ปาฐกถาโดยอนุตตราจารย์ชิงไห่ด้วยภาษาจีน ณ ที่ธรรมสถานซีหู ฟอร์โมซา เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๑๙๙๔ เดิมทีเดียวพวกเราได้อยู่กับพระผู้เป็นเจ้าด้วยกัน เราเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พุทธเจ้าที่สูงสุด ในกาลครั้งนั้นจักรวาลไม่มีเรื่องใดที่จะต้องให้พวกเราทำ มันว่างเปล่าไปหมดเหมือนดั่งเช่นมหาสมุทรแห่งความรัก ไม่มีการมาและไม่มีการไป เงียบสงบและก็ไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีสิ่งที่น่าสนใจใดๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้นเมื่อพระผู้เป็นเจ้าหรือผู้ให้กำเนิดจักรวาลมีความคิดที่จะให้จักรวาลของพวกเรามีการเคลื่อนไหวบ้าง มีเวลาให้แสดงลีลาลวดลาย พวกเราทั้งหลายก็ต่างเห็นด้วย หลังจากเห็นด้วยด้วยความปิติยินดีแล้ว พวกเราต่างก็ได้แบ่งปันงานส่วนหนึ่งของผู้สร้างจักรวาล แต่ละคนล้วนต้องรีบไปทำหนึ่งสิ่ง แต่ละคนต้องแสดงไปตามบทที่กำหนดให้ ดังนั้นพวกเราจึงมีผิวพรรณที่แตกต่างกันหลายอย่าง มีอุปนิสัยที่ต่างกัน และยังมีอารมณ์ที่ต่างกัน ต่างคนต่างมีบทบาทของตน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงมีการสร้าง มีจักรวาลปรากฏออกมา จึงมีดาวดวงนี้ ดาวดวงนั้น มีประเทศนี้ ประเทศนั้น มีคนคนนี้ คนคนนั้น ขณะที่พวกเราลงมาก็ถือโอกาสพกพา เครื่องมือ หรือ ของเล่น ติดตัวลงมาด้วย อย่างเช่น อุปนิสัยของพวกท่าน มีบทบาทคือพวกของเล่นเพราะว่าเราได้สร้างมันออกมาแล้ว เราก็ต้องทำลายมันให้หมดไปด้วย เพราะเหตุว่ายังต้องมีการพักผ่อน และสร้างสิ่งใหม่อีก สมมุติว่าท่านได้สร้างอุปนิสัยที่ค่อนข้างเลวออกมา หรืออาจจะมีความกร้าวร้าวเเอะอะมะเทิ่งหรือชอบฆ่าคน แม้ว่าบทบาทของท่านคืออย่างนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเล่นอย่างนี้ตลอดไป เพราะว่าบทบาทที่เราสวมบทอยู่นั้นมีขอบเขตจำกัด อย่างมากก็ให้ท่านเล่นกันสักร้อยปีหรืออย่างมากก็ให้ท่านฆ่าคนสักสามสี่คนเท่านั้น เรื่องทั้งหมดก็เพื่อที่จะให้ละครเรื่องนี้สืบต่อกันเพื่อที่จะให้จักรวาลเคลื่อนไหวหมุนกันต่อไป ทั้งสิ่งดีและสิ่งชั่วมีการเวียนว่าย แต่ว่าท่านไม่สามารถฆ่าติดต่อกันเช่นนี้เรื่อยไป หรือว่าท่านไม่สามารถจะกร้าวร้าวเอะอะมะเทิ่งเช่นนี้ต่อไปอีก ในที่สุดท่านเองก็ยังคงต้องทำลายอุปนิสัยนั้นให้หมดสิ้นไป ท่านสร้างอุปนิสัยที่ตนเองอยากเป็นก็เพื่อที่ติดตามตัวท่านมาเล่นด้วยกัน เมื่อเล่นจบแล้วเครื่องมืออันนั้น อุปนิสัยเลวร้ายนั้นตัวเองควรทำลายมันไป จะทำลายมันได้อย่างไรเล่า? ตนเองควรต้องพยายามกำจัดอุปนิสัยนี้ เดิมทีเดียวอุปนิสัยเพียงเพื่อตามลงมาเล่นกับพวกเราเท่านั้น แต่เนื่องจากมันเป็นสิ่งไม่ดี ดังนั้นท่านก็ควรที่จะทำลายมันไป การทำลายนั้น ไม่ใช่จะให้คนอื่นมาช่วยท่านทำลายมัน ท่านเองควรเป็นผู้ทำลายอุปนิสัยนี้ด้วยตนเอง ทำให้อุปนิสัยนี้หลอมละลายไป ภายหลังท่านจึงจะกลับไปยังคุณสมบัติที่อยู่ในภาวะไม่ดีไม่เลว เข้าใจความหมายของอาจารย์ไหมล่ะ? มิฉะนั้นแล้วท่านก็จะพกพาอุปนิสัยอันนั้นติดตัวอยู่ในวังวนเวียนว่ายอยู่ในจักรวาล เป็นมลทินกับตนเองและยังไปเปรอะเปื้อนคนทั่วไป ถ้าไม่ชำระล้างมันออกไปก็จะไม่มีวิธีใดอีกที่จะหวนกลับมายังจิตเดิมแท้อันเก่าก่อน ที่ยังไม่ได้เล่นละครกัน จะอย่างก็ตามก่อนท่านจะตายไป ถ้ายังไม่ได้ทำลายอุปนิสัยของตน ท่านก็จะกลับไปยังที่เดิมไม่ได้ เพราะเหตุว่าก่อนที่เรายังไม่ลงมานั้น เดิมทีเดียวไม่มีของเล่นเหล่านี้ ไม่มีคุณสมบัติเช่นนี้ ไม่มีอุปนิสัยเหล่านี้ เวลานั้นเราอยู่อย่างเรียบง่ายอยู่ในทะเลแห่งความรักและความบริสุทธิ์มีความรักเช่นเดียวกับความรักของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสมบูรณ์และมีความสามารถทุกอย่าง เนื่องจากมาเล่นยังสหโลกธาตุเพื่อเล่นละครทำให้จักรวาลมีการเปลี่ยนแปลงลีลาลวดลายที่ต่างกันไป ทำให้มันน่าเล่น ดังนั้นจึงต้องพกคุณสมบัติ (อุปนิสัย) บางอย่างมาเล่นเหมือนดังผู้ที่เล่นละครกัน เดิมทีเราเป็นพระบุตรและพระธิดาของพระผู้เป็นเจ้า เป็นเอกภาพเดียวกันกับพระผู้เป็นเจ้า ต่อมาเพราะว่าพวกเราได้ทำสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าทุกคนต่างต้องการเล่นด้วยกัน พวกเราสนับสนุนโครงการกำเนิดสร้างของพระผู้เป็นเจ้า ทุกคนเห็นด้วยแล้ว ดังนั้นจึงกำเนิดสร้างตามโครงการ โดยสร้างเป็นทวีปอัฟริกา ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา....ควรเป็นอย่างไร ฟอร์โมซา กัมพูชา ประเทศไทย....ควรเป็นอย่างไรอีก ต่างก็มีอุปนิสัยที่แตกต่างกัน ต่างมีลีลาลวดลายที่ต่างกัน แต่ว่าบางเวลาพวกเราลงมาเล่นมากเกินไปเสียแล้ว ลืมล้างเครื่องสำอางค์ที่แต่งหน้าตาของตนเองในบทบาทของละคร ลืมถอดหน้ากากและเล่นไม่ยอมเลิก พวกเราลืมพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เล่นไปเรื่อยๆ หยุดไม่ได้ ดังนั้นทางสหโลกธาตุในปัจจุบันนี้จึงไม่สนุกอีกต่อไป ยิ่งเล่นยิ่งแย่ มาบัดนี้พวกที่เบื่อที่จะเล่น พวกที่รู้ดีว่าเมื่อเล่นจบแล้วก็ต้องพักผ่อนกัน ควรนำเอาคุณสมบัติที่ตนเองขอยืมมาจากภูมิภพที่สองนั้นทำลายให้หมดสิ้นไป เหนือภูมิภพที่สองขึ้นไปก็ไม่มีอุปนิสัยเหล่านี้แล้ว แม้แต่มันสมองซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายในของเราก็ไม่ต้องใช้มันอีก เบื้องบนนั้นไม่ต้องการเครื่องมือเหล่านี้ ไม่มีเวรกรรม ก็ไม่มีความต้องการอุปนิสัยใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ต้องการความดีความเลวใดๆ เดิมทีเดียวนั้นมันเรียบๆ จืดชืดกัน ในปัจจุบันถ้าเราต้องการกลับบ้าน ก่อนอื่นต้องนำเอาคุณสมบัติ เครื่องมือ หลอมละลายไปให้หมด เอาอุปนิสัยที่พวกเราขอยืมมานั้นทำลายให้หมดแล้วจึงจะกลับไปยังสภาพเดิมได้ เข้าใจความหมายของอาจารย์ไหมเล่า? เพราะพวกท่านมาเล่นอยู่ที่นี่นานเกินไปเสียแล้ว ดังนั้นจึงลืมไปเลย จึงยังเล่นต่อไปเรื่อยๆ ถ้าต้องการกลับไปในปัจจุบัน ก็ต้องติดตามอาจารย์ เชื่อฟังการชี้แนะของอาจารย์ เอาสิ่งที่ไม่ดี เครื่องมือที่ขอยืมมาทำลายมันไป ไม่โลภอีก ไม่โกรธอีก ไม่หลงอีก ไม่ดื่มเหล้า ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่มีอุปนิสัยที่เลว ถ้าพวกท่านปล่อยวางสิ่งเหล่านี้ไม่ลง ก็ต้องอยู่ที่นี่กันต่อไป เป็นเพราะอะไรเล่า? เพราะเครื่องมือชนิดนี้และคุณสมบัติอย่างนี้มันเป็นของที่นี่ ถ้าเรายังคงยึดอยู่กับสิ่งเหล่านี้เราก็ต้องอยู่ที่นี่ อยู่กับสิ่งที่เราพกพามา ไม่พกพาสิ่งเหล่านั้นจึงจะขึ้นไปได้ เหมือนกับถ้าพวกเราพวกเราจะเข้าพบท่านประธานาธิบดีกัน ถุงและสิ่งของที่พวกท่านพกพาเมื่ออยู่ข้างนอก บางครั้งก็พกพาปืน แต่พอเข้ามายังทำเนียบประธานาธิบดีสิ่งของเหล่านั้นไม่สามารถเอาเข้าไปโดยต้องวางไว้ข้างนอก ถ้าท่านไม่คิดที่จะวางอาวุธ ไม่คิดที่จะเอาถุงเหล่านั้น.... รวมทั้งสิ่งของต่างๆ ให้ไว้กับตำรวจที่รักษาความปลอดภัย ท่านก็จะไม่สามารถเข้าไปพบประธานาธิบดีได้ ในทำนองเดียวกัน ถ้าพวกเรายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง และจิตใจที่มีต่อลาภยศสรรเสริญอีก และยังมีคุณสมบัติของความชั่วร้ายอีก ก็จะไม่สามารถขึ้นไปพบจ้าวแห่งจักรวาล เพราะว่าข้างบนโน้นไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ ขณะที่พวกเรามายังสหโลกธาตุ เพื่อเล่นสนุกด้วยกันมีบางคนเลือกเอาคุณสมบัติที่เลวกว่า บ้างก็เลือกเอาตำแหน่งที่สูงส่งกว่า ตามข้อเท็จจริงแล้ว เมื่ออยู่ในโลกนี้ พวกเราจึงจะมีความดี ความเลว จึงจะมีการดูคนเป็นคนดีหรือเป็นคนเลว จึงมีการดูคนว่าเป็นคนชั้นสูงหรือเป็นคนชั้นต่ำ มิฉะนั้นแล้วขณะที่พวกเราเลือกอยู่ข้างบนไม่มีใครที่เจาะจงจะเลือกอะไรหรอก เหมือนกับว่าพระผู้เป็นเจ้าทิ้งคุณภาพต่างๆ เป็นกองใหญ่โตอยู่ที่นั่นมีทั้งดีทั้งเลว ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความกร้าวร้าวระรานฉุนเฉียว และความใจดี ปล่อยให้เราหยิบไปสวมใส่อย่างใดอย่างหนึ่ง เหมือนกับสวมเสื้อผ้า โดยไม่มีใครบ่นว่าตำแหน่งนี้ไม่ดี เขาไม่เอา เขาอยากเป็นพระเจ้าแผ่นดิน หรือว่าเขาไม่ต้องการเป็นตำรวจ เวลานั้นไม่มีใครคิดเช่นนี้ พวกเราขณะที่อยู่ข้างบนนั้นทั้งหมดมีความเสมอภาพกันหมด ไม่สนใจต่อลาภ ยศ สรรเสริญ และก็ไม่คำนึงถึงความยากจน อาภัพอับโชค หรือว่าหุ่นดีหรือไม่ดี เป็นต้น เพราะว่าพวกเราเห็นด้วยกับพระผู้เป็นเจ้าที่จะร่วมกันสร้างจักรวาล ซึ่งควรจะให้มีลวดลายหลายแบบ ควรมีมนุษย์ มีสัตว์ มีดอกไม้ มีต้นไม้ เป็นต้น และโดยที่พวกเราแต่ละคนยินดีที่จะรับบทบาทใดบทบาทหนึ่งซึ่งอยู่ในโครงการณ์กำเนิดสร้างเลือกเอาอุปนิสัยมาสักอย่าง แต่ว่าหลังจากทำตามบทบาทกันแล้ว ก็ต้องทำลายคุณสมบัตินั้นให้หมดไป ไม่ให้มันพเนจรอยู่ในจักรวาล เพราะว่าดั้งเดิมของจักรวาลนั้นมันเรียบง่ายมาก สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งนัก มีแต่ความรักความเมตตา ดังผืนน้ำมหาสมุทรเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สามารถให้คุณภาพนั้นๆ หลงเหลืออยู่ ถ้าไม่ทำลายให้หมดไป สุดท้ายยังไม่มีวิธีที่จะต่อสู้กับการบ้านนี้ของตนเองให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ได้ฝึกหัดทำให้ได้ ขจัด ทำลายคุณสมบัตินั้น พวกเราก็จะต้องเก็บมันไว้ในกระเป๋าของตนเอง เหมือนกับว่าไม่ได้ใช้เงินที่เหลือ ยังเก็บไว้ในกระเป๋าฉันใดฉันนั้น แล้วถ้าครั้งต่อไปยังมาอีก ก็ต้องเลือกเครื่องมืออย่างอื่นอีกอัน คุณภาพอีกอย่างจึงจะลงมาได้ ไม่มีใครที่ลงมาด้วยความสมบูรณ์อย่างบริบูรณ์ ตั้งแต่เกิดมาถึงขึ้นตอนนั้นๆ ก็จะต้องไม่สมบูรณ์หมายความว่าต้องมีคุณภาพเลวๆ หลายอย่าง ดังนั้น ถ้าครั้งก่อนท่านไม่ได้ทำลายคุณสมบัติอันนั้นการมาจุติในสหโลกธาตุครั้งใหม่นี้ก็ต้องเลือกเอาคุณภาพเน่าเฟะอีกอันหนึ่ง มันก็จะกลายเป็นสองอันไป มาถึงตอนนี้ท่านจะต้องลำบากแน่นอน ครั้งนี้ยังไม่ทำลายมันอีก ครั้งต่อไปก็จะกลายเป็นสามอันกัน และแล้วท่านก็จะยิ่งแย่ลง ทำผิดพลาดมากขึ้นๆ และแล้วครั้งที่สามก็ยังไม่ทำลายมันอีก ก็จะกลายเป็นที่สี่ ที่ห้า ที่หก เจ็ด แปด จนยุ่งเหยิงไปหมด(อาจารย์กับทุกคนหัวเราะกันใหญ่) ดังนั้นพวกเราจึงพูดว่ามีคนบางจำพวกแย่มาก เพราะว่าเกิดมาทุกชาติบำเพ็ญไม่ดี ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนแต่ละอย่างให้ดี ไม่ทำลายคุณสมบัติเลวเหล่านั้นให้หมดสิ้นไป ซ้ำมาอีกแต่ละครั้งยังเพิ่มมาอีกหลายอย่าง แถมยังไปเลียบแบบเพื่อนบ้านข้างเคียง ทวีความเลอะเทอะสกปรกขึ้นอีกด้วย ดังนั้นพวกเราบำเพ็ญได้ยิ่งเร็วยิ่งดี จงอดทนต่อไป ถ้าเรามีคุณสมบัติอะไรที่ไม่ดี จงทำลายมันเต็มที่ มิเช่นนั้นแล้วครั้งต่อไปก็ยิ่งรับประกันไม่ได้ว่ามันจะดีขึ้น (อาจารย์หัวเราะ) สัมภาระมากเกินไปก็จะเอาไปไม่ไหว เริ่มแรกเดิมทีตอนที่ลงมานั้นล้วนมีแต่กระเป๋าเปล่าๆ กัน กระโดดทีเดียวก็ลงไปแล้ว แต่พอเดี๋ยวนี้จะขึ้นไป ว้าว ! เครื่องมือมากเหลือเกิน ความเคยชินมากมาย ภาระมากมายแล้ว ล้วนเป็นสัมภาระที่ไม่จำเป็น พวกเราได้ทำงานกับมันจนชินไปแล้ว ดังนั้นในปัจจุบันเราละทิ้งมันไม่ลง ความยากลำบากก็อยู่ตรงนี้แหละ เพราะว่าจิตใจที่ยึดติดกับสิ่งเหล่านี้มันถึงขั้นสาหัสมาก คุณสมบัติเลวของพวกเราเหล่านั้นก็เป็นการยึดติดของทางจิตใจชนิดหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเราสามารถปล่อยวางเราก็จะหลุดพ้นทันที ดังนั้นจึงมีคำพูดว่า “วางมีดสังหารจักบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าทันที” ไม่เพียงแต่มีดสังหารเท่านั้น สิ่งใดก็ตามที่ผูกมัดเราให้อยู่ที่นี้ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน ดังนั้น หากพวกท่านอยากจะกลับ “บ้าน” ตนเองต้องขยันบำเพ็ญให้ดี ----------------------------------------------------------------------------------------------------------
28 มกราคม 2554 17:00 น. - comment id 121954
...สงบสุข..ความสุขคือเบิกบาน..คือสงบ ทำไมมนุษย์ถึงกว่า ความรัก ทำให้โลกนี้สงบ รึว่าความไม่สมหวังต่างหาก.... ที่ทำให้โลกวุ่นวาย .....
28 มกราคม 2554 17:22 น. - comment id 121955
คุณทางแสงดาว ...ความคิดของผมก็คือว่า ความรักที่ไร้เงื่อนไข ความรักที่ไร้อัตตา ต่างหาก ที่ทำให้โลกสงบสุข ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นล้วนแล้ว มีผลมาจากอัตตา ความเห็นแก่ตัว ที่ทางพระเขา เรียกว่า ตัณหา ทิฐิ มานะ หรือ ตัวกู ของกู นี่แหละกู อิอิอิ ความสงบ สันติเริ่มจากจิตใจของเราก่อนเป็นอันดับแรก นั่นคือการปล่อยวางหรือกำจัดอัตตาออกไปเท่านั้น ความสุขสงบที่แท้จริงจึงบังเกิดได้ครับ มันไม่ใช้ความรักอันมีผลประโยชร์แอบแฝง ความรักอันเห็นแก่ตัว ความรักอันหวังเพียงครอบครอง เห็นอีกฝ่ายเป็นแค่วัตถุ จึงคิดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อย่างที่เข้าใจกัน....
28 มกราคม 2554 18:53 น. - comment id 121958
ขณะที่ฉันถามคำถามร้อยล้านคำ..... ฉันกลับได้ยินคำถามของตนเองสะท้อนกลับ. ขณะที่ฉันไม่มีคำถาม..ฉันกับได้คำตอบ...