วิถีแห่งสาวก (Discipleship)
คีตากะ
ไบเบิ้ล-----Luke 14 : 26
เธอลองมามองดูโลก มองความทุกข์รอบๆ ตัวเธอและในตัวเธอเอง เธอรู้สาเหตุแห่งความทุกข์นี้หรือไม่? เธออาจบอกว่าสาเหตุก็คือความเหงา สงคราม ความกดขี่ ความเกลียดชัง หรือการไม่เชื่อพระเจ้า คำตอบนั้นผิดถนัด สาเหตุแห่งความทุกข์มีประการเดียวเท่านั้น คือความเชื่อผิดๆ ที่อยู่ในหัวสมองของเธอและแผ่ขยายออกไป เธอแบกมันไว้อย่างปกติมาก และไม่เคยที่จะสงสัยสอบถามเจ้าความเชื่อนั้นๆ ด้วยความเชื่อหรือความหลงผิดนี้เองที่ทำให้เธอมองโลกบิดเบี้ยวไป ข้อมูลที่เธอรับมาเก็บไว้ในสมองนี้มันแรงมากและความกดดันจากสังคมก็แรงด้วย จนกระทั่งเธอตกบ่วงแห่งความเชื่อว่าโลกมันบิดเบี้ยวเช่นนั้น ไม่มีทางออกเลย เพราะเธอไม่เคยแม้แต่จะสงสัยในการรับรู้อันบิดเบี้ยวของตน ไม่รู้เลยว่าความคิดของตนนั้นผิด และความเชื่อนั้นก็ไม่ถูกต้องด้วย
เธอมองดูรอบๆ ตัว แล้วลองหามาซิว่ามีใครสักคนไหม ที่มีความสุขจริงแท้ ปลอดจากความกลัว อิสระจากความรู้สึกระแวงภัย หรือความกระวนกระวาย ความเครียดและความวิตกทั้งหลายแหล่ ถ้าเธอหาเจอสักหนึ่งในแสนคนก็นับว่าเธอโชคดีทีเดียว นี่แหละที่จะทำให้เธอชักสงสัยในโปรแกรมข้อมูลและความเชื่อต่างๆ ในหัวสมองที่พวกเธอมีอยู่เป็นปกติวิสัย พวกเธอถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้วว่าไม่ให้สงสัยอะไรทั้งสิ้น ให้เชื่อในสมมุติฐานที่กูกกำหนดโดยประเพณี วัฒนธรรม สังคมและศาสนา เวลาที่เธอไม่มีความสุข เธอก็ถูกอบรมมาให้โทษตัวเอง ไม่โทษตัวโปรแกรม ไม่โทษวัฒนธรรมหรือค่านิยมตลอดจนความเชื่อผิดๆ เล่านั้น ที่แย่กว่านั้นก็คือความจริงที่ว่าคนส่วนมากถูกล้างสมองไม่ให้ตระหนักรู้ว่าพวกเขาเป็นทุกข์เพียงใด เหมือนคนที่นอนหลับฝันจะไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังฝันอยู่
ความเชื่อผิดๆ อันใดเล่าที่สกัดกั้นความสุขของเธอ? มีตัวอย่างอยู่หลายเรื่อง เรื่องแรก : เธอรู้สึกว่าไร้ความสุขเมื่อปราศจากสิ่งที่เธอผูกพันและคิดว่ามันมีค่าเหลือเกิน ผิดเพราะในชีวิตนี้ ไม่มีอะไรเลยที่เธอจำเป็นต้องมีเพื่อให้เป็นสุข ลองคิดดูสักนิดเถิด สาเหตุที่เธอไม่มีความสุขก็เพราะเธอมัวแต่เพ่งอยู่กับสิ่งที่เธอไม่มี มากกว่าจะสนใจสิ่งที่เธอมีอยู่แล้ว
ความเชื่ออีกเรื่องหนึ่ง คือเชื่อว่าความสุขเป็นเรื่องของอนาคต ไม่จริงหรอก ที่นี่และขณะนี้เธอมีความสุขอยู่แล้ว แต่เธอไม่รู้ตัว เพราะเจ้าความเชื่อผิดๆ มันบิดเบือนการรับรู้ของเธอ มันทำให้เธอยึดติดอยู่กับความกลัว ความกระวนกระวาย ความผูกพัน ความรู้สึกผิด และจำต้องรับหน้าที่ไปตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ ถ้าเธอมองทะลุสิ่งนี้ได้ เธอจะประจักษ์ว่าตนเองมีความสุขอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัว
ยังมีความเชื่อเรื่องอื่นๆ อีก คือเชื่อว่าความสุขจะเกิดจากการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่และบุคคลรอบตัวเธอ ไม่จริงหรอก เธอสิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไปในการที่จะจัดการโลกนี้เสียใหม่ ถ้าการเปลี่ยนแปลงโลกนี้มันเป็นภาระหน้าที่ในชีวิตของเธอ ก็มุ่งหน้าจัดการไปเลย แต่อย่าไปเพ้อฝันว่าสิ่งนี้จะทำให้เธอมีความสุข สิ่งที่จะทำให้เธอเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ได้มิใช่โลกนี้หรือบุคคลที่อยู่รอบตัวเธอ แต่คือความคิดในหัวสมองของเธอเองต่างหาก การแสวงหาความสุขจากสิ่งภายนอกมันยากเหมือนหารังนกอินทรีในมหาสมุทร (ภาษิตไทย "งมเข็มในมหาสมุทร" ผู้แปล) เพราะฉะนั้น ถ้าเธอต้องการแสวงหาความสุข เธอต้องเลิกเสียเวลาและเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ ไปกับการปลูกผมแก้ศีรษะล้านหรือตกแต่งร่างกายให้มีเสน่ห์ เปลี่ยนที่อยู่อาศัย เปลี่ยนงาน เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนวิถีชีวิต หรือแม้แต่เปลี่ยนบุคลิกภาพของตนเอง เธอตระหนักหรือไม่ว่า ถึงแม้เธอจะอาจเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง หรือสามารถมีบุคลิกที่งดงามมีเสน่ห์ มีสิ่งแวดล้อมที่ดีรื่นรมย์ไปหมด แต่เธอก็จะยังไร้ความสุขอยู่นั่นเอง ที่จริงในใจลึกๆ เธอก็รู้อยู่แล้วถึงความจริงข้อนี้ แต่เธอก็ยังมัวแต่ใช้ความสามารถและพลังงานของเธอไปในการแสวงหาสิ่งที่รู้ว่าไม่อาจทำให้เธอมีความสุขได้เลย
ความเชื่อผิดๆ ยังมีอีก คือเชื่อว่าถ้าความปรารถนาทั้งหลายของเธอได้รับการสนองตอบละก็เธอจะมีความสุข ไม่จริงหรอก ที่แท้ความปรารถนาและความยึดติดนี้ต่างหากที่ทำให้เธอรู้สึกเกร็ง สับสน เครียด รู้สึกไม่ปลอดภัยและหวาดกลัว เธอลองเรียงลำดับความยึดติดและความปรารถนาของเธอดูซิว่ามีกี่อย่าง แล้วลองพูดกับมันทีละอย่างว่า "ความจริงฉันรู้อยู่ในใจลึกๆ แล้วนะว่า ถึงแม้ฉันจะได้เจ้ามา ฉันก็ไม่มีความสุขหรอก" พูดพลางคิดพิจารณาความจริงในถ้อยคำนั้น แท้จริงแล้วความปรารถนาเป็นเพียงความสบายใจหรือความตื่นเต้นแวบเดียวเท่านั้น เธออย่าไปทึกทักเอาว่านั่นคือความสุข
แล้วความสุขล่ะคืออะไร? น้อยคนนักที่จะรู้ และไม่มีใครจะบอกเธอได้ เพราะความสุขนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจพรรณนาได้ เธอจะอธิบายถึงแสงสว่างให้แก่คนที่นั่งอยู่ในที่มืดมาตลอดชีวิตได้อย่างไร เธอจะอธิบายความเป็นจริงให้แก่คนที่กำลังฝันอยู่ได้หรือไม่ เธอจะต้องเข้าใจ ความมืดมันจึงจะหายไป แล้วเธอก็จะรู้เองว่าแสงสว่างคืออะไร เธอจะต้องเข้าใจว่าฝันร้ายของเธอคืออะไร แล้วมันก็จะหยุด เธอจึงจะค้นพบความจริง เธอจะต้องเข้าใจความเชื่อที่ผิดๆ ของเธอมันจึงจะหมดไป แล้วเธอก้จะได้ลิ้มรสแห่งความสุข
ถ้าหากผู้คนต้องการความสุขอย่างยิ่งยวดละก็ ทำไมพวกเขาจึงไม่พยายามเข้าใจความเชื่อผิดๆ ของเขาหล่ะ? ประการแรก ก็เพราะเหตุว่าเขาไม่เคยมองความเชื่อนั้นๆ ว่ามันผิด เขาเห็นว่ามันคือข้อเท็จจริงและความเป็นจริง สิ่งนี้ถูกบันทึกหรือจัดโปรแกรมไว้ในสมองอย่างแน่นแฟ้น ประการที่สอง เป็นเพราะพวกเขากลัวว่าจะต้องสูญเสียโลกโลกเดียวที่เขารู้จัก นั่นคือโลกแห่งความปรารถนา ความผูกพัน ความกลัว ความกดดันทางสังคม ความเครียด ความทะเยอทะยาน ความวิตกกังวล และความรู้สึกผิด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้นำความสำราญขั่ววูบมาให้เขา ทำให้เขาตื่นเต้นยินดี บางคนกลัวที่จะออกไปจากฝันร้าย เพราะมันเป็นโลกแห่งเดียวที่เขารู้จัก ณ โลกนั้น เขามีภาพของตัวเองและผู้อื่นให้มองเห็นอยู่
ถ้าเธออยากจะก้าวไปถึงความสุขนิรันดร์ เธอต้องพร้อมที่จะเกลียดบิดามารดา เกลียดแม้แต่ชีวิตของเธอเอง แล้วก็พร้อมที่จะจากสิ่งเหล่านี้ไป ทำอย่างไรละ? ไม่ใช่ว่าก็สลัดทิ้งหรือเลิกไป เพราะสิ่งที่เธอเลิกไปโดยวิธีรุนแรง เธอจะต้องผูกติดมันไปตลอดกาล เธอควรจะมองว่ามันคือฝันร้าย และแล้วไม่ว่าเอจะเก็บมันไว้หรือไม่ก็ตาม มันจะค่อยๆ คลายมือจากเธอ คลายอำนาจที่จะทำร้ายเธอ เธอจะได้หลุดพ้นจากความฝัน พ้นจากความมืด ความกลัว และความทุกข์
ฉะนั้น เธอจงใช้เวลาพิจารณาสิ่งที่เธอเกาะเกี่ยวไว้เหล่านี้ว่าสิ่งใดคือ ความจริง สิ่งใดคือฝันร้าย ซึ่งให้ความสำราญและความตื่นเต้นเพียงชั่ววูบ แล้วก็ทิ้งไว้แต่ความวิตกกังวล ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ความเครียด ความกระวนกระวาย ความกลัว และความทุกข์
บิดามารดา : คือฝันร้าย ภรรยา บุตร พี่น้อง : คือฝันร้าย ทุกสิ่งที่เธอครอบครองอยู่ : คือฝันร้าย ชีวิตเธอที่เป็นอยู่ขณะนี้ : คือฝันร้าย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเกาะเกี่ยวไว้และเชื่อมั่นว่าเธอจะไร้ความสุขถ้าปราศจากสิ่งนั้น ก็คือฝันร้าย เมื่อมองเห็นเช่นนี้แล้ว เธอก็จะเกลียดบิดามารดา เกลียดภรรยาและบุตร พี่น้อง เกลียดแม้แต่ชีวิตของเธอเอง แล้วเธอก็จะจากสิ่งเหล่านี้ไปได้โดยง่าย เธอจะเลิกยึดติดมัน และจำทำลายพลังอำนาจของมันที่จะทำร้ายเธอ ในที่สุดเธอก็จะได้รับประสบการณ์จากสภาวะอันลึกล้ำ ซึ่งไม่สามารถบรรยายได้ด้วยถ้อยคำใดๆ เป็นสภาวะที่ดำรงไว้ซึ่งความสุขและความสงบ เธอจะได้เข้าใจแจ่มแจ้งถึงความจริงที่ว่า ทุกคนที่เลิกยึดติดพี่น้อง พ่อแม่ หรือบ้านและที่ดิน จะเข้าถึงชีวิตนิรันดร์ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว...
Be Veg, Go Green 2 Save The Planet
www.suprememastertv.com
www.godsdirectcontact-thai.com