ช้างเร่ร่อน
หนุ่มลำปาว
พออ้อยหมดถุง ผมกับแฟนมองหน้ากัน ผมกลัวว่าถุงอ้อยที่บรรจุอ้อยไม่มากนักนั้น กลัวช้างไม่อิ่ม ผมจึงควักเงินซื้ออีกสามถุงเป็นเงินหกสิบบาท ผมให้แฟนผมป้อนมันอีกสองถุง ผมป้อนถุงหนึ่ง นัยน์ตามันจากที่อิดโรยในคราแรกที่เห็น มันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมานิดหนึ่ง ส่วนคนนำมันมา ต่างนับเงินที่ได้จากการพาช้างมาเดินเตร่มาทั้งวัน แบ่งเงินกันโดยไม่อายคนมอง ทุกคนต่างใบหน้าแช่มชื่นชื่นมื่น หรือมันจะจริงอย่างเขาว่า มันไม่ใช่ คนเลี้ยงช้าง แต่มันกลับกลายเป็นว่า ช้างเลี้ยงคน
อ้อยทั้งของผมกับแฟนป้อนช้างหมดลง เจ้าของช้างก็พามันเดินเตร่ต่อไป ผมกับแฟนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทว่าผมกลับสลดวูบลง เมื่อนึกถึงช้างเร่ร่อนที่มีเกลื่อนอยู่แทบทุกที่ในเมืองหลวง เวลาผมเดินมาจ่ายตลาดจะเห็นช้างเดินเตร่เร่ร่อนเกือบทุกวัน ผมอยากให้ช้างอยู่ในป่าตามธรรมชาติ อยู่ในที่ที่มันควรอยู่ไม่ควรนำมาเร่ร่อนเช่นนี้ ผมไพล่นึกถึงกฎหมายที่รัฐบาลออกมาว่า ห้ามนำช้างมาเร่ร่อนในเขตเมืองหลวง ทว่าก็เหมือนกับเป่าสาก ในตอนแรกอาจมีผล นานไปเริ่มหย่อน แล้วมันก็มีให้เห็นเรื่อยๆประจานกฎหมายไทย ที่ออกมาแล้วกลับไม่มีผลอันใด ช้างเร่ร่อนก็ยังมีให้เห็นเกลื่อนเมืองเช่นเคย
แล้วผมก็นึกถึงข่าวในสื่อทีวีที่มีไห้เห็นไม่ขาด ภาพผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ไม่ว่าจะช้างตกมันไล่กวดชาวบ้านจนชุลมุนยกใหญ่ ช้างโดนรถชนอาการสาหัสปางตาย (ตายก็มี) และช้างกระทืบควาญช้างจนเสียชีวิต หรือที่เห็นบ่อยๆเป็นประจำก็คือ ช้างตกท่อที่กว่าจะช่วยเหลือมันได้ก็ทุลักทุเลเหลือหลาย
หยุดคิดเรื่องช้าง ผมนั่งดูผู้คนที่กำลังเดินบนริมฟุตบาท มองดูรถราที่วิ่งขวักไขว่ ตลอดถึงร้านรวง สถานบันเทิงที่ประดับประดาแสงสียั่วล้อแมลงหนุ่มผู้กำหนัดยั่วยวนเชิญชวนไห้เข้าไป โดยมีน้องหนูนั่งไขว้ห้างรออยู่หน้าร้าน
คิดเงินครับ ผมตะโกนบอกเก็บเงิน
ผมจ่ายค่าจิ้มจุ่มค่าเครื่องดื่ม รับเงินทอนเสร็จ ผมกับแฟนเดินออกจากร้าน ฉับพลัน มีเสียงโหวกเหวกเสียงดังแว่วมาแต่ไกล ผู้คนที่ได้ยินต่างวิ่งไปดู ผมกับแฟนรีบรุดไปดูเหตุการณ์กับกลุ่มไทมุงกลุ่มใหญ่ที่มุงดูอยู่ก่อนแล้ว พอมาถึง ผมเห็นผมถึงกับตลึงพรึงพรืดคละเคล้ากับเศร้าใจ เมื่อช้างน้อยที่ผมกับแฟนให้อาหารมันก่อนหน้านั้น ตกท่อ ลงไปกองอยู่ในก้นท่อ ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา ท่ามกลางความอลหม่านและการจราจรที่ติดขัด
ตีพิมพ์ครั้งแรกจุดประกายวรรณกรรมฉบับวันที่ 19 ก.พ.2555