เพราะช่องว่างระหว่างวัย ทำให้คุณแม่กับคุณลูกหลายคู่มักจะมีความเห็นไม่ตรงกัน รวมทั้งชอบและมองอะไรไม่เหมือนกัน จนเกิดเป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณลูกอาจจะไม่ทันฉุกคิดและสนใจ แต่รู้ไหมว่า เพียงแค่ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ก็อาจจะสร้างความน้อยใจและเสียใจให้คุณแม่ได้แล้ว อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของ คุณ momeye ที่ได้เขียนเล่าเรื่องของเธอกับคุณแม่ไว้ในเว็บไซต์ pantip.com ซึ่งกระปุกดอทคอม ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ เพราะมั่นใจว่า เรื่องราวของคุณ momeye ต่อไปนี้ คงคล้ายและตรงกับประสบการณ์ของใคร ๆ หลายคนอย่างแน่นอน และคงจะเตือนใจให้คุณลูก ๆ ทุกคนนึกถึง "หัวอกแม่" ให้มากขึ้น เพื่อจะได้รีบทำอะไรให้คุณแม่ก่อนที่จะสายจนเกินไป... "กระเป๋าธรรมดาใบนี้มีค่า ถึงจะเอากระเป๋าแบรนด์เนมแพง ๆ มาแลกก็ไม่ยอม" "ใช่ค่ะมันเป็น "กระเป๋า" หนังธรรมดา ๆ ราคาถูก ๆ แบบเชย แก่ ๆ แต่มันมีค่า มีความหมายสำหรับฉันมากมาย วันนี้แม้จะมีใครเอากระเป๋าแบรนด์ดังใบเป็นหมื่นเป็นแสนมาแลกฉันก็ไม่ยอม ทำไมน่ะหรือคะ ก็เพราะกระเป๋าใบนี้ เป็นของชิ้นสุดท้ายที่ฉันได้จากแม่น่ะสิคะ ฉันยังจำได้ดี เมื่อปีก่อนตอนที่แม่ซื้อกระเป๋าใบนี้มาให้ฉันจากตลาดโรงเกลือ ที่ชายแดนปอยเปต แม่บอกซื้อมาฝาก เห็นฉันหิ้วแต่กระเป๋าอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็เปลี่ยน ๆ เลยซื้อแบบหนังแท้ดี ๆ มาให้จะได้ใช้ได้ทนนาน ฉันรับกระเป๋าจากแม่มาแบบเซ็ง ๆ แอบบ่นนิด ๆ ด้วยความไม่ชอบ "ทำไมมันหลายสีจังแม่ กระเป๋าหนังหนักก็หนัก แบบก็แก่จังอ่ะแม่" แต่พอเห็นแม่ทำหน้าผิดหวัง แถมพ่อที่ไปกับแม่เล่าให้ฟังว่า แม่อุตส่าห์เดินเลือกซื้อให้ตั้งนานทั้ง ๆ ที่เดินไม่ค่อยไหวเพราะตอนนั้นแม่เริ่มป่วย แขนและขาชาไม่ค่อยมีแรง พอเลือกได้ก็ยังไปต่อราคาอีกเป็นครึ่งชั่วโมง จากใบละ 750 แม่ต่อมาเหลือ 450 ฉันฟังแล้วก็เลยรีบเปลี่ยนสีหน้าบอกแม่ว่า "ไม่เป็นไร ใบที่หนูใช้อยู่มันพังพอดี" แต่ฉันก็พูดไปอย่างนั้น เพราะจริง ๆ ฉันเอากระเป๋าใบนี้ทิ้งไว้ก้นตู้ โดยที่ไม่เคยหยิบมาใช้อีกเลย จนกระทั่งอีก 2 เดือนต่อมา แม่เริ่มป่วยหนัก แขนขาที่ไม่ค่อยมีแรงเริ่มยกไม่ขึ้น เดินไม่ได้ ฉันพาแม่ไปตรวจอีกครั้ง หมอบอกแม่เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย แม่จะมีชีวิตอยู่ได้แค่ไม่เกิน 4-5 เดือนเท่านั้น ฉันและทุกคนช็อก แต่เราก็พยายามทำเป็นปกติ บอกให้แม่รู้แค่ว่า เป็นมะเร็ง แต่เราไม่ได้บอกแม่ว่า เป็นระยะไหน จะอยู่ได้แค่ไหน เพราะกลัวแม่ทำใจไม่ได้ แม่เข้มแข็งมากรักษาทุกวิธีเพราะอยากหาย แต่ฉันรู้ดีว่า แม่ไม่หาย แม่เริ่มเจ็บมากขึ้น ๆ จนระยะหลังต้องมาอยู่โรงพยาบาล จู่ ๆ วันหนึ่งแม่ก็ถามฉันว่า "ไม่เห็นใช้กระเป๋าที่แม่ซื้อให้เลย ไม่ชอบหรือ" ฉันแค่พยักหน้าและบอกแม่ว่า "ชอบสิแม่" เท่านั้น เพราะพูดอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้แล้ว น้ำตามันจะไหล วันรุ่งขึ้นฉันก็เปลี่ยนกระเป๋าใหม่ เอาใบที่แม่ซื้อให้สะพายมาหาแม่ และนอกจากกระเป๋าแล้ว ยังมีเสื้อผ้าและพวกกิ๊บ ที่คาดผมที่แม่เคยซื้อให้ฉัน แต่ฉันไม่เคยสนใจไม่เคยเอามาใช้เลยด้วยความรู้สึกว่า ของที่แม่ซื้อมันเชย แก่ ไม่เหมาะกับฉัน แต่ ณ ตอนนั้นฉันรื้อเอามาใส่ให้แม่ได้เห็น ได้รับรู้ว่า ฉันชอบ แม่เห็นแม่ก็ยิ้มดีใจที่ลูกเอาของที่ซื้อให้มาใช้ ฉันยังจำได้ดี วันที่แม่เห็นแม่พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า... "มันใบใหญ่ ใส่ของได้เยอะเหมาะกับแกดี" แต่ฉันก็สะพายให้แม่เห็นอยู่แค่ 4 เดือนเท่านั้น ใช่ค่ะ เพราะแม่จากฉันไปแล้ว วันนี้ถึงฉันยังสะพายกระเป๋าใบนี้อยู่ แต่แม่ก็ไม่เห็นแล้ว กระเป๋าใบนี้ เป็นของชิ้นสุดท้ายที่แม่ซื้อให้ฉัน ถึงมันจะไม่มีมูลค่ามากมาย แต่มันมีความหมายและมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับฉันมาก.... กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง ถ้าไม่ตายเสียก่อน ฉันก็ยังพอมีปัญญาหาซื้อเองได้ หากเรายังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่เป็นร่มโพธิร่มไทร รักท่าน ดูแลท่าน อย่ารอเวลาเมื่อสาย ที่มา kapook.com ขอขอบคุณ คุณ momeye
30 กันยายน 2554 19:13 น. - comment id 126611
30 กันยายน 2554 19:43 น. - comment id 126614
ฉางน้อยอย่าร้องไห้ซิจ้า... น้ำท่วมแล้วจ้า ล้อเล่นนะ
30 กันยายน 2554 14:55 น. - comment id 126676
เดี๋ยวมาอ่านต่อค่ะ
30 กันยายน 2554 16:20 น. - comment id 126681
อ่านแล้วคิดถึงแม่...ค่ะ แล้วก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปอีกเยอะเลย คิดไปถึงสิ่งของ ของใช้ แล้วก็อะไรหลายๆอย่างเราคงไม่ได้มองที่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวจริงๆนะค่ะ แต่เราเลือกที่คุณค่าทางใจกับเรามากกว่า... ขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟังนะค่ะ ปรกติก็เป็นคนไม่ได้รักสัตว์เท่าไหร่ แต่คงจะด้วยความที่เราเลี้ยงแล้วผูกพันธ์ เราก็คิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราไปด้วย คราวนี้มันเกิดท้องมีลูกออกมายั่วเยียะไปหมดฐานะอย่างเราก็คงไม่มีปัญญาเลี้ยงแน่ มันเป็นหมาพันธ์ใหญ่ ถ้าเลี้ยงมันก็คงไม่อิ่ม..และได้รับการเอาใจไม่เต็มที่เลยตัดสินใจ.. ให้คนที่รัก...น้องหหมาดีกว่าเอาไว้ตัวเดียว ด้วยความหวังดีเห็นเพื่อนไม่มีลูก..กลัวเพื่อนเหงา.. เลยโทรถามเพื่อนต้องการน้องหมาไหม..จะให้.. เพื่อนพูดว่า...ไม่ต้องการเอาสัตว์มาเลี้ยงแทนลูก.. ถามว่าเสียใจไหม.. คงบอกว่าเสียใจนะเสียใจที่ว่าเพื่อนมองเจตนาเราผิดไปมากกว่า... จริงๆแล้วมีคนมาขอซื้อลูกหมาถึงที่บ้านเลยนะแต่ไม่คิดขายคงเพราะกลัวเค้าไม่รักมันจริงๆทิ้งๆขว้างๆ ลูกชายนั่งข้างๆกับสะกิดบอกว่า...ก็ดีแล้วไงมาม๊าที่เค้าไม่เอา..ถ้าเอาไปด้วยความเกรงใจแล้วไม่รักโดนรถชนตายไปทำไง... อืม...ก็จริงเหมือนกันเน้อะ.. เราก็มามองว่า...เด็กก็มีความคิดความอ่าน... ช่องว่างระหว่างวัย..ไม่ได้กั้นความคิดแม่กับลูกได้ จากที่เราเป็นคนสอนลูก วันนี้ลูกก็สอนให้เราคิดไปอีกแง่มุมหนึ่ง... และมองคนรอบข้างอีกมุมหนึ่ง.. เราก็สบายใจและไม่เสียใจอะไร.. เราก็มีความสุข.. การที่เรามองอะไรให้เป็นมุมกลับ.. เราก็มีความสุขจากมันได้จริงๆค่ะ
30 กันยายน 2554 20:13 น. - comment id 126684
เศร้าจัง... แต่ก็ให้ข้อคิดสะกิดใจใครหลายคนได้ดีเลยค่ะพี่พิม
30 กันยายน 2554 22:29 น. - comment id 126687
4 เค้าร้องไห้เพราะต่ะเองเหยียบตาปลาเค้าจิ อ๊ากกกซ์
1 ตุลาคม 2554 15:19 น. - comment id 126695
เมื่อพูดถึงวัยที่แตกต่าง ย่อมมีระยะห่างซึ่งอาจเรียกว่าเป็นช่องว่างระหว่างวัยได้แต่ระยะห่างของช่องว่างโดยธรรมชาติก็จะปรับตัวของมันเองให้มาเท่ากันหรือใกล้เคียงกันในที่สุด เจ้าหนุ่มหล่อล่ำ มีนิวาสถานอยู่ใกล้กับตาลุงแก่ที่แกมีเมียสาวมีลูกสองสามคนบ้านใกล้กันขนาดเปิดหน้าต่างตรงกันทักทายกันตอนตื่นมาล้างหน้าทุกวัน เจ้าหนุ่มไปแต่งเมียพามาอยู่บ้านเป็นวันแรกพอเช้าตื่นขึ้นล้างหน้าเจอตาลุงที่หน้าต่างแกพยักพเยิดถามคำคามที่รู้กันของพวกผู้ชายเจ้าหนุ่มไม่พูดอะไรชูนิ้วให้เห็นเจ็ดนิ้วพยักถามตาลุงแกชูนิ้วเดียว จากวันนั้นตอนเช้าเจ้าหนุ่มโผล่มาเจอตาลุงชูนิ้วลดลงทุกวันจากหก ห้า สี่ จนถึงวันที่เจ็ดเหลือนิ้วเดีว เท่ากับตาลุงซึ่งชูหนึ่งทุกวันระยะห่างระหว่างวันลดลงจนเท่ากันแต่พอถึงวันที่แปด เจ้าหนุ่มเปิดหน้าต่างมาเจอตาลุงกลับส่ายหน้าโบกมือไท่ชูสักนิ้วเลย ส่วนตาลุงแกก็ยังชู หนึ่งนิ้วเป็นปกติ อิอิ โดยธรรมชาติต่อไปเจ้าหนุ่มก็คงชูเท่าตาลุงไม่มีช่องว่างระหว่างวัยอีกต่อไป อิอิตะแล๊ม ๆ ๆ
1 ตุลาคม 2554 17:14 น. - comment id 126697
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ
1 ตุลาคม 2554 20:29 น. - comment id 126699
อ่านแล้วคิดถึง แม่จังค่ะ พี่พิม
2 ตุลาคม 2554 01:12 น. - comment id 126706
เคยอ่านแว้ววว....ใจแป้วไปหนนึงล่ะ คุงพิม เอามาให้อ่าน แป้วอีกหนนึงล่ะ
3 ตุลาคม 2554 09:19 น. - comment id 126725
มาเยี่ยม และมาอ่านเรื่องสั้น คุณแม่ คุณลูกจ้า
3 ตุลาคม 2554 17:15 น. - comment id 126755
ขอบคุณจ้าที่นำมาให้อ่านอีกรอบ
4 ตุลาคม 2554 21:14 น. - comment id 126799
มาอ่านเรื่องดีๆครับ