ดอกไม้ไหมคะ เสียงของเด็กสาววัยประมาณสิบขวบที่อยู่ในชุดนักเรียนแบบดัดแปลงแล้วตามโอกาสอันเหมาะสม เธอสวมเสื้อนักเรียนสีขาวกระโปรงสั้นสีน้ำเงินแต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาขายดอกไม้อะไรกันแน่เพราะเสื้อนักเรียนของเธอนั้นค่อนข้างจะรัดรูปและกระโปรงนั้นก็สั้นขึ้นเหนือเข่าซึ่งมันบ่งบอกถึงความเจริญเติบโตของร่างกายเธอ เธอมีรูปร่างผอมบางผิวคล้ำถึงคล้ำมากซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่าเธออาจะผ่านงานมามากจนผิวเธอเปลี่ยนสี ก็เป็นได้ เธอเดินเข้ามาเสนอขายดอกไม้ให้นักศึกษาถึงโต๊ะอาหารพร้อมสีหน้าที่อ้วนวอนสุดฤทธิ์สุดเดช ไม่ละน้องหนุ่มนักศึกษาที่กำลังกินบะหมี่เย็นตาโฟอย่างดุเด็ดเผ็ดมันปฏิเสธแต่เด็กสาวนั้นก็ยืนนิ่งและจ้องมองชายหนุ่มดูดเส้นบะหมี่เข้าปากไปเหมือนหนอนที่กำลังเลื้อยเข้าไป ไม่ชายหนุ่มตะคอกพร้อมกับปัดมือไล่เด็กสาวออกไป เด็กสาวเห็นก็ค่อยๆเดินจากไปที่โต๊ะอี่นเธอเลือกเดินไปที่โต๊ะของนักศึกษาหญิงสองคนที่กำลังนั่งคุยกันไปจิบชาร้อนๆไป ดอกไม้ไหมคะเด็กสาวเริ่มทำการค้าแบบถึงตัวอีกครั้งแต่คราวนี้มันอาจจะผิดหลักการขายไปหน่อยเพราะคราวนี้ลูกค้าของเธอไม่ตอบสนองเธอเลยแต่เธอก็ยืนมองนักศึกษาหญิงทั้งสองต่อเหมือนเธอกำลังคิดว่าเธอทำอะไรผิดไปเหรอ ผลิตภัณฑ์ของเธอไม่ดีพอหรือราคาของเธอจะแพงไปหรือว่าการส่งเสริมการขายของเธอไม่ค่อยดีหรือสถานที่ที่เธอกำลังทำการค้านั้นมันแย่ อย่างไรก็ตามตอนนี้ลูกค้าของเธอไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองเธอเลย หรืออาจจะเป็นเพราะผิวของเธอนั้นคงจะคล้ำไปและจุดที่เธอยืนอยู่นั้นก็ค่อนข้างจะมืดซึ่งมันอาจจะทำให้เธอถูกความมืดกลืนไปจนมองไม่เห็นก็เป็นได้ เมื่อเห็นว่าขายไม่ได้แน่เด็กสาวก็เดินออกห่างและมุ่งตรงไปอีกโต๊ะ ดอกไม้ไหมคะเด็กสาวทำการค้าอีกครั้งกับชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งดื่มน้ำเต้าหู้ ครั้งนี้เธอทำการค้าสำเร็จเพราะชายหนุ่มนั้นควักกระเป๋าเงินออกมา ขายอย่างไรจะน้องหญิงสาวถามเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พวงละ สิบาทเด็กสาวตอบห้วนๆ พี่เอาสองพวงนะชายหนุ่มพูดพร้อมหยิบแบงก์ยี่สิบออกจากจากกระเป๋าเงินและยื่นให้เด็กสาวเด็กสาวรับไว้และยื่นพวงมาลัยสองพวงให้ชายหนุ่ม ชี่ออะไรจะเนี่ยหญิงสาวถามเด็กสาวอย่างอ่อนโยน ชื่อมะลิเด็กสาวตอบหญิงสาวด้วยภาษาไทยที่กระท่อนกระแท่น มะลิกินขนมมั้ยจ๊ะมานั่งกินนมหรือโอวันตินก่อนไหมหญิงสาวชักชวนเด็กสาวพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ออกมาให้แต่เด็กสาวส่ายหน้าปฏิเสธ ทำไมละหญิงสาวถามด้วยความสงสัย พ่อไม่ไห้นั่งขายหมดก่อนเด็กสาวตอบอย่างกลัวๆและพยายามที่จะเดินหนี กินก่อนแล้วค่อยขายต่อก็ได้หรือจะเอาใส่ถุงไหมหญิงสาวคะยั้นคะยอเด็กสาว เด็กสาวลังเลเล็กน้อย ใส่ถุงเด็กสาวพูดพร้อมพยักหน้าสองสามที เอาอะไรละ นมเย็น นม ร้อน ชาเย็น ชาร้อน โอวันตินเย็น โอวันตินร้อน ไอศกรีมหญิงสาวถามเด็กสาวเหมือนเธอเป็นแม่ค้าซะเอง ไมโลเย็นเด็กสาวสั่ง หญิงสาวได้ยินก็เรียกเด็กเสริฟมาสั่งของ เด็กเสริฟจดรายการและเดินจากไป เรามาขายอย่างนี้ทุกวันหรือชายหนุ่มถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร เด็กสาวพยักหน้า เรามาจากไหนละหญิงสาวเสริม เด็กสาวชี้ไปข้างบนแล้วตอบว่า บนดอยเธอตอบพร้อมกับที่เด็กเสริฟมาส่งไมโลเย็นที่เธอสั่ง หญิงสาวชี้ให้เด็กเสริฟยื่นให้เด็กสาวแล้วหยิบเงินจากกระเป๋าออกมาจ่าย พอเด็กสาวรับไมโลเย็นมาจากเด็กเสริฟเธอก็รีบดูดเหมือนกลัวว่าใครจะมาแย่ง กินข้าวหรือยังชายหนุ่มถามเบาๆ เด็กสาวไม่ยอมละปากจากไมโลเย็นของเธอจึงส่ายหน้าแทน ชายหนุ่มหันมามองหน้าหญิงสาวเหมือนพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ และหญิงสาวก็เรียกเด็กเสริฟมาอีกครั้งเพื่อสั่งอะไรบางอย่าง แล้วเลิกโรงเรียนมาไม่ได้กินข้าวเหรอชายหนุ่มป้อนอีกคำถาม เด็กสาวหยุดพักการดูดไมโลเย็นแล้วเหงยหน้าขึ้นมา เลิกเรียนแล้ว แล้ว ก็มาขาย พวงมาลัยและพ่อบอกว่าให้ขายให้หมด พ่อพ่อพ่อบอกว่าขายให้หมด เสร็จแล้ว ก็กินข้าวเด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่สดชื่น เธอเริ่มพูดมากขึ้นเมื่อได้ดื่มไมโลเย็นเหมือนกับว่าไมโลเย็นนั้นเป็นเหล้าชั้นดีอย่างนั้นแหละ เราขายถึงกี่โมงละหญิงสาวถามด้วยสีหน้าที่อยากรู้อยากเห็น ขาย..ขายถึงหมด หมดหมด ก็ได้กลับเร็วเด็กสาวหยุดไปสักพักเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ ขาย..มด ก็ไป บางวันก็เร็ว บางวันก็ช้าเธอย้ำคำเดิม แล้วเมื่อวานละขายถึงเมื่อไหรชายหนุ่มถามย้ำเมื่อเห็นว่าเด็กสาวเริ่มหลง เมื่อวานนั้น ไม่ค่อยดึกเพราะขายหมดเร็ว เมื่อวานหนูขายถึง เที่ยงกว่าเธอโอ่เล็กน้อย เที่ยงคืนกว่าหญิงสาวตกใจในข้อมูลที่เธอได้ยิน แล้วเราไปโรงเรียนกี่โมงหญิงสาวถามต่อ หนูตื่นหกครึ่ง แล้วแล้วแต่งตัวแลแลก็กินข้าว เจ็ดโมงเด็กสาวเล่าชีวิตประจำวันของเธอ หญิงสาวหันมามองหน้าชายหนุ่มด้วยสีหน้าเศร้าๆ เมื่อวันก่อน นะหนู ขายหมดด้วย แล้วก็กลับบ้านตอน ตีฉองเธอพูดด้วยอย่างภาคภูมิใจ ถ้าเราขายไม่หมดละชายหนุ่มถาม เด็กสาวก้มลงไปดูพวงมาลัยที่มือและสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป พ่อหรือแม่จะตีหรอหญิงสาวถาม เด็กสาวนิ่งงีบไปสักพัก พ่อพ่อ ไม่ตี แค่ว่าหนู แม่แม่ใจดีไม่ว่า แม่หยิกหนูด้วย แล้วแล้วพ่อก็ไม้ตรงนี้ด้วยเด็กสาวตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและก็ยิ้ม เด็กเสริฟเดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับถุงขนมปังปิ้ง ชายหนุ่มรับไว้แล้วก็จ่ายเงินให้เขา เอาไปกินเถอะนะชายหนุ่มยื่นขนมปังให้เด็กสาว เด็กสาวลังเลที่จะรับแต่สักพักเธอก็ยกมือไหว้และรับถุงขนมปังมา พวกพี่ไปก่อนนะหญิงสาวลุกขึ้นตามด้วยชายหนุ่มเธอยิ้มและโบกมือให้เด็กสาวพร้อมเดินจากไป เด็กสาวเปิดถุงขนมปังและก็รีบกินมันจนหมดและเธอก็เดินตามถนนต่อไปเรื่อยๆ ค่ำคืนนี้คงจะอีกยาวไกลสำหรับเธอเพราะดอกไม้ที่อยู่ในมือเธอนั้นยังมีอีกหลายพวง เธอเดินไปเรื่อยๆอย่างไรจุดหมายท่ามกลางแสงไฟหลากสีและผู้คนในเมืองกรุง ยู ยูชาวต่างชาติหนุ่มผมทองผิวขาวหน้าตาและบุคลิกดีกวักมือเรียกเด็กสาว เด็กสาวเห็นจึงเดินตรงไปเพราะเธอคิดว่าเขาคือลูกค้าคนหนึ่งของเธอ หนุ่มต่างชาติมองเด็กสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก เท่าไร?ชาวต่างชาติถามเธอห้วนๆ พวงละ..สิบาทเธอตอบชาวต่างชาติพร้อมกับยกพวงมาลัยขึ้นให้ฝรั่งดูเธอคิดว่าเขาอาจจะมองไม่เห็นเพราะเขาสูงกว่าเธอมาก ชายชาวต่างชาติควักแบงก์ร้อยสีแดงออกมาจากกระเป๋า สามร้อย ชากวาวชาวต่างชาติยื่นแบงก์ร้อยสามใบให้เด็กสาวตรงหน้าเธอทำสีหน้างงๆเหมือนกับฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไรเธอจึงยกพวงมาลัยมะลิให้สูงขึ้น ชาวต่างชาติทำสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย เขาใส่แบงก์ร้อยสามใบลงในกระเป๋าเสื้อนักเรียนของเด็กสาวพร้อมคว้ามือเธอที่กำพวงมาลัยมะลิพร้อมกับจูงเธอไป เด็กสาวไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็ตามเขาไปเพราะเธอรู้ว่าเขาคือลูกค้าคนสำคัญที่เหมาพวงมาลัยมะลิและดอกไม้ของเธอหมดในวันนี้ ชาวต่างชาติจูงเธอขึ้นไปบนตึกเก่าๆแห่งหนึ่งและพาเธอเดินขึ้นไปบนชั้นเจ็ดและมาหยุดที่หน้าห้องหมายเลข 13 ชาวต่างชาติควักลูกกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงของเขาและจะเสียบมันเข้าไปในลูกบิดแต่เหมือนกับว่าขนาดของลูกกุญแจมันไม่ค่อยจะพอดีกับลูกบิดคือมันใหญ่กว่าปกติชาวต่างชาติจึงต้องเล็งให้ดีและพยายามยัดมันเข้าให้ได้เขาใช้เวลาพอประมาณในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อลูกกุญแจเข้าไปในลูกบิดได้ชาวต่างชาติก็บิดลูกกุญแจไปทางซ้ายและขวาประมาณสองสามรอบเพราะมันค่อนข้างจะฝืดเล็กน้อยไม่นานเขาก็ถอนมันออกแล้วก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง ชาวต่างชาติพาเด็กสาวเข้าไปนั่งที่เตียงและเขาก็เดินเขาไปในห้องน้ำทันที เมื่อชาวต่างชาติหายเข้าไปในห้องน้ำเด็กสาวก็ลุกขึ้นเดินไปรอบๆเหมือนกับสำรวจตัวห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็นสักพักชาวต่างชาติก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาและรีบเดินเข้ามาอุ้มตัวเด็กสาวขึ้นไปบนเตียง ยามค่ำคืนของเมืองกรุงแม้มีแสงไฟนำทางมากมายแต่แสงไฟเหล่านั้นก็ไม่สามารถจะทำให้ทุกเส้นทางนั้นไร้ความมืดได้ แม้มีสายตาของผู้คนที่เดินไปมาหลายหมื่นคู่แต่ก็ไม่คู่ไหนที่จะมองเห็นทุกสิ่งและแม้จะมีหูของผู้คนเล่านั้นหลายแสงข้างแต่ก็ไม่มีข้างใดที่ได้ยินเสียงของทุกเสียง ไม่มีใครมองเห็นพวงมาลัยดอกมะลิที่เหี่ยวเฉาในมือของเด็กน้อย ไม่มีใครได้ยินเสียงคำว่า เจ็บ ที่ผ่านออกมาจากห้องเบอร์13ของเด็กน้อย และไม่มีแสงไฟใดที่จะขจัดความมืดบนเส้นทางกลับบ้านของเด็กน้อยเพื่อให้เธอได้กลับไปบอกกับคนรอบข้างอย่างภาคภูมิใจว่าวันนี้เธอขายพวงมาลัยได้หมดและพร้อมที่จะได้รับคำชมจากพวกเขา Tikenso the X-Laws
25 สิงหาคม 2546 14:00 น. - comment id 69462
ทำไมเศร้าจังล่ะคะ
25 สิงหาคม 2546 19:17 น. - comment id 69467
ขอโทษนะครับที่เขียนแบบเศร้าๆนะ ครับ ก็แบบว่าเขียนจากเรื่องจริงผสมจินตนาการนิดหน่อยนะครับ ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่อ่านขอบคุณมากครับ เป็นงานเขียนที่สองของผมครับ ขอบคุณมากครับโมเม ที่วิจารณ์และให้ความเห็น
26 สิงหาคม 2546 14:56 น. - comment id 69472
น่าสงสารเด็กขายพวงมาลัย.................นี่แหละสังคมไทยในปัจจุบัน
28 สิงหาคม 2546 15:07 น. - comment id 69482
ทำ ไ ม ถึ ง เ ป็ น แ บ บ นี้ อ่ ะ . . . อ่ า น แ ล้ ว รู้ สึ ก ยั ง ไ ง ก็ ไ ม่ รู้ . . . =^_________^=
28 สิงหาคม 2546 17:36 น. - comment id 69485
คือคนเขียนก็ยังไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงเลยครับหวังว่างานผมไม่ทำให้งงมากนะครับ แล้วก็......เรื่องนี้ก็.....
11 กันยายน 2546 21:01 น. - comment id 69570
อ่าน๊า น่าสงสารจังเลย
14 ตุลาคม 2546 21:00 น. - comment id 69835
น่าสงสารเด็กจังค่ะ คิดเองใช่มั้ยคะ เก่งนะ คุณเนี่ย นับถือ นับถึอ