อทิสมานกาย ๘๖

แก้วประเสริฐ


              อทิสมานกาย ๘๖
   ตะวันลอยแล้วเคลื่อนลับ จันทร์จากข้างขึ้นเป็นข้างแรมหมุนสลับ
เปลี่ยนไปตลอดเวลา เดี๋ยวมีมืดมีสว่างทอดนานวันสายลมแสงแดด
สลับหมุนเวียนสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
   
     กาลเวลาเดินหน้าตลอดเวลาชีวิตคนเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดหย่อน
ตามกระแสหมุนเวียน มิอาจจะย้อนคืนกลับมาได้  หมู่บ้านโคกอีแร้ง
ก็ไม่อาจจะย้อนทวนกลับคืนได้อีก คงปล่อยไปชาวบ้านต่างก็พากัน
เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
    การทำมาหากินถูกความเจริญเข้ามาครอบคลุมไปทั่ว  แม้แต่
วัดโคกอีกแรงก็เหมือนกัน  หลวงพ่อทองชราภาพมากแล้ว
  
อดีตกำนันหวน  ก็ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัตรหลังจากที่ลูกสาวได้ออก
เย้าเรือนไปแล้ว  ทุกๆอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด
    วัดที่เคยทรุดโทรมดีขึ้นตอนที่มีงานสร้างปูชนียวัตถุแล้วก็หยุด
ชะงักไป  บัดนี้ได้ถูกซ่อมแซมดีขึ้น และดีกว่าเดิมกว่าท่านถึงแม้ว่า
จะชราภาพมากแล้ว แต่ได้รับการช่วยเหลือจากอดีตกำนันหวนซึ่ง
ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากประสบการณ์ที่สะสมมาทำให้ วัดดูเจริญ
ขึ้นอย่างผิดหูผิดตา  บัดนี้ท่านมีฉายานามใหม่ว่า  อาจาริโยภิกขุ อัน
เป็นนามที่หลวงพ่อทองท่านตั้งให้ แต่ยังคงไว้ซึ่งชื่อเดิม คือ
พระภิกษุ หวน อาจาริโยซึ่งเป็นพระอุปปัชฌาจารย์เป็นผู้อุปสมบท
   ตั้งแต่เข้ามาสู่ร่มกาสาวพัตรภิกษุหวนก็เจริญธรรมปฏิบัติอย่างหมั่น
เพียรมิหยุดหย่อนจากตำราที่อาจารย์ทองมอบและตำราจากชายหนุ่ม
ที่มอบให้ มีวิชาของพ่อเชียรแม่เข็มและอาจารย์เลื่อม ซึ่งชายหนุ่มได้
อบรมแนะนำให้จนหมดมิปิดบังแม้แต่น้อย  แนะนำการเข้าสมาบัติ
จนก้าวล่วง  ดังนั้น พระภิกษุหวนจึงได้ขออนุญาติไปปลูกกุฎิที่ใต้
ต้นไม้ที่ฝังศพอาจารย์เลื่อมเป็นที่พำนัก ซ้ำยังได้รับการแนะนำ
     และการเจริญสมาธิยามใดท่องตำราอาจารย์เลื่อมก็คอยมาแนะนำ
ให้อยู่อย่างสม่ำเสมอ  การมาอยู่ในป่าช้าของท่านจึงเจริญก้าวหน้าทั้ง
สมาธิและวิชาการต่างๆอย่างรวดเร็วรุดหน้า จนได้รับการชมเชยจาก
อาจารย์เลื่อมซึ่งเป็นรุกขเทวาประจำอยู่บนต้นไทรนั้น
     กลางวันท่านก็มาร่วมสังฆกรรมกับภิกษุทั้งหลายจนเป็นที่โปรด
ปราณของหลวงพ่อทองเป็นอย่างมาก  ทั้งยังลงมือซ่อมแซมอาสนาะ
เรื่องเงินทองก็ใช้จ่ายในส่วนตอนเป็นฆราวาสอยู่จึงไม่เดือดร้อน
อะไรเลย ด้วยลูกชายได้นำมาถวายให้เป็นเนืองๆ
   ฉนั้นวัดจึงได้เจริญรุ่งเรืองตลอดจนสร้าง โบสถ์ กุฎิเพิ่มเติม ส่วน
โบสถ์เก่าก็เป็นวิหารไป  ได้มีการฝังลูกนิมิตรใหม่โดยนำลูกนิมิตร
เก่ารอบๆพระอุโบสถหลังเก่าขึ้นมายกเว้นที่ภายในโบสถ์เก่าเท่านั้น
มาฝังใหม่ยังโบสถ์ที่สร้างใหม่ ส่วนลูกนิมิตรที่ฝังไว้หน้าพระ
ประธานองค์เดิม ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้ชาวโคกอีแร้งปิดทอง ฉลอง
การสร้างโบสถ์กูฎีใหม่มีงานยกช่อฟ้า ดำเนินตามประเพณีงานวัด
จึงเกิดขึ้นอีกครั้งแต่ก็มีแค่คนชาวบ้านโคกอีกแร้งเท่านั้น ส่วน
โบสถ์ถูกสร้างวิจิตรการสง่างามใหญ่โต แบบแปลนในกรุงเทพฯ
กว้างขวางยกเป็นสองชั้น ดังนั้นวัดโคกอีแร้งจึงเจริญขึ้นกว่าวัดใดๆ
ในหมู่บ้านรอบๆไปมาก
   ครั้นหลวงพ่อทองเห็นก็ชมเชยอีกครั้งที่ภิกษุหวนได้ไปสอบ
นักธรรมเอกที่ในเมืองได้  ท่านจึงประกาศต่อภิกษุภายในวัดว่าหาก
ท่านสิ้นบุญแล้ว  ทุกๆอย่างภายในวัดให้ภิกษุหวนดูแลแทน ซึ่งพระ
ในวัดก็เห็นพ้องต้องกันไม่มีรูปใดขัด อีกทั้งที่วัดเจริญรุ่งเรืองได้ก็
ด้วยภิกษุหวน อาจาริโยท่านนี้อีกทั้งยังมีภูมิความรู้ทั้งทางปริยัติธรรม
และวิปัสสนาธรรมอันหาภิกษุรูปได้เหมือนได้ ด้วยภิกษุที่บวชนี้ส่วน
มากเมื่อครบพรรษาก็จะลาสิกขาบทออกไปทำมาหากิน เว้นแต่พระ
แก่เท่านั้นไม่กี่รูป
    ส่วนที่เหลือนั้นก็ไม่มีภูมิความรู้เท่ากับภิกษุหวนสักรูปเดียวถึงจะ
แก่พรรษากว่าก็ตาม  ทุกๆคนทราบว่าภิกษุหวนท่านเชี่ยวชาญธรรม
ทั้งด้านปริยัติและวิปัสสนาซึ่งไม่มีรูปใดเทียบได้ จึงเป็นการเหมาะ
สมอย่างยิ่ง  หลวงพ่อทองท่านก็มีหนังสือไปที่คณะสงฆ์จังหวัดว่า
หากสิ้นท่านไปแล้ว  ก็ขอมอบวัดการดูแลทั้งหมดให้แก่ภิกษุหวน
คณะสงฆ์จังหวัดทราบ
 
    ซึ่งพิจารณาเห็นว่าถึงแม้ว่าอ่อนพรรษาแต่อายุก็มากอยู่ด้วยแล้ว
 ยังสามารถศึกษาสอบได้นักธรรมเอกทั้งๆที่มีอายุมาก
ก็ให้เกิดความเชื่อมั่นจึงได้ทำหนังสือไปยังในเมือง
 
จนพระภิกษุหวนได้รับการมอบหมายจากคณะสงฆ์ในกรุงเทพฯ
แต่งตั้งเป็นท่านพระครูสัญญาบัตร เป็นรองเจ้าอาวาสรับการทอดสืบ
ต่อจากหลวงพ่อทองทันทีในอนาคตต่อไป
    หลังจากที่เจ้าชัย บงกช พ่อเชียรและแม่เข็ม ได้ออกไปงานไร่แล้ว
ภายในบ้านจึงมีคนไม่กี่คนเท่านั้น   เจ้าเปล่งหลังจากที่ได้รับการ
ถ่ายทอดวิชาการต่างๆจากชายหนุ่มจนหมดสิ้น  ได้หมั่นเพียรฝึกฝน
อาศัยมันเป็นคนที่มีไหวพริบปฎิภาณจดจำได้แม่นยำจึงผ่านการ
ศึกษาวิชาการต่างๆไปได้อย่างรวดเร็ว
    มันจึงออกมานั่งคิดทบทวนวิชาการต่างๆที่หัวบันไดบ้านทอดสาย
ตาไปมองบริเวณรอบๆบ้าน ภายในใจก็นึกว่านับเป็นบุญวาสนาของ
มันอย่างยิ่งที่มารับใช้นายคนนี้ของมันในทุกๆสิ่งทุกๆอย่างไว้ ด้วย
จิตออกจะฟุ้งซ่าน  แต่มันก็ต้องหยุดด้วยมานึกถึงคำอาจารย์ทั้งเป็น
นายมันอีกด้วยจึงหยุดอารมณ์ฟุ้งซ่านทันที นอกจากผ่อนคลาย
อารมณ์ของมันเท่านั้นเอง
    ทันใดนั้นมันก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีมือมาตบบนไหล่มัน จึงหัน
หน้าไปมอง  แล้วยกมือไหว้เอ่ยขึ้นว่า
   “พี่สินชัย???...มีอะไรหรือครับ”
   “ข้าไม่มีอะไรหรอก นายให้มาตามตัวเข้าไปพบในห้องแน๊ะ”
   “อ้าวข้าก็พึงจะออกมาไม่เท่าไหร่นี่นาพี่???....”
   “เอ๊ะ!!!!ๆๆๆ???....ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ด้วยแม่นางอาจารย์ท่าน
ก็มาอยู่ด้วย  เอ็งเข้าไปไหว้ท่านทั้งสองด้วยนะเจ้าเปล่ง”
   “อาจารย์หญิง????.....ใครล่ะผมไม่เห็นมีใครนอกจากแม่ชบาเท่า
นั้นเองครับพี่”
   “เออๆๆๆ....เดี๋ยวเอ็งก็รู้ล่ะว่าเป็นใคร ข้าบอกก่อนนะโว้ยอาจารย์
ไม่ใช่คนธรรมดาด้วยล่ะ”
   “อ้าวๆๆๆไม่ใช่คนธรรมดา ก็ผีซิพี่???...”
   “ไอ้ห่านี่ปากเสียแล้วซิ น่าเตะจริงๆว๊ะ  ไม่ใช่ผีโว้ยไอ้เปล่ง”
   “เดี๋ยวเอ็งก็เห็นหรอกว๊ะ ว่าเป็นผีหรืออะไรกัน ไปโว้ยรีบๆไป”
     ไอ้เปล่งทำหน้างุนงงสงสัย  พึมพรำเบาๆไม่ใช่ผีก็เทวดาซิ แล้วก็
ลุกขึ้น ตามสินชัยเข้าไปในห้องหาชายหนุ่ม ไม่กล่าวอะไรอีก เดิน
ตามสินชัยเข้าห้องไป
      ภายในห้องเจ้าเปล่งแลเห็นอาจารย์นายมันกำลังนั่งสนทนากับ
หญิงสาวอยู่ ขณะที่มันกำลังจะก้าวเข้าประตู้ห้อง ก็พาตกตลึงไป
ในทันที เมื่อเห็นหญิงสาวทั้งสองหันหน้ามามองมัน 
   “โอ้โห้!!!!????....????......”
   เสียงมันพึมพรำออกมาเบาๆตาเบิ่งค้างด้วย
สองสาวที่มันแลเห็นนั้นหาใช่คนธรรมดาไม่  ด้วยมีฉัพรังษีแพรว
พรายพราวส่งประกายหลากสีช่างเปล่งออกมากจากร่างนางทั้งสอง
สวยงามอะไรเช่นนี้ ในชีวิตมันเกิดมาก็พึ่งจะพบเห็นนี่แหละ
ถึงแม้ว่ามันจะไม่เคยจีบสาวใดๆแต่ก็ผ่านพบมามากเสียมากยังหา
งามเท่าแม่นางทั้งสองนี้ไปได้  หล่อนช่างงดงามเสียนี่กระไร???...
   “ตกตะลึงอะไรอีกล่ะ???....เสียงสินชัยเอ่ยขึ้น
   “นี่อาจารย์แม่ทั้งสอง  ที่กูบอกมึงแล้วไงล่ะ”
   มันทั้งๆตกตลึงพรึงเพริศกระนั้นก็ตาม ก็รีบทรุดตัวลงกราบ
ไปยังไม่นางทั้งสองทันที มันทราบว่าอะไรคืออะไรมิฉนั้นพี่สินชัย
กับพี่แสงสีคงจะไม่ให้ความเคารพนบนอบเช่นนี้มันคิดในใจ
   “ข้าขื่อเปล่ง ขอกราบอาจารย์แม่ทั้งสองด้วย”
ว่าแล้วมันก็ก้มลงกราบ   ชายหนุ่มยิ้มให้แก่มันพร้อมแนะนำว่า
   “ขวามือข้า คือแม่นางรัตนาวดีเทพอัปสร ซ้ายมือข้าคือแม่นาง
อ้อยวิลาวัย์เทพอัปสร  รู้จักไว้ด้วยนะเปล่ง”
   เจ้าแสงสี พลันเอ่ยขึ้นว่า
   “ข้ากับน้องสินชัยเป็นศิษย์อาจารย์แม่เหมือนกัน เอ็งรีบฝากเนื้อ
ฝากตัวขอร่ำเรียนวิชาการต่างๆไว้ด้วยนะเจ้าเปล่ง”
   “ครับพี่แสงสี  เกิดมาผมไม่เคยเห็นใครงามเท่าเอาจารย์แม่เลย
นับว่าเป็นบุญวาสนาผมอย่างยิ่ง  หากเพื่อนๆผมเห็นเหมือนผม
คิดว่ามันก็จะคงเหมือนผมแหละพี่”
   แล้วมันก็หันหน้าไปทางชายหนุ่ม  พลางเอื้อนเอ่ยว่า
   “นายมีอะไรจะใช้ผมหรือ  อ้อ อีกอย่างหนึ่งผมก็มีอะไรจะขอร้อง
นายเหมือนกันครับ  ด้วยผมคิดว่าหากผมอยู่ที่นี้จะไม่เหมาะสมทั้ง
ปวง  อาจจะเกิดขึ้นเป็นที่สงสัยแก่คนอื่นได้ครับนาย”
   “เปล่งข้าไม่มีอะไรหรอกนอกจากจะแนะนำให้รู้จักแม่นางทั้งสอง
เท่านั้นเอง  แล้วเรื่องเปล่งล่ะมีอะไรก็บอกมาได้เลยนะไม่ต้องห่วง
หรอกหรือว่าเจ้าจะแยกตัวออกไปพักแถวบริเวณป่าหน้าบ้านข้าแล้ว
เพราะข้าอ่านจิตใจเจ้าออกหมดแล้ว  แล้วข้าจะให้เด็กๆไปช่วยเหลือ
เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรหรอก”
   ชายหนุ่มกล่าวขึ้นลอยๆ   ทำเอาเจ้าเปล่งถึงกับอ้าปากค้างทันทีด้วย
คิดว่านายมันรู้จิตใจมันได้อย่างไรกันจึงกล่าวขึ้นว่า
   “ครับนาย  ผมเกรงว่าหากผมอยู่ด้วยผมเป็นคนที่คนถิ่นนี้หลายหมู่
บ้านรู้จักผมดี เมื่อผมร่ำเรียนวิชาต่างๆจากนายจนสามารถรักษาตัว
เองได้แล้วก็ไม่อยากจะให้ชาวบ้านเขาสงสัยอะไรครับนาย”
   “ข้อนั้นข้ารู้แล้วล่ะเปล่งเอ๋ย  สมแล้วที่ข้าดูคนไม่ผิดหรอก
 เจ้ากลัวว่าหากคนอื่นที่รู้จักเจ้า 
 
จะเดือดร้อนมายังข้าด้วยใช่ไหมล่ะ???....”
   “ ครับนาย  อีกอย่างหนึ่งหากได้ไปอยู่ในป่าแถบเชิงเขานั้นที่สงบ
เงียบจะทำให้วิชาต่างๆรุดหน้าไปอีกมากครับ  อีกอย่างหนึ่งผมได้
ศึกษาวิชาการวางกลยุทธต่างๆไว้จากหนังสือต่างประเทศมาครับ
คิดว่า  คนที่จะไปหาผมหากไม่รู้วิชานี้ย่อมยากจะเข้าไปหาผมได้
และจะได้ทดลองวิชาที่ร่ำเรียนมาด้วยครับนาย”
   “อ้อวิชาค่ายกลพรางรูปแบบคล้ายเขาวงกตใช่ไหมล่ะเปล่ง”
   “ใช่ครับนาย????....นายก็รู้วิชานี้เหมือนกันหรือครับ”
   “ข้าเรียนรู้มาหมดแล้วล่ะ ด้วยจะทำได้ต้องใช้ภูมิประเทศประกอบ
ด้วยถึงจะสมฤทธิ์ผล  แต่ที่เจ้าไปคงจะไปดูสภาพมาแล้วกระมัง”
   “ครับผมว่างๆก็ออกไปสำรวจมา พบแต่ไพร่พลหุ่นพยนต์ของนาย
เท่านั้นที่อาศัยอยู่ ส่วนสิงสาราสัตว์ก็มีบ้างแต่ปะปรายครับนาย”
   “ดีเหมือนกันน่ะเปล่ง จะได้ฝึกฝนวิชาการต่างๆไปในตัวเจ้าด้วย
อีกอย่างหนึ่งข้าก็จะวางมือทางนี้เสียด้วย จึงหาตัวแทนคือเจ้านั่น
แหละที่เหมาะสมทุกประการมาทำงานให้แก่ข้า  จึงให้เจ้ามาพักกับ
ข้าเสียที่นี่  ด้วยข้าตรวจสอบสังหรณ์ใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อ
บ้านเมืองอย่างขนานใหญ่อีกด้วย  อ้อๆๆๆอีกอาทิตย์หน้าข้าก็จะ
ต้องไปในกรุงเทพฯสักพักหนึ่งด้วย  ฉะนั้นทางนี้จึงให้เจ้ากับแสงสี
และสินชัย เจ้า พ่วง เจ้าเริ่ม คอยดูแลในระหว่างข้าไม่อยู่อีกด้วยล่ะ”
   “ขอเป็นเพียงนายสั่งมาคำเดียวแม้จะให้ข้าลุยน้ำบุกไฟข้ายอม
ทั้งสิ้น  จะไม่ปฏิเสธนายเลยครับ”
    ทั้งหมดที่อยู่ด้วยอันเป็นลูกน้องเขารวมเจ้าเปล่งซึ่งเป็นคนเพียง
คนเดียวต่างรับคำพร้อมเพรียงกัน
แล้วชายหนุ่มก็หันหน้าไปทางเจ้าเริ่ม เจ้าพ่วง  เจ้าทั้งสองให้ไปเกณฑ์
พวกเรารีบไปสร้างกระท่อมให้แก่เจ้าเปล่งโดยเร็วเสียล่ะ ข้าคิดว่า
ใช้เวลาวันสองวันก็คงเสร็จด้วยเครื่องไม้เครื่องมือก็มีพร้อมแล้วนี่นา
เพราะเจ้าเปล่งมันจะได้ดำเนินงานของมันเอง  เจ้าแสงสีสินชัยและ
เจ้าทั้งสองก็ค่อยติดตามศึกษางานมันด้วยนะ   ด้วยวิชาของเจ้าเปล่ง
มันแม้กระทั่งภูตผีปีศาจหรือหุ่นพยนต์ก็มิอาจจะเข้าไปได้ หากไม่
รู้ทางเข้าทางออก จะหลงติดอยู่ในนั้นไปไหนไม่ได้ด้วยล่ะ”
   “ร้ายกาจ!!!!????.....ถึงเพียงนั้นหรือนาย”
ทั้งสีอุทานลั่น
   “ใช่แล้วล่ะ  การวางกลของมันไม่ใช่วางแบบตำราหรอกแต่มันจะ
ใช้อาคมที่ร่ำเรียนมาจากข้าประกอบเข้าไปด้วย จะมียันต์ต่างๆป้อง
กันพวกดังกล่าวไว้อีกชั้นหนึ่งด่วย ใช่ไหมล่ะเจ้าเปล่ง”
   ไอ้เปล่งได้ยินก็ถึงกับปากอ้าตาค้างไปทันที  จนแม่นางอัปสรทั้ง
สองต่างหัวร่อต่อกัน  แล้วทั้งสองพลันเอ่ยขึ้นว่า
   “เจ้าเปล่ง  เหลือเวลาอีกสองวัน  ให้เจ้าอย่าไปไหนอยู่กับข้าเวลา
ตกค่ำๆให้มาศึกษาวิชาต่างๆจากข้าด้วย เนื่องจากเป็นวิชาชั้นสูงของ
เหล่าเทพยดาใช้  พวกข้ามองออกว่าอาศัยสติปัญญาอย่างเจ้าเพียงแค่
วันเดียวก็สามารถทำได้แล้วเพราะแกร่ำเรียนมากจากพี่โชติเขาไป
มากแล้วล่ะ”
   “ครับนายแม่ ผมจะพยายามอย่างที่สุดครับ”
   แล้วมันก็หันไปกราบแม่นางเทพอัปสรทั้งสองทันที ด้วยความ
ปลาบปลื้มปิติยินดีอย่างยิ่ง
   “เจ้าเปล่งเอ๋ย  บัดนี้ข้าก็ได้ถ่ายทอดวิชาการต่างๆตลอดจนการ
ต่อสู้ทั้งหมดให้แก่เจ้าหมดสิ้นแล้ว หวังว่าเจ้าคงจะไม่ใช้ไปใน
ทางที่ผิดนะ  ให้หมั่นทำความดีส่วนข้านั้นมันไม่สะดวกในการ
นี้ด้วยต่อไปอาจจะไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าอีกแล้วล่ะ”
   “อ้าวๆๆๆๆ..?????....อ้าวๆๆๆแล้วนายจะไปไหนล่ะหากไม่อยู่
ที่นี้อีกนะ”
    ไอ้เปล่งแสงสีสินชัยเจ้าพ่วงเจ้าเริ่มต่างอุทานขึ้นมาพร้อมๆกัน
   “ทุกๆอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอๆแต่ยังไม่ถึงวันนั้น
หรอกให้พวกเจ้าสบายใจได้  ข้าเพียงเกริ่นๆให้พวกเจ้ารู้เพื่อจะ
ได้ทำใจ   อ้อๆๆๆเจ้าทั้งสี่หากข้าวางมือเสียให้เจ้าถึงแม้ว่าจะมี
อายุอานามมากกว่าเจ้าเปล่งก็ตาม  แต่ข้าสั่งให้เจ้าทุกๆคนจงเชื่อ
คำสั่งเจ้าเปล่งเสมือนเป็นคำสั่งข้าด้วยนะ”
   “ครับนายหากเป็นคำสั่งเช่นนั้นข้าทั้งสี่จะปฏิบัติตามคำสั่งนาย
โดยยกย่องเจ้าเปล่งมันเป็นหัวหน้าของพวกข้าครับนาย”
   “เออๆๆๆดีแล้วล่ะ  เพราะเจ้าเปล่งนั้นมันเหมาะกับงานนี้อีก
ทั้งสติปัญญามันได้รับพรมาตลอดจนการวางแผนการณ์ต่างๆ
นั้นมันกะเหตุการณ์ไม่เคยผิดพลาดมาเลย  เอ็งดูซิขนาดเอ็งอยู่
กับข้ามานาน วิชาการต่างๆยังไม่อาจจะเทียบเท่าเจ้าเปล่งได้
เลย ไม่ใช่ว่าข้าจะดูถูกเอ็งนะเอ็งก็คงจะรู้ด้วยตัวของตัวเองอยู่
แล้วนี่นา  ใช่ไหมล่ะ???...”
   “ครับนาย...ข้าก็รู้ถึงความรู้สึกภายในเหมือนกันว่าทำไมเจ้า
เปล่งมาทีหลังแต่ทำไมมันจึงก้าวหน้าเกินกว่าพวกข้าไปได้พึ่ง
มารู้ว่ามันได้รับพรจากสรวงมานั่นเองครับนาย”
   “นั่นแหละเบื้องบนเขาส่งมันมาให้รับใช้ข้าโดยเฉพาะเพื่อ
ไม่ให้ข้าต้องพวักพะวง ทำให้เสียหายแก่เบื้องหน้าไปจึงได้
ส่งมันมาให้แก่ข้า”
    กล่าวจบชายหนุ่มก็ยกมือไหวเหนือศีรษะไปยังเบื้องบนทันที
พลันแม่นางรัตนาวดีก็เอ่ยขึ้นว่า
   “เจ้าเปล่งนั้นมันเป็นเทพที่จุติลงมาเพื่อรับใช้พี่โชติ คอยจังหวะ
เท่านั้นเองนะ  ดังนั้นเอ็งจะเห็นได้ว่าในทั้งหกคนนั้นพี่โชติเขารู้
เขาจึงเลือกเจ้าเปล่งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ให้มารับถ่ายทอดวิชา
การต่างๆจากเขาจนหมดสิ้น”
   “อ้อเหตุดังนี้เอง พวกข้าสิ้นสงสัยแล้วล่ะ  เมื่อนายแม่เอ่ยเช่นนี้
ข้าก็พร้อมจะคอยฟังคำสั่งน้องเปล่งโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรๆทั้งสิ้น
ครับนายและนายแม่”
    คนทั้งสี่เอ่ยขึ้น  ที่เรียกว่าคนนั้นทั้งที่เป็นแค่หุ่นพยนต์แต่บัดนี้
ร่างมันแปรสภาพไปเป็นคนเรียบร้อยแล้วระหว่างกึ่งคนกึ่งเทพไป
   หากเป็นเช่นนี้ ข้าทั้งสองขอลานายไปทำธุระที่นายสั่งไว้ก่อนก็
แล้วกันนะนาย   พลางเจ้าพ่วงและเจ้าเริ่มก็ก้มลงกราบชายหนุ่ม
และแม่นางอัปสรทั้งสองแล้วร่างมันก็ค่อยๆเลือนลางหายไป.......
             แก้วประเสริฐ.

1139348gm3744qpip.gif				
comments powered by Disqus
  • เอื้องอังกูร

    27 เมษายน 2554 11:48 น. - comment id 123588

    หวัดดีครับ
       อ่านจบก่อนกินข้าวเที่ยง...วันนี้ต้องกิน
    อาหารอร่อยเปนแน่แท้..ขอบคุณครับ
    ที่ทำให้อารมณ์ดี..เมื่ออ่าน  อทิสมานกาย
    36.gif16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    27 เมษายน 2554 13:32 น. - comment id 123589

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เอื้องอังกูร
    
          ขอบคุณครับ ผมมานั่งคิดอะไรบาง
    อย่างไว้ จึงหักเหเรื่องเพิ่มขึ้นอีกแต่ก็จะ
    ผสมผสานระหว่างผีสางนางไม้เทพอัปสร
    คนเพิ่มสิ่งปัจจุบันอนาคตไว้อีกด้วย 
         กำลังคิดว่าจะดีหรือไม่เท่านั้นครับหาก
    เพิ่มก็จะยาวเกินไป จึงทิ้งระยะไว้ให้ตกหน้า
    ไปก่อน ค่อยเริ่มเขียนไว้ครับ ตั้งใจว่าเรื่อง
    ต่อไปจะเขียนเกี่ยวกับการท่องไพรผจญ
    ในสิ่งมหัศจรรย์ไว้ ด้วยนิสัยผมนั้นชอบ
    ป่าเขาลำเนาไพรมากๆครับ คิดว่าสนุก
    แน่ๆครับ แต่เรื่องจะยาวๆมากครับ
          ให้จบเรื่องนี้ก่อนแล้วขอเวลาพัก
    หน่อยจะเขียนให้อ่านครับ ถึงแม้จะไม่
    ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไรครับ
    มีคุณอยู่ข้างเคียงก็พอใจผมแล้วล่ะครับ
         ขอบคุณที่มาเม้นท์เป็นกำลังใจครับ
    รักมากๆเสมอครับ
    
                 16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน