ทางออกวีแก้น เพื่อช่วยโลกเรา

คีตากะ

book.jpg












     ในขณะนี้ มันเร่งด่วน เราจะต้องหยุดภาวะโลกร้อนเพื่อที่จะมีชีวิตรอดให้ได้ก่อน ดังนั้น การทานวีแก้นจึงเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาเดียวที่จะส่งผลทันทีสำหรับทุกปัญหาบนโลกเรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม การอยู่รอด สุขภาพ เศรษฐกิจ ฯลฯ

ฉันเชื่อแน่ว่าโลกของเรากำลังอยู่บนรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้อยู่อาศัยทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสัตว์ ต้นไม้ และพืช

ถ้าเราใช้โอกาสนี้ทำงานร่วมกันในการเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีของเรา เช่น การกินเนื้อสัตว์ การเสพยาเสพติด การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ แล้วเหมือนที่หลายประเทศได้เลิกการสูบบุหรี่ ร่วมกัน เราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันและยิ่งใหญ่เกิดขึ้นบนโลกเรา



1. ภาวะฉุกเฉินของโลก

เวลานั้นเร่งด่วนเวลานั้นสายแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่จะตัดสินใจ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคุณจะเลือกอย่างฉลาดในการจัดการกับประเด็นโลกร้อน
นักวิทยาศาสตร์ได้บอกไว้ค่อนข้างชัดเจน”
----บัน คี มูนเรามีวิกฤติอากาศที่เปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นเรื่องฉุกเฉินระดับโลก”
----อัล กอร์



นักวิทยาศาสตร์ของโลกเกรงว่า ถ้าเราผ่านจุดที่ไม่อาจหวนคืน ขั้นต่อไปของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจะไม่เพียงแค่รวดเร็ว แต่อาจไม่สามารถหวนกลับคืนได้และจะเกิดภัยพิบัติที่รุนแรง ได้มีสัญญาณที่แสดงว่าช่วงเวลาอันตรายนี้กำลังใกล้เข้ามาแล้ว จากการที่ทะเลสาบต่างๆ และในบริเวณอื่นๆ มีก๊าซมีเทนผุดขึ้นมา แทนที่จะถูกเก็บกักไว้อย่างปลอดภัยใต้แผ่นน้ำแข็งโลก
ไม่มีใครทราบถึงวันที่มีเทนจำนวนมหาศาลในปริมาณที่ไม่อาจควบคุมได้จะถูกปล่อยออกมา ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างฉับพลัน และเป็นตัวเร่งปรากฏการณ์โลกร้อนที่ไม่อาจหวนคืน สิ่งนั้นจะเป็นหายนะแก่เรา
ผลกระทบทำลายล้างอื่นๆ ของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้ว น้ำแข็งอาร์คติกซึ่งเป็นตัวสะท้อนความร้อนจะหายไปในฤดูร้อนอันใกล้นี้ ระดับน้ำทะเลที่ขึ้นสูงและเกาะที่จมลงหรือถูกคุกคามนับสิบๆ แห่ง บริเวณมรณะในมหาสมุทร เกิดขึ้นจากความเป็นกรดที่เกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ได้เนื่องจากมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไป ไฟป่ารุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง สัตว์ป่ากำลังสูญพันธุ์อย่างรวดเร็วเกินอัตราการสูญพันธุ์ตามธรรมชาติถึง 100 เท่า พายุทำลายล้างที่รุนแรงเกิดบ่อยครั้งขึ้น การระบาดของยุงที่เป็นพาหะนำโรคจากการขยายตัวของพื้นที่เขตร้อน แผ่นน้ำแข็งของโลกหายไป ทะเลสาบและแม่น้ำกำลังเหือดแห้งหรือหายไปนับหมื่นๆ แห่ง และการแผ่ขยายของพื้นที่ทะเลทราย
จากผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ประชากรสองพันล้านคนกำลังเผชิญกับการขาดแคลนน้ำ และ 20 ล้านคนอยู่ในภาวะสิ้นหวังเหมือนดั่งผู้ลี้ภัยแต่ไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ จากรัฐ
     เหล่านี้เป็นผลลัพธ์ซึ่งเกือบทั้งหมดมาจากการกระทำที่รุนแรงของมนุษย์ การกระทำหมายเลขหนึ่งก็คือการกินเนื้อสัตว์
[นอกจากนี้] อุตสาหกรรมปศุสัตว์เป็นสาเหตุหลักของการกัดกร่อนของดินในโลก มันคือตัวขับเคลื่อนหลักของการเกิดพื้นที่ทะเลทราย การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการสูญเสียน้ำและมลภาวะทางน้ำ ทั้งๆ ที่น้ำกำลังหายากขึ้นทุกวันเนื่องจากภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ภาคปศุสัตว์ยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและธัญพืชไปอย่างไร้ประสิทธภาพ กล่าวโดยย่อก็คือ เราทิ้งขว้างธัญพืชไปมากกว่า 12 เท่า น้ำอย่างน้อย 10 เท่า และพลังงานเชื้อเพลิงแปดเท่าในการผลิตเนื้อวัว เมื่อเทียบกับการผลิตอาหารวีแก้นในสัดส่วนของสารอาหารที่เท่าเทียมกันหรือมากกว่า


การปศุสัตว์: สาเหตุหลักของวิกฤติโลก

หนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงหายนะสภาพอากาศ “ที่ไม่อาจหวนคืน” ก็คือ การลงมือดำเนินการโดยมุ่งไปที่สาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดภัยพิบัติซึ่งก็คือการผลิตเนื้อสัตว์ ในตอนนี้เรามีหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดที่ทำให้กล่าวได้อย่างมั่นใจว่า อุตสาหกรรมปศุสัตว์คือตัวการผลิตก๊าซเรือนกระจกอันดับหนึ่ง
การค้นพบล่าสุดที่ได้รับการตีพิมพ์จากองค์การสหประชาชาติในปี 2006 บอกเราว่า อุตสาหกรรมปศุสัตว์เป็นสาเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าภาคการขนส่งทั้งหมดในโลก – เครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ ฯลฯ รวมกัน “การคำนวณใหม่บอกเราว่า อุตสาหกรรมปศุสัตว์เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนอย่างน้อย 50%”


“การวิเคราะห์ของเราแสดงให้เห็นว่า ปศุสัตว์และผลิตผลพลอยได้ของมัน แท้จริงแล้วเป็นสาเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 32,564 ล้านตันต่อปี ในหน่วยของคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ 51 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกในแต่ละปี”

---สถาบันเวิร์ลวอร์ช


มีเทนนั้นทรงพลังกว่า CO2 

      การปศุสัตว์เป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซมีเทนที่เกิดจากมนุษย์ และมีเทนไม่เพียงสามารถเก็บกักความร้อนได้ 72 เท่า มันยังเป็นก๊าซที่มีอายุสั้น ซึ่งหมายความว่า มันจะหายไปจากบรรยากาศได้เร็วกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ภายในหนึ่งทศวรรษ ซึ่งตรงข้ามกับเป็นพันๆ ปีของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้นการขจัดมีเทนโดยการกำจัดการเพาะพันธุ์ปศุสัตว์ คือหนทางที่เร็วที่สุดที่จะทำให้โลกนี้เย็นลง
ใช่แล้ว เราต้องจัดการตัวปล่อยก๊าซที่สำคัญที่สุดนี้
ฉันอธิษฐานให้ผู้นำผู้มีปัญญาทุกคนหยุดยั้งการผลิตเนื้อสัตว์ที่เป็นภัยถึงชีวิต ซึ่งเป็นตัวผลักดันหลักให้เรา ไปถึงจุดที่ไม่อาจหวนคืนในขณะนี้ มิฉะนั้นแล้วความพยายามทั้งหลายอื่นๆ ในการลดคาร์บอนในระบบของเราอาจล้มเหลวไป หรือไม่มีโอกาสที่จะบรรลุผลได้


เราจะทำลายโลกใบนี้หากเรายังไม่หยุดกินเนื้อสัตว์ ผลิตเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์อื่นๆ


2. ทางเลือกอาหารของเราคือ
ประเด็นชีวิตและความตาย

เรากำลังกลืนกินโลกของเรา

ถ้าเรากินเนื้อสัตว์ไม่ถูกสั่งห้ามหรือไม่ถูกจำกัดและล่ะก็ โลกทั้งใบอาจหายไป นี่เป็นเรื่องความเป็นความตายของทุกคน มันมิใช่ทางเลือกส่วนบุคคล และเมื่อเรากินเนื้อสัตว์ เราก็กำลังกลืนกินโลกทั้งหมด กลืนกิน 90% ของเสบียงอาหารทั้งหมด และปล่อยให้คนอื่นๆ อยู่อย่างหิวโหย มันไม่ใช่เป็นทางเลือกที่จำเป็นเลย
แม้แต่ก่อนจะมีภาวะฉุกเฉินนี้ คนที่กินเนื้อสัตว์ก็ได้กลืนกินทั้งโลก กินอาหารมากมายซึ่งเป็นผลให้เกิดความหิวโหยและสงคราม และมันไม่ใช่เป็นทางเลือกที่ถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม
เว้นแต่เราจะเปลี่ยนทางเลือกอาหารของเรา ไม่มีสิ่งใดอื่นที่สำคัญเพราะมันคือเนื้อสัตว์ที่ทำลายป่าไม้มากที่สุด มันคือเนื้อสัตว์ที่ก่อมลภาวะทางน้ำ มันคือเนื้อสัตว์ที่ก่อให้เกิดเชื้อโรค ซึ่งผันเงินของเราทั้งหมดไปสู่โรงพยาบาล ดังนั้นมันคือทางเลือกอันดับหนึ่งสำหรับทุกคนที่ต้องการจะรักษาโลกใบนี้ไว้”
----มาเนกะ คานธี



สถานการณ์ทั้งหมดนี้ [ภาวะโลกร้อน] กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ และจะไม่ยุติจนกว่าเราจะเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของเรา ที่จริงแล้ว หนทางแก้ไขนั้นง่ายมาก เพียงแค่หยุดกินเนื้อสัตว์ นั่นก็คือหนทางแก้ไขที่ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในขณะนี้ เนื่องด้วยภาวะอันตรายอันน่าสะพรึงกลัวของโลกเราและเวลาที่เรามีอย่างจำกัด
การเลิกผลิตเนื้อสัตว์จะช่วยให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงและเป็นหนทางที่เร็วที่สุดที่เป็นไปได้ และหยุดยั้งความเสียหายอันเลวร้ายต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไปจนถึงการใช้ที่ดินและน้ำในทางที่ผิด การสูญเสียสัตว์ป่าและภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์
นอกจากหยุด [ภาวะโลกร้อน] ได้ถึง 50% แล้ว – ฉันหมายถึงมากกว่านั้น นี่เป็นแค่การประมาณการเชิงอนุรักษ์ – ยังมีคุณประโยชน์ที่สำคัญอีกมากมาย มันช่วยแก้ปัญหาน้ำขาดแคลนของเรา วิกฤติความอดอยากของโลกเรา และปัญหามลภาวะและดินเสื่อม
ถ้าคุณเปรียบเทียบ [การกินเนื้อสัตว์] กับการกินอาหารวีแก้น การกินเนื้อสัตว์ใช้ผืนดินมากกว่า 17 เท่า ใช้น้ำมากกว่า 14 เท่า และใช้พลังงานมากกว่า 10 เท่า เราผลิตธัญพืชได้เพียงพอที่จะเลี้ยงประชากรมนุษย์ทั้งหมดอย่างเหลือเฟือ แต่กระนั้นประชากรหนึ่งพันล้านคนกำลังหิวโหย และเด็กเล็กๆ 6 ล้านคนเสียชีวิตในแต่ละปี – นั่นคือเด็กหนึ่งคนเสียชีวิตทุก ๆ ห้าวินาที ขณะที่เรามีอาหารมากมายที่จะเลี้ยงประชากรในโลกได้ทั้งหมด และมากกว่านั้น มากกว่าสองเท่าด้วยซ้ำ ในทางตรงข้าม ประมาณหนึ่งพันล้านคนทุกข์ทรมานจากโรคอ้วนและโรคภัยที่เกี่ยวข้องกับการกินมากเกินไปหรือการกินเนื้อสัตว์มากเกินไป
ดังนั้น จึงมีเหตุผลในทางปฏบัติมากมายที่จะเป็นวีแก้น นอกเหนือจากธรรมชาติแห่งความเมตตาที่ถูกบ่มเพราะจากการอนุรักษ์ทุกชีวิต นี่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน แต่ถ้าผู้คนแค่เริ่มต้นด้วยอาหารวีแก้น การเอาใจใส่ใจต่อทุกชีวิตก็จะมาเอง


ยูเอ็นกระตุ้นให้หันมาทานอาหารปลอดเนื้อสัตว์และปลอดผลิตภัณฑ์นม:ผลกระทบจากการกสิกรรมคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการเติบโตของประชากร ซึ่งเพิ่มการบริโภคผลิตภัณฑ์สัตว์ การลดผลกระทบนี้อย่างมีนัยสำคัญจะเป็นไปได้ ด้วยการเปลี่ยนไปสู่การทานอาหารที่ไม่มีผลิตภัณฑ์สัตว์เท่านั้นการทานอาหารจากพืชเป็นทางออกที่รวดเร็วที่สุดการดำเนินการแทนที่การผลิตปศุสัตว์ ไม่เพียงแต่สามารถบรรลุผลการลดก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังสามารถพลิกสถานการณ์วิกฤติอาหารและน้ำของโลกที่กำลังเกิดขึ้นได้อีกด้วย”

----สถาบันเวิร์ลวอร์ช


การเป็นวีแก้นจะส่งผลให้เกิดการขจัดมีเทนออกจากบรรยากาศทันที ซึ่งมีเทนเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่เก็บกักความร้อนมากที่สุดถึง 72 เท่าของการเก็บกักความร้อนของคาร์บอนไดออกไซด์ แน่นอนว่าการเป็นวีแก้นนั้นจะทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นทะเลทรายช้าลง และรักษาทรัพยากรธรรมชาติของคุณ เช่น ทะเลสาบและแม่น้ำ และปกป้องป่าไม้ของคุณ
คุณสามารถใช้มาตรการสีเขียวอื่นๆ เช่น การปลูกต้นไม้ หรือหันไปใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การทานมังสวิรัติคือหนทางที่เร็วที่สุดและยังลดกรรมเลวจากการฆ่าได้อีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นทางออกที่สำคัญที่สุด
เราอนุรักษ์น้ำสะอาดได้ 70% รักษาป่าฝนอเมซอนจากการถางป่าเพื่อเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ได้มากถึง 70% มันทำให้มีพื้นที่สำหรับใช้ประโยชน์มากขึ้น 3.5 ล้านเฮกตาร์ต่อปี มันทำให้มีเมล็ดธัญพืชเหลือไว้ใช้ประโยชน์มากขึ้นถึง 760 ล้านตันต่อปี ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผลิตผลธัญพืชทั่วโลก คุณจินตนาการออกไหม? ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่าที่ใช้ในการผลิตเนื้อสัตว์ 2/3 เท่า ลดมลพิษจากของเสียจากสัตว์ที่ไม่ได้รับการบำบัด รักษาอากาศให้สะอาด ลดการปล่อยก๊าซถึง 4.5 ตันต่อหนึ่งครัวเรือนในสหรัฐอเมริกาต่อปี และมันหยุดภาวะโลกร้อนได้ 80%
ถ้าจะกล่าวถึงการประหยัดด้านการเงิน นักวิทยาศาสตร์ที่เนเธอร์แลนด์พบว่า ต้องใช้งลประมาณ 40 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในการยับยั้งสภาวะโลกร้อน ซึ่ง 80% เต็มของเงินจำนวนนี้จะประหยัดได้ด้วยการทานอาหารวีแก้น! นั่นคือการประหยัดเงินได้ถึง 32 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ สำหรับก้าวง่ายๆ ของการหันจากเนื้อสัตว์ไปรับประทานผลิตผลจากพืช
โลกมีกลไกที่จะซ่อมแซมตัวเอง แค่ว่าเราใช้งานดาวเคราะห์ดวงนี้หนักเกินไป เราสร้างมลพิษมากเกินไปและเราสร้างกรรมจากการฆ่ามากเกินไป โลกจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ซ่อมแซมตัวเองเพราะกรรมเลวของผู้อยู่อาศัย ทันทีที่เราลบล้างผลกรรมเลวจากการฆ่านี้ โลกก็จะกลับหลังหันและจะได้รับอนุญาตให้ซ่อมแซม ฟื้นฟูและค้ำจุนชีวิตอีกครั้ง แท้จริงแล้วมันคือ ผลกรรมเลว เราได้ใช้โลกนี้จนเกินพิกัด เราจึงต้องเปลี่ยนการกระทำของเรา ก็แค่นั้นเอง
แล้วเราจะรักษาโลกใบนี้ไว้ได้ รักษาชีวิตของเรา และชีวิตของลูกๆ ของเรา และสัตว์ต่างๆ ก็เช่นกัน โลกจะกลายเป็นสวรรค์ ไม่มีใครขาดแคลนอะไรอีก ไม่มีใครหิวโหย ไม่มีสงคราม ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีภาวะโลกร้อน ไม่มีอะไรอื่นนอกจากสันติสุข ความสุข และความอุดมสมบูรณ์ ฉันสัญญาในนามของพระพุทธะ มันเป็นอย่างนั้น

การฆ่าสัตว์นำพาซึ่งกรรมเลว

“คุณหว่านเมล็ดพืชเช่นไร คุณจะได้ผลเช่นนั้น” “สิ่งที่เหมือนกันดึงดูดกัน” เราได้ถูกเตือนแล้วทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางจิตวิญญาณ ดังนั้นภัยพิบัติทั้งหลายที่เกิดขึ้นทั่วโลก แน่นอนว่า มันเกี่ยวข้องกับการปราศจากความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกของเรา นั่นคือราคาที่เราต้องจ่ายสำหรับสิ่งที่เราได้กระทำต่อสัตว์ผู้บริสุทธิ์ ผู้ที่ไม่เคยทำร้ายเราผู้ที่เป็นลูกๆ ของพระเจ้าเช่นกัน ผู้ที่ถูกส่งมายังโลกนี้เพื่อช่วยเราและให้กำลังใจเรา
มันไม่ใช่ปัญหาทางเทคนิค มันไม่ใช่การซ่อมแซมทางเทคนิคที่เราต้องมุ่งไป มันคือผลกรรมสนอง เหตุและผลตอบสนองที่เราต้องให้ความสนใจ ราคาของการฆ่า ราคาของความรุนแรงนั้นเลวร้ายยิ่งกว่ารถยนต์ การระเบิดของดวงอาทิตย์ หรือการระเบิดของมหาสมุทรใดก็ตามรวมกัน เพราะเราต้องรับผิดขอบต่อการกระทำของเรา ทุกการกระทำก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เราจึงแค่ต้องหยุดฆ่า เราแค่ต้องหยุดฆ่าสัตว์และมนุษย์ เราต้องหยุดมัน แล้วเมื่อนั้นทุกสิ่งจะกระจ่างทันที
เราจะพบกับวิธีทางเทคนิคที่ดีขึ้นในการแก้ปัญหาสภาวะอากาศ แม้แต่จุดในดวงอาทิตย์อาจหยุดระเบิดด้วยซ้ำ การระเบิดในมหาสมุทรอาจแค่ยุติลง พายุไต้ฝุ่นอาจแค่หยุด พายุไซโคลนจะเงียบหายไป แผ่นดินไหวจะแค่หายไป ทุกสิ่งอื่นจะเปลี่ยนสู่วิถีชีวิตที่สงบสุข เพราะเราสร้างสันติสุข เราก็จะมีสันติสุข สันติสุขไม่ใช่แค่ในหมู่มนุษย์ แต่ในหมู่เพื่อนร่วมโลกทั้งหมด นั่นคือเหตุที่ฉันเน้นย้ำถึงการทานมังสวิรัติ มันคือหลักคุณธรรมของการเป็นมนุษย์ มันคือเครื่องหมายของการเป็นมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่

พลังงานแห่งความเมตตาสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง

การทานมังสวิรัติคือความเมตตา ดังนั้นมันจะนำพลังความสุขมาให้คุณ แล้วมันจะก่อให้เกิดความสุขมากยิ่งขึ้น จะดึงดูดความสุขมากยิ่งขึ้น และเมื่อคุณมีความสุข ทุกอย่างจะดีขึ้น คุณคิดได้ดีขึ้น คุณจะตอบสนองดีขึ้น ชีวิตของคุณจะดีขึ้น ลูกๆ ของคุณจะดีขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้น
และพลังรวมแห่งความรักที่เป็นบวกอันทรงพลังนี้จะขับไล่ความมืดที่กำลังมาหาเราที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ นั่นเป็นหนทางแก้ไขเดียวที่ฉันมี
คุณเห็นไหม เรามีพลังงานที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง เรามีอำนาจที่จะกำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นรอบตัวเรา แต่เราต้องใช้มัน เราต้องใช้มันเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราต้องใช้มันเพื่อประโยชน์ของสรรพสิ่งบนโลกนี้ ความคิดของเรา การกระทำของเรา ต้องส่งข้อความให้กับพลังงานจักรวาลว่า เราต้องการดาวเคราะห์ที่ดีกว่า เราต้องการชีวิตที่ปลอดภัยกว่านี้ เราต้องการโลกที่ปลอดภัย แล้วพลังจักรวาลจะแค่ทำอย่างนั้น
แต่เราต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับพลังงานนี้ คุณเห็นไหม? หากเราต้องการสิ่งที่ดี เราก็ต้องทำความดี ถ้าเราต้องการชีวิต เราก็ต้องให้ชีวิต แล้วพลังงานดีๆ ที่เราสร้างขึ้นจะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ รวมถึงสิ่งที่อัศจรรย์อีกมากมาย บรรยากาศความรักความเมตตาที่เราทั้งโลกได้สร้างขึ้นนั้นสามารถและจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้แก่เรา
เราสร้างทุกสิ่งที่เราต้องการถ้าเราใช้ชีวิตตามกฎของจักรวาล เช่นนี้คือพลังของการเป็นวีแก้น เพราะมันหมายความว่าเราไว้ชีวิต เราต้องการชีวิต เราต้องการพลังงานที่สร้างสรรค์เราไม่ต้องการการทำลายล้าง อาหารวีแก้นจึงคือคำตอบ
ยิ่งมนุษยชาติยกระดับทางจิตวิญญาณมากเท่าใด แน่นอนว่า ภาวะโลกร้อนก็จะบรรเทาลงมากเท่านั้น เมื่อมนุษยชาติมีระดับจิตวิญญาณที่สูงขึ้นและมีความรักมากขึ้นให้กับทุกคน ทุกสรรพสิ่ง ทุกสถานการณ์ และทุกสภาพแวดล้อม เมื่อนั้นภาวะโลกร้อนจะบรรเทาลงทุกวัน และจะหายไปโดยสิ้นเชิง และหลังจากนั้น ทุกคนในโลกจะอยู่อย่างมีสันติสุข ความสุขและจะรักกันและกัน แต่ทุกคนต้องตื่น


ฉันมั่นใจว่าโลกของเราจะไปถึงระดับของจิตสำนึกที่สูงขึ้น และปาฏิหาริย์จะบังเกิดขึ้นภายใต้ความเมตตาของสวรรค์




บางส่วนจากหนังสือ “จากวิกฤติสู่สันติสุข”
วิถีแห่งวีแก้นออแกนิกคือคำตอบ
โดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
หนังสือเล่มนี้ใช้กระดาษรีไซเคิล
โปรดเข้าไปที่ http://crisis2peace.org  เพื่ออ่าน
หรือดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้เวอร์ชั่นออนไลน์ที่มีในหลายภาษา
สำหรับท่านที่สนใจหนังสือภาษาไทยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่
สมาคมนานาชาติอนุตราจารย์ชิงไห่
ศูนย์กรุงเทพ
537/191-192 ซอยสาธุประดิษฐ์ 37 ถนนสาธุประดิษฐ์
แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. 10120
โทรศัพท์ 02-682-0014-15   โทรสาร 02-682-0014
รถเมล์ที่ผ่านหน้าซอย สาย 35, 62, สองแถวแดง สาย 1279 (วัดดอกไม้)





ฺBe Veg, Go Green 2 Save The Planet
www.godsdirectcontact-thai.org
www.suprememastertv.com				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน