"ลูกดอกปักหัว"
i'm crazy
ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบทแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง ฐานะทางบ้านปานกลาง ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 คน (ตอนนั้นน้องคนเล็กยังไม่เกิด) มีพ่อ แม่ และแม่ของพ่อ ที่พวกเราเรียกกันว่า ย่า และลูก ๆ อีก ห้าคน
เย็นวันหนึ่ง ของปลายเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มหนาวเย็น ห้าพี่น้องชวนกันมาเล่นที่ลานหน้าบ้าน (คนที่ 6 ยังไม่เกิด ซึ่งเกริ่นนำไว้แล้วก่อนหน้านี้) และมีลูกพี่ลูกน้องด้วยอีกคน ชื่อ ไอ้โรจน์ ซึ่งมีฉายาว่า ไอ้โรจน์ตาไฟ
ลานดินหน้าบ้านที่ใช้เป็นสนามเด็กเล่นค่อนข้างกว้าง ห้าพี่น้องและ ไอ้โรจน์ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก ๆ และทุก ๆ วันมักจะมีเด็กข้างบ้านรวมทั้งเด็ก ๆ ภายในหมู่บ้านชอบมาเล่นด้วยอีกนับสิบกว่าคน ฝุ่นตลบอบอวนไปทั้งบริเวณ ทั้งเสียงเด็กตะโกน ทั้งเสียงหัวเราะ บ้างก็ร้องไห้ เพราะแกล้งกันบ้าง ตีกันต่อยกันบ้างตามประสาเด็ก ๆ สร้างความรำคาญให้บ้านข้างเคียงไม่น้อย แต่ เค้าคงจะชินกันแล้วแหละ (อันนี้คิดเอง เออเอง) ขระที่ทุกคนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานนั้น ก็มีเสียงหนึ่ง ร้องขึ้นเสียงอย่างเจ็บปวด
"โอ้ย"
ทุกคนหันไปมองต้นตอของเสียงพร้อม ๆ กับ เสียงอึกทึกเมื่อกี้หยุดลง ทุกอย่างเงียบ สงบ ฝุ่นเริ่มจาง ปรากฏร่างเจ้าของเสียงร้องยืนอยู่กลางวง
"อ้าวมึงเป็นอะไรวะไอ้ริน"
ทิพย์ พี่สาวคนโตถามพร้อมวิ่งมาดูน้องชาย ด้วยหน้าตาตื่นตนกผสมกับความงงงวย (งง-งวย) สภาพไอ้ริน ยืนทำหน้เบ้ เอามือกุมหัวที่มีไม้ยาว ๆ เกือบศอกติดโด่อยู่บนหัวและมีเลือดใหลซิบ ๆ นิด ๆ บนหัว
"ลูกดอกปักหัวกู" ไอ้รินตอบพลางทำหน้าเหยเก
ทีนี้ อีทอง ไอ้ชัย ไอ้เพชร ไอ้โรจน์รีบวิ่งเข้ามาสมทบพร้อมขอดูไม้ที่อยู่บนหัวของไอ้ริน ไอ้โรจน์รีบดึงลูกดอกออกจากหัวไอ้ริน แต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก
"โอ้ย ๆ กูเจ็บ" ไอ้รินร้องเสียงหลง พร้อมกับทำท่าจะร้องไห้
"อย่าร้องสิ ไอ้นี่ เดี๋ยวแม่ได้ยิน" ไอ้ชัยพี่คนที่สามรีบปรามน้อง
"ดึงออกเร็ว ๆ สิเดี๋ยวแม่เห็น" ไอ้เพชรพี่คนที่สี่รีบเสนอความเห็น
แต่ท่าทางจะดึงออกลำบาก เด็ก ๆ หลายคนเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เริ่มเข้ามามุงดูกันเป็นการใหญ่
"ไม่ได้การล่ะ ความแตกแน่ ๆ" ทิพย์ พี่สาวคนโตกระซิบบอก
ไปใต้ถุนกัน ไอ้โรจน์เสนอความเห็นพร้อม ๆ กับกับดึงแขนไอ้รินวิ่งไปใต้ถุนบ้าน ซึ่งมีการยกแคร่สูงเพื่อนั่งเล่น ทั้งหมด ยกเว้นไอ้ริน ช่วยกันดึงอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่สำเร็จ ดึงแต่ละครั้ง ไอ้รินก็แหกปากร้อง เจ็บ ๆ ทุกครั้ง เมื่อคิดว่าหมดปัญญาและหมดหนทางที่จะเอาไอ้ลูกดอกอันนี้ออกได้ จะปรึกษาแม่ก็ไม่ได้เพราะกลัวแม่ตี ทั้งหมดมองหน้ากันสักพัก เหมือนทุกคนจะรู้ รีบคลานออกมาจากใต้แคร่ แล้วพากันกึ่งเดินกึ่งวิ่งมุ่งหน้าไปยังคลีนิคซึ่งอยู่ถัดจากบ้านไปอีก 3-4 หลัง
เมื่อไปถึง หมอทำหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการตกใจใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อม ๆ กับส่ายหัว (นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พากันมาหาหมอ) หมอชื่อคุณหมอเดชาหน้าตาดี ใจดีมีเมียแล้วและมีลูกชายแล้ว 1 คน
หมอหันมามองพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเรียบ ๆ
"คราวนี้โดนอะไรมาอีกล่ะ" หมอถาม
"ลูกดอกปักหัวคับ ไอ้โรจน์ตอบ
เอาออกให้หน่อยสิหมอ มันเจ็บ ไอ้รินพูด เพราะมันคงทนเจ็บหลังจากที่พี่ ๆ พยายามช่วยกันดึงลูกดอกมานาน
"อื้อฮือ เกือบทะลุถึงสมองนะนี่ ทำไมเล่นกันพิเรนอย่างนี้ละ มันอันตรายรู้มั้ย"
หมอเดชาพูดพร้อมกับเอามีดกรีดบนหัวของไอ้รินแล้วดึงลูกดอกออกมา ทุกคนเงียบ เพราะต่างก็งงว่า ลุกดอกอันนี้ มันมาจากไหน มาได้ยังไง พลันก็มีเสียงไอ้รินคนเดิมตอบว่า
"พอดีผมเพิ่งทำเอาไว้ยิงหนูคับ ก็พอดี เอ่อ ผมง้างมันเอาไว้ แล้วผมก็วางมันเอาไว้บนตุ่มน้ำที่อยู่ข้าง ๆ กับลานหน้าบ้าน พอดี พวกนี้มันเรียกผมมาเล่น ผมก็เลยลืมเก็บ มันก็ง้างอยู่อย่างนั้น ผมก็ไม่รู้ว่ามันหล่นมาปักกะบาลผมได้ไง
ไอ้รินพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนหมาสงสัย (อาการแบบขมวดคิ้วพร้อมกับเอียงคอนิด ๆ) ทุกร้องถึงบางอ้อ
อ้อ มึงนี่เองที่ทำตัวเองเจ็บ ดีนะไม่โดนคนอื่น ถ้าไม่งั้นซวยแน่ ๆ เลยมึง
ทิพย์ เอ็ดน้อง
อยากเบิ๊ดกะโหลกมันซะที ไอ้นี่เล่นไรวะไม่รู้เรื่อง
ทองพี่คนที่สองด่าต่อ
อ้าวกูจะไปรู้เหรอว่ามันจะเป็นงี้
ไอ้รินเถียง หมอเห็นท่าว่าพี่น้องจะเถียงกันยาวเลยรีบขู่
จะไห้บอกน้าอุ้ยมั้ยนี่
(น้าอุ้ยคือชื่อแม่ของทโมนทั้ง ห้าตัวนี้เองค่ะ)
อย่าบอกแม่นะหมอ
ทุกคนพูดเกือบพร้อม ๆ กัน
ก็ได้
หมอตอบ
แต่ คราวหน้าไม่ต้องพากันมาหาหมออีกล่ะ เบื่อแล้ว เข้าใจมั้ย
เข้าใจคับ,เข้าใจค่ะ
ทุกคนรีบตอบโดยพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย
แล้วค่าเอาไอ้ลูกดอกออกจากหัวไอ้รินนี่มันเท่าไหร่น่ะหมอ
ทิพย์ ถามหมอ
ไม่เป็นไร แต่คราวหน้ามีอีกหมอเก็บตังค์แน่ ๆ
ทิพย์รูสึกโล่งใจ เพราะรู้ดีว่า ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครมีตังค์ติดตัวแน่ ๆ ทุกคนรีบยกมือไหว้ขอบคุณหมอ พร้อมกับรีบวิ่งแจ้นกลับบ้าน เพราะใกล้เวลาที่แม่จะเรียกกินข้าวเย็นแล้ว
ถ้าแม่ถามว่าหัวไอ้รินเป็นอะไรจะตอบแม่ว่าไงดีล่ะ
ทอง ถาม ทิพย์พี่คนโต
ทิพย์เงียบ ไม่ตอบ แต่กำลังคิดหาทางออกอยู่ในใจ สมองที่มีอยู่น้อยนิดกำลังถูกใช้งานอย่างหนัก เพราะถ้าแม่รู้ ในฐานะพี่คนโต จะโดนหนักกว่าน้องหลายเท่านัก (เรื่องนี้ทิพย์รู้ดีที่สุดเพราะโดนมาเยอะ) ทิพย์มองดูน้อง ๆ กับไอ้โรจน์ที่รีบวิ่งกลับบ้านพร้อม ๆ กระโดดเตะต่อยกันวุ่นวายพร้อมเสียงกรี๊ดกร๊าดวี๊ดว้ายตามเคย แต่ทิพย์เห็นแต่เพียงภาพน้อง ๆ เหมือนหนังไม่มีเสียง เพราะในหัวกำลังทำงานอย่างหนักในการคิดหาคำตอบเพื่อตอบแม่ ถ้าแม่ถาม ..........แต่........ทิพย์จะคิดหาคำตอบให้แม่ได้มั้ยน้า..........
(ก็มันเจือกมีผ้าก๊อตปิดแผลเอาไว้ แล้วหมอก็ห้ามแกะออกซะด้วยซี เพราะกลัวแผลไม่สะอาด..ก็เลยเชื่อหมอ...ไม่กล้าแกะออก แม่ต้องเห็นอยู่แล้ว ถ้าโชคดีแม่ไม่ทันสังเกตเห็นก็ดีไป....เฮ้อ....จะรอดมั้ยเนี่ย)
จบตอน
(โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ)
(อ้อ ไอ้ที่ดึงลูกดอกออกไม่ได้ก็เพราะไอ้รินมันพิเรน ทำปลายลูกดอกเหมือนกับสมอเรือน่ะค่ะ เวลาแง่งมันจมอยู่ในเนื้อเมื่อดึงออกมามันเลยติดแง่ง ก็เลยดึงไม่ออก ป.ล.ขอโทษด้วยนะคะไม่รู้เขาเรียกแง่งกันหรือเปล่า เอาเป็นว่าท่านผู้อ่านคงจะเข้าใจลักษณะที่เล่ามานะคะ)