------- (บางแสน // เขาสามุก) ------- ผมเกิดที่กรุงเทพฯ โตที่กรุงเทพฯ แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิตเคยอยู่ที่บางแสน ตอนผมเรียนที่มหาวิทยาลัยบูรพา เคยคิดตอนเป็นเด็กว่าสักวันหนึ่งจะหนีจากพ่อไปให้ไกลๆ อยากไปเที่ยว และจะเที่ยวให้สาแก่ความรู้สึกที่เคยอัดอั้น ผมเป็นอิสระแล้ว ... มันโกหกทั้งเพ ชายคนหนึ่งรอคอยผมอยู่ที่บ้าน ผมเรียนเพื่ออะไร เพื่ออนาคตที่ทอดทิ้งปัจจุบันหรือ "พ่อ .. อย่าโทรมานักได้มั้ย น่ารำคาญน่ะ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง" ผมพูดอย่างนั้นกับพ่อ ให้ตายสิ ... ห้องสี่เหลี่ยมที่เขาอยู่ เวลาที่เขาใช้รอคอยผม ผมมักพูดว่าเดี๋ยวเรียนจบจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแล้ว ทว่ามันไม่จริง พ่อชราเกินกว่าจะรอไหว แต่เขาก็ยังรอ ... คนอื่นบนโลก มองยังไม่มองหน้าของผมเลย แต่เขาเอาเวลาที่เหลือน้อยมารอ ... อยากชกหน้าตัวเองเป็นล้านครั้ง อยากขอโทษ ... ไม่ ... ไม่หรอกไม่อยาก ... อยากได้พ่อกลับมามากกว่า ต่อให้อายุของผมสั้นลงผมก็ยอม แต่มันคงไม่ได้ ... ใช่มั้ย ... ผมน่าจะกอดเขาให้นานกว่านี้สินะ ผมกลับมาที่บ้านหลังเรียนจบ ใช้เวลาอยู่กับเขาในช่วงโค้งสุดท้ายของชีวิต ค่ำหนึ่งมีโทรศัพท์เข้ามา เป็นพ่อเอง เสียงของเขาสั่นเครือฟังไม่ได้ศัพท์ ผมไม่ได้วางหู และก็ไม่พูดอะไรต่อ นอกจากฟังเสียงลมหายใจของชายชราคนหนึ่งที่น้ำกำลังท่วมปอด ... คืนนั้นผมอยู่กับเขาเป็นคืนสุดท้าย ------- (การให้ที่ยิ่งใหญ่) ------- "ลูกอยากได้ทีวีมั้ย" "ก็ดีนะครับ พ่ออาจจะเหงา" "พ่ออยากนั้งดูเป็นเพื่อนลูกมากกว่า" "เอาไว้พ่อมีตังค์จะซื้อให้นะลูก เอาจอใหญ่ๆ เลยนะ" มันเป็นคำพูดของคนชราคนหนึ่ง เขาให้ผมซะจนชินใจ ทั้งเวลา เงิน และลมหายใจ ไม่น่าแปลกที่ผมคิดถึงเขาตลอดเวลา ไม่เคยลืมภาพรอยยิ้มของชายไร้ฟันคนนั้น ... เราทั้งคู่ไม่ร่ำรวยอะไร เราทั้งคู่อาจไม่ใช่คนดีมากนัก แต่เราก็ดีใจที่ได้เรียก "พ่อครับ" --- !! "ไอ้ลูกชาย" --- !! ผมเหมือนเขาจริงๆ ทั้งที่คิดมาตลอดว่าเราต่างกัน ...
27 ตุลาคม 2554 21:30 น. - comment id 127133
อ่านแล้วทำให้คิดย้อนไปเมื่อประมาณเกือบสิบปี... เป็นคนที่ไม่รักพ่อ แต่รักแม่มากทำให้เกิดการสลับขั้ว "รักแม่เกลียดพ่อ" วิถีชีวิตวัยเด็กทำให้มีปัจจัยหลายอย่าง ทำให้สะเทือนจิตใจไม่น้อย จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ยังเป็นแผลอยู่ในใจ... "เรา" (หมายถึงลูกของพ่อทุกคน) ไม่มีใครประทับใจในหน้าที่ของพ่อเท่าใด แต่เมื่อปลายปี 45 ช่วงนั้นแม่ป่วยหนัก ก่อนที่แม่จะทรุดหนัก ก่อนที่แม่จะจำใครไม่ได้ แม่ได้สั่งไว้ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่า "อย่าทิ้งพ่อดูแลพ่อให้ดี" แม่จะย้ำเสมอทุกครั้งที่นึกได้ แต่ตอนนั้นก็รับปากไปอย่างนั้นเองเพื่อให้แม่สบายใจ แต่ในใจต้านอยู่เงียบๆ พอแม่เสีย พ่อกลายเป็นคนแก่ที่ไม่มีใครเหลียวแล เพราะทุกคนมีครอบครัวที่ต้องดูแล ทุกครั้งที่กลับไปหาพ่อมะกรูดจะชอบไปนั่งมองพ่ออยู่เงียบๆ โดยที่ท่านไม่รู้ตัวในใจก็คิดถึงคำของแม่ที่สั่งไว้ สายใย สายเลือดตัดไม่ขาด ไม่ว่าพ่อจะเป็นยังไงก็ไม่สามารถตัดสายใยนั้นได้ "พ่อ-แม่เป็นพระอรหันต์ของลูก" นั้นแท้จริง มีคนแนะนำให้ขอขมาพ่อ...เมื่อสามปีที่แล้ว มะกรูดก็ทำ จากนั้นก็มีแต่สิ่งดีดีเข้าในชีวิต ชีวิตก็มีความสุขกว่าที่เคย... เพียงอยากแชร์ พ่อ...ยังไงก็คือพ่อ ตอนนี้ก็พยายามทำให้พ่อมีความสุขในบั้นปลายชีวิตของพ่อ เราไม่อยากเสียใจทีหลัง อยากทำให้ดีที่สุด