อทิสมานกาย ๖๓

แก้วประเสริฐ

76.gif
                   อทิสมานกาย  ๖๓
   เสียงคำรามของรถมอเตอร์ไซค์กึกก้องไปในบริเวณทางที่ทอดไป
สู่หมู่บ้านบางกระดี่   หน้าไฟรถส่องแสงนำทางพอมาถึงระยะทางหนึ่ง
เสียงคนในกลุ่มคนหนึ่งพลันเอ่ยขึ้นว่า
   “พวกเราหยุดตรงนี้ก่อนนะ มาปรึกษากันก่อน ด้วยสถานที่นี้ปราศจาก
คนสัญจรไปมา ในเรื่องของเรานะ  ข้าคิดไปในระหว่างเดินทางว่าหากเรา
จะบุกเข้าไปทั้งหมดเห็นจะไม่ดีงามเป็นแน่ 
    ด้วยจะพากันเดือดร้อนไปทั่วทั้งยังทำให้พ่อกำนันต้องกังวลอีกด้วย  
การอยู่อย่างสงบของหมู่บ้านทั้งสองก็จะต้องเกิดการระวังตัวกันเองขึ้นมา” 
 เสียงของไอ้เปล่งเอ่ยด้วยอาการปกติ
ซึ่งมันแค่เพียงยิ้มรับเท่านั้น หากวันใดมันกล่าวย่อมหมายถึงมีทั้งเหตุและผล
       ดังนั้นทุกๆคนจึงเชื่อคำพูดของมันนัก   รถต่างหลบกันเข้าข้างทางบริเวณ
ใต้ต้นไม้ใหญ่  ไอ้ตี๋ใหญ่ก็เอ่ยว่า
   “เอาตรงนี้แหละว๊ะ มันได้ครึ่งทางพอดีหรือไม่มากไม่น้อยหรอก”
   “เออๆๆดีเหมือนกัน  จะได้ปรึกษาหารือกันว่าจะเอาอย่างไรดีและก็จะดูอาวุธ
ที่ไอ้เปล่งมันนำมาด้วยมันเอาอะไรมาบ้าง???....”
    ครั้นทั้งหมดจอดรถโดยเปิดไฟหน้ารถส่องมารวมกันไว้ พวกหนุ่มๆ
หมู่บ้านบางโคก็เข้ามาล้อมวงสนทนาแสดงความคิดเห็นกัน  
    ไอ้เปล่งก็หอบหิ้วกระเป๋าทั้งสามใบเดินถือเข้ามาทันที
   “สิ่งที่ข้าคิดนั้นมันจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกันทั้งสองหมู่บ้านด้วย
 อีกอย่างหนึ่งไอ้ชวนก็ไม่ต้องกังวลใจอะไรมากนัก 
พ่อกำนันหวนหรือก็จะได้สบายใจ คือว่า
พวกเราเมื่อไปถึงแล้วก็ต่างกระจายกันไป โดยจะไม่เข้าไปในบ้าน
แต่เราจะส่งของนี้ไปให้มันเท่านั้น” ไอ้เปล่งกล่าวลอยๆ
   “ไอ้ที่มึงบอกบอกของส่งไปนั้นอะไรโว้ย????.....”  
ไอ้ตี๋เล็กก็ถามขึ้นมาบ้าง
   “เดี๋ยวมึงก็จะได้เห็นหรอกไอ้เปล่งนิสัยอย่างไรพวกเราก็รู้แล้วนี่นา”
  ไอ้ชื่นกล่าว
   เมื่อทั้งหมดเห็นไอ้เปล่งเทกระเป๋าออกมา ทุกๆคนต่างร้องกันลั่น
   “เฮ้ยๆ!!!มึงนะมึง???...  มึงเล่นถึงขนาดนี้เลยหรือว๊ะ”  
ไอ้กุ๋นเอ่ยบ้าง
   “นี่มันอาวุธฝั่งโน้นกับของเรานี่หว่า มึงเก็บไว้เมื่อไหร่ว๊ะไอ้เปล่ง”
 ไอ้วาสอุทาน
   “ข้าสั่งให้ไอ้เปล่งรวบรวมรับซื้อไว้นะพวก ไม่น่าตกใจอะไรหรอก
 ด้วยข้าเชื่อไอ้เปล่งมันรักษาของได้อีกอย่างหนึ่งเราจะไปรู้หรือว่างานที่
พ่อกูทำนั้น อาจจะต้องใช้พวกนี้ก็ได้นี่นา ไม่วันใดก็วันหนึ่งว๊ะ กูทำกัน
   สองคนหลังจากที่ข้าปรึกษากับ มันว่าให้มันหาสิ่งของเหล่านี้
โดยให้มันไปซื้อที่ชายแดนฝั่งโน้นมาและยังมีของอีกมากมายนัก 
แต่เหตุการณ์อย่างนี้ไอ้เปล่งมักจะวางแผนอยู่เสมอๆๆกูเชื่อมันมากว๊ะ”  
เสียงหนุ่มชวนเอ่ยให้บรรดาพวกๆฟัง
   “นี่ๆๆๆ....มันเอ็ม 79 นี่นา โน่นระเบิดมือ  ไอ้นี่ปืนอาก้า 
โน่นหรือกระสุนทั้งนั้นแล้วมึงเอามาคนเดียวไม่หนักบ้างหรือไงว๊ะ” 
 ไอ้ตี๋ใหญ่อุทาน
   “ มึงไม่ต้องถามมากหรอกว๊ะพวก  เดี๋ยวฟังกูอธิบาย ในกระเป๋าใบเล็กๆนั้น
มีเครื่องมือไฟฟ้าใช้สำหรับตัดกระแสไฟรวมทั้งอุปกรณ์ทั้งหมด
 ไว้ให้ไอ้วาสมัน  ด้วยมันเคยทำงานให้พวกไฟฟ้ามาแล้ว
 เมื่อทางไฟฟ้านำสายเดินไปตามหมู่บ้านต่างๆนะ” ไอ้เปล่งบอก
   “ไอ้เรื่องตัดกระแสไฟฟ้านั้นกูคิดว่าไม่เป็นปัญหาหรอกว๊ะ 
แต่กูสงสัยเหลือเกินทำไมต้องตัดกระแสไฟฟ้าด้วย”
  ไอ้วาสเอ่ยถาม
   “เดี๋ยวพวกมึงอย่าสงสัยอะไรนัก ฟังกูอธิบายก่อนนะโว้ย 
       คือว่า เมื่อเราเดินทางไปถึงบ้านกำนันมั่นมันแล้ว 
 ในระยะทางเกือบครึ่งกิโลก็ดับเครื่องให้หมด แล้วเข็นมันไป
หาที่เก็บไว้ในป่าแถบโน้นแล้ว
 เดินแบกอาวุธอุปกรณ์เดินทางไป  ครั้นไปถึงก็แยกย้ายกันเข้า
ล้อมบริเวณบ้านมันให้หมด  กูจะตั้งระยะปืนเอ็ม 79 ให้ระยะทาง
แบ่งออกเป็นสองช่วยคือช่วงแรกคลำหาเป้าก่อน ช่วงสองหวังผลในการยิงทำลาย
       ที่กูหมายไว้พวกมึงไม่ต้องเข้าไปในบ้าน  กูได้ระยะแม่นยำแล้วกู
ก็จะถล่มมันอีกหลายๆลูก รับรองว่าบ้านมันพังฉิบหายไปหมด
แทบจะไม่เหลือ คนอยู่หรือคิดว่าไม่ตายก็บาดเจ็บเอามากๆด้วย  เมื่อกูได้ระยะ
แม่นยำแล้ว  ก่อนลงมือให้ไอ้วาสขึ้นไปบนสายไฟที่จ่ายกระแสไฟคอยรับ
สัญญาณจากกู  ไอ้ชวนบอกว่าเห็นพวกมันนั่งกินเหล้าหน้าบ้าน
ใต้ต้นมะขามใหญ่มีดวงไฟอยู่ด้วย
เมื่อกูถล่มบ้านมันแล้ว   พวกมันจะสงสัยเพียงกระแสไฟฟิวส์ขาดเท่านั้นเมื่อ
กูถล่มนัดแรกเบิกทาง พวกมึงทั้งหมดก็จะได้รับรู้ว่านี่คือการเริ่มแล้วของพวกมึง
    หมายถึงสัญญาณเริ่มทำงานจากของกู  ให้ไอ้วาสตัดกระแสไฟเพื่อให้มันมืด  
พวกมันจะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นคนที่ไหน  แล้วกูก็จะทิ้งสิ่งของว่าเป็น
ของพวกค้าของเถื่อนเอาไว้หลอกพวกมันด้วย  
 ครั้นไอ้วาสตัดไฟแล้ว  กูก็จะเริ่มถล่มด้วยปืนเอ็ม 79 ทันทีหมายถึงกูคลำเป้าพบ
แล้ว เพราะลูกแรกนั้นบอกระยะทางให้แก่กู กูก็จะปรับเอ็ม 79 ในระยะหวังผล
และพวกมึงก็ยิงปืนอาก้าถล่มถูกผิดไม่สำคัญ  ให้มันรู้ว่าได้ถูกพวกล้อมบ้านมัน
หรือมันอาจจะคิดว่ามีพวกยกมาปล้น ถึงอย่างไรก็ตามกูกับไอ้ชวนปรึกษากันว่า     
เราไม่ต้องการจะฆ่ามันเท่าใดนัก  พวกมึงเอากระสุนไปแยะๆไม่ต้องกลัวกระสุน
มันหมดหรอกกูขนมาเพียบเลย  การทำงานนี้เพื่อให้มันสำนึกว่าเคยทำกับคนอื่น
นั้นเวลามาโดนเข้ากับตัวของพวกมันเองจะเป็นอย่างไรกันบ้าง อาจจะบางทีสงสัย
ได้ชวน แต่มันไม่รู้ว่าเป็นใคร   ที่ทำไปนี้หวังทำให้มันขวัญหนีดีฝ่อกันและ
เพียงแค่ให้มันตกใจเล่นๆเท่านั้นเอง ส่วนใครบาดเจ็บหรือไม่ ช่างหัวพวกมัน
พวกมึงไม่ต้องสนใจ พวกมันหรอก แต่แค่นี้คิดว่าคงจะไม่มีใครตายด้วยมันมืด
ถึงตายก็ช่างหัวมันว่าดวงมันถึงฆาตว๊ะ
    พวกมึงที่ล้อมบ้านมันไว้ก็ระดมยิงมัน  หากมีสัญญาณหยุดยิงคือสังเกตุเอ็ม 79
หมายความว่าทางกูหรือทางไอ้ชวนไม่ยิงเข้าไปแล้ว ก็ให้ล่าถอยออกมาทีละคน
 สลับแบบฟันปลา เผื่อว่ามันจะออกมายิงต่อสู้ก็ได้  เราจะประมาทพวกมันไม่ได้
หากมันมาก็ถล่มมันด้วยปืนอาก้านั่นแหละ ด้วยมันเสือรนหาที่ตายเอง 
    ครั้นงานประสบผลสำเร็จแล้ว  ต่างก็รีบหนีมารวมพลรอกันตรงนี้ทุกๆคน 
เมื่อครบถ้วนพร้อมแล้วก็กลับหมู่บ้านเราแต่อาวุธต่างๆมาให้กู  กูจะได้ไปเก็บไว้  
 พวกมันจะไม่มีวันรู้หรอกว่าเป็นพวกเราหรือใครๆทั้งสิ้น  จะรู้ก็เมื่อภายหลัง  
ด้วยทางปลอกอาวุธ   หากสืบภายหลังแล้วเป็นอาวุธทางฝั่งโน้นทั้งสิ้น
ด้วยปลอกกระสุนมันฟ้องในตัวของมันเอง  เวลามีการสอบสวนภายหลัง
      เขาก็จะบอกว่าเป็นของทางโน้นใช้อาวุธแบบนี้กัน ทางฝั่งเราจะไม่มี การใช้
 อีกอย่างหนึ่งทำให้ตำรวจต้องสงสัยกำนันมั่นทันทีว่า
เหตุใดจึงถูกฝ่ายโน้นเล่นงาน หรืออาจจะเกี่ยวพันกับพวกของผิดกฏหมาย
ซึ่งมันทำอยู่แล้ว  หรืออาจจะบางทีพบร่องรายอะไรเพราะกำนันมั่นค้าของเถื่อน
และจำหน่ายอีกด้วย มันเป็นลูกน้องของไอ้เสี่ยเม้งรับงานมาทำหลายปีคิดว่ากู
และพวกมึงยังคงจะเป็นเด็กอยู่กระมังนะ  ทำให้ตำรวจคิดว่ากำนันต้องทำงานนั้น
แล้วหักหลังพวกฝั่งโน้น  ทีนี้พวกมึงเข้าใจกันแล้วหรือยังล่ะ”
     ไอ้เปล่งอรรถาธิบายแผนการต่างๆทั้งการต่อสู้และทางหนีทีไล่
ให้พวกมันพร้อมเสร็จสรรพให้พวกมันได้รับรู้ฟังถึงแผนงานครั้งนี้  
 ทำให้บรรดาพรรคพวกล้วนแล้วต่างอ้าปากค้างกันไปตามๆกัน  มันไม่คิดว่า
    ไอ้เปล่งปกติมันไม่ค่อยชอบพูดจาอะไรมากนักเลย  แต่เวลามันวางแผน
ช่างรัดกุมรอบคอบเสียเหลือกัน เกินกว่าพวกมันจะนึกถึงได้   
    คงมีเพียงแต่หนุ่มชวนคนเดียวที่รู้และเข้าใจไอ้เปล่งได้ดีคนเดียวเท่านั้นด้วย
เคยผ่านการต่อสู้รบกันมามากต่อมากแล้ว  คราวก่อนที่หลบหนีมาได้ก็ด้วย
ความคิดของไอ้เปล่งนี่แหละถึงมีชีวิตรอดมาได้ทุกวันนี้
    พลางเดินไปตบไหล่ กล่าวขึ้นว่า
   “เออข้าเห็นชอบด้วยคนล่ะโว้ย ขอบใจไอ้เปล่งมากนะ
ที่ช่วยวางแผนการณ์ต่างๆให้เสร็จไม่ต้องมานั่งคิดให้เสียเวลากันไป”
ไอ้เปล่งหันมายิ้มแต่ไม่กล่าวว่าอะไร  
หนุ่มชวนกล่าวแล้วหันไปมองหน้าทุกๆคนเอ่ยขึ้น
   “แล้วทุกๆคนเห็นชอบด้วยหรือเปล่าล่ะหรือว่ามีแผนดีกว่านี้
ก็รีบบอกมาจะได้เริ่มทำงานคิดว่าไม่อยากให้ดึกมากนักนะ”
   “ในเมื่อไอ้ชวนเห็นชอบในฐานะที่มึงเป็นหัวหน้าคนทั้งหมดอยู่แล้ว 
 พวกกูจะมีปัญญาคิดอะไรได้หรือ ถึงจะคิดพวกกูคิดว่าคงไม่แนบเนียน
เท่าไอ้เปล่งได้หรอกว๊ะ  พวกกูนั้นมีเพียงแต่แค่ใจเท่านั้นว๊ะ 
 เพียงคิดไม่ถึงว่าไอ้เปล่งมันจะเป็นขุนเบ้งในเมืองไทยนิ”
ไอ้วาสเอ่ย
   “ขงเบ้งโว้ยไอ้ห่าวาส  เสือกจะพูดดันพูดผิดอีก”  ไอ้ตี๋เล็กหัวร่อก๊าก
     “เออๆๆๆ...จะขงแข็งอะไรก็ช่างเถอะว่ากูพูดไปแล้วนี่หว่า
  ขงเบ้งหรือว๊ะกูจะได้จำไว้โว้ยไอ้ห่ารากกิน”
     “เอาล่ะๆๆๆ???....เมื่อทุกๆคนไม่ขัดแย้งเรื่องนี้ก็เริ่มดำเนินการได้ว๊ะ 
แต่อาวุธเหล่านี้พวกมึงผ่านมาแล้วทั้งสิ้นนี่นาคงไม่เป็นปัญหาหรอก 
  ไอ้เปล่งแจกอาวุธได้แล้วล่ะ”
   “ได้ไอ้ชวน”  กล่าวแล้วไอ้เปล่งก็เดินแจกจ่ายอาวุธปืนอาก้า
ให้พวกมันทั้งหมดพร้อมกระสุนไม่อั้น
พร้อมยังแถมพิเศษให้อีกทั้งลูกระเบิดอีกคนละหนึ่งลูก พร้อมสั่งว่า
   “เฮ้ยๆๆลูกระเบิดนี้ไม่จำเป็นอย่าใช้นะโว้ยมันแพงเสียด้วยซิ
ด้วยมันเป็นระเบิดไม่ธรรมดาที่มุมมันจะ 45 องศา แต่นี้สะเก็ดมัน
ขนานไปกับพื้นดินและกระจายกันขึ้นสูงอีกต่างหาก ราคาจึงแพงมาก
  การใช้เมื่อดึงสลักแล้วอย่ารอช้าเพราะว่าระเบิดนี้มันจะทำงานเร็วมาก
กว่าลูกระเบิดทั่วไปนับไม่ถึงห้ามันก็จะระเบิดแล้วล่ะโว้ย อันตรายมากด้วย
พวกมึงควรระวังไว้ให้มากๆอย่าสุ่มสี่สุ่มห้าคิดว่ามันก็แค่ระเบิดธรรมดา
เสื้อเกราะมันยังฉีกกระจุยมามากต่อมากแล้วนะโว้ย”  
ไอ้เปล่งรีบร้องเตือนบอกพรรคพวกทันทีในเรื่องอานุภาพร้ายแรงของมัน
   “เออๆขอบใจมากว๊ะ  แล้วเริ่มหรือยังล่ะในเมื่อพวกเรามีอาวุธครบมือแล้ว  
แล้วอุปกรณ์ในการตัดไฟล่ะ”  
ไอ้วาสถาม
   “เออเดี๋ยวจะให้ว๊ะให้กูแจกอาวุธให้หมดก่อนซิว๊ะ
 อย่างไรมึงได้ทำงานแน่ไม่ต้องห่วงโว้ย”
      กล่าวเสร็จไอ้เปล่งก็มอบอุปกรณ์ต่างๆพร้อมด้วยรองเท้าพิเศษให้ไอ้วาส 
 ไอ้วาสรีบนำมาสวมใส่ทันที ด้วยระยะอีกไม่ไกลนัก จะได้เริ่มลงมือทำงานทันที
    ครั้นแล้วหนุ่มชวนก็เดินนำหน้าหาทางลัดเลาะไม่เดินบนถนนเกรงอาจจะมีคน
มาเห็น ด้วยพวกมันต่างสะพายอาวุธครบมือทั้งสิ้น  คนเห็นอาจจะสงสัยไปแจ้ง
ตำรวจให้รู้มารวบพวกมันเสียก่อน   จึงพากันเดินเข้าป่าไปด้วยชำนาญทางไว้แล้ว
พรรคพวกของหนุ่มชวนเดินทางมาสักพักใหญ่จึงแลเห็นไฟฟ้าในบ้านส่องสว่าง
   ทั้งหมดก็มาถึงบ้านกำนันหวน   ทั้งหมดหยุดและ นั่งบ้าง หมอบบ้าง เมื่อ
แลเข้าไปในบริเวณบ้านต่างก็เห็นพวกไอ้แม้นกำลังส่งเสียงสนทนากันลั่น
เสียงดังออกมายังถนน เป็นวงใหญ่ๆมีกันทั้งหญิงทั้งชายมากหน้าหลายตา กินเหล้า
บ้าง  โอบกอดหญิงต่างๆบ้าง นัวเนียไปกันหมดด้วยต่างคนต่างเริ่มเมากันแล้วมี
 บ้างกล่าวคำหยาบโลน แต่พวกผู้หญิงรู้ว่าจะชอบเห็นหยอกล้อหัวร่อลั่น
      ดังนั้นหนุ่มชวนก็ให้สัญญาณพรรคพวกทันที   ให้เริ่มปฏิบัติงานกันได้แล้ว
 ทั้งหมดก็กระจายกำลังกันออกไปล้อมบ้านกำนันมั่นทุกๆหนแห่ง
  ส่วนไอ้เปล่งก็นำกระบอกปืนออกตั้งหาที่เหมาะสมยืดขาไว้แน่น เล็งไปยัง
หลังคาบ้านกำนันมั่นทันที    
   ไอ้วาสก็ปีนขึ้นไปบนเสาสายไฟฟ้าคอยสัญญาณจากพวกอยู่แล้ว
เพียงคอยสัญญาณจากการยิงของไอ้เปล่งเท่านั้น ส่วนคนอื่นก็กระจายกันออกไป
 ด้านหนุ่มชวนก็คอยส่งกระสุนเอ็ม 79 ให้แก่ไอ้เปล่ง ที่ตามันจ้องมองไปยังบ้าน
   “ไอ้เปล่งเริ่มได้แล้วว๊ะ”  เสียงหนุ่มชวนเอ่ยเมื่อเห็นพรรคพวก
แยกย้ายตามแผนการณ์หมดแล้ว
   ทันใดนั้นเสียงหวี๊ดๆๆๆดังขึ้น เล่นเอาพรรคพวกของไอ้แม้น 
ต่างสะดุ้งตกใจต่อเสียง  ที่พวกมันได้ยินเข้ามา
พากันร้องเอะอะโวยวายกัน   ถามเรื่องเสียงกันเสียงดังแซด
ไปหมดว่าเสียงอะไรมันดังเหมือนนกกลางคืนร้องแต่ก็ไม่ยักจะใช่ 
ด้วยเสียงมันแหลมมากก้องแสบเข้าไปรูหูกันทุกๆคน บรรดาพวกของมันต่าง   
มองหน้ากันทำตาหล๊อกแหล๊กไปๆมาๆ  ไม่มีใครตอบได้สักคนเดียว
 ตูมเสียงระเบิดดังลั่นลูกแรกตกไปหน้าเรือนชานบ้านประตู
ขึ้นบ้านพังทะลายทันที   พรึบๆไฟฟ้าทั้งหมดภายในบ้านดับ
พร้อมกันทุกๆดวง     เสียงกำนันตะโกนร้องบอก
ให้พรรคพวกไปดูไฟซิฟิวซ์มันขาดหรือเปล่าให้จัดการต่อให้ด้วย  โอ้ยๆๆๆ
       ตูมๆๆ  เสียงระเบิดดังบนหลังคาบ้านของมันใกล้ๆเกือบจะพร้อมๆกัน  
หลังคาบ้านทะลุพังลงมาทันที       เกิดประกายไฟลุกไหม้ลามบ้านขึ้นไปทั่ว  
เสียงร้องวี๊ดว้าย โอ้ยๆๆๆๆสลับดังกันไประงม  คนบนบ้านรีบกระโจนลงมา
ด้วยบันไดบ้านไม่มีเสียแล้ว  กำนันมั่นร้องด่าลั่นด้วยรูปร่างแก่อ้วนท้วน
อยู่แล้วร้องให้คนทางมาช่วยหาทางรับแก เพราะลงจากบ้านไม่ได้ ช่วยนำแก  
ลงมาให้ได้     ทุกอย่างมึดสนิท บรรดาพวกไอ้แม้นต่างรีบวิ่งหนีเสียงระเบิด
หาทางหลบที่กำบังทันที  หลบกันไปด่านกันไประงมไปทั่วบริเวณ
        เสียงตูมดังอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้กำนันไม่ต้องให้มีคนช่วยแล้ว ด้วยความตกใจ
ลืมตัวส่งผลให้ร่างกำนันรีบกระโจนพรวดลงมาทันที ร่างแกกลิ้งโคโรโคโท่
กระดอนไปมาตามแรงลงบนพื้นถนนในบริเวณบ้านของแกเอง ดวงตาเบิกโพลง
 แต่แกก็ยังขโยกเขยกวิ่งไปหาที่กำบังใกล้ๆตุ่มน้ำที่เรียงรายไว้รอบบ้าน
        ครืนๆๆๆเสียงดังมาอีกบ้านทั้งหลังพังทะลายทับลงมากองอยู่บนพื้น
และมีไฟลุกติด ทำท่าจะลามไปทั่ว  พรรคพวกได้ไอ้รีบมาดับไฟทันที แต่แล้วก็ต้อง
รีบพากันเผ่นหนีไปคนละทิศละทาง  เมื่อได้ยินเสียงปืนระงมไปทั่วบริเวณรอบบ้าน
       ซ้ำยังมีเสียงระเบิดกึกก้องเท่านั้นไม่พอ
   เสียงกระสุนปืนก็ดังรอบทิศทาง ที่พวกมันได้ยินดังไปทั่วรายล้อมรอบบริเวณ
  ด้วยเสียงปืนที่ฝ่ายกำนันมั่นได้ยิน  คือเสียงดัง พรืดๆๆๆหูดับตับไหม้
  พรรคพวกกำนันมั่น บางคนโดนที่ขาบ้าง แขนบ้าง  หัวไหล่บ้างหน้าอกบ้าง 
 เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ    ฝุ่นตลบฟุ้งกระจายแม้จะมืดก็แลเห็นฝุ่นสีขาวๆ
ของฝุ่นที่บ้านพังทะลายลงมาฟุ้งจำนวนมากมายเหล่านี้แผ่ออกไปทั่วบริเวณ
   “ฉิบหายโว้ยๆๆฉิบหายกันหมดสิ้นก็คราวนี้ เฮ้ยๆใครมีปืนยิงพวกมันบ้างซิว๊ะ
จะปล่อยมันไว้ให้ยิงฝ่ายเดียวหรือไงว๊ะ”   เสียงกำนันตะโกนก้อง
    “ไอ้แม้นโว้ยมึงอยู่ที่ไหนว๊ะ”   กำนันมั่นร้องถามหาลูกชายมัน
     “ข้าอยู่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกพ่อ แต่มันมืดมองอะไรไม่เห็นเลย อาวุธทางเรามี
แค่ปืนพกประจำตัวเท่านั้น  ส่วนใหญ่เก็บไว้ในห้องใต้ดินซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงพ่อ”
     “เฮ้ยๆๆไอ้สน ไอ้เบี้ยว  ไอ้แช่ม ไอ้อ๊อด  พวกมึงอยู่ที่ไหน  ดูแลพวกสาวๆด้วย
นะโว้ย”   ไอ้แม้นตะโกนสั่งพวก
   “อีพวกสาวๆมันต่างกระเจิงหายไปไหนไม่รู้ว๊ะไอ้แม้น”  เสียงไอ้สนตะโกนตอบ
    “ แล้วทางไอ้เบี้ยว ไอ้แช่ม ไอ้อ๊อดล่ะ” ไอ้แม้นถามอีก
     “กูถูกยิงปากเฉียดไปเลือดสาดอยู่ทางนี้ว๊ะ” เสียงอ้อแอ้ด้วยเลือดเต็มปากมันไอ้เบี้ยว
      “ข้าอยู่ทางนี้คอยดูแลพ่อกำนันอยู่ว๊ะ”  ไอ้อ๊อดเอ่ยตะโกนตอบ
       “ เออๆดีแล้วโว้ย   ดูแลพ่อกูด้วย กูจะไปมองไม่เห็นทางว๊ะ ให้ทุกๆคนอยู่กับที่นะ
อย่าได้เสือกออกไปล่ะ  เดี่ยวมันเห็นเงาๆจะยิงเอา กูช่วยอะไรไม่ได้นา”
  ไอ้แม้นตะโกนบอก
  
        ดังนั้นเสียงปืนก็ออกมาจากปากกระบอกปืนดัง ปังๆๆๆ   จากคนที่มีปืน ที่นำปืน
ออกมาต่อสู้   ซึ่งมันมองไม่เห็นฝ่ายตรงกันข้ามเลย  ด้วยบริเวณรอบบ้านในบริเวณบ้าน
นั้นมืดสนิท  จะเห็นก็เพียงลางๆเท่านั้นจากแสงของดวงดาวที่ทอประกายสะท้อนเข้ามา
    แต่พวกมันยิงสุ่มสี่สุ่มห้าที่ได้ยืนเสียงดังพรืดๆๆออกมา   รอบๆบริเวณบ้าน ทุกๆคน
ไม่กล้าออกมา ได้หาที่กำบังยิงโต้ตอบฝ่ายตรงกันข้ามไว้ไม่ให้พวกนั้นบุกเข้ามาได้
 แต่แล้วเหมือนนำทางให้แก่ทางฝ่ายชวนจึงถูกยิงตอบด้วยปืนอาก้า เสียงพรืดๆดังออกมา
ทันใดเสียงร้องระงมดังลั่นทันที  เวลาผ่านไปสักประมาณ ราวชั่วโมงกว่าๆ
เสียงปืนก็สงบลง   ความเงียบก็เข้ามาแทนที่ในบริเวณบ้านกำนันมั่น  ตัวกำนันมั่น
คุดคู้อยู่ข้างตุ่มน้ำใบใหญ่ ซึ่งข้างๆมีไอ้อ๊อด  ไอ้แช่มคอยดูและให้ต่างหมอบทับบน
ร่างของกำนันมั่น เอาตัวมันป้องกันกระสุนแทน  มันรู้อาการร่างกำนันสั่นเทาๆ
ทุกๆคนนึกว่าสงบลงต่างร้องเรียกหากันระงม  ตะโกนไปทั่วเรียกร้องหากัน
 ทันใดนั้นเองเสียงดังตูมก็ดังอีกลูกที่บนแค่ใต้ต้นมะขามใหญ่  ที่พวกไอ้แม้นนั่งกินเหล้าประจำ
ทำให้ต้นมะขามใหญ่ฉีกผ่าขาดออกเป็นสองท่อนทันที แล้วเหตุการณ์ก็สงบ
ความเงียบเข้ามาแทนที    
     ไฟฟ้าติดขึ้นมาแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังอยู่ในความมืด  นอกเสียจากมีแสงอยุ่ดวงหนึ่ง
ไฟที่สว่างนั้นมันอยู่ในซากใต้กองไม้ของบ้านเท่านั้น ที่ส่องแสงเล็ดรอดออกมา 
นอกนั้นก็มืดสนิทมองอะไรไม่เห็น นอกจาก  เสียงเอะอะโวยวาย ของพวกหนุ่มสาวดังลั่นไปทั่ว
พร้อมเสียงร้องของความเจ็บปวดระงมไปทั่ว  สักพักใหญ่ทุกๆคนก็พยายามฝ่าความมืด
มารวมตัวกันในที่พรรคพวกเรียกหากันต่างรอให้ฟ้าสว่างขึ้นเพราะในบ้านหรือบ้านต่างๆนั้น
ไม่สามารถจะเข้าพักอาศัยอยู่ได้   ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างราบพนาสูรไปหมด ดีนะที่พวกมันช่วยกัน
ดับไฟที่ลุกไหม้บ้านได้ทันการ  มิฉนั้นก้จะเกิดแสงไฟจากไฟไหม้ทำให้แลเห็นพวกมันด้วย
      พรรคพวกบางคนไปค้นหาที่แสงไฟนั้นส่องเห็น    ต่างก็ช่วยกันเข้าไปเอาซากไม้ออก
แล้วค่อยๆลากไฟดวงนั้นออกมาพ้นกองไม้ด้วยความระวังมิให้สายขาดจากดวงไฟได้
แต่ไม่ยาวนัก ทุกๆคนจึงไปรวมตัวกันที่ดวงไฟนั้นกันหมดต่างเจ็บกันระนาว
ไม่มีใครเสียชีวิตสักคน
 แต่ทุกๆคนได้รับบาดแผลมากบ้างน้อยบ้างทุกๆคน ฝ่ายหญิงร้องไห้กันบ่นกันโดยเฉพาะ
อีสร้อยเมื่อพบเพื่อนร้องไห้ บอกว่า
   “อีนวลกูฉีกฉิบหายหมดแล้วว๊ะ”  มันร้องไห้ไปบอกไป
   “อะไรฉีกหรือว๊ะอีสร้อย????...”  อีชบาถามด้วยความสงสัย
   “จะอะไรอีกล่ะอีชบา หอยกูพังก็คราวนี้แหละดีที่มันไม่โดนตรงๆ  กระสุนปืนมันถากลึก
เอาเลือกกูไหล เนื้อฉีกสงสัยต้องไปเย็บหลายๆเข็มว๊ะ”  ฮือๆๆๆ
   “ไม่ตายห่าก็ดีแล้วแค่ฉีกช่างมันเถอะว๊ะเย็บพอหายก็เหมือนเดิมแหละโว้ย” อีนวลปลอบใจ
   “แล้วอีลัดดาและอีแจ๋วคนอื่นๆด้วยไม่เห็นหน้ามันเลยว๊ะ”อีชบาเอ่ยปากถาม
   “พวกกูจะไปรู้หรือโว้ยเห็นก็เท่านี้แหละให้ สงบกว่านี้ต้องพรุ่งนี้แหละถึงจะรู้เรื่อง”
อีนวลเอ่ยบอก
      ซึ่งบรรดาสาวๆต่างหลบกันอยู่แค่สามคนเท่านั้น กลัวก็กลัว เจ็บก็เจ็บ เพราะพวกมัน
ต่างได้รับบาดแผลกันในที่ต่างๆกันทุกๆคน แต่มันยังมองหาพวกไอ้แม้น ไอ้สน ไอ้เบี้ยว
และคนอื่นๆ ซึ่งมันมืดมากมองไม่เห็นใครๆทั้งสิ้น 
   “กูว่าพวกเราอยู่ที่นี้อย่าไปไหนดีกว่า พวกคนอื่นช่างหัวมันเอาตัวรอดก่อนดีกว่านะ”
    “เออกูก็เห็นด้วยว๊ะ ต้องรอให้สว่างเสียก่อนว่าจะมีใครบาดเจ็บตายกันบ้าง”
    “ให้กูออกไปตอนนี้  กูไม่เอาหรอกรักษาชีวิตไว้ก่อนว๊ะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยน่ากลัว
อะไรเช่นนี้มาก่อนเลยว๊ะ
      ทั้งสามสาวต่างบ่นกัน  แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรกันได้ นอกจากนอนกอดกันหลบกระสุน
     ส่วนทางด้านพรรคพวกชวนนั้นเมื่อถึงที่รวมตัวกันแล้วก็ส่งอาวุธปืน
ให้แก่ไอ้เปล่งและช่วยมันเก็บของหิ้วเดินไปส่งยังที่รถของมันเพื่อแสดงสินน้ำใจ
     ทุกๆคนไม่พูดจาว่าใครเก่งหรือไม่เก่งนอกจากได้แต่หัวร่อกันเท่านั้น
   “เอาล่ะเมื่องานเราสำเร็จแล้วกลับกันได้แล้ว  ข้าขอขอบใจพวกเราทุกๆคนด้วยนะ
หากมีอะไรพอจะช่วยได้ก็บอกมาได้เลย  ขอให้แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน”
หนุ่มชวนเอ่ยขึ้นเมื่อทุกๆคนเดินมาถึงรถของตัวเอง  
ทุกๆคนหันไปกล่าวขอบใจไอ้เปล่งพลางยกหัวแม่โป้งให้แก่มันด้วย
      เสียงรถก็กระหึ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งต่างเร่งความเร็วหายลับไปกับความมืด
ความมืดกับเสียงสัตว์หากินกลางคืนก็เริ่มส่งเสียงร้อยกันต่อไป
   “ไปไหนมาหรือลูกพ่อเป็นห่วงเจ้ามากนะ” กำนันแม่เย็นนั่งคอยอยู่
 ส่วนสาวเจ้าบงกชก็นั่งอยู่ข้างๆพ่อแม่
   “ไปทำธุระมาครับพ่อ  ผมขอตัวก่อนนะครับ”  
ชวนตอบผู้เป็นพ่อมัน
   “แล้วเรียบร้อยไหมล่ะลูก เรื่องที่เจ้าไปทำงานมานี้นะ”
 กำนันหวนถาม
   มองไปเห็นลูกชายอ่ำๆอึ้งๆพักหนึ่ง เจ้าชวนก็เอ่ยกับพ่อกำนันหวนว่า
   “เรียบร้อยหมดแล้วจ๊ะพ่อ พรุ่งนี้คงได้ข่าวอะไรทางโน้นหรอกครับพ่อ”
 ชวนตอบด้วยสีหน้าเฉยเมยไม่กระตือรือล้นแสดงอาการแต่อย่างใด
   “มีใครตายบ้างหรือไม่ล่ะลูก”
 แม่เย็นเอ่ยถามบ้าง
          คราวนี้หนุ่มชวนก็รู้แล้วว่า    พ่อแม่มันรู้ว่าเขาไปทำอะไรมาแน่
ด้วยประสบการณ์ชีวิตทั้งสองที่ผ่านมาอย่างโชกโชนนั่นเอง
         ดังนั้นชวนจึงเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้กับพ่อแม่น้องมันฟังโดยไม่
ปิดบังอะไรอีกเลย ซ้ำยังบอกว่าไอ้เปล่งสร้างหลักฐานปลอมทิ้งไว้อีกด้วย
   “ไอ้เปล่งคนนี้ที่ชอบไปไหนมาไหนกับลูกเสมอๆใช่ไหมล่ะ”
กำนันหวนถามขึ้น
   “ใช่แล้วพ่อ คราวที่ผมเจ็บมารอดตายมาได้ก็ด้วยมันวางแผนให้หลบหนีครับ”
หนุ่มชวนเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อ
   “อืมมๆๆๆ....มันรูปร่างใหญ่โตล่ำสันบึกบึนไม่ค่อยพูดจาเท่าใดนัก
แต่มันช่างมีมันสมองฉลาดมากจริงๆนะ สำคัญๆๆไอ้เด็กคนนี้หากดีไปก็ดีใจหาย
หากมันร้ายขึ้นวันใด  ไฟจะลุกท่วมไปหมด  อย่างไรเอ็งก็คอยดูแลแนะนำมันบ้าง
นะอย่าให้มันเหลิงมากไปเสียล่ะ??...”  
กำนันหวนกล่าวกับลูกชาย
   “เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาหรอกครับพ่อ ด้วยมันเชื่อฟังผมคนเดียวและเคยสู้กันมา
แล้วด้วยแบบลูกผู้ชาย แม้มันใหญ่สมองมันชาญฉลาดก็ตามคนเราบางครั้งก็โง่
เป็นนะพ่อ  ผมใช้ศิลปหลอกล่อมันแทบตายกว่าจะสยบมันได้ ตั้งแต่นั้นมามัน
ก็รักผมมากๆเสียด้วย มันบอกว่าตั้งแต่มันโตมานี้ไม่มีใครสยบมันได้เหมือน
ครั้งนี้แบบลูกผู้ชายเต็มตัวไม่มีการใช้อาวุธใดๆเลย”
  หนุ่มชวนเอ่ยให้พ่อฟัง
   “ถือว่าเอ็งกับมันต่างเป็นคนรู้ใจกันแล้ว  แต่ก็ควรอย่าให้มันเหลิงได้ ด้วยหาก
ประมาทเมื่อไหร่ก็จะแย่นะลูก”
   “เรื่องนี้ฉันไม่ห่วงหรอกพี่  ด้วยรู้นิสัยลูกคนนี้ดีว่าความคิดอ่านมันอย่างไรจ๊ะ”
แม่เย็นเอ่ยเข้าข้างลูกทันที
   “แต่ถึงอย่างไรก็ควรระวังไว้บ้างก็ยังดีนะแม่เย็น เจ้าชวนก็เหมือนกัน เสร็จๆ
กันแล้วกินข้าวมาหรือยังล่ะ พ่อฟังดูคิดว่าคงจะยังแหละด้วยรีบไปแล้วกลับมาเลย”
   “ครับพ่อยังหรอก เดี๋ยวผมไปหากินในครัวก็แล้วกัน”
หนุ่มชวนเอ่ย
   “ไม่ต้องหรอกลูก น้องเอ็งจัดเตรียมไว้ให้แล้วล่ะ  กช เอ๋ยไปยกมาให้พี่เขากินได้
แล้วล่ะลูก” 
แม่เย็นเอ่ยกับลูกสาวทันที
   “งั้นผมขอไปผลัดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ ด้วยมันเปื้อนฝุ่นโคลนมามาก
เสียด้วย เมื่อเวลาคลานไปเข้าบ้านเขา”
หนุ่มชวนเอ่ยกับพ่อแม่
  “ไปผลัดเปลี่ยนอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนก็แล้วกันแล้วค่อยมากินข้าว พ่อแม่จะอยู่
เป็นเพื่อนให้นะ
   “ไม่ต้องหรอกครับ พ่อแม่แก่แล้วไปพักผ่อนได้เถอะครับ ผมจัดการเองได้ครับ”
        ดังนั้นหนุ่มชวนก็เข้าไปในห้องเขาแล้วออกมาเดินไปยังห้องน้ำ ชำระล้าง
ร่างกายทันที..............
             * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน