กี่วัน กี่เดือน ไม่ทราบได้ แต่รู้ว่า หลังเลิกงานชอบไปนั่งที่ๆหนึ่ง ที่นั่นลมพัดเย็นๆ มีผู้คนเดินผ่านมามากหน้าหลายตา บางคนมารอคนรัก บางคนมานั่งคุยโทรศัพท์หาเพื่อนบ้าง บางคนแวะเพียงทานอาหาร เสร็จก็ลุกเดินจากไป บางคนก็จูงลูก จูงหลานมาเดินเล่น พาน้องหมามายึดเส้น สะบัดขา เกาแกรกๆ ตามท่าที่ชอบ สามวันที่ผ่านมา ฉันได้พบกับหญิงชายคู่หนึ่งมานั่งตรงนั้น เวลาเดิม เขาสองคนพูดคุยกันอย่างออกรส และมีเสียงหัวเราะเป็นระยะ ฉันก็พลอยยิ้มไปด้วย วันก่อนก็เช่นกัน ฉันแวะไปนั่งรับลมเย็นๆก่อนกลับบ้าน หยิบนิตติ้งขึ้นมาถัก แกว่งขาเล่นๆอย่างสบายอารมณ์ เวลาเป็นเวลาของฉัน เป็นเวลาที่สบายๆ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องหน้านิ่ว คิ้วขมวด นั่งอยู่สักพัก เสียงหัวเราะของคนทั้งสองก็ดังขึ้นอีก แต่การหัวเราะครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากการสนทนากัน ฉันหันไปยิ้มให้คนทั้งสองและเธอก็ชี้ให้ฉันดู ฉันละสายตา จากการถักนิตติ้ง นับ นิต นับเพิล แล้วก็ปล่อยก๊าก แบบไม่ต้องอายใคร 55555 " น้องดูสิ กองขี้หมาอะ ทีแรกพี่เห็นมัน ไม่รู้จะทำยังไง เลยเอาทรายมากลบไว้ รอให้แม่บ้านมาเก็บทิ้ง ใครเดินผ่านมาก็เตะ 5555" เออ.แฮะ จริงๆด้วย หากเดาไม่ผิดขี้หมาเพิงจะถูกกลบด้วยทราย เพราะยังมีกลิ่นทรายที่ปลิวมากับสายลมปะทะจมูกเล็กน้อย พี่แกปล่อยหัวเราะดังลั่น คนที่มานั่งแถวนั้น บางคนก็เอามือปิดปากหัวเราะ บางคนก็หัวเราะจนตัวโก่ง ผ่านไปทุกอย่างเงียบ สองคนก็ยังหันหน้าคุยกันต่อ ส่วนฉันก็แกว่งขาเล่น ถักนิตติ้งต่อ สักพัก " ว๊าย....ปะป๊า..ปะป๊าเตะขี้หมาๆๆ 55555 " เสียงเด็กตัวเล็กๆ ที่เดินมากับคุณพ่อพูดซะดัง หนูน้อยหัวเราะดังลั่น " ปะป๊า เหยียบขี้หมา 555 " เธอหัวเราะชอบใจ ส่วนผู้เป็นพ่อ ก็ยกมือทำท่าแขกหัวลูกสาว แล้วก็หัวเราะตามไปด้วย " มาหัวเราะป๊า ป๊าไม่เห็นอะ " พ่อลูกหัวเราะไม่หยุด พลอยทำให้ฉันผสมโรงไปด้วย แล้วฉันก็หันไปคุยกับพี่ผู้หญิงที่นั่งข้างๆว่า " พี่คอยดูนะ หนูว่า กว่าแม่บ้านจะมาเก็บ ต้องมีอีกหลายคนเตะ หากระดาษมาเสียบไม้เขียนได้ดีปะ ว่า ขี้หมานะเฟร้ย 5555 " อีกแล้ว ทีนี้ไม่ใช่ขี้หมา แต่หัวเราะเพราะคำพูดของฉัน ยังไม่ทันจบการสนทนา ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง ฉันเห็นเขาคุยโทรศัพท์ หันซ้ายหันขวา เหมือนมองหาใครสักคน สักพัก " โผละ " เตะกองขี้หมาอย่างจัง คราวนี้ลมพัดทรายที่กลบมาทางเรา รู้สึกเหม็นนิดๆ แต่ดูเหมือนทุกคนก็ยังหัวเราะ โดยไม่ได้ออกอาการรังเกียจ- ขี้หมาก้อนนั้นเลยแม้แต่นิด เมื่อทุกอย่างสู่ปกติ ฉันนั่งมองกองขี้หมาที่ถูกกลบด้วยทรายกองนั้น แล้วพูดกับตัวเองในใจว่า อ้อนี่เองที่คนมักจะพูดบ่อยๆว่า " แค่เรื่องขี้หมา" บางครั้งแค่เรื่องขี้หมาก็ทำให้หลายๆคนหัวเราะได้ บางครั้งก็เรื่องขี้หมาอีกนั่นแหละที่ทำให้ผู้คนถึงกับลุกขึ้นมาทะเลาะกัน บาดหมางกัน จนบางครั้งแทบไม่อยากมองหน้ากันก็มี แต่ฉันกลับขอบคุณเจ้าหมาตัวนั้น ถึงมันถ่ายผิดที่ ผิดทางไปหน่อย แต่มันก็ทำให้ผู้คนหัวเราะ มีความสุข ไม่มากก็น้อย กลิ่นขี้หมาแม้จะถูกลมพัดมาปะทจมูก นั่นมันก็แค่ชั่วคราว เดี๋ยวลมก็พัดพาไปที่อื่นเอง หรือไม่ก็หายไปกับกาลเวลา แต่สิ่งที่ยังอยู่คือความรู้สึกของผู้คนได้พบ ได้เห็น ได้หัวเราะ แหละฉันเชื่อว่า แม้จะผ่านเวลาไปนานสักเพียงไหน " แค่ขี้หมาก้อนเดียว" ก็ยังจะคงอยู่ในความทรงจำของทุกคนเสมอ แล้วคุณละคะ.. มีความทรงจำที่ดีในแต่ละวันหรือเปล่า ? *แก้วประภัสสร*
12 มีนาคม 2555 15:16 น. - comment id 128589
มาอ่าน เรื่องอุจาระสุนัข จ้า เห็นด้วยกะสำนวนเรื่องขี้หมา ดูเป็นเรื่องเล้กๆ ไม่น่าสนใจ ...แต่ ในเนื้อแท้ ของความเล็กๆ สิ่งเล้กๆ บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้งในด้านดี และไม่ดี ด้วยเหมือนกัน
12 มีนาคม 2555 15:26 น. - comment id 128590
นี่แหละน้า ถูกเขาล้างสมอง จนเชื่อเสียสนิทว่ามั่นคงแน่แล้วใครจะมาว่าไงก็ไม่เปลี่ยน ถึงต้องมานั่งรอความหวังลม ๆ แล้งแล้งนั่งนับนิบเพิล ๆถักผ้าพันคอให้เขาจนไม่มีที่จะเก็บเขาก็ไม่แต่งซะที อิอิเลยมาขำกองขี้หมาดีกว่านั่งเปล่า ๆ อิอิ
12 มีนาคม 2555 15:30 น. - comment id 128591
มีค่ะ... วันนี้มีอยู่หนึ่งเรื่อง..เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลย ทำให้แซมหัวเราะซะแทบจะขากรรไกรค้าง หัวเราะก่อนนอนซะด้วยซิ.. ไม่ต้องหลับต้องนอนกัน.. แถมยังเหลียวซ้าย แลขวา กลัวท.ทหารมาจับคนนอนดึก.... เพื่อนแซมเล่าเรื่องดีๆ ให้แซมฟัง... เรื่อง"ขี้หมาหนึ่งก้อน...." รักเพื่อนคนนั้นจัง..... ราตรีสวสัดิ์ค่ะ.... แซม
12 มีนาคม 2555 22:17 น. - comment id 128592
แหมเรื่องขี้หมาจริง ๆ นะเนี่ย
13 มีนาคม 2555 08:58 น. - comment id 128593
ก้ากกก แว๊กก.... ทามปายล่าย...แม่แก้มแบว...อิอิ ดีจร้า....คุงแบม ลองเหยียบ ขึ้นรถทัวร์ กรุงเทพ-เชียงใหม่จิ...อิอิ เราอาจกลายเป็นอะไรไป ก็สุดจะคาด อิอิ
13 มีนาคม 2555 13:26 น. - comment id 128596
แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เธอก็ไม่มองข้ามน่ะ ต้องบอกปู่ให้ระวังหน่อยแล้ว อิอิ ถักไปถึงไหนแล้วจ๊ะ
13 มีนาคม 2555 13:46 น. - comment id 128597
ที่เขาพูดกันนั้น ว่า "เรื่องขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง" ไร้สาระ ไร้ประโยชน์จริงๆ จะเอาไปทำปุ๋ยก็ยังใช้ไม่ได้
13 มีนาคม 2555 14:25 น. - comment id 128598
ขี้หมาหนึ่งก้อนคุงแบมก็สามารถเขียนเรื่องได้และดีด้วย สามารถๆ
13 มีนาคม 2555 19:46 น. - comment id 128600
จริงขี้หมาฤาสารพัดอะไร คงมิใช่..ไม่เป็นไร..พี่ไทยว่า สารัตถะประเด็นทำเล่นฮา แดงตายคาราชประสงค์ปลง..ขี้กอง !?
13 มีนาคม 2555 20:58 น. - comment id 128601
1 คุณตาคำ สวัสดีค่ะตา เรียนจบที่ไหนมาคะ พูดไพเราะจัง อุจจารสุนัข หนูๆ ดูเป็นตัวอย่างนะคะ วันนี่ ข่อยสินำเสนอคำว่า "อุจจาระ" อุจจาระหมายถึง ของเสีย ที่คนและสัตว์ขับถ่ายออกมาค๊า ขอบคุณตาคำนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
13 มีนาคม 2555 21:05 น. - comment id 128602
2 คุณฤกษ์ โห..นายฤกษ์เนี่ย..ปากดี๊ดี.. ยังงงี้น่าตีเข่าอะ แหมะ...เจอตัวกันหน่อยมะเพื่อน จะเหนี่่ยวให้จุกเลย วันก่อนยังชมเราอยู่แหม๊บๆว่า ภาพใส่หมวกน่ารัก ไม่กี่วัน ไปชมสาวถ่ายรูปที่สะพานว่าน่ารักอีกแระ เฮ้อ.. กามันร่อนไปมา เพราะหาเหยื่อ แต่ตาฤกษ์เนี่ย กา..ล่อน...จริงๆ พี่น้องงงงงงงงงงง เฮ้อ..ไม่อยากกล่าวราตรีสวัสดีฺ์เล้ย จริงๆนะ แต่ก็หยวนๆน๋า..ฝันดีมีเมียสิบนะลุง อิ
13 มีนาคม 2555 21:17 น. - comment id 128603
3 คุณแซม สวัสดีจร้าแซมมี่่ที่รัก ที่ท่าน้ำ แบมชอบไปนั่งสูดอากาศ ลมเย็นๆ หากว่างจะแวะไปบ่อยๆค่ะ ที่นั่นทีเรื่องราวดีๆให้เห็นมากมาย มีครั้งหนึ่ง แม่จูงลูกมาเล่นมีพี่เลี้ยงมาด้วย เด็กเล่นซ่อนหากับพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงก็แกล้งหลบบ้าง หาไม่เจอบ้าง เด็กก็เดินมาจากที่แิอบ แล้วพูดว่า " เบลอยู่ตรงนี้ พี่มองไม่เห็นหรือไงค๊๊า" แล้วหนูเบลก็ยกมือเท้าเอวแล้วใช้เท้าเตะไปที่พี่เลี้ยง พี่เลี้ยงหัวเราะชอบใจ เพราะความไม่ถึือสา แต่ผู้เป็นแม่ของหนูน้อยกลับเดินมา แล้วบอกลูกสาวว่า " หนูรู้มั้ยว่าทำแบบนั้นกับผู้ใหญ่ เป็นเด็กที่ไม่น่ารักเลย ไปขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้" หนูเบลเดินไปยกมือไหว้พี่เลี้ยง ภาพที่แบมเห็น น้องเขาไหว้ก้ทศรีษะลงด้วย แล้วพูดว่า " ขอโทษคะ" แล้วน้องเขาก็วิ่งเล่นต่อ ตามประสาเด็ก แบมประทับใจไม่หานเลยค่ะแซม นี่คืออีกเรื่องหนึ่ง แม้่จะไม่ได้หัวเราะ แต่่แบมก็รู้สึกดีนะ นอนหลับฝันดีนะคะแซม คิดถึงน๊าตัวเอง
13 มีนาคม 2555 21:24 น. - comment id 128604
4 คุณร้อยฝัน สวัสดีต้าพี่้อ้อย ก็ขี้หมาจริงนะสิค๊า เอาขี้อย่างอื่นมั้ยคะ สามารถเขียนค่ะ อิ ขี้เกียจ ขี้คร้าน ขี้นก เยอะนะ พี่อ้อยสบายดีนะคะ นอนหลับฝันดีจ้า
13 มีนาคม 2555 21:34 น. - comment id 128605
5 ท่านกรต เวลาเหยียบขึ้นไปบนรถทัวร์ ก็แกล้งเหมือรายที่ปล่อยปุ๋งบนรถเมล์จิค๊า เว้าออกไปดังๆโลดว่่า "ฮ่วยๆๆ แม่นผู้ได๋ตดหว่า เหม็นอีหลีเด้อนี่ " อย่าแอบๆ รู้ว่ารออ่านอยู่ ..อะเจ๊ย..อ๋ำ อะ ได้ศัพท์ แส..ลง ใหม่ละ มื้อนี่ข้อยสิเสนอคำว่า " อ๋ำ" อ๋ำ เป็นคำผสมระหว่างคำว่า ขำ + อำ = อ๋ำ จบปะ ... ฝันดีจร้าเพื่อน
13 มีนาคม 2555 21:41 น. - comment id 128606
6 พี่กุ้งฯ เง้อ ..พี่กุ้งนะ .ก็ขี้หมามังทำให้ขำได้นี่ค๊า ไปบอกปู่ให้รู้ตัวทำไมค๊า.. เดี๋ยวเค้าไม่มีคนให้แกล้่งอะ อิ ถักหมวกเหรอ ใกล้จะเสร็จอีกใบแล้วละพี่กุ้ง รับปากเหลนว่าจะทำให้ แต่ช่วงนี้ไปโน่น ไปนี่ บ่อยจัง เดี๋ยวสัมนา เดี๋ยวงานเลี้ยง เด๊๋ยวไปวัด พี่ดอกแก้วให้แบมนั่งสมาธิให้มากขึ้น ผู้ใหญ่แนะนำสิ่งดีๆ เราก็ควรทำตามจริงมั้ยคะ นอนหลับฝันดีนะคะพี่่ คิดถึงเสมอ
13 มีนาคม 2555 21:50 น. - comment id 128607
7 คุณลุงดาว สวัสดีค่ะคุณลุง เพิ่งดูข่าวสักพัก แผนก ตม เช็กอินที่สนามบิน ทำงานไม่ทัน ทำให้ผู้โดยสารตกเครื่่อง วันละเกือบสองร้อยคน ปัญหานี้รู้สึกมีมานานแล้วนะคะ ยังไม่เห็นมีมาตการออกมาแก้ไขอะไรเลยค่ะ ดีใจที่คุณลุงมานะคะ แค่ขี้หมาก็กลายเป็นเรื่องราวได้หลากหลายจริงๆค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ
13 มีนาคม 2555 21:54 น. - comment id 128608
8 คุณพิม. เมื่อวาน งานเยอะ ไม่ไหวจะเคลียร์ค่ะ เลยหลบพักสายตา แต่กลับย่้องเข้ามาเขียนเรื่องสั้นๆแทน เอาแบบรวบรัด เท่าที่เวลาจะอำนวย อิ นอนหลับฝันดีนะคะคนสวย
13 มีนาคม 2555 22:01 น. - comment id 128609
9 คุณ . หยุดดดดดดด .. คุณลุง..จุ๊ๆๆ วรรคสุดท้ายเป็นแหนมแม่แก้มแบ๊ว ตายเป็นแถวเรียงมาหน้าสลอน เรื่องขี้หมาพาหนูลงรูนอน หนูไปก่อนแล้วน๊าลุงมาที ขอบคุณคุณลุง . นะคะ ราตรีสวัสดี์ค๊า
14 มีนาคม 2555 11:20 น. - comment id 128610
คุณแก้วแบมครับ ตั้งแต่เปิดสุวรรณภูมิมา ยังไม่เคยไปใช้บริการต่างประเทศเลย ไม่รู้ว่าจัดรูปแบบยังไง แต่น่าจะต้องดีกว่าที่ดอนเมือง สมัยก่อนเคยลองเทียบ ชางงี กับ ดอนเมือง เช็คอินขาเข้า ที่ชางงี มีเคาเต้อน้อยกว่าแต่ ใช้พนักงานที่ละสองคน และมีคนคอยเติมแก้ไขตลอด ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาที นำคนต่างชาติเข้าเมืองด่านแรก ด้วยใจที่ไม่เป็นทุกข์ เริ่มรับแขกด้วยทัศนคติที่ดี ที่ดอนเมือง มีเคาเต้อมากกว่า และแยกคนไทยออกมา และยังมีเคาเต้ออภิสิทธิ์ชนอีกต่างหาก ส่วนที่ต่างชาติเข้าเช็ค แม้มีมากกว่า แต่มีแห่งละคน บางคนช้ามาก แถวจึงยาวเหยียด เครื่องจัมโบ้ลงมาทีใช้เวลาเกินครึ่งชั่วโมง เป็นการต้อนรับคนเข้าบ้านด้วยจิตใจที่ขุ่นมัว จริงๆ ส่วนการเช็คเอ๊าส่งคนออกนอกประเทศ ที่ชางงี (และที่อื่นๆส่วนใหญ่) เป็นแค่คืนสำเนาของขาเข้า ใช้เวลาตรวจและประทับตราราวๆสิบวิ ก็เสร็จ ที่ดอนเมืองไม่รู้ทำอะไรนัก นานเกินจริงๆ ส่วนเคาเต้อคนไทยออกนอกใช้เวลาพอๆกัน สำหรับสุวรรณภูมิ น่าจะมีระบบที่ทันสมัยสารพัด อำนวยความสะดวกรวดเร็วขึ้น ที่ช้า น่าจะเป็น ส่วนการตรวจคนและสัมภาระ ที่ต้องระวังมากขึ้น เพราะ การก่อการร้ายหลายรูปแบบ ถ้าต้องตรวจอย่างละเอียด ด้วยเครื่องมือล้าสมัยและการจัดการที่ห่วย ก็อาจใช้เวลาเป็นชั่วโมง ผู้โดยสารตกเครื่อง เพราะต้องผ่านด่านสารพัด ใครจะรับผิดชอบ เป็นกรรม ของสายการบิน และผู้โดยสาร เนอะ (และชื่อเสียงของชาติ)
14 มีนาคม 2555 16:59 น. - comment id 128611
............... แถวนี้มีอะไรกันเหรอ เห็นคุยกันเรื่องขี้หมาหนึ่งก้อน หรือขี้หมาก้อนหนึ่ง...อะไรนี่แหละ ช่างเขียนจริงๆเลยคุณแบม ..................
14 มีนาคม 2555 21:14 น. - comment id 128612
19 คุณลุงดาว หนูว่า น่าจะเอาเครื่องตรวจที่ทันสมัยมาเป็นตัวช่วยตั้งนานแล้วค่ะคุณลุง แต่ก็ไม่ทราบว่าติดขัดปัญหากันตรงไหน ปกติหนูจะแจ้งลูกค้าให้ไปล่วงหน้า อย่างน้อยสามชั่วโมง บางคนกลับมาบ่น คิวยาว รอนานมาก อยากไปก็ต้องรอ ตามระเบียบ อิ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณลุง ไปดูรักประกาสิตก่อนค่ะ ช่องสาม หนูชอบดูวิวสาวยๆ
14 มีนาคม 2555 21:18 น. - comment id 128613
20 คุณ Din คุณดินขรา.... อย่ากังวลและสงสัย หรือขยายความเลยนะคะ แบมเพียงเล่าเหุตการณ์ที่แบมไปพบมาเท่านั้นค่ะ จริงๆนะคะ ปล. ไม่ได้เป็นช่าง... เขียนได้บ่อ้าย 555 กู๊ดไนซ์จร้าลุงดิน..เอ้ย..คุณดิน
15 มีนาคม 2555 12:37 น. - comment id 128614
เห็นภาพในข่าวเมื่อเช้า คนต่อแถวยาววกไปมาเป็นงูเลย ข่าวว่า ปัจจุบัน มีผู้โดยสารผ่าน ต.ม วันละแสนกว่าคน ในขณะที่ มีประสิทธิภาพรอรับได้แค่ครึ่งเดียว จึงย่อมช้าแบบพอกหาหมูเป็นธรรมดา ช่วงพีคน่าจะเป็นช่วง สายๆ กับดึกๆ เห็นเอกสารแนบต่างๆมากมายยังมีกันทุกคน คงต้องเสียเวลาตรวจกันนาน (ที่อื่นบางแห่งไม่มีเอกสารเลย) คงต้องแก้ไขกันอีกมาก
17 มีนาคม 2555 11:42 น. - comment id 128616
23 คุณดาวศรัทธา สวัสดีวันหยุดค่ะคุณลุง เมื่อวานหนูนิสัยไม่ดีค่ะ ถูกส่งไปอบรมมาค่ะ อมาดิอุสเขาพัฒนาสิ่งใหม่ๆในการออกตั๋ว และการจอง เลยต้องไปฟังหน่อย ช่วงนี้ลูกค้าเก่าๆ กลับมาใช้บริการที่บริษัทเยอะขึ้น อาจจะเป็นเพราะ ความมั่นใจและเขาไม่ต้องกลัวถูกหลอก ล่าสุดมีลูกค้าโทรมาจากอเมริกา ว่าได้ชำระเงินราคาตั๋วเป็นไป-กลับ กับเอเย่นต์หนึ่ง ซึ่งใช้บริการกันมาหลายปีและรู้จักกัน( ซึ่งตอนนี้หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว) เธอมั่นใจว่า ตั๋วที่ถืออยู่ในมือ คือตั๋วไปกลับ กำหนดระยะเวลา 1 ปี พอจะกลับมาเมืองไทย ได้ติดต่อสายการบินขอจองขากลับ เธอถูกปฏิเสธจากสายการบินว่า ตั๋วที่เธอมีอยู่เป็นตั๋วเพียงเที่ยวเดียว ไม่ใช่ตั๋วไป-กลับ คุณลุงคงพอจะนึกภาพออกนะคะว่า เธอจะรู้สึกอย่างไร จ่ายเงินเป็นแสน แต่กลับมาไม่ได้ ต้องซื้อตั๋วใหม่ซึ่งแพงเป็นสองเท่า นี่คืออีกหนึ่งปัญหา ที่มีให้เห็นบ่อยๆ และอีกหลายรายที่โทรมาปรึกษา หนูก็ทำได้แค่รับฟังและแสดงความเห็นใจและแนะนำเท่าที่จะทำได้ค่ะ อ่ะ ..เขียนเรื่องขี้หมา ไหงกลายเป็นเรื่องลูกค้าถูกหลอกไปได้ละคะนี่ อิ สุขสันต์วันหยุดค่ะคณลุง