Daily Quote: October 24, 2011 "Genius is one percent inspiration and ninety-nine percents perspiration" (Thomas A Edison) โทมัส อัลวา เอดิสัน กล่าวว่า อัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ และอีก 99 เปอร์เซ็นต์คือความอุตสาหะ Source: http://www.brainyquote.com Human being should believe none of it until he tested it himself. No one can help, if you do not try it yourself. Even the Buddha, he is only the great guide. I believe even the God is not trying to help a bummer to have a better life, if he does not try any thing himself before. Just believe in external superpower or the sacred power would not help anyone to be success without any personal extremely effort. Parents would be tired if their children ask for help all the time without try to help themselves. A super busy teacher would be more tired if her lazy students didnt do any homework but just ask for help all the time in the class. In the present I see many lazy teenagers who didnt work themselves, but ask extra money from the parents. If they may get some money from just temporary job, but spend them for entertainments with boyfriend/girlfriend. When they need money for important thing, always ask for help! How do you think about the teenagers future? บุคคลควรไม่ควรจะเชื่อสิ่งใดง่าย ๆ จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตนเอง ไม่มีใครสามารถช่วยใครได้ ถ้าตัวเขาไม่พยายามด้วยตนเอง ถ้าปราศจากความพากเพียรพยายามอย่างแท้จริงด้วยตนเอง แม้แต่พระพุทธเจ้า ศาสนาเอกของโลก ก็เป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น ผู้ต้องการเข้าถึงธรรม ต้องพยายามด้วยตนเอง แม้แต่ผู้เชื่อในพระเจ้า ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าเขาเกียจคร้านและไม่พยายามด้วยตนเอง เพียงความเชื่อไม่ได้ทำให้บุคคลประสบความสำเร็จใด ๆ ได้เลย ในปัจจุบัน ผู้เขียนเห็นว่า เยาวชนรุ่นใหม่ ไม่ยอมหางานหรือทำงานด้วยตนเอง แต่พยายามขอเงินจากพ่อแม่เสมอ แม้พวกเขาจะหาเงินได้บ้าง จากรับจ้างทำงานชั่วคราว แต่ก็ใช้เงินนั้นอย่างไม่รู้คุณค่า ใช้เล่น เที่ยว และสนุกสนานกับแฟนหนุ่มสาวของตน พอเวลาจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ กลับแบมือขอพ่อแม่ ที่นับวันแต่จะแก่เฒ่าชราภาพไปทุกวัน ยังจะต้องมาทำงานตรากตรำ เพื่อหาเงินมาส่งลูก หวังจะให้เรียนจบปริญญา แต่ลูกกลับสนุกเริงร่าอยู่ในสังคมเมือง ซึ่งพ่อแม่ไม่เคยได้สนุกอย่างนั้นเลยในชีวิต เพราะเห็นว่าเป็นเพียงสุขชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้จีรังยั่งยืนอะไร ถ้าวันหนึ่งแฟนหนุ่ม/สาว ที่พวกเขาหลงรัก ตีจากไป สุดท้ายก็ต้องฟูมฟาย เสียใจ กลับไปซบตักพ่อแม่อย่างเดิม ท่านทั้งหลาย คิดดูเถิดว่า อนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร? อนาคตของประเทศชาติ ที่หวังพึ่งเยาวชนรุ่นใหม่ จะเป็นเช่นไร? เพียงความเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่คิดขวนขวายด้วยตนก่อน ทั้งไม่ได้พยายามตามขั้นตอน มีแต่วอนร้องขอรอสิ่งใด ไม่มีหรอกสิ่งใดจะได้เปล่า พระไหนเล่าจักช่วยอำนวยให้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงเพิ่มกำลังใจ คนรุ่นใหม่ควรคิดพินิจดู เรียนก็เรียนพอผ่านงานไม่สน พ่อแม่ทนตรากตรำทำงานสู้ เก็บออมเงินทุกสตางค์ส่งเรียนรู้ แต่ลูกผู้เล่าเรียนเพียรเล่นเกมส์ สุขสวัสดีพี่น้องไทย บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔
1 พฤศจิกายน 2554 22:20 น. - comment id 127166
พี่ตัวเล็กบอกเองนี่นา หัวเข่า มีไว้ทำไรคะ?? แหะ ไว้เช็ดน้ำตา ไงค๊า น้ำตาเช็ดหัวเข่า กลับมาซบอกพ่อแม่ .... ล้อเล่นน่ะค่ะ แต่ก็เห็นจริงดั่งพี่ตัวเล็กบอก เพราะวัยรุ่นไทยสมัยนี้มีน้อยมากๆที่ ที่จะเรียนจบ ทำงานเป็นหลักเป็นฐาน ส่วนมากที่เห็นก็มีที่ พอเรียนจบ แต่งงานมีครอบครัว แต่ปรากฏว่า อยู่ในความปกครองดูแลของพ่อแม่อีกเช่นเดิม อย่างงี้แล้วจะดูแลครอบครัวได้อย่างไรเนอะ ในเมื่อชีวิตตัวเองยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ แล้วจะหาภาระมาทำไมกันเนี่ยะ ( เพราะคิดแบบนี้กระมัง หนูเลยโดดเดี่ยวเดียวดายไร้ชายเหลียวมอง 55555555) คุยเล่นๆขำๆเนอะ...