น้ำตาหน้าจอ
สุนทรียกาญจน์
------- (ราตรีนับหมื่นพัน // ฉันกับเธอ) -------
ท้องฟ้าคืนนี้สวยจัง ดวงดาวเหล่านั้นช่างแสนหวาน ในวันที่ฟ้าเปิดอย่างนี้ ฉันอดนึกไม่ได้ว่ากลุ่มดาวมากมายเหนือคณานับเหล่านั้น แท้จริงแล้วไม่ได้ต่างอะไรไปจากเม็ดทรายผู้แสนอ่อนโยนที่ริมฝังทะเล
มันก็เป็นแค่ก้อนดิน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สูงหรือต่ำ จะในน้ำหรือบนฟ้าก็คงไม่ต่างกัน ฉันคิดเสมอว่าเธอคงเป็นดินก้อนใหญ่ที่ลอยอยู่บนฟ้า ส่วนฉันก็เป็นดินก้อนเล็กที่อยู่ในน้ำบ้างบางครั้งตามจังหวะคลื่น
เราต่างกันเพราะฉันส่องแสงไม่ได้ ส่วนเธอทอประกายระยับทุกค่ำคืน ดังนั้นฉันจึงพยายามที่จะเร่งดวงตะวันเฒ่าให้เข้านอนเร็วๆ เพียงเพราะอยากให้ยามราตรีนั้นมาถึงไวๆ พยามยามเหลือเกินแม้จะรู้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้
บางทีนี่อาจจะเป็นระยะห่างที่ใกล้ที่สุดสำหรับเราแล้วก็ได้ อยากกอดเธอนะ แต่แขนของฉันคงไม่ยาวพอ
------- (รอยเท้าของเธอ // ใจของฉันที่แปรปรวน) -------
ที่นี่ร้านเช่าหนังสือ ฉันมองเธอจากตรงนี้ ทุกวันเธอจะเดินตรงมาจากฝั่งตรงข้ามของถนน เธอถามฉันถึงเรื่องเดิมๆ 'ไม่ทราบว่านิยายเรื่องเจอกันที่ดวงตะวันเล่มใหม่ออกรึยังครับ'
ฉันก็ได้แต่ส่ายหน้า ถ้าอะไรที่ฉันทำไปแล้วคนเขียนจะออกนิยายเล่มใหม่มาให้เธอ ฉันสาบานว่าทำแน่ ! แต่มันก็คงทำไม่ได้อยู่ดี อันที่จริงฉันหมายถึง 'ฉันไม่อยากเห็นเธอเสียใจน่ะ' เราคุยกันด้วยประโยคสนทนาอันแสนจำเจ
จนวันหนึ่ง ...
'นี่นิยายของเธอ ฉันเก็บเอาไว้ให้ เพิ่งออกสดๆ ร้อนๆ เลยนะ' เขาตื่นเต้นราวกับว่าฉันเพิ่งจะรับรักเขาแน่ะ (ความจริงฉันนี่เข้าข้างตัวเองเนอะ) หลังจากนั้นเราก็คุยกันทุกวัน โทรคุยกันตลอด เฟซบุ๊คหากัน ... ทานข้าวกัน และในที่สุดเธอก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนพิเศษด้วยการขอฉันเป็นแฟน วินาทีนั้นเองที่เม็ดทรายกับดวงดาวได้อยู่ด้วยกันเป็นครั้งแรกของจักรวาล ฉันกับเธอระยะห่างไม่สำคัญอีกต่อไป
ตอนนี้เธอนอนข้างๆ ฉัน บนหาดทราย ท้องฟ้าที่ถูกประดับไปด้วยแสงของดวงดาวโอบล้อมเราทั้งคู่เอาไว้ คล้ายช่วงเวลานี้โดนร่ายมนต์ มันสุดแสนจะตราตรึงเกินสรรหาถ้อยคำใดมาบรรยาย
"ฉันรักเธอนะ" ฉันพูดมันออกไปดั่งโดนสะกด เขาหันมามองหน้าฉันพลางส่งยิ้มน้อยๆ ไม่ทันใดก็รั้งฉันเอาไว้ด้วยอ้อมกอดของเขา น่าแปลก เขาแทบไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ ตรงนี้แม้แต่เสียงหัวใจเต้นก็ยังดังสนั่น
"ผมก็รักคุณ รักมาตั้งแต่คิดว่าจะพูดอะไรกับคุณดี อ๋อ ช่าย ผมไม่ได้อยากได้นิยายเล่มนั้นเลย" เขาพูดออกมาอย่างเขินๆ ฉันหน้าแดงไปหมดแล้ว
- (สิ่งที่แยกเราออกจากกัน // หยดน้ำตาไม่อาจรั้งใครสักคนเอาไว้) -
เขาอยู่ตรงหน้าในจอสี่เหลี่ยม ขณะเราคุยกับผ่านวิดีโอคอลล์ ฉันเฝ้ารอคำตอบจากเขา จากคำถามง่ายๆ 'เธอหลอกฉันทำไม' เวลาผ่านไปยาวนานดุจเป็นปี 'ฉันผิดตรงไหน' เธอ ... คนที่ฉันรู้จักเขาเป็นใครกันแน่ น้ำตาของฉันไหลออกมา มันเหมือนกับกำลังจะฆ่าฉัน ทั้งทรมานเหน็บหนาว และอึดอัด
ฉันจะทนมันได้อย่างไร ในเมื่อคนที่คิดว่าจะช่วยฉันแบกรับมันเอาไว้ กลับเป็นคนที่โยนมันลงบนบ่าของฉัน เมื่อคนที่คิดว่าเขาคือความหวัง ทำให้ฉันฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นคนที่น่าสมเพชขนาดไหน 'เธอมีใครคนนั้นมานานแค่ไหนแล้ว'
"คือ ฉันขอโทษ ฉันคิดว่าเรา เออ แค่คบๆ กัน" เธอตอบมันออกมาจนได้สินะ
ฉันยิ้มทั้งน้ำตา น้ำตาสีแดงที่ไหลออกมาจากเบ้าตา ไม่รู้จะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดี ฉันหยิบเข็มขัดที่เขาซื้อให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดขึ้นมา พลางส่งยิ้มให้กับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ฉันคงเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ 'ครั้งนี้ก็คงจะเล่นๆ อีกตามเคย'
ฉันผูกเข็มขัดเข้ากับลูกบิดของบานประตู และนั่งลงในท่าคุกเข่า เขาร้องออกมาดังสุดเสียงวอลลุ่ม ลำโพงของฉันแทบจะแตก น้ำตาของเขาเริ่มไหลออกมาบ้าง แต่มันช้าไป ฉันปล่อยรอยยิ้มสุดท้ายสลายไปกับลมหายใจจางๆ 'ลาก่อนดวงดาว คงได้เวลาที่ฉันต้องกลับทะเลแล้วล่ะ ฉันเหนื่อยเหลือเกิน'
ฉันยังไม่ไปไหน ยืนดูร่างของตัวเองที่ค้างเต่ออยู่ที่บานประตู ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พังประตูห้องของฉันเข้ามา 'ผมขอโทษ' เขาลากเสียงยาว รั้งร่างอุ่นของฉันเข้าในอ้อมกอดเหมือนอย่างเคย แต่ครั้งนี้มันต่างไปจากทุกทีตรงที่คั้งนี้ฉันคงไม่ได้ตื่นขึ้นมายิ้มให้เขาแล้ว ใช่ต่อแต่นี้เขาคงจะรู้ว่าเรื่องความซื่อสัตย์สำคัญสำหรับเรา 'ผู้หญิง' ขนาดไหน
บทเรียนสำคัญที่แลกมาด้วยชีวิต ...