ความลับแห่งหัวใจ

คีตากะ

2578705irrjmp6nqv.gif













       คฤหาสน์สง่างามตั้งตระหง่านอยู่ภายใต้ปีกของรัตติกาลอันเงียบสงัด เปรียบดังชีวิตที่ยืนหยัดอยู่ภายใต้ผ้าคลุมแห่งความตาย ในคฤหาสน์นั้นมีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือทำด้วยงาช้าง เอาศีรษะอันงดงามของเธอไว้บนมือที่อ่อนนุ่ม ดูราวกับดอกบัวที่เหี่ยวเฉาเอนอยู่บนกลีบของมัน เธอมองไปรอบๆ รู้สึกราวกับเป็นนักโทษที่แสนทุกข์ ดิ้นรนพยายามที่จะแทงทะลุกำแพงคุกมืดไปด้วยสายตาของเธอ เพื่อจะมองดูชีวิตซึ่งเดินอยู่ในขบวนแห่แห่งอิสรภาพ
โมงยามผ่านไปประดุจปีศาจแห่งราตรี ดุจดังขบวนแห่ที่ร่ายบทเพลงสวดแห่งความเศร้า แล้วหญิงสาวก็รู้สึกปลอดภัยด้วยการหลั่งน้ำตาอยู่ในความเปล่าเปลี่ยวอันปวดร้าว เมื่อเธอมิสามารถต่อต้านความกดดันแห่งความทุกข์ของเธอได้ต่อไปแล้ว และขณะที่เธอรู้สึกว่าเธอมีความลับอันมีค่าอยู่ในหัวใจอย่างเต็มเปี่ยม เธอก็หยิบปากไก่ขึ้นและเริ่มผสมน้ำตากับน้ำหมึกลงบนแผ่นหนังแห้ง และแล้วก็ลิขิตไปว่า
“น้องสาวที่รักของฉัน
“เมื่อหัวใจแน่นขนัดไปด้วยความลับ ดวงตาเริ่มจะไหม้เกรียมจากหยาดน้ำตาที่ร้อนผ่าว ซี่โครงก็กำลังจะระเบิดออกด้วยการขยายขอบเขตแห่งหัวใจ เราย่อมไม่อาจแสดงความรู้สึกในเรื่องอันวกวนเช่นนั้นได้ เว้นเสียแต่โดยแรงดันของการปลดปล่อยมันออกมา
“ผู้คนที่โศกเศร้าย่อมพบความปีติในการคร่ำครวญ คู่รักจะพบความปลอบใจและเห็นใจในความฝัน ผู้ถูกกดขี่ปลาบปลื้มยินดีในเมื่อได้รับความเมตตา บัดนี้ฉันกำลังเขียนถึงเธอเพราะฉันรู้สึกเหมือนดั่งเป็นกวีผู้คำนึงถึงความงามของสรรพสิ่ง ซึ่งเขาได้ร้อยกรองความประทับใจไว้ในขณะที่ถูกครอบครองด้วยพลังอันเป็นทิพย์... ....ฉันนี้เป็นเหมือนเด็กจนๆ ที่อดอยากผู้ร้องไห้หิวอาหาร ถูกกระตุ้นด้วยความขมขื่นแห่งความหิวโหย มิได้คำนึงถึงสภาพของมารดาผู้ยากแค้นและเมตตาหรือความพ่ายแพ้ในชีวิตของหล่อนเลย
“จงฟังเรื่องราวอันน่าปวดร้าวของฉันเถิด น้องสาวที่รัก และจงร่ำไห้ไปกับฉันด้วย เพราะสะอื้นไห้ก็เป็นเหมือนการสวดมนต์ และน้ำตาแห่งความเมตตาก็เป็นดังการกุศลเพราะผลุดพุ่งออกมาจากดวงวิญญาณที่ดีงาม มีความรู้สึกอ่อนไหวและมีชีวิตชีวา มิได้หลั่งไหลออกมาโดยเปล่าประโยชน์ เป็นความประสงค์ของบิดาฉันที่จะให้ฉันสมรสกับชายผู้ร่ำรวยตระกูลสูง บิดาของฉันก็เหมือนกับคนมั่งมีส่วนมากซึ่งความปีติยินดีอย่างเดียวในชีวิตก็คือการทำให้ทรัพย์สินเพิ่มพูนขึ้นโดยการบรรจุเงินทองเข้าในหีบสมบัติตนด้วยเกรงความยากจน และประจบประแจงพวกผู้ดีมียศศักดิ์ด้วยคาดว่าจะถูกรุกรานในวันที่มืดมน - บัดนี้ฉันจึงได้พบตัวเองว่าความฝันและความรักทั้งปวงกลายเป็นเหยื่ออยู่บนแท่นทองและมีเกียรติอันได้รับมรดกตกทอดมาซึ่งฉันเหยียดหยามและชิงชัง
“ฉันนับถือสามีของฉันเพราะเขาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเมตตาต่อทุกคน เขาพยายามหาความสุขให้ฉันและใช้จ่ายเงินทองของเขาเพื่อทำให้หัวใจฉันปลาบปลื้ม แต่ฉันได้พบว่าความประทับใจในสิ่งเหล่านี้หาได้มีค่าเท่าความรักที่แท้จริงและเป็นทิพย์แม้สักน้อยไม่ ขออย่าได้หัวเราะเยาะฉันเลยแม่น้องสาว เพราะบัดนี้ฉันเป็นคนที่รอบรู้ที่สุดเกี่ยวกับความต้องการในหัวใจของอสตรี....หัวใจอันเต้นตุบอยู่เสมือนนกที่โบยบินไปในท้องฟ้าอันไพศาลแห่งความรัก...เสมือนดังถ้วยอันเปี่ยมไปด้วยเหล้าองุ่นแห่งยุคสมัยที่ถูกคั้นไว้สำหรับดวงวิญญาณที่จักดื่มกิน เป็นดังหนังสือที่เราจักได้อ่านบทแห่งความสุขและความทุกข์ ความปีติและรวดร้าว เสียงหัวเราะและร่ำไห้จากหน้าต่างๆ ของมัน ไม่มีผู้ใดสามารถอ่านหนังสือนี้ได้นอกเสียจากมิตรที่แท้จริงผู้เป็นส่วนกึ่งหนึ่งของสตรีผู้ถูกสร้างมาสำหรับเธอนับตั้งแต่เริ่มสร้างโลก
“ถูกแล้ว ฉันกลายเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่หญิงว่าเป็นผู้หยั่งรู้ถึงความมุ่งมั่นแห่งวิญญาณและความหมายของหัวใจ เพราะฉันได้พบว่าอาชางามสง่าและพาหะที่สวยงาม หีบทองคำซึ่งส่องแสงเป็นประกายและยศศักดิ์อันสูงส่งของฉันนั้นมิมีค่าเทียบได้กับสายตาชำเลืองแลมาครั้งหนึ่งของชายหนุ่มผู้ยากจนซึ่งเฝ้ารออย่างอดทนและทนทุกข์ต่อเขี้ยวเล็บของความขมขื่นและความทุกข์เข็ญผู้นั้นไม่ – ชายหนุ่มผู้นั้นซึ่งถูกข่มเหงด้วยความโหดร้ายอำมหิตและความประสงค์ของบิดาฉัน จนถูกจำขังอยู่ในคุกแห่งชีวิตซึ่งคับแคบและอ้างว้าง...
“ได้โปรดเถิด น้องสาวที่รักของฉัน จงอย่าได้แสร้งปลอบประโลมฉันเลย เพราะความหายนะซึ่งทำให้ฉันได้รู้ซึ้งถึงพลังแห่งความรักของฉันก็คือผู้ปลอบใจที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว บัดนี้ฉันกำลังมองออกไปจากเบื้องหลังม่านน้ำตาและเฝ้ารอการมาเยือนแห่งความตายอันจักนำฉันไปสู่ที่ซึ่งฉันจะได้พบคู่เคียงใจและดวงวิญญาณของฉัน และโอบกอดเขาไว้เหมือนก่อนหน้าที่เราเข้ามาสู่โลกอันแสนประหลาดนี้
“จงอย่าได้มองฉันไปในแง่ร้าย เพราะว่าฉันได้ทำหน้าที่ของฉันในฐานภริยาผู้ซื่อสัตย์และทำตามกฎหมายและข้อบังคับของมนุษย์อย่างสงบและอดทน ฉันให้เกียรติสามีฉันด้วยเหตุผลและนับถือเขาด้วยหัวใจ อีกทั้งเคารพเขาด้วยดวงวิญญาณของฉันเอง แต่ก็ยังมีข้อยับยั้งอยู่อย่างหนึ่ง เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบส่วนหนึ่งของฉันให้แก่ผู้เป็นที่รักของฉันก่อนที่ฉันจะรู้จักเขาเสียอีก
“สวรรค์ประสงค์ให้ฉันใช้ชีวิตร่วมกับชายที่มิได้เกิดมาเพื่อฉันและกำลังเปลืองเวลาเปล่าอยู่เงียบๆ ตามเจตนารมณ์ของสวรรค์ ถ้าหากว่าทวารแห่งนิรันดรภาพมิได้เผยออก ฉันก็จะคงอยู่กับดวงวิญญาณส่วนที่งดงามของฉันและมองย้อนหลังไปสู่อดีต และอดีตนั้นก็คือปัจจุบันนี้เอง...ฉันจะมองดูชีวิตเช่นเดียวกับที่ฤดูใบไม้ผลิมองดูเหมันตฤดู และคิดถึงอุปสรรคของชีวิตเช่นเดียวกับผู้ที่ป่ายปีนไปตามทางอันขรุขระจนถึงยอดแห่งภูเขา”

ในขณะนั้นหญิงสาวก็หยุดเขียนและซบหน้าลงกับฝ่ามือร่ำไห้อย่างขื่นขม หัวใจของเธอปฏิเสธไม่ไว้วางใจมอบความลับอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของมันให้แก่ปากกา แต่หันมาพึ่งพิงการหลั่งน้ำตาแห้งๆ ซึ่งกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว ระคนไปกับอากาศธาตุอันนุ่มนวล ร่มไม้ชายคาแห่งดวงวิญญาณทั้งหลายของคู่รักและดวงจิตของเหล่าบุปผามาลี หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็หยิบปากไก่ขึ้นมาเขียนเพิ่มเติมว่า
“เธอจำชายหนุ่มผู้นั้นได้ไหม? เธอจำรัศมีที่เปล่งออกมาจากดวงตาของเขาและริ้วรอยอันเศร้าสร้อยบนใบหน้าของเขาได้ไหม? เธอนึกถึงเสียงหัวเราะที่แสดงถึงน้ำตาของมารดาที่ถูกพรากจากบุตรคนเดียวของนางได้หรือไม่? เธอจำน้ำเสียงอันสงบเรียบที่เหมือนเสียงสะท้อนของหุบเขาอันไกลโพ้นได้หรือไม่? เธอจำเขาคิดใคร่ครวญและจ้องมองอย่างใฝ่ฝันและเยือกเย็นไปยังสิ่งต่างๆ และพูดถึงมันด้วยถ้อยคำแปลกประหลาด ครั้นแล้วก็ก้มศีรษะลงถอนใจราวกับว่าหวาดกลัวที่จะเปิดเผยความลับแห่งหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของเขาออกมานั้นได้ไหม? เธอจดจำความฝันและศรัทธาของเขาได้มิใช่หรือ? เธอระลึกถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ในตัวชายหนุ่มผู้ที่มนุษยชาตินับว่าเป็นบุตรผู้หนึ่งของมัน แต่ผู้ที่บิดาของฉันมองดูด้วยสายตาแห่งผู้ที่เหนือกว่า เพราะเขาสูงส่งกว่าคนละโมบในทางโลกและดีงามกว่ายศศักดิ์อัครฐานที่ได้รับมรดกตกทอดมานั้นได้ไหม?
“เธอก็คงทราบดีนี่นะ น้องสาวที่รัก ว่าฉันนั้นเป็นผู้พลีชีพในโลกอันน่าดูแคลนนี้และเป็นเหยื่อแห่งความโง่เขลาเบาปัญญา เธอจะเห็นใจพี่สาวผู้นั่งอยู่ในความเงียบจองราตรีที่น่ากลัว รินหลั่งเนื้อหาของตัวตนภายในของหล่อนออกมาแล้วเปิดเผยให้เธอได้รู้ถึงความลับในหัวใจของหล่อนไหม? ฉันแน่ใจว่าเธอคงต้องเห็นใจฉันเพราะฉันรู้ว่าความรักได้เข้ามาเยือนหัวใจของเธอแล้ว”

เมื่อรุ่งอรุณมาถึง หญิงสาวก็มอบกายยอมจำนนต่อความหลับใหลโดยหวังว่าจักได้พบกับความฝันอันหวานชื่นและนุ่มนวลกว่าที่เธอได้ประสบในยามตื่น



รหัสย์แห่งหัวใจ
คาลิล ยิบราน  เขียน
กิติมา อมรทัต  แปล

				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน