อทิสมานกาย ๙๕ ปรี๊นๆๆๆๆ เสียงดังจากนอกรั้วบ้าน บรรดาหญิงสาวและหนุ่มต่าง กำลังนั่งสนทนากัน บ้างก็กินเหล้าไปพลางๆคอยการกลับมาของเจ้า แม้นและพวกที่ไปทำงานอยู่ เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งไปรีบเปิดประตู บ้านทันที รถกะบะก็แล่นเข้ามาจอดยังใต้ต้นมะขามที่ใช้เป็นที่นั่ง อยู่ เจ้าแม้นก้าวลงจากรถมาก่อนตามด้วยพวกที่หิ้วของพะรุงพะรัง รถก็แล่นไปจอดยังที่เก็บรถใต้ถุนบ้าน เจ้าแม้นยังไม่ทันจะได้นั่ง ก็ได้ยินเสียงตะโกนลั่นมาจากบนบ้านทันที “ไอ้แม้นโว้ยมึงมาหากูก่อนโว้ย” “เรื่องอะไรหรือพ่อ ทุกๆอย่างเรียบร้อยตามคำสั่งแล้วนี่นา” ไอ้แม้นตะโกนตอบพ่อมัน กำนันมั่นเหมือนจะไม่ทันใจนักจึงรีบ ลงมาจากบ้านแล้วรีบเดินมาหากลุ่มเจ้าแม้นทันที ด้วยสีหน้าตื่นๆ พลางกล่าวว่า “ฉิบหายใหญ่แล้วโว้ยไอ้แม้น คนมารับของไม่ใช่ไอ้มุ้ยคนของ เสี่ยเม้งหรอกว๊ะไม่รู้ใครมาสวมรอยโว้ย” “เฮ้ยๆๆๆ!!!!!!????? จะเป็นไปได้หรือพ่อก็รูปร่างหน้าตาพ่อก็ เคยเห็นมาแล้วนี่นา ยังมีหนังสือยืนยัน นี่ใบรับของก็มันทำให้ผมไว้ พ่ออ่านดูซิ” มันกล่าวพลางล้วงกระเป๋าควักหนังสือออกมาส่งให้ กำนันรับ ไปอ่านดูก็สีหน้าเหมือนผีหลอก จึงกล่าวว่า “พอมึงไปได้สักครูใหญ่ๆก็มีพวกมาบอกว่าเป็นไอ้มุ้ยคนของเสี่ย เขา ชักยังไงเสียแล้วซิว๊ะ????..... มันก็มีหนังสือมาด้วยเหมือนกันกูดู แล้วเหมือนกันเปี๊ยบเลยว๊ะ แล้วพวกก่อนนั้นไปทางไหนหรือว๊ะ” “พอมันรับของออกหนังสือแล้วมันขนไปหมดเลยพ่อ ไม่ทิ้งไว้ให้ สักถุงเลยล่ะ มันบอกว่ายังไม่พอต้องไปเอาที่อื่นอีกด้วย หากพ่อไม่ เชื่อลองถามพวกที่ไปดูซิ” “ใช่พ่อกำนัน พวกฉันยังช่วยมันขนแล้วมันบอกว่าต้องไปทำงาน อื่นอีกจึงได้แยกทางไปทางลัดนะ” ไอ้หาญ ไอ้ผันยืนยันคำของไอ้แม้นด้วย ทำเอากำนันเกาหัว แกร๊กๆ มันชักยังไงว๊ะ คนก็เหมือนกันยังกับแกะรถก็เหมือนกันด้วย โอ้ย พวกมึงลองไปดูซิว่าทางที่มันไปนั้นจะมีอะไรอีกหรือเปล่าด้วย กำนันสังหรณ์ใจชอบกล “งั้นข้ากับไอ้ผันไปดูเอง พ่อกำนันคอยเดี๋ยวนะ” “เออๆๆๆ....ดีเหมือนกัน เห็นทีกูจะต้องไปพบเสี่ยเม้งเสียแล้วแล้ว มึงรีบกลับมานะ” กล่าวแล้วกำนันก็เดินไปคว้าแก้วเหล้าที่รินอยู่ของหญิงสาว ยกขึ้นดื่มเอื้อกๆๆทีเดียวหมดแล้ว ด้วยความหงุดหงิดใจ พลางเอ่ย เปรยกับบรรดากลุ่มที่นั่งฟังกำนันมั่น ในเรื่องนี้ว่า “นั่นซิพอมึงไปก็มีมาอีกชุดเหมือนกันเปี๊ยบเลยว๊ะ กูสงสัยว่ากลุ่ม แรกคงจะเป็นฝ่ายปลอมตัว ส่วนกลุ่มหลังคงจะใช่คนของเสี่ยมันว๊ะ เพราะเมื่อมันฟังเท่านั้นดูหนังสือที่กลุ่มแรกให้ไว้จึงค่อยยังชั่วหน่อย พวกมันชักปืนออกมา อีกสาวๆทั้งหลายก็เห็นไอ้แช่มก็รู้และยังเป็น พยานให้แก่กู มิฉะนั้นยิงกันฉิบหายใหญ่มันรีบตามไป แล้วมึงไม่ เจอพวกกลุ่มหลังเลยหรือว๊ะไอ้แม้น” “ไม่เจอจ๊ะพ่อ พอเสร็จข้าก็ไปซื้ออาหารที่พ่อสั่งยังร้านยายลัดดา มาให้พึ่งจะกลับมานี่แหละ สงสัยว่ามันคงจะคอยดักทางกลับกระมัง เพราะทางอื่นไปไม่ได้ด้วยนะพ่อ” “เออจริงของมึง ไอ้หาญกับไอ้ผันไปแล้วคอยฟังข่าวมันก็แล้วกัน อาจจะมีเรื่องกลับมาบอก หากมันมาให้มึงไปพบกูด้วยนะ” กล่าวแล้วกำนันมั่นก็ก้าวพรวดๆขึ้นไปบนบ้านทันทีเหมือนหนูติด จั่นไม่ผิด เดินไปเดินมาเดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออกมายังชานเรือน ไอ้แม้นกับพวกต่างงุนงงกันไปทั่ว พลางไอ้แม้นร้องว่า “เฮ้ยอีสาวๆทั้งหลาย มีแบบนี้ด้วยหรือว๊ะ กูงงเอาเป็นมากๆ เสียด้วยว๊ะ ทำไมมันถึงมีเหตุการณ์อะไรแปลกๆทำไมคนมันจึง เหมือนกันได้อย่างไรโว้ย พ่อกูจำไม่ผิดหรอกมิฉะนั้นคงไม่ให้ไปเอา ของให้แหละ พ่อกูก็ผ่านประสบการณ์มามากด้วย อีกทั้งเล่ห์เหลี่ยม หรือก็ไม่เป็นรองใคร แต่งานนี้มันดูชอบกลไงๆดูนะ แปลกโว้ย แปลกจริงๆ กูคิดแล้วมึนยิ่งกว่าแดกเหล้าเสียอีกว๊ะ” “จริงๆจ๊ะพี่แม้น พอพี่แม้นไปสักครู่ใหญ่ๆก็มีพวกมาอีกชุดหนึ่ง เหมือนกันเปรียบเลยล่ะ ชุดหลังนี้ดุร้ายอีกด้วย ใบหน้าเหี้ยมเกรียม มากๆ มันแยกกันพวกมันชักปืนออกมาทุกๆคนเลย ฝ่ายเราไม่มีอาวุธ ด้วยใครจะคิดว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้ได้อีก มันมีทั้งอาวุธสั้นและ อาวุธยิงเร็วพร้อมมูลเลยล่ะพวกเราได้แต่ตกใจตลึงไปหมด” “แล้วจะทำอย่างไรดีว๊ะ เฮ้ยๆเอากับแกล้มของเราและของพ่อไป ให้แก่หน่อยเพื่อแกจะได้ดับโมโหได้บ้าง???....” “ใครจะกล้าเอาไปให้ตอนนี้ล่ะพี่แม้น พ่อกำนันกำลังโมโหอยู่นะ” “งั้นมึงเอาไปเก็บไว้ก่อนโว้ย ส่วนของเราเอามานั่งแดกกันที่นี่ คอยไอ้หาญกับไอ้ผันก็แล้วกัน ไหนๆๆๆขอเหล้าสักแก้วซิว๊ะ” บรรดาสาวๆกุลีกุจอรีบจัดการ อีนวลก็ยื่นส่งให้ทันที ไอ้แม้นรับ มายกขึ้นดื่มพรวดๆเดียวหมด พร้อมส่งแก้วให้เติมมาอีก ทั้งหมดนั่ง คุยกัน แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงสอดคล้องกันเช่นนี้อีก ทั้งหน้าตาหรือก็ดันเหมือนๆกันอีกและซ้ำพ่อมันก็ยังให้ไปคงจะจำ หน้าได้แน่นอน แต่นี่กลางวันนะหากกลางคืนก็คิดว่าเป็นผีแปลง กายมาหลอกก็ได้ ยิ่งคิดความกลุ้มก็ยิ่งมากขึ้น ดังนั้นทุกๆคนจึงกินไปมองไปที่หน้าประตูรั้วบ้านคอยดูไอ้หาญ กับไอ้ผันที่ไปดูเหตุการณ์อยู่ ทันใดนั้นพ่อกำนันก็ก้าวฉับๆมายังพวกมันนั่งร่วมด้วยทุกๆคนต่าง ขยับที่ให้กำนันมั่นนั่ง ด้วยความกลุ้มอยู่ข้างบนก็ไม่มีอะไรสู้มาคอย ที่พวกไอ้แม้นไม่ได้ ต่างวิจารณ์ไปต่างๆนาๆ “มันช่างเหมือนกันจริงๆนะพ่อ แล้วพวกกลุ่มแรกมันก็มาตามเวลา ที่เสี่ยเม้งบอกไม่ผิดเวลา แล้วกลุ่มหลังล่ะพ่อมันมาถึงเมื่อไหร่” “ก็นั่นซิว๊ะกูถึงไม่ระแวงสงสัยอีกทั้งหน้าตาและรถกูก็จำไม่ผิดนะ ส่วนกลุ่มหลังมาช้า มันบอกว่ารถติดมากๆว๊ะ กูคิดว่ากลุ่มหลังนี่ แหละคือกลุ่มของเสี่ยเม้งเองแหละว๊ะ ส่วนไอ้กลุ่มแรกใครหว่า กูก็สงสัยเหตุใดมันถึงรู้เวลามารับของอีกด้วย หรือว่าพวกมันจะ เกลือเป็นหนอนหรือเปล่า แต่ไม่เป็นไรหรอกกูมีหนังสือไว้ทำให้ ค่อยยังชั่วหน่อยนะ” “หากไม่มีหนังสือก็เราฉิบหายกันเท่านั้นเอง เสี่ยมันคงจะไม่เชื่อ หาว่าเราเล่นไม่ซื่อกับมัน” “เออๆๆๆๆ....ที่ก็บอกมึงให้แอบซ่อนไว้ส่วนหนึ่งนั้นมึงไปดูมา หรือเปล่าล่ะว๊ะ กูชักสงสัยจริงๆเมื่อทางนี้ยังเป็นไปได้ทางที่แอบ ซ่อนไว้จะอยู่หรือเปล่านะ” “ข้าเองเอาไปซ่อนไว้ที่เขาอีกลูกหนึ่งพ่อ คงจะไม่เป็นปัญหาหรอก กระมัง เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะไปดูเอง ตอนนี้ก็ใกล้จะมืดทางไปลำบาก มากด้วยนะ แล้วสิงห์สาราสัตว์มันก็ชุกชุมอีกด้วยมันจะออกมากลาง คืนนะ” “เออๆๆๆ....พรุ่งนี้มึงรีบเอาพวกไปตรวจดูนะ ด้วยเราจะได้มี จำหน่ายไว้ไม่ขาดสาย” “จ๊ะพ่อ ข้าจะไปดูเองแหละแต่ว่าไอ้หาญกับไอ้ผันไปดูมันจะรู้ หรือว่าเป็นอย่างไร ที่จริงไม่น่าให้มันไปหรอก ไปก็ไม่มีอะไร เกิดขึ้นนะ แต่ข้าไม่อยากจะขัดใจพ่อเท่านั้นเอง” “เออ!!!ๆๆๆจริงของมีว่า แต่กูใจร้อนไปไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ว๊ะ เรามีหนังสือยืนยันไว้แล้วนี่นา แต่ช่างมันเถอะว๊ะ ไม่พบก็ไม่เป็น ไรหรอก มึงกินกับกูไปพลางๆก่อนก็แล้วกันนะ อ้าวอาหารที่กูสั่ง ไว้มึงซื้อมา ก็เอามากินร่วมกันที่นี่ก็แล้วกัน อีลัดดาไปเอามาร่วมวัน นี้กูจะกินร่วมกับพวกมึงนี่แหละว๊ะ” “โอ้ว!!!!ๆๆๆเป็นบุญของพวกข้าจริงๆที่พ่อกำนันมาร่วมวงด้วย นะ นานแล้วล่ะที่พวกเราไม่เคยเห็นพ่อกำนันจะมาร่วมด้วยเลย” พวกสาวๆพากันส่งเสียงเฮฮากันลั่น เล่นเอาพ่อกำนันยิ้มแย้มได้ ด้วยมันไม่เคยมาร่วมวงกับพวกสาวๆและลูกชายมันเลย ดังนั้นสาว ลัดดาก็รีบไปเข้าครัวพร้อมกับนางชบาลำเลียงอาหารออกมายังแคร่ และสาวๆก็มีหน้าที่คอยป้อนอาหารรินเหล้าส่งให้กำนันจนกำนัน เมาทั้งสาวและเหล้า ก็เอ่ยว่า “หากรู้ว่าสนุกดีอย่างนี้กูก็ลงมาร่วมวงกับพวกมึงก็จะดี ไอ้ห่ากิน คนเดียวไม่สนุก อีแจ่ม อีสร้อยมันก็งั้นๆแหละคุยไม่สนุกเลยว๊ะ” “ข้าก็บอกพ่อแล้วนี่นาว่าที่นี้สนุกสนานกัน หยอกเย้ากันได้เหมือน ไปเที่ยวนั่งคาเฟ่เลยล่ะ แต่พ่อเต๊ะท่าเองแหละ” “ไอ้แม้นนะไอ้แม้นเดี๋ยวกูถีบให้ โบราณว่าพ่อลูกอย่ากินเหล้า ร่วมกันเดี๋ยวเวลาเมามาไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อใครเป็นลูกว๊ะ” “ใครจะกล้าทำอย่างนั้นนะพ่อ” “กูเห็นมามากแล้วโว้ยไอ้แม้น พอเมาเข้ามาเรียกพ่อเป็นพี่ พ่อ เรียกลูกเป็นน้องว๊ะ กูเลยไม่กล้ามาร่วมนอกจากฟังพวกมึงคุยกัน อันที่จริงมันก็สนุกนะ มีสาวๆนั่งป้อนด้วย ทำให้ดูสดชื่นขึ้นมากว๊ะ” การสนทนาทั้งมีการโอบกอดบรรดาสาวๆ กำนันก็ร่วมด้วย เพราะบรรดาสาวๆนั้นต่างก็ผ่านมือกันมาเกือบทุกๆคนด้วยเพียงแต่ สถานะการณ์บรรยากาศต่างกันเท่านั้นเอง ลมหรือก็พัดโชยๆสดชื่น อากาศหรือก็ดีไม่เหมือนในบ้านกำนันคิด ไอ้ห่ากูนี่โง่มานานนักถึง เรียกไปบรรยากาศมันก็เหมือนเดิม ไม่เหมือนที่นี่บรรยากาศมันแตก ต่างกันมากๆ ทันใดนั้นรถกะบะก็วิ่งเข้ามาจอด ไอ้หาญก้าวลงจากรถ ส่วนไอ้ ผันก็เอารถไปเก็บแล้วมาร่วมวงด้วย “มีอะไรหรือเปล่าว๊ะไอ้หาญ” กำนันร้องถามด้วยเสียงอ้อแอ้ ด้วยกำลังครึกครื้นสาวๆพากัน ป้อนทั้งเหล้าและอาหาร ซึ่งอาหารก็อร่อยถูกปากกำนันอีกด้วย “ไม่เห็นมีอะไรนี่นาพ่อกำนัน แต่เห็นแค่คราบเลือดส่วนศพนั้นไม่ มีข้าคิดว่าคงจะต้องมีคนตายแน่ๆเลยล่ะ ข้ากับไอ้ผันลงไปตรวจดู เป็นรอยคราบเลือดมากๆที่แห้งกรังตามพื้นถนนและบริเวณตามใบ ไม้เท่านั้นเองแหละ นอกนั้นไม่มีอะไรอีกเลยล่ะพ่อกำนัน” “สงสัยว่าจะมีการยิงกันใหญ่แน่ๆ เพราะไอ้กลุ่มหลังมันไปคอยดัก กลุ่มแรกอยู่ ส่วนจะเป็นศพหรือคนเจ็บคงจะถูกพวกมันเก็บไปหมด แล้วล่ะว๊ะ เดี๋ยวไม่พรุ่งนี้มะรืนนี้กูจะต้องไปหาเสี่ยเม้งเสียแล้วเอา หนังสือไปยืนยันกับเขา จะได้ไม่ต้องสงสัยอะไรทางเรา ส่วนไอ้ แม้นมึงก็ไปดูของที่เก็บไว้แล้วมาบอกกูด้วยนะ อย่าลืมเสียล่ะไม่ใช่ แดกจนเมาแล้วลืม” “เรื่องนี้พ่อเคยเห็นข้าผิดคำสั่งพ่อหรือเปล่าล่ะ ในเมื่อมีงานทำข้าก็ กินพอบันยะบันยังเท่านั้นเองแหละ” “เออจริงของมึง กูรู้เรื่องนี้ดีถึงให้มึงไปดูก่อน เมื่อมีเหตุเช่นนี้ได้ที่ เราแอบซุกไว้ไม่รู้ว่าจะอยู่หรือเท่านั้น หากอยู่มึงเอาคนไปด้วยขนมา ไว้ที่บ้านเราเลยนะ กูชักไม่ไว้ใจแล้วล่ะ” “จ๊ะพ่อฉันจะไปหากอยู่ก็จะขนมาเก็บ แล้วจะเก็บไว้ที่ไหนล่ะ พ่อ หรือว่าจะเป็นห้องใต้ดินที่ฉันได้บอกให้สร้างไว้นั้นนะ” “อ้าวๆๆๆบ้านปลูกใหม่นั้นถัดไปที่เก็บของเราสร้างห้องใต้ดินไว้ นี่นามึงก็เอาไปไว้ที่นั่น มันห่างบ้านเราไปไม่เท่าไหร่อยากเสือกมา เก็บในบ้านเสียล่ะ เดี๋ยวพลอยฟ้าพลอยฝนซวยละลอกสองอีก” “ไม่ต้องห่วงหรอกพ่อ ข้ารู้ดีเพราะเป็นคนบอกพ่อเองแหละจำไม่ ได้หรือว่า ให้สร้างห้องใต้ดินไว้หางบ้านเราไว้” “เออจริงของมีงว๊ะ!!!!!....กูลืมไป ช่างมันเถอะว๊ะไปแดกเหล้า ได้แล้วไอ้หาญไอ้ผัน” ทุกๆคนขยับที่ให้ทั้งสองนั่ง ด้วยเป็นแคร่ใหญ่ ส่วนกำนันนั้นนั่งบนเก้าอี้ แต่เนื่องจากเห็นเด็กๆมันหยอกเย้าสาวๆ บ้างก็พาลกอดหากำไร ก็ทนไม่ได้เลยมานั่งท่ามกลางสาวๆกินไป หยอกเย้ากันไปจนเหล้าหมด ก็สั่งให้เด็กๆไปเอาเหล้ามรอีกสองขวด เพื่อจะได้กินต่อไป ส่วนบรรดาสาวๆก็หยอกกำนันจับโน่นจับนี่จับ ของลับกำนันบ้าง สร้างความสนุกสนาแก่กำนันมั่นมาก กำนันเองก็ ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ดังนั้นบรรยากาศจึงครื้นเครงยิ่งนัก ความกลัด กลุ้มของกำนันก็หายไปเพราะทุกๆคนปลอบใจกำนันบอกว่าจะกลัว อะไรเรามีหนังสือยืนยันอยู่แล้วใบรับของก็มี กำนันชมไอ้แม้นที่ มันรอบคอบให้เซ็นต์รับของไว้ เหตุนี้จนเวลาผ่านไปจนดึกดื่นกำนัน ก็เมาให้บรรดาสาวๆพยุงร่างขึ้นไปข้างบน คงปล่อยให้พวกหนุ่ม สาวๆพากันหาความสนุกสนานกันต่อไป แต่ทุกๆคนหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของไอ้ สน ไอ้เข่ง ไอ้โจ๊กและได้ดำไม่ ซึ่งทั้งหมดแอบแฝงอยู่บนต้นมะขาม ใหญ่ได้รับรู้การสนทนาทั้งหมด ซึ่งบัดนี้พวกมันหาใช่พวกผีธรรมดา ไปแล้ว ด้วยการฝึกอบรมจากเจ้าเปล่งซึ่งเป็นอาจารย์มันแปรเปลี่ยน สภาพไปหมดแล้ว จึงสามารถเข้าออกในบริเวณบ้านนี้ได้รวมทั้งเจ้า ที่เจ้าทางก็อนุญาตเข้าใจมันดี เมื่อกำนันขึ้นเรือนไปแล้วได้ฟังไอ้ แม้น กำลังวางแผนการณ์จะไปขนส่งหรือดูของที่แอบซ่อนไว้ครั้น พวกมันรู้แล้วก็ออกมาลาเจ้าที่เจ้าทางแล้วร่างมันก็หายลับไปทันที.... แก้วประเสริฐ.
30 มิถุนายน 2554 22:50 น. - comment id 124712
กราบคุณครูแก้วครับ ผมค่อยๆ ติดตามอ่านแต่ละท่าน ตามแต่โอกาส จะอำนวย จริงอย่างที่ครูได้เคยเอ่ยไว้ครับ ผมพอจะสรุปได้ว่า นักเขียนส่วนใหญ่ มักจะเริ่มจาก"อารมณ์" ของตนเองก่อน ไม่ว่าจะเป็น ความโกรธ ความเศร้า ความรัก ความคับข้องหมองใจ ฯลฯ แล้วนำอารมณ์เหล่านั้น มาระบายลงเป็นงานเขียนเพื่อถ่ายทอดแก่ผู้อ่าน ดังนี้ เมื่อดื่มด่ำกับอารมณ์นั้น หวลกลับไปอ่านแล้วอ่านเล่าซ้ำๆ หรือย้ำคิดย้ำทำ จนร้อนเร่าขึ้นเหมือนตนเองโดนสะกดจิต หรือเกิดวิปลาสได้ หรือ กระทั่งเขียนแนวใหม่ๆ แต่ก็ยังยึดติดกับความคิดเดิมๆ อย่างที่ครูสอนจริงด้วยครับ คุณครูได้ค้นพบว่า ใจเราเป็นเพียงของผสม ของปรุงแต่งดังที่กล่าวครั้งที่แล้ว จนทำให้ไม่ต้องตกเป็น ทาส ของอารมณ์ ดังนั้นแนวกลอนคุณครูจึงแตกต่างออกไป ผมมองแล้วเหมือนภูเขา ที่เวลาคนเรามองจากแต่ละมุม ก็จะทึกทักเอาว่า มุมที่ตัวเองเห็นนั้น เป็นตัวตนของครู ดังเช่นเรื่อง "บัวบังใบ" แต่นั่นป่วยการที่จะแก้ต่างกับผู้อ่าน ในทางหนึ่ง ถือว่าประสบความสำเร็จตรงที่ ทำให้ผู้คนอินกับ รสกลอนนั้นนั่นเอง ผมสะดุ้งที่คราวที่แล้ว ครูทำให้ผมรู้ว่าตัวเองประมาท ห่างเหินจากการปฎิบัติ เรียนรู้ความสงบ ในตนเอง ส่วนสิ่งที่จะสอนเราได้ในกลอน ก็คือใดๆในโลกที่ไม่แน่นอน แล้วเรื่องราวที่อยู่ในงานเขียนก็เช่นเดียวกัน จินตนาการไปได้โดยไม่มีขอบเขต หวังว่าศิษย์ทุกท่านจะพยายามฝึกฝน ช่วยๆกันครับ
1 กรกฎาคม 2554 09:26 น. - comment id 124715
มาลุ้นให้เกิน 100 ตอนครับครู ครูแก้วต้องดูแลสุขภาพ มากๆๆนะครับ
1 กรกฎาคม 2554 13:02 น. - comment id 124722
คุณ สุญญะกาศ ศิษย์เรา ในโคลง บัวบังใบ นั้นครูซ่อน นัยไว้ให้คนอ่านได้หลายรูปแบบไว้ ตอนนี้ จะมากล่าวถึงเรื่องร้อยกรอง เป็นสังเขป ร้อยกรอง มีลักษณะคือ กลอนธรรมดา หมาย ถึงการเีขียนอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นรำพัน รัก คิดถึงแต่จะออกมาในรูปแบบที่อ่านได้ไม่มี ลีลาอะไร ทุกๆคนเขียนได้หากรู้ถึงฉันทลักษณ์ กลอนเล่นคำ คือ นำคำที่ยากหมายถึงการต้องมาแปล ต้องรู้เสียงของอักษรนั้น เพื่อนำมาสอดคล้องกับทำนองไว้แต่ไม่ ควรมากเพราะคนอ่านที่ไม่รู้จะต้องมาเปิด พจนานุกรมแปลความหมายเอา ทำให้การ อ่านขาดชะงักไปไม่ควรใช้คำที่ยากมาก การเล่นสำนวนคำ คือจะยากขึ้นไปหมาย ถึังทุกวรรคต้องเป็นการใช้สำนวนโบราณ หรือเราจะคิดขึ้นมาเองเกี่ยวกับการสอน ไว้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องระวังการสัมผัสให้ เสียงอักษรทำนองสอดคล้องกันและกัน การเล่นซ่อนรูป หมายถึงลักษณะกลอน จะออกมาในแนวธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา ด้วยคนอ่านจะอ่านได้หลายๆรูปแบบใน แต่ละมุึมมองของคนอ่านหมายถึงสติปั้ญญา คนอ่านนั่นเองแหละ ดังนั้นการเล่นการ ซ่อนรูปจึงยากที่สุด เพราะจะต้องสร้างให้ ชวนอ่านได้ความรอบรู้ไว้ นี่คือลักษณะใหญ่ของการเขียนกลอน และโคลงหรืออะไรก็ได้ ดังนั้นบางครั้งจะดูว่าแยกกันแต่สอดคล้องกันและกัน ไม่ทำให้กลอนติดขัดนี่แหละคือการเล่น ซ่อนรูปแบบไว้ คราวนี้มาพูดถึงร้อยแก้ว หมายถึง การแต่งเรื่องสั้นๆหรือยาวๆที่เรียกว่านิยาย นั่นและ จะแบ่งออกเป็นส่วนใหญ่ๆได้ สี่อย่างคือ การลำนำเรื่องก่อนจะเขียนทุกๆครั้งเว้น แต่เนื้อเรื่องจะติดกันต่อเนื่องจึงไม่ต้องมี ลำนำ หากขาดช่วงต้องมีลำนำเสมอ คือ การบรรยายเรื่องธรรมชาติ เหตุการณ์ต่างๆ แล้วก็มาถึงเนื้อเรื่องที่เราจะเขียน การ สร้างเนื้อเรื่องนั้นต้องวางออกเป็นสาม อย่างคืด เค้าโครงเรื่องว่าจะแต่งประเภทไหนเมื่อ ได้ความตั้งใจแล้วก็เริ่มดำเนินให้มองออก ไปในทางไกลไว้ของเรื่องนั้นๆ ช่วงกลางของเรื่อง มักจะเกี่ยวกับบทสนทนา ควรจะหาแนวทางต่างๆไว้ หากแนวรักต้อง วางแบบให้มีแนวตลกโปกฮ่าไว้ด้วยเสมอๆ ต้องดูเรื่องที่เราเขียนวางแบบแผนไว้ในช่วงนี้ถือว่าสำคัญมากจะต้องรอบรู้สิ่งต่างๆ ไว้พอประมาณ การสอดแทรกความคิดเห็นต่างๆคือคำ พังเพยต่างๆเป็นต้นควรต้องมี ช่วงสุดท้ายคือบทสรุปของเนื้อเรื่องจะให้ จบลงแบบไหนๆ แต่ไม่ควรจบแบบคนอ่าน สามารถเดาเรื่องที่เราเขียนได้คือสิ่งสำคัญ มาก ด้วยนิยายทุกๆเรื่องหากคนชำนาญ ในลักษณะหนอนหนังสือพอจับมาอ่าน ได้ไม่เท่าไหร่ก็สามารถจะเดาได้ตลอด ทั้งเรื่อง ดังนั้นเราต้องฉีกเรื่องอย่าให้ เหมือนเขาทุกๆเรื่องที่เขียนอย่าให้คน อ่านรู้ว่าเราจะดำเนินเรื่องไปอย่างไรให้ เขางุนงงและชวนติดตามนี่คือเรื่องสำคัญ มาก การเลียนแบบครูห้ามเด็ดขาดไม่ว่า จะเป็นหนังก็ดีลครก็ดี เราควรสร้างเอง ทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจ แต่บางครั้ง ก็อาจจะคล้ายบ้างแต่ไม่เป็นไรแต่ควร หักมุมออกเสียให้ได้ อย่าเลียนแบบเขา เป็นอันขาด ทำให้เราไม่ภูมิใจต่องาน เขียนเราถึงใครไม่รู้แต่ใจเรารู้เสมอ การหัดควรหัดเรื่องสั้นๆไว้ก่อนแล้วค่อย เปลี่ยนเป็นยาวๆไปสู่นิยาย แต่อย่าให้เป็น นิยายน้ำเน่าที่เขามักจะชอบนำมาสร้าง ลครไว้เป็นต้น นี่คือลักษณะการเขียนของครูที่ไม่ เหมือนใคร จะสร้างด้วยใช้จิตใจสร้าง อารมณ์ก่อนแล้วปรับเปลี่ยนเป็นจินตนาการ สร้างเรื่องไว้ เอาเพียงเท่านี้ก่อนนะต่อ ไปเมื่อเขียนเรื่องยากๆได้เรื่องสองเรื่อง ต่อไปก็จะง่าย สรุป หนึ่ง วางเค้าโครงเรื่องไว้ สอง สร้างอารมณ์เป็นจินตนาการ สาม ใส่สำนวนคำพังเพย คำเปรียบเทียบ สี่ การจบควรฉีกแนวทางที่คนธรรมดาทำ แต่ควรจบแบบแฮปปี้แอนด์ดิ้งไว้ด้วยคน จะชอบแนวนี้แต่การลงเอยควรเปลี่ยน ลักษณะไม่ให้เหมือนคนอื่นไว้ ครูบอกคร่าวๆเท่านี้นะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2554 13:08 น. - comment id 124723
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา ครูว่าเกินร้อยไปแน่นอนจ้า ด้วยเรื่องมาได้แค่ เจ็ดสิบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เท่านั้นก่อนนั้นที่ครูจากไปว่าจะสรุปให้เร็วไป แต่เมื่อกลับมาแล้วก็จะดำเนินไปเรื่อยๆ อีกอย่างควรอ่านที่ครูตอบกระทู้เจ้า สุญญะกาศไว้ด้วยนะเพราะคือลักษณะ การเขียนร้อยแก้วไว้ใช้ในการเขียนเรื่อง ต่างๆ ส่วนการใช้คำนั้นก็เป็นลักษณะของ คนเขียนเอง ให้รู้แนวทาง การมองงาน เขียนเราต้องวางเรื่องให้จบต้น กลาง ปลาย กำหนดไว้ในใจเราก่อน เรื่องจะออกมา เองตามจินตนาการของหัวข้อเรื่องเอง แหละนะ งานเขียนของศิษย์เราครูอ่าน เสมอๆแหละ การเขียนก็ดีแล้วแต่ว่าการ วางเนื้อเรื่องนั้นควรจะสร้างของเราขึ้นเอง เพราะต่อไปจะติดเป็นนิสัยไปยากจะแก้ ไขได้ เมื่อเขียนไปต่อไปก็จะเขียนนิยาย ได้แหละ รักศิษย์เรามากๆเสมอๆจ้าผู้ที่ จะมาประสานงานครูต่อไป แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2554 20:16 น. - comment id 124724
สวัสดีค่ะคุณครูแก้วประเสริฐ ขอลักจำด้วยคนนะค่ะ.. ไม่ลักขโมยนะค่ะขออนุญาติก่อน อ่านเพลินเลยค่ะ..
1 กรกฎาคม 2554 21:06 น. - comment id 124725
คุณ กลั่นแก้ว ผมไม่เคยคิดจะหวงสิ่งที่ผมรู้เลยครับ เพียงแต่ว่าหากพอใจหรือไม่เท่านั้น หากคิด ว่ามีประโยชน์เอาไปเลยครับ ผมไม่เคยคิด ว่าหากนำแบบอย่างไรทำ ผมก็จะภูมิใจมาก เพราะเดี๋ยวนี้ในเวปฯนี้เมื่อก่อนนี้กับเดี๋ยวนี้ ต่างกันราวกับฟ้าดินเชียวครับ จะออกมาใน แนวทางผมเสียเป็นส่วนมากครับ ผมก็ดีใจ ด้วยเพราะการค้นคว้าของผมแตกต่างกับ สิ่งอื่นเป็นการรวบรัดแต่ก็ถึงปลายทาง เหมือนกันจะเรียกว่าเป็นทางลัดก็ได้ ผมเพียงแค่แนะนำทิ้งเอาไว้ คนที่สำคัญ คือคนเขียนเองครับ ผมมักบอกเสมอๆ ว่าอย่าเชื่อผมให้ทดลองดูก่อนว่าจะดีหรือ ไม่ดี หากดีก็เอาไปใช้ได้เลยครับ สิ่งที่ ผมภูมิใจคืดศิษย์ผมก่อนนั้นไม่มีอะไร บอกกว่าจะเขียนได้ยากจริงๆ แต่พอมา เป็นศิษย์เขาบอกว่าสิ่งเก่าผิดถนัดนี่ไม่ ใช่ผมจะยกตัวเองนะครับ ศิษย์ผมรู้สึก ว่าหลังจากที่มาขอคำแนะนำแล้ว ต่าง ล้วนก้าวเข้าสู่แนวหน้ากัน นี่แหละคือ ความพอใจผมมาก บางคนเก่งกว่าผม เสียอีก ยิ่งดีครับผมชอบมากอยากให้ เขาเก่งกว่าผมโลกจะได้เจริญครับ เชิญเลยครับไม่ต้องลักจำหรอกครับ ทดลองดูก่อนก็แล้วกันครับ เพียงอย่ามา ว่าผมก็พอใจแล้วครับ รักเสมอครับ แก้วประเสริฐ.
1 กรกฎาคม 2554 21:50 น. - comment id 124727
ไม่ว่าหลอกค่ะคุณครู มีแต่ชื่นชมค่ะเห็นไหมค่ะยิ้มฟันขาวเลย คุณครูดื่มแบรนด์ก่อนนอนด้วยนะค่ะ อุ่นร้อนๆดื่มดูนะค่ะ สุขภาพแข็งแรงนะค่ะ
1 กรกฎาคม 2554 21:59 น. - comment id 124728
คุณ กลั่นแก้ว ผมไม่หลอกใครอยู่แล้วครับขอบใจ มาจริงๆ ผมดื่มบ้างไม่ดื่มบ้างครับ แต่ไม่ เคยอุ่นเลยล่ะจ๊ะ เปิดมาก็ทานเลยคราวก่อน แชร์ตู้เย็นไว้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้วล่ะเปิดมาก็ ดื่มเลยล่ะจ้า ขอบใจมาก รักเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
2 กรกฎาคม 2554 22:08 น. - comment id 124733
หวัดดีครับ เขามาอ่านในคืนหมาหอน...ด้วยความสบายใ ใจ..ทำให้คลายเครียดเกี่ยวกับการเมืองไปได้ ได้มากโข.. ท่านไม่คอยสบายใช่ไหมครับ..ดูแลและ รักษาตัวเองด้วยนะครับ พรุ่งนี้ก้อ..ถึงวันสำคัญที่จะกำหนดขะตา บ้านเมืองนะครับ... คืนนี้หลับฝันดีนะครับ..พรุงนี้ไปกำหนด อนาคตประเทศไทยเปน 1 ครับ ด้วยจิตคารวะ
2 กรกฎาคม 2554 23:26 น. - comment id 124736
คุณ เอื้องอังกูร ครับผมไม่สบายค่อนข้างมากแต่ัยัง อุตส่าห์ไปเที่ยวที่ราชมังคลามาก็หนักใหญ่ แต่ช่างเถอะครับพรุ่งนี้ อย่างไรเดินไม่ได้ ก็ขอคลานไปเลือกตั้งแน่นอนครับ เบอร์1 เป็นสิ่งที่ผมชอบมาสมัยเด็กๆแล้วครับ พยายามไขว่คว้าให้ได้ที่หนึ่งหรือ เบอร์ 1 เสมอๆครับ ผมจึงรักมากเป็นพิเศษ ฉะนั้น แน่นอนครับเบอร์นี้ฝังใจมานานแล้วครับ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ด้วยความชอบนี่ แหละใครจะชอบอะไรก็ช่างแต่ผมชอบ เป็นหนึ่งเดียว ฮ่าๆๆๆ รักมากเสมอครับ แก้วประเสริฐ.
3 กรกฎาคม 2554 20:33 น. - comment id 124748
หวัดดีครับ หลังจากฟังแถลงข่าวการประกาศความ พ่ายแพ้ขอย่างยัยเยินองอดีตนายก..และว่าแถลงข่าวด้วยรอยยิ้มที่นายกหญิง คนแรกของแระเทศไทยแล้วก้อเลยเข้ามา ทักทายท่านครับ ก้อเปนอันว่าประชาชน...ชนะเด็ดขาดไปเลยครับ ต่อนี้ไปก้อคง..ก้าวไปสู่นโยบายของประชาชนครับ ประเทศนี้เมืองนี้คงจะสงบสุขและก้าว เปนผู้นำในย่านเอเชียนะครับ หลับฝันดี..หายป่วยและสุขภาพแข็งแร็งครับท่าน
3 กรกฎาคม 2554 22:35 น. - comment id 124751
คุณ เอื้องอังกูร ครับศิษย์เรา บอกตรงๆว่าผมดีใจที่สุด ี่ที่ประชาชนออกมาใช้เสียงมากเป็นประัวัติ การณ์ เทียบเท่ากับนายกทักษิณครั้งที่สอง แต่คราวนี้โดนกลั่นแกล้งก็ตาม แต่ กกต. ดีอย่างที่ให้เปิดนับคะแนนยังที่ใช้สิทธิ์ผม ไปเฝ้าตลอดเลยครับในหน่วยของผมเอง แล้วรีบกลับมาฟังข่าวแต่ไม่ใช่ทางทีวีนะครับ เพราะห่วยแตก ผมดูข่าวจากออนไลท์ เป็นข่าวยิ่งข่าวของ เอเซียอัปเดทข่าว แน่นอนกว่าครับแม่นยำมากๆ ทีวีดูไป สับสนไปครับ ก็รู้ๆอยู่กันแล้วล่ะ ครับ ความสงบตอนนี้ข่าวล่าสุด เกิน 264 ไป แล้วคะแนนนำแต่ยังไม่นิ่งนะครับ อาจจะ ถึง300ก็อาจะเป็นไปได้ครับ ต้องรอ เที่ยงคืนไปก่อนครับ แต่เพื่อไม่ให้่เป็น เผด็จการทางการเมือง ชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมแน่นอนครับ ถึงจะสามารถตั้ง รัฐบาลได้ก็ตาม ยกเว้นอุบัติเหตุเท่านั้น เองครับ บอกตรงๆศิษย์รัก ดีใจที่สุดที่ บ้านเราจะมีนายกหญิงคนที่ 16 ของโลก ครับ รักมากๆเสมอๆครับ ผมป่วยอยู่ก็ ตามแต่แรงกำลังใจรักความถูกต้องมีมาก กว่าจึงต้องทนๆๆเอาสู้ๆๆๆเอาครับ แก้วประเสริฐ.