- - วันกลับบ้าน - -

|NdEpEndEnT


วันกลับบ้าน
- ๑ -
หลังจากที่ผมเลิกเรียนในตอนบ่าย ผมไปนั่งหลบอยู่ตรงมุมตึกของคณะ ยังไม่มีอารมณ์จะไปไหน วันนี้อากาศช่างร้อนเหลือเกิน ทำไมนะ - - แดดเมืองหลวงถึงได้ร้อนขนาดนี้ สภาพอากาศยิ่งเสื่อมโทรมลงไปทุกวี่ทุกวัน ไม่รู้ว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ยังไงก็ตามผมก็ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มองดูอนาคตสิ จะมีงานให้ทำรึเปล่านะ? เดี๋ยวกลับถึงบ้านผมคงจะได้กินบัวลอยจากป้าคนนั้นให้หายร้อนไปเลย
เมื่อวานซืนผมลืมบอกเกี่ยวกับป้าคนนั้น ป้าแกชื่อนางชื่น ผมเพิ่งได้รู้จักกับแกเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ไม่ใช่อะไรหรอก พอดีผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังใหม่ เป็นบ้านเช่าหลังเล็กๆ มีที่นอน มีมุมให้เขียนหนังสือทำการบ้านนิดหน่อย พออยู่ได้สำหรับผู้ชายอย่างผม ผมเป็นคนบ้านนอกแต่บังเอิญว่าอยากจะเข้าใช้ชีวิตในเมืองกรุง เลยเข้ามาเรียนหนังสือหลายปีแล้วล่ะ 
	มาเข้าเรื่องป้าชื่นกันต่อดีกว่า ป้าแกอยู่บ้านเช่าถัดจากบ้านผมไปสองสามห้องเห็นจะได้ แกอยู่กับลูกชายกันสองคน แต่ผมไม่ค่อยได้เห็นหน้าลูกชายป้าแกนักหรอก หรือถ้าเห็นลูกชายของแกกลับมาอาบน้ำแล้วก็ออกไปกับเพื่อนๆ ป้าชื่นจะอยู่บ้านคนเดียวเป็นประจำ ผมเห็นแกหาบขนมขายไม่ว่าจะเป็น ถั่วต้มเอย หัวมันต้มเอย ข้าวโพดต้มเอย และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ขนมหวานวันละอย่างสองอย่าง ถั่วเขียวบ้าง กล้วยบวชบ้าง บัวลอยบ้าง  เพราะขนมหวานนี่ล่ะนะที่ทำให้ผมได้พูดคุยกับแกทุกวัน ทำไมน่ะหรือ ถามได้ก็ผมกินขนมหวานของแกทุกวันน่ะสิ เลยกลายเป็นว่าเราคุยกันถูกคอ
	วันไหนที่ผมมีเรียนเช้า ต้องออกจากบ้านแต่ตีห้า ผมมักเจอป้าชื่นเป็นประจำป้าแกจะไปตลาดแต่เช้าตรู่ไปซื้อของมาเตรียมตัวทำขาย
- ๒ -
	ผมกินขนมของป้าชื่นทุกวัน จนกลายเป็นว่าเราสนิทสนม ป้าชื่นมักจะแถมขนมให้ผมอยู่บ่อยๆ ป้าจะชอบเล่าถึงวิธีการทำขนมต่างๆให้ผมฟัง ก็ดีเหมือนกัน ผมมาอยู่แถบนี้ไม่ค่อยรู้จักสุงสิงกับใคร ก็คงจะมีแต่ป้าชื่นนี่ล่ะ ที่พอจะพูดคุยกันได้
	ผมว่าชีวิตป้าแกน่าสงสารนะ ดูท่าทางป้าแกคงจะเหงา มีลูกชายก็เหมือนไม่มี
	ป้าชื่นมักจะเล่าถึงลูกชายของแกให้ผมฟังเป็นประจำ แกบอกว่าพ่อของยอดตายไปตั้งแต่ยอดอายุได้แค่ ๘๙ขวบ แกจึงต้องแบกภาระเลี้ยงดูลูกชาย หาเงินเพื่อให้ลูกได้ใช้ได้กิน ไปรับจ้างเขาซักผ้า ล้างจน แล้วแต่ใครจะว่าจ้างกันอย่างไร
	บ้านเช่าสลัมแถบนี้เป็นอันรู้จักป้าชื่นกันทั้งนั้นตั้งแต่หัวซอยจนถึงท้ายซอยนู่น เที่ยงๆเข้าหน่อยเป็นว่าทุกบ้านต้องเรียกหาซื้อขนมของป้าแกกันให้วุ่นเชียว คงจะติดใจในฝีมือของป้าชื่นสินะ
	คงเพราะผมอายุรุ่นราวคราวเดียวกับยอดลูกชายของแก ดูแกจะชอบเข้ามาคุยกับผม แกมักจะบอกกับผมว่า ถ้าลูกชายของแกเหมือนอย่างผมก็คงจะดี
	
- ๓ -
	ป้าชื่นเล่าให้ผมฟังว่า ลูกชายของแกนั้นเมื่อก่อนเวลาป้าไปขายของหรือไปรับจ้างที่ไหนก็ตามยอดจะไปกับแกเป็นประจำ จนพอมีเงินเก็บจึงให้ยอดเข้าเรียนหนังสือเป็นโรงเรียนวัดแถวสลัม แกอยากให้ลูกชายอ่านออกเขียนได้เหมือนเด็กคนอื่นๆ
	แต่ทำไม พอโต แล้วเป็นแบบนี้นะ
	จะรู้บ้างมั้ย ว่าแม่รัก ยอดขนาดไหน ป่านนี้คงจะอยู่กับไอ้ . . .ไม่ก็ไอ้. . .คนไหนสักคนหนึ่ง 
- ๔ -
	วันนี้อากาศไม่ร้อนนัก ผมกลับมานอนที่บ้านในตอนบ่าย ระหว่างนั้นผมเห็นยอดเมาอี๋อยู่กับเพื่อนๆหน้าร้านเจ๊ก ไม่รู้จะกินเข้าไปทำไมกันนักกันหนากับไอ้เหล้ายาพวกนี้
	เวลาผมไปซื้อสบู่ ยาสีฟัน ที่ร้านเจ๊ก เจ๊กชอบบ่นให้ผมฟังประจำ
	ไอ้ยอดนี่นะ มันติดเพื่อนอย่างกับอะไร แถมยังฉีดกัญชาอีกตะหาก หน่าลื้อหน่า
	ลื้อก็เหมือนกาน อย่าทำตัวแบบนี้น๊า รู้มั๊ย
	ผมซื้อของเสร็จคุยกับเจ๊กอีกสองสามคำผมก็กลับเข้าบ้าน
	เย็นๆผมมักออกมานั่งที่เพิงร้ายๆ เจ้าของใจดีหน่อยสร้างเพิงไว้ให้พวกคนที่เช่าบ้านไว้นั่งเล่น บ้านเช่าที่ผมอยู่จ่ายค่าห้องแค่เดือนละห้าร้อยเองนะ ไม่ใช่อะไรหรอกที่ผมเลือกอยู่แถวนี้ มันใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่น่ะ
	วันนี้ดูป้าหน้าซีดจังนะฮะ	ผมถามป้าด้วยความเป็นห่วง
	พ่อหนุ่มป้าไม่เป็นอะไรหรอก สงสัยจะเหนื่อยน่ะ เดินทั้งวันเลยวันนี้
	
	ผมเห็นอาการแบบนี้ของป้ามาหลายวันชักสงสัย เลยบอกให้แกว่าถ้าวันไหนป้าว่าง แล้วผมจะพาป้าไปหาหมอ
	หลังจากที่ผมพาแกไปตรวจร่างกาย ปรากฏว่า แกเป็นโรคหัวใจ ป้าแกบอกว่าทำไมแกจะต้องมาเป็นไอ้โรคแบบนี้ด้วย แกไม่มีปัญญาหาเงินมารักษาหรอก ลำพังหาเงินให้ลูกชายได้ใช้ก็ลำบากจะแย่อยู่แล้ว
- ๕ -
	ยอดมักจะย่องเข้าบ้านตอนดึกๆเป็นประจำ เวลามาบ้านมักจะขโมยเงินที่ป้าชื่นเก็บสะสมไว้เป็นค่าบ้าน ค่ากิน ในแต่ละวัน วันๆก็ไม่ค่อยจะพอกินอยู่แล้ว
	ยอดทำตัวเป็นนักเลง สมัยที่พ่อของยอดยังอยู่ยอดกับพ่อจะสนิทกันมาก จนกระทั่งพ่อตายด้วยโรคตับอักเสบ จึงทำให้ยอดเปลี่ยนไปเป็นเด็กที่เงียบขรึม ไม่พูดไม่จากับใคร ไม่ยอมไปโรงเรียนครูมาตามก็ไม่ไป จนในที่สุดครูเรียกป้าชื่นไปพบ บอกว่า ไม่สามารถให้เด็กชายยอดชาย บุญรัก เรียนที่โรงเรียนได้อีกแล้ว เหตุผมอีกประการ ยอดชอบทำตัวเกะกะระรานเพื่อนในห้องเป็นประจำ 
	เมื่อยอดออกมาจากโรงเรียนก็อยู่บ้าน อยู่กับเด็กสลัมที่ไม่ได้ไปโรงเรียน
	ตั้งแต่นั้นมา ยอดก็เริ่มติดเพื่อน เพื่อนชวนให้ดมกาว เริ่มลักเงินแม่  ถ้าป้าชื่นไม่ให้ ก็จะขู่เอาเงินจากป้าไปจนได้ จนเดี๋ยวนี้เริ่มฉกชิงวิ่งราว กระเป๋าเงินของคนในตลาด เวลาที่ป้าชื่นไปตลาด พวกพ่อค้าแม่ค้าก็จะบอกป้าชื่นเกี่ยวกับลูกชายของแก
- ๖ -
	บางครั้งผมเห็นป้าชื่นนั่งเหม่ออยู่คนเดียว ป้าแกคิดอะไรอยู่นะ ป่านนี้ลูกชายสุดที่รักของแก ไม่รู้ว่าไปทำเวรทำกรรมไว้ที่ไหนอีก เฮ้อ ! ผมล่ะสงสารป้าแกจริงๆเลย บางวันที่ผมเดินผ่านปากซอย ผมมักแวะซื้อก๋วยเตี๋ยว หรือไม่ ก็เป็นขนมจีนมาฝากป้า เห็นว่าป้าแกสุขภาพไม่ค่อยดี 
- ๗ -
ผมเรียนจบมาทำงานสักสองสามปีเห็นจะได้ ตอนนี้ผมทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งรายได้ดีพอมีเก็บได้ส่งให้ทางบ้านใช้ทุกเดือน
	แต่ . . ผมไม่ได้กลับบ้านมากี่ปีแล้ว ผมจำไม่ได้แล้วสิ รู้สึกจะประมาณสัก ๖-๗ ปีเห็นจะได้ ผมใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ๕ ปี จบมาทำงาน ป่านนี้แม่จะเป็นอย่างไรบ้างนะ จะคิดถึงผม เหมือนที่ผมคิดถึงแม่บ้างมั๊ย
	แม่คงมีความสุขอยู่กับครอบครัว อยู่กับทางที่แม่เลือกแล้วล่ะมั้ง ผมรับไม่ได้ที่ผมต้องมีพ่อเลี้ยง แต่ยังดีที่แม่คงส่งเงินมาให้ผมใช้จ่ายในการเรียนอยู่ทุกเดือน เพราะตั้งแต่พ่อผมตายไปด้วยอุบัติเหตุ แม่ผมมีผู้ชายมาเกาะเกี่ยว ในที่สุดแม่ก็เลือกผู้ชายมาอยู่ด้วย เขาก็ดีนะ แต่ผมไม่ชอบ ผมรู้สึกเหมือนว่าถูกแย่งความรักไป ผมจึงขอแม่เข้ามาเรียนที่เมืองหลวง ผมเคยคิดไว้ว่า ผมจากมาแล้วผมจะไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีกเป็นอันขาด แต่สักวันหนึ่ง สักวันหนึ่งนะผมคงจะต้องกลับไปเลี้ยงดูแม่ แต่คงยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้ผมรักชีวิตที่ผมเป็นอยู่มากกว่า
	ผมยังคงติดต่อกับแม่บ้างทางจดหมาย ส่งข่าวให้แม่รู้ว่าผมได้งานทำ ส่งเงินให้แม่ได้ใช้ทุกเดือน
- ๘ - 
	อ้าว ! พ่อหนุ่ม ลื้อชื่ออะไรแล้วนะ อั้วะลืมซะแล้วสิ
	พ่อหนุ่มที่เคยเช่าห้องแถวอยู่ใกล้ร้านอั้วะนี่    อั้วะจำลื้อได้
	ผมนิพนธ์ ไงฮะเจ๊ก
	นี่ลื้อไปอยู่ไหน คงได้งานแล้วสินะ อานิพง  อั้วะไม่เคยเจอลื้อเลยตั้งกะลื้อย้ายออกไปน่ะ
	ผมเจอเจ๊กที่เปิดร้านขายของแถบสลัมที่ผมเคยอยู่ สองสามปีเห็นจะได้ที่ผมออกมาจากที่นั่น ตอนนั้นผมเรียนจบพอดี ประจวบกับได้งานทำพอดี แต่บริษัทที่ผมอยู่ไกลจากสลัมมาก ผมเลยต้องย้ายไปอยู่ที่ใหม่ใกล้กับบริษัท ไปเช่าอพาร์ตเม้นถูกๆอยู่
	อาเจ๊กเล่าให้ผมฟังว่า หลังจากที่ผมย้ายออกสักสี่ห้าเดือน ไอ้ยอดน่ะเริ่มค้ายา ทั้งค้าทั้งเสพย์เอง ไม่ว่าจะเป็น เฮโรอีน ฝิ่น กัญชา สารพัดยาเสพติดที่มี แล้ววันหนึ่งมันถูกตำรวจตามล่า ไล่จับ ไอ้ยอดมันก็เลยวิ่งหนี ดันไปชนแม่ของมันที่กำลังหาบขนมขายอยู่  มันไม่ได้สนใจแม่มันหรอก มันวิ่งหนีต่อไปจนตำรวจจับตาย มันถูกกระสุนเข้าไปหลายนัด คนแถบนั้นก็มามุงดูกัน กว่าป้าชื่นจะลุกไปดูลูกชายได้ ยอดก็สิ้นใจไปซะแล้ว เห็นว่าป้าชื่น นั่งกอดศพ หอมแก้มลูกชาย ไม่ยอมห่างไปไหน ร้องเรียกให้ใครช่วย ก็ไม่มีใครช่วย ก็จะให้ช่วยได้ยังไงล่ะ ในเมื่อยอดมันเป็นศพไปแล้วนี่  จนเจ้าหน้าที่มาจัดการคดีต่างๆที่ยอดกระทำ 
	เจ๊กบอกผมว่า ป้าชื่น นั่งร้องไห้คนเดียวอยู่หลายวัน ขนมก็ไม่ได้ขาย เงินก็เริ่มหมด นั่งเหม่อลอย ร้องเรียกแต่ลูกชาย วันๆไม่กินอะไร เห็นว่าตัวผอมเชียวล่ะ  เอ๊ะ ! ป้าชื่นแกเป็นโรคด้วยนี่ ใช่แล้ว ผมเคยพาแกไปตรวจร่างกาย แกเป็นโรคหัวใจ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เห็นเจ๊กบอกผมว่า มีคนแนะนำให้แกไปพักอยู่ที่บ้านพักคนชรา ตอนนี้ป้าแกคงจะอยู่บ้านพักคนชราแล้วล่ะ เอาไว้ผมว่างๆผมจะไปเยี่ยมป้าแกสักครั้ง แต่คงไม่ได้กินบัวลอยไข่หวานที่แสนจะอร่อยแล้วสิ
- ๙ - 
	ป่านนี้แม่ผมจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ผมคิดถึงแม่ เหมือนๆกับที่ป้าชื่นคิดถึงลูกแกสินะ  ผมคงต้องหาเวลาเคลียงานเพื่อขอลาพักร้อนกลับบ้านเกิดไปอยู่ดูแลแม่สักหน่อยก็คงจะดี
	แม่ครับ  ผมรักแม่นะครับ
				
comments powered by Disqus
  • เสือ

    22 สิงหาคม 2546 22:45 น. - comment id 69448

    สรุป นิพนธ์ก็ไม่ต่างจากยอดเท่าไหร่หรอกนะ ... เพียงแต่การแสดงออกกับแม่คนละอย่างเท่านั้นเอง ... 
    
    เพิงร้ายๆ ... เอิ๊กๆ
  • ผู้หญิงไร้เงา

    24 สิงหาคม 2546 02:41 น. - comment id 69456

    เศร้านะค่ะ  แต่ก็ยอมรับว่าสังคมปัจจุบันจะมีคนแบบนิพนธ์เยอะมากคือมีโอกาสดูแลคนอื่นแต่ไม่มีโอกาสดูแลแม่ของตัวเอง  
    
    
    **มาตามสัญญาแล้วนะค่ะ  เขียนได้ดีมาก ๆๆ  เลยจ๊ะ***
  • |NdEpEndEnT

    8 กรกฎาคม 2551 15:15 น. - comment id 79691

    เขียนเมื่อไหร่หล่าวนิ จำไม่ได้เลย เป้นอัลไซเมอร์ซะงั้น
    ต้องเขียนส่งวิชาอะไรสักวิชาแหงๆเลย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน