกโว้ย!!!!.....”
   “มันมีตั้งหลายอย่างว๊ะ ไม้ก็ไม่ใช่โลหะ กระดูก แก้ว เขาสัตว์ก็ไม่ใช่เพราะ
ไม่มีความแข็งแกร่งอีกด้วย บอกมาเถอะยิ่งพูดยิ่งงงว๊ะ???...”..................
                 ๐ แก้วประเสริฐ. ๐
				
comments powered by Disqus
  • แก้วประภัสสร

    21 เมษายน 2555 10:55 น. - comment id 128898

    ครูใช้ประสบการณ์ที่พบเจอมา
    แทรกในงานเขียนด้วยปะคะ 
    จึงเขียนได้ยาวๆแบบนี้อะค่ะ
    เพราะหนูเขียนทีไร มันไม่เกิน 1 หน้าสักครั้ง 
    36.gif16.gif29.gif
  • บุญพร้อม

    21 เมษายน 2555 13:06 น. - comment id 128899

    แวะมาอ่านครับ     แล้วลองเขียนดู   อยากเขียนยาวๆ   แต่ไม่ไหว  ตาลายไปหมดเวลาพิมพ์กว่าจะแกะได้แต่ละตัว   ยากครับ เห็น
    จะเป็นเพราะผมไม่ถนัดมากกว่า  ต้องขอชื่นชมคุณนะครับ  
                                     นับถือ
  • แก้วประเสริฐ

    21 เมษายน 2555 14:22 น. - comment id 128901

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แก้วประภัสสร
    
           ศิษย์รักเอย  การเขียนนิยายนี้จะเรียกว่าพรสวรรค์
    ก็อาจไำม่ผิด เพราะการเขียนยาวๆได้นั้นมีหลาย
    อย่างแต่จะยกตัวอย่างให้ฟังดังนี้
    1 จินตนาการ  หมายถึงการวางแผนในเรื่องนั้นๆ
    ตั้งแต่ต้นจนจบไว้ล่วงหน้าก่อน
    2 การดำเนินเรื่อง ต้องต่อเนื่องกันตลอดเวลา หาก
    เป็นนวนิยายต้องแยกแยะออก  เป็นขั้นตอน
    ของตัุวลครแต่ละบทบาท แต่ต้องมารวมกัน
    ใน ณ จุดๆเดียวกัน
    3 ประสบการณ์ที่ผ่านพบเห็นมาประกอบกันด้วย
    4 การศึกษารอบรู้
    5 การขยายความให้สอดคล้องกันและกัน
    6 การสรุป หมายถึงการจบของแต่ละเรื่อง
             ทุกๆอย่างต้องสอดคล้องกันเสมอๆ อีก
    อย่างตัวลครต้องจำจดไว้ จดไว้เฉพาะตัว
    ลครที่สำคัญๆไว้ ส่วนปลีึกย่อยนั้นไม่ต้องก็
    ได้เพราะไม่มีบทบาทมากมายนัก
              นี่เพียงแค่สั้นๆนะ การเขียนเรื่องสั้นกับ
    เรื่องยาวต่างกันมาก และคนละแบบกันด้วย
    ตอนแรกหัดเขียนเรื่องสั้นๆก่อนจะได้แนวทาง
    แล้วมาขยายความออกไป ที่สำคัญคือตอน
    จบลงจะให้ลงให้ลักษณะแบบใดก็ได้แล้ว
    แต่คนจะชอบเท่านั้นเองจ้า     รักศิษย์เรามาก
    เสมอๆจ้า
    
                 16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    21 เมษายน 2555 14:25 น. - comment id 128902

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ บุญพร้อม
    
             การจะเขียนเรื่องยาวๆนั้นต้องเริ่มต้นจาก
    เรื่องสั้นๆก่อนดังผมกล่าวไว้กับศิษย์ผมข้างบน
    นั่นแหละครับ  สนุกกว่าการเขียนกลอนที่ผมเอง
    ชักจะเบื่อๆเสียแล้วล่ะครับ  หรือว่ามาถึงจุดอิ่มตัว
    ก็ไม่อาจจะรู้ได้ครับ สิ่งใดที่ทำให้สมองเรา
    ไม่ฝ่อและสร้างความสุขเราก็ให้เราทำไปเถอะ
    ครับ  ขอบคุณมากครับ
    
                        16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • เอื้องอังกูร

    25 เมษายน 2555 16:13 น. - comment id 128929

    หวัดดีครับ
       เข้ามาอ่านด้วยความกระหาย...เพราะรอ
    มานานครับ...ก่อนสงกรานต์จนสิ้น..ก้อได้
    อ่านสมใจ....สนุกตื่นเต้นครับ
        ขอบคุณมากครับที่ให้ความสำราญ
  • แก้วประเสริฐ

    26 เมษายน 2555 00:44 น. - comment id 128950

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เอื้องอังกูร
    
           ตอนนี้เป็นแค่อารัมบทก่อน แล้วค่อยเข้า
    สู่สภาวะอันแท้จริง
     แต่คงไม่นานหรอกครับ ด้วยผมวางแผนไว้
    แล้วครับ ตอนนี้ดูอาจจะไม่สนุก
    
      เพียงเพื่อให้รับรู้ถึงต้นเหตุเท่านั้นเอง หากเข้า
    สู่สนามแล้วเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
    ก็คอยติดตาม  คงอีกไม่นานหรอกครับ 
           ขอบคุณที่ติดตามเสมอ รักเสมอครับ
    
                    16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • เอื้องอังกูร

    26 เมษายน 2555 11:01 น. - comment id 128957

    หวัดดีครับ
      บอกตรงๆครับ..ความจริงผมอยากอ่านทุก
    วันเลยครับ..เปิดคอมฯทีไรก้อ..มาดูก่อนเลย
    ว่า แดนพิศวง  มาหรือยัง..มันเปนอะไรที่
    ชวนติดตามด้วยใจระทึกครับ
         ขอบคุณมากครับ36.gif16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    26 เมษายน 2555 12:22 น. - comment id 128959

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เอื้องอังกูร
    
            ในที่นี้เขากำหนดไว้ว่าไม่เกิน 3 เรื่องครับ และ
    อีกอย่างหนึ่ง ผมสังเกตุดูเขามักจะชอบแบบสั้นๆ
    ส่วนของผมมันเรื่องยาวต้องติดตาม เลยตั้งใจ
    ว่าให้ตกหน้าก่อนแล้วค่อยมาเริ่มเขียน เพราะผม
    มักจะเขียนแบบสดๆเลยครับ เป็นนิสัยของผมที่
    ชอบทำอะไรแบบใหม่ๆและเขียนเลยครับ
    อันที่จริงผมเขียนทุกวันก็ได้ครับเพราะว่า
    ผมวางแผนดำเนินเรื่องไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว
    จึงไม่เป็นปัญหาอะไรกับผมหรอกครับ
            ผมก็เลยปล่อยไปตามกระแสครับ
     ขอบคุณที่ติดตามเสมอๆครับ รักเสมอครับ
    
                   16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน