ลูกรัก...ตายเสียเถิด!!
สิติยะ ป.
ป 1
กิจโฉ มนุษะ ปฏิภาโพธิ การเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เป็นพระพุทธพจน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในครั้งหนึ่งพระสารีบุตรเคยทูลถามพระพุทธองค์ว่า...
... การ จะเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีโอกาสมากน้อยเพียงใดพระเจ้าข้าฯ? ...
พระพุทธองค์ไม่พูดอะไรเลย แต่ทรงใช้นิ้วมือแตะลงบนพื้นดินแล้วชูขึ้น ตรัสตอบกับพระสารีบุตรว่า
... มีเพียงแค่นี้....สารีบุตร ...
นั้นหมายถึงสรรพ สัตว์ที่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่าง ๆ มีจำนวนมากเทียบเท่ากับดินทั่วไป ทั่วพื้นปฐพี แต่ที่สามารถเกิดเป็นมนุษย์ได้....มีเพียงแค่ดินที่ติดปลายนิ้วของพระ พุทธองค์เท่านั้น
ทำแท้ง คือ การฆ่าคน เป็นฆาตกรฆ่าลูกในไส้ของตนเอง ไม่ว่าผู้นั้นจะขึ้นชื่อว่าแม่หรือพ่อล้วนเป็นหุ้นส่วนกรรมมหันต์นี้ด้วยกัน ทั้งคู่ ไม่ต้องโยนบาปให้กันและกัน ไม่ต้องโยนผิดป้ายโทษว่าใครเป็นต้นเหตุ สุดท้ายได้รับกรรมอย่างสาสมด้วยกันทั้งคู่ ความจริงเรื่องการทำแท้งเป็นผลสุดท้ายของความชั่วที่ได้รับการไตร่ตรอง วางแผนทำลายหลักฐานการก่อความชั่ว ส่วนเหตุนั้นมาจากการที่บุคคลขาดการสำรวม ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม เห็นความมักมากในกามอารมณ์เป็นของสนุกอย่างไร้ยางอาย ขาดความศรัทธาและขาดความเคารพในธรรม ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ความประพฤติที่ประมาทท้าทายต่อธรรม ไม่เกรงกลัวไม่ละอายต่อบาปใดๆ ทั้งสิ้น บาปที่มีโทษหนักที่สุด ๕ ประการ คือ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำให้สงฆ์แตกแยก ทำร้ายพระวรกายพระพุทธเจ้าห้อเลือด
ดังนั้น การทำแท้งจึงมีบาปเท่ากับการฆ่าพระอรหันต์ เหตุเพราะ เด็กในครรถ์ยังบริสุทธิ์ มิเคยได้สร้างบาปกรรมใดๆ เลย และไม่มีเหตุปัจจัยของการสร้างกรรม ชีวิตของเขาจึงบริสุทธิ์ดั่งพระอรหันต์ ดังนั้น การทำแท้งฆ่าเด็กทารกในครรถ์หนึ่งคนจึงมีบาปเท่ากับฆ่าพระอรหันต์หนึ่ง พระองค์ การฆ่ามนุษย์นั้นว่าบาปมากแล้ว แต่การฆ่าเด็กทารกที่บริสุทธิ์เป็นบาปหนักยิ่งกว่า
ผลกรรมจากการทำแท้ง พระพุทธองค์ยังได้ตรัสอีกว่า ผู้ที่เคยทำแท้ง ขณะมีชีวิตจะได้รับผลกรรมสนองจากโรคร้าย ป่วยหนัก อายุสั้น การถูกขัดขวางไม่ให้พบความเจริญ ความฉิบหายมาสู่ตนอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ครั้นจบชีวิตแล้วจิตวิญญาณต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่แสนสาหัสในนรกภูมิเป็นเวลา อันยาวนานมิอาจประมาณได้ และยิ่งถ้าหากเด็กผู้ตายนั้นมีจิตอาฆาตพยาบาทด้วยแล้วยิ่งลำบากหนัก เพราะจิตอาฆาตนั้นจะเฝ้าจองเวรกันทุกลมหายใจเข้าออก ทำให้ชีวิตไม่เป็นสุขทุกข์ทรมานต้องพบกับความล้มเหลวอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือบางท่านพบแต่ความทุกข์ระทม ล้มละลายทั้งชีวิตการงานและชีวิตครอบครัวหาความสงบสุขได้ยาก ต้องชดใช้กรรมกันอย่างสาสม จนกว่าแรงกรรมนั้นจะได้ชำระกันจนหมดสิ้น หรือ จนกว่าเป็นที่เพียงพอของจิตวิญญาณนั้น ที่สุดยกให้เป็นอโหสิกรรม ...
ป 2
ดวงตา .. สาวสวยใจแตกวัย 20 ปี นิสิตของมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง การดำเนินชีวิตขณะเป็นนิสิตของเธอ ได้เกิดสิ่งผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต 1 เรื่องคือ การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ 1 เดือนครึ่ง โดยไม่เจตนาและไม่ได้ป้องกันระมัดระวัง กระทั่ง..จบลงด้วยการไปเอาเด็กออก
ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น สิ่งที่เธอเห็น เป็นเพียงก้อนเลือดกลม ๆ เล็กกว่ากำปั้น ครึ่งงต่อครึ่ง ด้วยความเวทนาทั้งตัวหล่อนเอง และชีวิตของเด็ก ดวงตา.. จึงนำก้อนเลือดนั้นห่อกระดาษ เพียง 1 แผ่น แล้วนำไปทิ้งถังขยะ อีกจังหวัดหนึ่ง
1 - 2 อาทิตย์ต่อมา มีรุ่นพี่ที่ชอบพอกับดวงตาได้พาหล่อนไปกินข้าวในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างหรูหรา ซึ่งในตอนนั้นไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับดวงตา และ หล่อนไปทำอะไรมา..ทุกอย่างเป็นความลับขั้นสุดยอด.. เมื่อนั่งรับประทานอาหารได้ซักพักใหญ่ หล่อนต้องถึงกับแทบน้ำตาร่วง นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นไปชั่วขณะ เพราะขณะที่ทุกคนกำลังนั่ง กินดื่ม เคล้าเสียงเพลงกันอยู่นั้น
แมวดำขนาดเขื่องตัวหนึ่งมาจากไหนไม่มีใครรู้ กระโดดมายืนถมึงทึงที่โต๊ะ ... มันจ้องหน้าของดวงตาแล้วร้อง แบบเอาเป็นเอาตาย รุ่นพี่ที่นั่งกับหล่อน เห็นเหตุการณ์โดยตลอด ต่างก็พยายามไล่มันไป ซักพักมันก็ไปของมันดื้อ ๆ ทุกคนในร้านงงมาก แต่ลึกๆ ในใจของดวงตานี่สิ..! หล่อนพอจะเดาได้ว่ามันคืออะไร!!??
ป 3
จะเป็นด้วยอุปทานหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้ .. เพราะคืนนั้น ดวงตาได้เก็บเอาเหตุการณ์ที่ผ่านมาของเธอเองมาฝัน
... แม่.. แม่จ๋า แม่ใจร้าย ..แม่ทิ้งหนู ฮือ ๆ ๆ ๆ ...
เสียงเด็กผู้ชายแรกเกิด ที่กำลังคลานต้วมเตี้ยมออกมาจากถังขยะสีเขียว!!! สภาพของเด็กเนื้อตัวมอมแมมเกรอะกรังไปด้วยเลือด กำลังใช้ความพยายามคลานล้มบ้างลุกบ้างมาหาหล่อน..ดวงหน้าเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา...พร้อมเสียงสะอึกสะอื้น...แล้วเธอก็ตกใจตื่น...
ความฝันอันประหลาดและน่ากลัว ทำให้ดวงตานอนไม่หลับอีกเลยในคืนต่อมา หัวใจของเธอครุ่นคิดไปต่าง ๆ นานา ... ภาพเด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูในฝันยังติดตาตรึงใจอยู่ตลอดเวลา... ยิ่งเสียงที่เธอได้ฟังในฝันคืนนั้นมาหลอกหลอนในมโนจิต ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าเวทนาเสียยิ่งนัก ความรู้สึกผิดชอบชั้วดีเริ่มเกิดขึ้น...ความผูกพันธุ์ทางสายเลือดกับเด็กน้อยในความฝันก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นเป็นลำดับ เธอถึงกับปล่อยโฮ..อย่างไม่อายใครในทุกครั้งที่คิด
สองสามวันต่อมา... ดวงตาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนรักของเธอ... หล่อนเล่าให้เธอฟังหน้าตาตื่นว่า .....
... ตา ... เมื่อคืนชั้นฝันว่ามีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งคลานออกมาจากถังขยะสีเขียว..แล้วมาหาชั้น.. บอกชั้นว่าเขาเป็นลูกของแก...!!!??? ...
ดวงตาถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออก เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่คอหอย เพื่อนสาวเล่าไปเหมือนกับจะมีความเสียดายกับอะไรบางสิ่งบางอย่าง... กว่าที่ดวงตาจะทำความเข้าใจและบอกปัดปฏิเสฐไปก็เล่นเอาเหนื่อย...
ทำไมนะ??... ก็ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำลงไปนั้นมันเป็นความลับ! แม้แต่เพื่อนสนิทเธอก็ยังไม่เคยปริปากบอกเลย แล้วทุกอย่างมันตรงกันได้อย่างไร
แต่นั้นมา...หล่อนเริ่มเข้าวัดทำบุญถวายสังฆทาน กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแด่ดวงวิญญาณของเด็ก เพราะตั้งแต่วันที่เธอไปทำแท้งมา..ดวงเธอตก..ของรักของหวงที่มีค่าหาย..ตกงาน ...ใจคอไม่ดี สารพัด
... เจ้าตัวเล็กของแม่...แม่ขอโทษนะ..มารับเอาส่วนกุศลที่แม่อุทิศให้นะลูกนะ...
หล่อนอธิษฐานจิตด้วยน้ำตานองหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า.....
ป 4
เช้าวันหนึ่ง ... หลังจากทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลเสร็จ ระหว่างทางดวงตาเหลือบไปเห็นหญิงชราหมอดูไพ่ยิปซี กำลังนั่งให้บริการลูกค้าในศาลาข้างทาง เมื่อลูกค้าคนสุดท้ายจากไป ดวงตาจึงถูกเชิญชวนให้หยิบไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาแล้วส่งให้แม่หมอ
... หนูเคยมีการสูญเสียอย่างไม่ตั้งใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเมื่อเร็ว ๆ นี้ ... ใช่ใหม? ...
ดวงตาถึงกับสะดุ้ง! ท่าทางอากัปกิริยาของเธอในขณะนั้น คงเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งโลกผู้หนึ่ง จึงเป็นเหตุให้แม่หมอทักเธอเช่นนั้น เพราะเธอเคยได้ยินได้ฟังมาว่า หมอดูทั้งหลายเป็นนักจิตวิทยาไปด้วยในตัว
... มันคืออะไรคะ? ...
เธอย้อนถาม ... ออกอาการแบบงง ๆ เหมือนไม่รู้ไม่ชี้และไม่ยอมจำนน
... หนูมีวิญญาณเด็กคอยติดตาม ... เป็นเด็กผู้ชาย ... ตายจากการทำแท้ง ... เด็กเขาบริสุทธิ์และรักหนูมาก ...
เธอรู้สึกเสียวแปลบ! ขึ้นมาในใจ ใจหวิว ๆ หน้าซีดเผือดเหมือนลมจะจับ ... เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่ตอบโต้ใด ๆ อีก แม่หมอจึงรุกต่อไปว่า
... ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชีวิตหนูลำเค็ญแสนเข็ญมาก จะหยิบจับอะไรก็ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดมาคอยส่งเสริมดังแต่ก่อนเลย ...
แม่หมอจ้องมองดวงหน้าของดวงตาตลอด ... เธอเองก็พยักหน้ารับด้วยความอิดหนาระอาใจโดยไม่รู้ตัว
... ที่ชีวิตหนูเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะเด็กเขาแค้นแล้วมาทำให้ เด็กเขาไม่รู้เรื่องด้วยดอก แต่ .. เป็นเพราะกรรมทันตาที่เราได้กระทำกับชีวิตเขาไว้ ... เป็นบาปอย่างหาที่สุดไม่ได้ ...
แม่หมอหยุดพูดในทันที เพราะคิดว่าเรื่องอย่างนี้ หนัก! เกินไปที่ดวงตาจะรับได้ จึงเป็นเหตุให้ดวงตาได้ฉุกคิดขึ้นมาบ้าง ... หล่อนคิดไปว่าน่าจะเป็นความจริง เพราะเด็กที่มาในฝันนั้นไม่มีทีท่าว่าจะมีความอาฆาตมาดร้ายแค้นเคืองใด ๆ แต่ในทางตรงกันข้าม เด็กกลับพยายามตะเกียกตะกายเข้ามาหาอ้อมกอดของเธอ และที่สำคัญเธอกลับมีความผูกพันธุ์กับเด็กในฝันอย่างจริงจังเหมือนใจจะขาด ... นึกเสียดายกับสิ่งที่ได้ทำลงไปในอดีต
(โปรดติดตามตอนจบ)
ป 5
จวบจนกระทั่งครั้งสุดท้ายในคืนหนึ่ง ... ดวงตา นอนหลับฝันไปว่า เธอเดินเข้าป่าแห่งหนึ่ง โดยมีเด็กชายคลานต้วมเตี้ยมตามไป เขาลุกเดินบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็นั่นแหละ..เด็กน้อยล้มลุกคลุกคลานด้วยความที่อยากตามเธอให้ทัน ดวงหน้าเจิ่งนองด้วยน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม ร้องให้คร่ำครวญสะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา...
ดวงตาไม่คิดกลัวเลยสักนิด ความรู้สึกกลับยินดีปรีดาและเป็นสุขนัก เธอพยายามเดินให้ช้าลงเพื่อรอคอยเมื่อรู้ว่าเด็กน้อยกำลังใกล้เข้ามา ๆ เธอก็หันหลังกลับพร้อมกับนั่งลงเพ่งมองเด็กน้อยด้วยความรัก
... ลูกแม่!!..
เธอยื่นมือทั้งสองข้างไปข้างหน้าจนสุดแขน พร้อมกับรอยยิ้มอันปริ่มสุขเปรี่ยมด้วยเมตตาเพื่อให้ลูกน้อยโผเข้าสู่อ้อมกอดแห่งความอบอุ่นของเธอในฐานะของแม่..!!
เด็กน้อยทั้งดีใจทั้งร่ำให้หนักเข้าไปอีกแต่ก็รีบคลานเพื่อให้ถึงเมือแม่เร็วที่สุด แน่ละ...ความอบอุ่นที่เคยหายไปเกือบปีกำลังจะกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ... ต่างฝ่ายต่างโผผวาเข้าสู่อ้อมกอดของกันและกันแต่...อนิจจา!!... เกิดอะไรขึ้น นั่นมันอะไรกัน .. !!??
ดวงตาคว้าลูกน้อยเข้าสู่อ้อมกอดด้วยสุดรักสุดหวง แต่แล้วก็ต้องใจหาย ... พึ่งประจักษ์ ณ บัดเดี๋ยวนั้นเองว่า...มันมีแต่ความว่างเปล่า...แล้วร่างน้อย ๆ นั้นล่ะหายไปไหนกัน
เธอรีบเดินย้อนกลับเพื่อตามหา ใจเร่าร้อนดั่งเพลิงเผาไหม้ น้ำตาพร่างพรูไม่ขาดสายหันซ้ายแลขวาเหมือนคนบ้าเสียสติ ร้องเรียกไม่ขาดปากดั่งดวงใจที่ถูกเด็ดออกจากขั้ว...
เธอยังต้องการอะไรอีกเล่าดวงตา ก็ในเมื่อสิ่งที่ควรมี เกิดมี แต่เธอไม่รับกลับปฏิเสฐเสียได้..แล้วงัยล่ะ..ตอนนี้เธอจะเรียกร้องหาสวรรค์วิมานเอาอะไรอีก?? สมควรแล้วมิใช่หรือที่ทุกอย่างจำต้องเป็นเช่นนี้....คงยุติธรรมแล้วหล่ะ
หล่อนกระเซอะกระเซิงจนกระทั่งมาพบพระธุดงค์รูปหนึ่งนั่งสงบเงียบอยู่ เธอค่อย ๆ หย่อนกายอันเหนื่อยล้านั่งลงกราบทั้งน้ำตา
... เจริญพร..สีกา ...
เสียงทักทายของพระภิกษุทำให้เธอใจชื้นเหมือนจะเรียกสติสตังค์กลับคืนมาอีกครั้ง...
... ระงับสติอารมณ์ก่อนนะ เด็กเขาไม่ไปไหนดอก เขายังวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ สีกานั่นแหละ แม้จะขับไสไล่ส่งอย่างไรเขาก็ไม่ไป..เขาตั้งใจจะมาอยู่ด้วยเพราะบุพพกรรม เขายังรออยู่ จงเริ่มต้นใหม่นะ ...
เมื่อพูดจบท่านก็เงียบไม่ยอมพูดใด ๆ อีกเลย หล่อนจึงก้มลงกราบอีกครั้งหนึ่งด้วยความซาบซึ้งในกระแสแห่งความเมตตาที่ท่านแผ่มาให้...
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดวงตาก็ไม่ได้ฝันถึงเหตุการณ์เช่นนี้อีกเลย กลับเป็นสุขปลาบปลื้มใจเมื่อนึกถึง อา..ร์ คงเป็นเพราะเธอได้รับรู้ความต้องการซึ่งเป็นความจริงที่เธอเองต้องยอมรับนั่นเอง
สมชาย.. พ่อในอดีตของเด็กที่ไม่ยอมรับทั่งตัวเธอเองและลูกน้อย.. ชีวิตเขากลับตาลปัตหน้ามือเป็นหลังมือ... ฐานะที่เคยมั่งคั่ง การงานมีหน้ามีตาในสังคมที่เคยรุ่งโรจน์ พังทลายลงสิ้น
ซึ่งผิดกับดวงตาในขณะที่เล่าเรื่องให้เราทั้งหลายได้ฟังได้อ่านในขณะนี้ บัดนี้ ... เธอได้พบกับชีวิตใหม่..กับคู่ครองคนใหม่ .. และมีบุตรชายเล็ก ๆ คนหนึ่ง ครอบครัวสมบูรณ์พูนสุขดีทุกอย่าง...ตั้งต้นชีวิตใหม่ขอให้พบแต่ความสุขความเจริญเถิดนะ... ดวงตา
จบบริบูรณ์
สิติยะ ป
10 เมษายน 2555