อทิสมานกาย ๓๒ ชายหนุ่มพร้อมด้วยเจ้าแสงสีสินชัย ครั้นพอตกเวลาเที่ยงคืนก็ออกเดินทางไปยังป่าช้า โคกอีแร้งทันที พอย่างก้าวเข้าในเขตป่าช้าชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นพนมพลางหลับตา พร้อมด้วยเจ้าหุ่นทั้งสองที่เพียงแค่ยืนพนมมือเท่านั้น เสียงสายลมพัดอู้ๆมาแต่ไม่รุนแรง เท่าใดนัก ก็ปรากฏร่างของนายป่าช้าวัดโคกอีแร้งพร้อมด้วยอาจารย์เลื่อมทันที ยังเบื้องหน้า ของชายหนุ่ม เหมือนจะทราบนายป่าช้าและอาจารย์มาแล้ว ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้น พร้อมนั่งก้มลงกราบไป ยังอาจารย์เลื่อมทันที ทำเอาเจ้าหุ่นทั้งสองก็ต้องกระทำตามชายหนุ่มนายของมัน อาจารย์ทองก็เอื้อมมือมาลูบศีรษะชายหนุ่มเบาๆ ชายหนุ่มทราบว่ารู้เพียงมีสายลมพัดบน ศีรษะของเข้าเท่านั้น พลันหันไปทางนายป่าช้ายกมือไหว้ นายป่าช้าพลางถามขึ้นว่า มีอะไรหรือถึงได้มาในเวลานี้ล่ะ???.....พ่อหนุ่มพลางส่งยิ้มให้ ชายหนุ่มตอบว่า ผมมาเพื่อจะขออนุญาตท่านนายป่าช้าในบริเวณนี้ เพื่อกำจัดเจ้าพวกผีร้ายทั้งหลาย รวมทั้งเปรตทั้งสี่ตนฝังไว้ในบริเวณนี้ ด้วยมันตอนนี้หลังจากไปอยู่ กับอาจารย์ดำซึ่งตายไปแล้วต่างอาละวาดพวกชาวบ้านทั้งหลายกันจนกลัวรานไปหมดด้วย พวกมันชักกล้าแข็งไม่เกรงกลัวใครๆดีที่ได้อาศัยพระเครื่องของหลวงพ่อทอง แขวนคอบูชาไว้ถึงทำอะไรไม่ได้ แต่มันก็ได้วนเวียนหาทางคอยทำร้ายคนอยู่เนืองๆด้วยการ หลอกหลอนนาๆ จนแทบจะไม่ได้ทำมาหากินในเวลาค่ำๆกันแล้ว อีกอย่างหนึ่งมันยังลาม ไปยังชาวหมู่บ้านอื่นๆด้วย คอยทำร้ายคนดีหากเผลอเรอกัน ผมทราบว่าตอนนี้มันสุมหัวกัน อยู่บริเวณโคกอีแร้งครับ ชายหนุ่มกล่าวกับนายป่าช้า ดีซิมันไม่กล้าเข้ามาในเขตบริเวณนี้หรอกด้วยมีอาจารย์ท่านคอยกำกับดูแลอยู่ มันหวัง จะมาชักชวนพวกที่ตายใหม่ๆให้ไปเป็นพวกมันด้วย หากเจ้ากำจัดมันได้ก็ถือเป็นบุญกุศล ส่วนข้าคอยจะช่วยดูแลกำกับมันไว้ด้วยอีกทางหนึ่ง หากถึงเวลาหมดอายุขัยก็จะให้มันได้ไป ผุดเกิดรับกรรมของมันที่แดนล่างต่อไป อาจารย์เลื่อมซึ่งตอนนี้เป็นเทวดาแล้วพลางก็กล่าว ศิษย์เราไม่เป็นปัญหาหรอกอาจารย์ จะช่วยเหลือเจ้าอีกทางก็แล้วกัน ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังเช่นนั้น ก็ก้มลงกราบอาจารย์เลื่อมและนายป่าช้าทันที นายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมก็บอกให้ยืนขึ้นได้แล้ว นายป่าช้ากล่าวขึ้นอีกว่า ข้าจะได้แจ้งแก่เหล่าๆผีทั้งหลายให้คอยช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วยนะ ขอบคุณท่านนายป่าช้าว่าควรที่จะเริ่มพิธีที่ไหนดีล่ะครับ นายป่าช้าตอบว่าที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ว่าข้าว่ากลางป่าช้านี่แหละดีนะ จะได้มีพวกเราคอยดูแลพวกเจ้า แล้วหันหน้าไปมองหุ่นทั้งสองถามว่า นี่เป็นคนของเจ้าหรือ???..... ชายหนุ่มตอบว่า ใช่แล้วครับท่านแล้วเล่าเรื่องก่อนจะได้หุ่นทั้งสองมา ให้นายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมฟังทั้งหมด ตลอดจนสอนสมาธิวิชาอาคมเพิ่มเติมให้ด้วย อืมม!!!!????..... ข้ามองดูแล้วรู้ว่ามันเก่งกล้าสามารถกว่าข้าเสียอีกนะ นายป่าช้ากล่าวขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมันต้องให้ความเคารพนับถือท่านนายป่าช้าและ อาจารย์เลื่อมไว้เสมอครับหากผิดพลาดอย่างไรแก่มัน ผมขออภัยด้วยนะครับ กล่าวแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปทางเจ้าแสงสีและสินชัยให้กราบอาจารย์เลื่อม บอกว่านี่แหละคืออาจารย์ของข้าแหละ และนี่นายป่าช้าควบคุมดูแลผีทั้งหลาย ในป่าช้านี่ ถึงไม่บอกเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยก็รู้อยู่แล้ว ทั้งสองจึงก้มลงกราบลงทันที อาจารย์เลื่อมพลันหัวร่อเบาๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า........ วิชาความรู้ของข้าก็เรียนจนสำเร็จหมดแล้ว ซ้ำเจ้ายังได้รับการเพิ่มเติม จากเบื้องบนเสียอีก เห็นทีว่า ใครยากจะทำอันตรายพวกเจ้าได้แล้วล่ะ แต่ก็ดีไปอย่างหนึ่ง ที่เจ้าจะได้ช่วยพวกชาวบ้านทั้งหลายให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขเสียที ด้วยพวกนี้มันชักกำเริบเสิบสานมากขึ้น อาจารย์เองจะช่วยหรือไม่ช่วยก็มีค่าเท่ากัน จะคอยดูแลห่างๆไว้ก็แล้วกัน อันที่จริงเพียงแค่เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยมันก็สามารถกำหราบได้แล้ว แต่มันก็เกิดดับๆอยู่เสมอๆด้วยเป็นพวกสัมภเวสีชดใช้กรรมแต่มันยิ่งเพิ่มกรรม ด้วยสันดานมันดิบเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว เก็บมันไว้ก็ดีจะได้ออกมาไม่ได้ ข้าเองก็จะคอยระมัดระวังรวมทั้งนายป่าช้าด้วย แล้วจะเริ่มพิธีเมื่อไหร่ล่ะ???.......นายป่าช้าถาม ผมว่าจะเริ่มกันเดี๋ยวนี้เลยครับท่านนายป่าช้า งั้นก็ดีแล้ว มาๆ ตามข้ามาจะหาทางจัดที่ทางให้เจ้าด้วย พลางหันหลังไปกล่าวพึมพรำอะไร บางอย่างทันที ปรากฏเสียลมพัดอู้ๆแล้วก็หายไปชายหนุ่มรู้ทันทีว่า นายป่าช้าใช้ให้ลูกน้องหรือผีทั้งหลายไปจัดเตรียมที่ทางไว้ ที่มันไม่สามารถปรากฏตัวด้วยก็เหตุที่นายป่าช้าคงกำชับมันไว้เอง ครั้นแล้วนายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมก็เดินนำหน้าชายหนุ่มไป ครั้นถึงบริเวณที่เหมาะสมแล้ว นายป่าช้าและอาจารย์เลื่อม กล่าวว่า เอาตรงนี้แหละนะ ข้าเองและอาจารย์เลื่อมจะคอยดูห่างๆ และจะให้พวกผีทั้งหลายแหวกทางให้แก่มันเข้ามาด้วย ขอบคุณมากครับ ชายหนุ่มกล่าวพลางยกมือขึ้นไหว้ แล้วหันไปทางเจ้าแสงสีสินชัยให้จัดเตรียมเครื่องพิธีทันที ทั้งสองก็รีบทำตามไม่ช้าก็สำเร็จทุกประการ เป็นหลักสี่เหลี่ยมขึงด้วยด้ายสายสินธ์ที่ปลุกเสกไว้แล้ว ทั้งหมดล้อมกันเป็นสามชั้น มีธงตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมหลากสีร้อยหลากสี ปักบนหลักทั้งหมดด้วย ส่วนด้ายสายสินธ์ที่แยกเป็นเส้นๆแปดเส้นวางไว้ นอกประรำพิธี ทอดยาวไปวางไว้ทั้งแปดทิศลงบนพื้นดินทั้งแปดเส้น แล้วนำมาผูกรวมกันพันไปยังประรำพิธีที่รายล้อมไว้ทั้งสามชั้น ส่วนหัวเชือกนั้นปลายหนึ่งมาลงในหม้อดินใบใหญ่ทั้งสามใบ ปากหม้อผูกด้วยด้ายสายสินธ์ทั้งสามใบ กลุ่มด้ายสายสินธ์วางไว้บนพานรองรับ มีโต๊ะเตี้ยๆตั้งวางไว้เบื้องหน้า ชายหนุ่มที่กำลังขัดสมาธิอยู่ เทียนไขสีเหลืองถูกตั้งไปตามมุมทั้งสาม รอบเขตที่กั้นล้อมรอบทั้งหมดซ้ำยังนำไปปักที่ ปลายด้ายสายสินธ์พันไว้ด้วยด้ายสายสินธ์กับเทียนตรงก้นสุดของเทียนไข เชือกที่เหลือทดยาววางไว้บนพื้นดิน ยาวประมารสองสามคืบเห็นจะได้ ส่วนบนโต๊ะก็ตั้งล้อมรอบด้วยเทียนไขตลอดจนที่ปากหม้อใบใหญ่ทั้งสามใบ ที่ตั้งไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ บนโต๊ะมีเครื่องสังเวยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น มีกระถางธูปตั้งไว้ใบหนึ่ง ใช้สำหรับปักธูปไว้ ครั้นนายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมเห็นชายหนุ่มและเจ้าหุ่นทั้งสองทำดังนั้น พลันก็ตกใจไม่คิดว่าชายหนุ่มนี้จะทำพิธีได้ดังนี้ไม่เคยเห็นมาเลย ผิดแผกกว่าบรรดาอาจารย์อื่นๆอีก ที่เคยเข้ามาทำพิธีในป่าช้านี้ก่อน แม้แต่ตัวอาจารย์เลื่อมเองก็เถอะก็คิดไม่ถึงและ ไม่สามารถทำได้ เช่นนี้ได้ผิดแผกกับตำราที่ครูบาอาจารย์สอนวิธีเรียกผีลงหม้อเลย เมื่อเจ้าแสงสีและสินชัยทำงานเสร็จก็มาบอกแก่ชายหนุ่ม ชายหนุ่มมองไปรอบๆด้านเห็นถูกต้องแล้วก็เรียกเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัย ให้มานั่งยังด้านข้างของตน พลางกล่าวให้เจ้าสินชัยไปจุดเทียนไข ได้แล้วพร้อมด้วยธูปหนึ่งกำมือ ไปปักยังใกล้เทียนไขทุกๆต้นๆละหนึ่งดอก ครั้นเจ้าสินชัยทำครบเรียบร้อยแล้วก็เข้ามานั่งยังข้างๆชายหนุ่มทันที ชายหนุ่มพลางนำด้ายสายสินธ์ส่งให้เจ้าถือสายวนไปยังกระถางธูป ส่วนหัวกลุ่มสายสินธ์ชายหนุ่มมาถือไว้เองส่งด้ายที่พันกระถางธูปไว้นั้น ให้เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยถือไว้เช่นเดียวกัน แล้วหันไปทางหุ่นทั้งสองว่าเอาล่ะได้ฤกษ์ดีแล้วเริ่มทำพิธีได้ให้เจ้าถือด้ายสายสินธ์ ที่พันกระถางธูปไว้ ส่วนข้าเองจะถือกลุ่มด้ายนี้ ให้ทุกๆคนเข้าสมาธิขั้นสูงไว้ อย่าได้มีจิตอ่อนไหว ต่อเสียงขอร้องอย่างเด็ดขาด มันล้วนแต่เป็นมายาของเหล่าผีปีศาจทั้งสิ้น ทั้งสองกล่าวรับคำทันที ทางด้านนายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมที่ยืนดูอยู่ห่างๆไกลๆนั้น พากันมองหน้ากันรวมทั้ง บรรดาพวกผีทั้งหลายในป่าช้าด้วย พวกผีทั้งหลายต่างวิพากษ์วิจารย์กันไปๆมาๆ จนนายป่าช้า หันไปตวาดว่าให้เงียบเสียงลงอย่าได้ปรากฏตัวต่อต้านพวกมัน นอกจากชายหนุ่มและพวกจะ เพลี้ยงพล้ำนั่นแหละถึงจะเข้าไปช่วยเขา เข้าใจไหม???... นายป่าช้าถาม บรรดาผีในป่าช้าทั้งหลายตอบรับคำนายป่าช้าทั้งสิ้น บ้างต่างยืนดูแตกต่างกัน บ้างต่างแอบดูทั้งผีเด็กผีผู้หญิงผีผู้ชายทั้งหลาย บ้างตายโหง บ้างเป็นไข้ตาย คลอดลูกตาย ฯลฯเป็นต้น ล้วนแล้วแต่ตายกันต่างๆนาๆ พากันจ้องมองดูการกระทำ ของบรรดาชายหนุ่มนั้น ครั้นพิธีเริ่มขึ้นแสงเทียนก็สว่างไสวควันธูปลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณป่าช้า สายลมพัดอ่อนๆ แม้แต่ควันธูปก็เล่นเอาพวกผีทั้งหลายต่างถอยกันกรูดๆไปตามๆกัน แม้แต่นายป่าช้าเองก็ยังต้องถอยหลังห่างออกไปอีก ยกเว้นแต่อาจารย์ เลื่อมเท่านั้นที่ยังยืนอยู่กับที่มองดูการกระทำของศิษย์ตน การภาวนาผ่านไป สักครู่หนึ่ง เสียงพายุดังขึ้นเกิดขึ้นลมพัดสนั่นหวั่นไหวเป็นทางใบไม้แห้งต่างๆ ล้วนปลิวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณนั้น เสียงร้องครวญครางโหยหวนล่องลอยลมมา พร้อมเสียงร้องกร๊ดๆกร๊าดๆดังระงมไปทั่ว เสียงหมาภายในวัดส่งเสียงหอน ไปทั่วบริเวณวัดทั้งหมด ด้วยร้องระงมโหยหวนผสมกับเสียงร้อยครวญคราง โบ๊ว!!!!!ๆๆๆๆ.... ไม่ขาดสาย ทำเอาพระต่างๆรวมทั้งหลวงพ่อทองเอง ต้องขึ้นมานั่งสวดมนต์ ครั้นหลวงพ่อทองเข้าสมาธิสักพัก ก็ลืมตาหัวร่อพลางสวดแผ่เมตตา แก่บรรดาสรรพสัตว์ทั้งปวงทันที แล้วท่านก็เข้าจำวัดต่อไป คงเหลือแต่พระรูปอื่นๆที่ยังสวดมนต์อยู่ด้วยสำเนียงที่โหยหวน จนมิอาจจะจำวัดกันได้ เจ้าหมาในวัดหลายๆตัวต่างก็ร่ำร้องเห่าหอน กันระงมไปทั่วบริเวณวัดไม่ยอมเลิกลากัน ด้วยมันคงจะเห็นพวกผีจำนวนมาก ทันใดนั้นบรรดาผีทั้งหลายที่ใกล้เข้ามาในประรำพิธี ต่างก็พากันทำอาการกิริยาแตกต่างกันหลอกหลอน นาๆประการแก่ชายหนุ่ม บ้างมีหัว บ้างไม่มีหัว เป็นผีเด็กและผีผู้หญิง ที่เป็นโครงกระดูกเดินได้ก็มี พากันเดินเรียงรายเข้ามาตามทางที่ นายป่าช้ากำหนดไว้ เข้ารายล้อมบริเวณประรำพิธีกันเป็นจำนวนมากนับแทบไม่ถ้วนกันเลย ทำอากัปกิริยาหลอกหลอนต่างๆนาๆ แต่ก็มีบางพวกก็พยายามดื้อดึงดิ้นรน ไม่ยอมเข้ามา ด้านหลังสุดเป็นร่างเปรตสูงชะลูดทั้งสี่ตนเดินควบคุมพวกมัน มิให้บรรดาผีทั้งหลายนั้นหนีออกไปได้ ด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์ของมัน ซึ่งบรรดาผีทั้งหมดเกรงกลัว ด้านหน้านั้นผีที่ไม่เกรงกลัวซึ่งมีอิทธิฤทธิ์กว่าใครๆ ต่างพากันหลอกหลอนชายหนุ่ม แหกอกล้วงไส้ออกมาส่งกลิ่นเหม็น คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มล้วงไปในย่ามที่พกพามา ล้วงเอาน้ำมันชนิดหนึ่งพลางภาวนาแล้วพรมไปทั่วบริเวณนั้นทันที ทันใดน้ำมันก็ส่งกลิ่นหอมหวนยิ่งนักกลบกลิ่นเหม็นต่างๆหายไป จนหมดสิ้น บรรดาผีทั้งหลายต่างแปลกใจที่เห็นคนนั่งข้างๆชายหนุ่ม มือถือด้ายสายสินธ์นั้นเป็นผีเช่นเดียวกับพวกมัน แต่ทำไมจึงไปนั่งเคียงข้าง ชายหนุ่มได้ซ้ำยังใช้เวทย์มนต์เรียกพวกมันมาทั้งหมดได้อีกและแล้ว พวกมันไม่สงสัยอะไรอีกแล้วคิดว่าคงพวกเดียวกันกับชายหนุ่มที่เรียกพวกมัน ด้วยกำลังเข้าพิธีหลับตานั่งสมาธิกันอยู่ทั้งสามภายในประรำพิธีนั้น ครั้นกลิ่นเหม็นหายไปทันใดนั้นเสียงร้องคร่ำครวญ ก็ดังขึ้นมาแทนทันที พากันวิ่งหนีเพื่อจะหายไปจากประรำพิธี รวมทั้งเจ้าเปรตสี่ตัวด้วย มันคงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแก่มัน และพวกมันพากันหันหลังกลับจะออกนอกป่าช้าทันทีแต่ไม่สามารถ หลุดพ้นไปได้ ด้วยอำนาจแรงดึงดูดของพลังงานอันมากมายมหาศาล และอีกด้วยอำนาจเวทย์มนต์ของชายหนุ่มและเจ้าแสงสีสินชัยกำลังนั่งสมาธิ ซึ่งกำลังภาวนามนต์คาถาอาคมอยู่ ดังนั้นมันจึงมิอาจวิ่งหนีออกเพื่อรอดพ้น อำนาจดึงดูดของด้ายสายสินธ์ที่วางเรียงรายไว้ทั้งแปดทิศไปได้สักตนเเดียว พวกผีเหล่านั้นที่มีอำนาจฤทธิ์อ่อนก็ถูกสายสินธ์ดูดลงหม้อไปเกือบหมดสิ้น คงเหลือที่มีฤทธิ์พยายามต่อต้านอำนาจสายสินธ์ไว้ ถึงจะพยายามเท่าใด ล้วนแล้ว ถูกอำนาจสายสินธ์ดึงดูดเข้าหม้อดิน ที่ตั้งไว้ในประรำพิธี ผีตนใดมีฤทธิ์เดชมาก ก็จะถูกนำไปยังหม้ออีกใบหนึ่งต่างหาก แตกต่างกับพวกที่มีฤทธิ์อ่อน ส่วนหม้ออีกใบหนึ่งนั้น ไม่มีผีตนใด คงวางเปล่าอยู่ จนกระทั่งบรรดา พวกผีทั้งหลายถูกสายสินธ์ดูดลงหม้อไป คงเหลือเพียงแต่พวกเปรตสี่ตนเท่านั้น พอพวกมันเห็นบรรดาลูกน้องมันถูกดูดลงหม้อไปหมดสิ้น มันก็แสดงอิทธิฤทธิ์ ยกเท้าหมายกระทืบลงในประรำพิธีทันที ทันใดนั้นนั่นเองก็ปรากฏแสงสีหลายหลากสีพวยพุ่งออกจากพิธีประรำเข้าไป ยังฝ่าเท้ามัน มันส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน แต่ก็ยังเอามือยืนยาวเข้ามาอีกหมาย ทำลายพิธีให้ได้แต่ก็โดนแสงนั้นเข้าทำลายมันจนร่างมันไหม้เกรียมไปครั้นมัน จะรีบแฝงกายหายตัวไปก็ยังไม่อาจจะทำได้ พวกมันทั้งสี่ต่างแสดงฤทธิ์เดชกัน ต่างๆนาๆก็ไม่อาจที่จะเข้ามาใกล้พิธีดังกล่าวได้เลย พากันร้องกรี๊ดๆๆๆโหยหวน สยดสยองขวัญ เสียงร้องของมันดังไปไกลๆจนบรรดาผีต่างๆที่แอบดูต่างตื่น ตระหนกกันไปตามๆกัน ด้วยคิดไม่ถึงว่าอำนาจของผีเปรนตสี่ตนนี้จะร้ายกาจนัก ด้วยเมื่อก่อนนี้มันก็เคยช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่ร้ายกาจเท่านี้ด้วยมันถูกเรียกตัวไปหรือ ว่าจะได้รับมอบวิชาอาคมมา ทำให้มันบัดนี้แปรสภาพไปอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้น พวกผีเด็กๆและหญิงทั้งหลายต่างหนีกระเจิงหาที่ซ่อนตนไว้ หรือกลับไปลงหลุมตน ส่วนผีเปรตจะหนีก็หนีไม่ได้ด้วยถูกอำนาจพลังงานสายสินธ์ ดึงดูดร่างมันไว้เสมอๆ แรงอำนาจดึงดูดก็กลับเพิ่มขึ้นอีกมากมายมหาศาลยิ่งนัก เมื่อมันสิ้นปัญญาในการแสดงอิทธิฤทธิ์จนหมดสิ้นแล้วและหลบหนีก็ไม่ได้ดังนั้น มันทั้งสี่จึงคุกเข่าลงเมื่อรู้ว่าไม่อาจจะหนีรอดพ้นไปจากอาคมของชายหนุ่มได้จึง ส่งเสียงร้อยกรี๊ดๆๆเสียงเล็ดรอดออกมาคล้ายเสียงของเด็กเล็กๆ อ้อนวอนเขาต่างๆ นาๆเพื่อให้ยกเว้นแก่มันทั้งสี่ด้วย ว่าจะไม่ทำเหตุร้ายขึ้นอีกต่อไปแล้วกลัวแล้วๆๆๆ แต่ชายหนุ่มไม่เชื่อด้วยล้วนรู้นิสัยใจคอมันดี หากไม่จวนตัวและพ่ายแพ้จริงๆ ไหนเลยมันจะอ้อนวอนขอร้องแก่เขา ดังนั้นเขาไม่ได้ตอบแต่อย่างไร เข้าสมาธิขั้นสูง สุดพร้อมทั้งเร่งวิชาอาคมเพิ่มพลังงานแก่ด้ายสายสินธ์เพิ่มขึ้นอีกทันที ทำให้เจ้าเปรตซึ่งคงมีฤทธิ์อ่อนกว่า ร้องกรี๊ดๆๆๆพลันถูกสายสินธ์ดูดลงไปยังหม้อ ที่ว่างเปล่าทันที แล้วก็ตามทะยอยกันลงไปยังหม้อทั้งสามตน ส่วนอีกตนเมื่อเห็นดังนี้ ก็แสดงอาการโกรธแค้นพลางร่างมันก็สูงทะมึนชะลูดเปลี่ยนร่างกายมันหลอกหลอน ต่างๆนาๆ แต่ขามันกับถูดแรงดูดพลังงานของด้ายสายสินธ์ดูดเข้าไปทีละน้อยๆจน กระทั่งเหลือแต่หัวมัน แต่ปากอันเล็กนิดเดียว พลันร้องกรี๊ดๆๆๆกล่าวคำอาฆาตแก่ ชายหนุ่มทันทีว่าจะ ขอจองล้างจองผลาญไม่ยอมสิ้นสุดหากหลุดพ้นออกมาได้ มัน จะตามไปทุกๆชาติแล้ว ร่างมันก็หายลับไปกับสายสินธ์ลงไปยังหม้อที่บรรจุเปรต ทั้งสี่ตัวไว้ แต่เสียงมันยังกังวานร้องอย่างโหยหวนอยู่ภายในหม้ออาคม เสียงร้องนี้เป็น ไปกันทุกๆหม้อ ต่างครวญครางด้วยภายในหม้อเหล่านี้เกิดเปลงเพลิงขึ้นเผาผลาญร่างกาย ของพวกมัน แม้จะเกิดๆดับๆเกิดใหม่ก็ตามล้วนแล้วถูกเปลวไฟในหม้อเผาผลาญมิสิ้น พลันชายหนุ่มก็หยิบผ้าสีแดงและผ้าสีขาวออกมาสิบสองผืน ผืนเล็กไม่ใหญ่นัก กับผืนใหญ่ๆสี่ผืน พลางยกขึ้นภาวนากำกับมนต์ลงไปอีกเขานั่งสมาธิทำประมาณชั่ว อึดใจเดียว ก็นำผ้าแดงผูกปิดยังปากหม้อดินทันทีพันด้วยด้ายสายสินธ์ ในระหว่างพัน นั้นก็ร่ายเวทย์มนต์กำกับไปอีกด้วย แล้วค่อยนำผ้าสีขาที่เขียนอักขระยันต์เวทย์มนต์ ผูกลงไปแล้วพันด้วยด้ายสายสินธ์เหมือนครั้งแรก ครั้งที่สามเป็นผ้ายันต์สีแดงก็กระทำ เช่นเดียวกันทั้งสามผืน แล้วค่อยนำผ้าสีแดงผืนใหญ่ๆนำหม้อดินที่บรรจุด้วยเปรตทั้งสี่ มาหุ้มห่อไว้พันด้วยด้ายสายสินธ์อีกรอบ แล้วจึงหันไปทำเหมือนกันอีกสองหม้อที่วาง ก่อนจะผูกผ้ายันต์นั้นเสียงร้องขอชีวิตมันดังอย่างยิ่งนัก ครั้นถูกผ้ายันต์พันปากหม้อ แล้วเสียงนั้นค่อยหายไป ครั้นทำเสร็จทั้งสามหม้อเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยังนำสายสินธ์ มานั่งสมาธิภาวนาอีกสักชั่วอึดใจใหญ่พร้อมล้วงปากกาเมจิคออกมาเขียนยันต์กำกับ ไว้แต่ละหม้อขึ้นอีก ซึ่งยันต์แต่ละหม้อจะแตกต่างกันเขียนเลขไทยกำกับไว้เป็นใบที่หนึ่ง สองและสาม ทั้งกระดาษปิดปากหม้อเป็นภาษาไทยไว้ว่า เป็นหม้อของพวกผีร้ายกาจ อย่าได้ทำลายเสีย มิฉะนั้นจะเกิดเภทภัยตามมาภายหลังแก่คนที่ทำลายหม้อสามใบนี้ ข้อความเขียนเหมือนกันหมดทั้งสามหม้อดิน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันไปทางแสงสีสินชัยกล่าวว่า เรียบร้อยแล้วพวกเรา เจ้าแสงสีและสินชัยตลอดเวลาเห็นการกระทำของชายหนุ่ม ก็ให้ตะลึงไม่คิดว่านายมันนี้ทำไมจึงเก่งกาจยิ่งนัก ว่าอาจารย์ดำนั้นเก่งแล้วก็ยังมาเทียบ แม้แต่ปลายฝุ่นของนายมันไม่ได้ ต่างตลึงกันไปตามๆกัน ไม่ใช่เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัย เท่านั้นแม้แต่อาจารย์เลื่อมนายป่าช้าเองก็ยังให้ความนับถือชายหนุ่มคนนี้ยิ่งนัก พลางชายหนุ่มหันไปทางนายป่าช้าว่า ต่อไปนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของท่านนายป่าช้า ได้แล้วล่ะครับ จะให้ไปฝังไว้ที่ใดหรือครับ????..... ชายหนุ่มถาม อาจารย์เลื่อมพลันกล่าวว่าให้ไปฝังยังโคนต้นไม้ที่อาจารย์อยู่ก็แล้วกันจะได้คอยดูแล ให้ด้วย หากเป็นท่านนายป่าช้าแล้วเห็นว่าจะไม่เหมาะนัก ด้วยบางครั้งต้องเดินทางไป รายงานผลแก่ผู้ใหญ่เขา ชายหนุ่มหันไปยกมือไหว้อาจารย์เลื่อมมันที พลางกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นก็ดีเหมือนกันต้องขอรบกวนท่านอาจารย์ด้วยนะครับ อย่าให้ใครปล่อยมัน ออกมาได้นอกเสียจากมันจะถึงวาระท่านผู้ใหญ่ข้างล่างท่านจะให้ยมฑูตมานำไปเองครับ ท่านอาจารย์ อ้อๆๆๆ.....เหตุดังนี้นี่เองเจ้าถึงได้ทำให้ข้าสงสัยยิ่งนักในการทำพิธีครั้งนี้ ชายหนุ่ม หัวร่อ....ครับท่านอาจารย์ท่านแนะนำผมมาครับอาจารย์ คราวนี้อาจารย์เลื่อมและนายป่าช้าไม่สงสัยในการกระทำของชายหนุ่มอีกแล้ว แต่ พลางถามว่า ส่วนประรำพิธีล่ะจะเก็บไปหรือว่าจะปล่อยไว้ดังนี้ก่อน ชายหนุ่มตอบว่า คงปล่อยไว้สักสามวันแล้ว ขอความกรุณานายป่าช้าช่วยดำเนินการให้ ปกติก็แล้วกันนะครับ ไม่เป็นปัญหาหรอกพ่อหนุ่ม ฉันจะให้พวกเด็กดูแลเมื่อครบกำหนดก็จะให้มันช่วยเก็บ ให้เองแหละ........ ถ้าเป็นอย่างนั้นขอบใจท่านนายป่าช้าด้วยนะครับ นี่ก็ดึกจวนใกล้ๆสว่างแล้วจะนำหม้อไป ฝังเสียก่อน พลางหันไปทางเจ้าแสงสีสินชัยให้นำจอบเสียมที่เตรียมมาไว้ก่อนแล้ว ช่วยกันยก หม้อดินเดินตามเขาไป ซึ่งอาจารย์เลื่อมก็เดินนำหน้าพาไปยังโคนไม้ใหญ่ ท่านบอกว่าข้างบน คือวิมานของอาจารย์เองแหละมีเด็กๆคอยปรนบัติอยู่ไม่ต้องห่วง เอ๊าเอาๆตรงนี้แหละนะ ชายหนุ่มก็ให้เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยขุดดิน พลางย้ำว่าให้ลึกๆมากๆหน่อยนะ ทั้งสองรับคำ ในไม่ช้าก็เกิดเป็นหลุมลึกๆสามหลุมทันที เขาให้แสงสีและสินชัยนำหม้อดินทั้งสามใบไปวางไว้ ก้นหลุมพลางบอกให้ขึ้นมาได้แล้ว ครั้นแล้วชายหนุ่มก็เสกดินที่จะใช้กลบอีกครั้งหนึ่ง แล้ว บอกให้แสงสีสินชัยค่อยๆเอาดินใส่ลงไปพอได้ที่ก็ให้นำก้อนหินที่เขาปลุกเสกไว้วางทับลงไปอีก จนครบสามชั้นทั้งสามหลุม ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สั่งให้แสงสีและสินชัยยังไปหาก้อนหินก้อน ใหญ่มาอีกสามก้อน เมื่อได้ก้อนหินมาแล้วเขาก็เขียนลงยันต์คาถาอาคมปลุกเสกอีกทีหนึ่ง แล้วสั่งให้เจ้าสินชัยนำไป วางทับทั้งสามหลุมทันที ในระหว่างการกระทำเช่นนี้ นายป่าช้าและอาจารย์เลื่อมก็บังเกิดยินดีอย่าง ยิ่งและตลอดจนนับถือชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น พลางกล่าวว่าหากเป็นแบบนี้ให้อาจารย์ใดๆที่เก่งกล้าวิชาอาคมก็ตามยากที่ จะนำพวกมันขึ้นมาแล้วนำไปได้หรอกทั้งสองกล่าวขึ้น เสร็จงานแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอกราบลาอาจารย์และท่านนายป่าช้าเสียเลยนะครับแล้ว ทั้งสามก็ก้มลงกราบไปยังอาจารย์เลื่อมและนายป่าช้าทันที เมื่อได้รับการอนุญาตก็เดินออกจากป่าช้าไป อาจารย์เลื่อมก็กล่าวกับนายป่าช้าว่า.... ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจอะไรเช่นนี้ แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่สามารถทำได้ เห็นทีจะ ทำให้บริเวณแถวนี้มีความสุขสงบเสียที บรรดาพวกผีทั้งหลายเห็นการกระทำของชายหนุ่มก็บังเกิดความเกรงกลัวยิ่งนัก ด้วยบางตนเคย ระรานชายหนุ่มแต่กลับใจได้ ก็ยิ่งพากันกลัวจับจิตวิญญาณมันทันที........ * แก้วประเสริฐ. *
2 ธันวาคม 2553 15:47 น. - comment id 119669
มาติดตามตอนปราบผีครับ
29 พฤศจิกายน 2553 22:26 น. - comment id 120277
อ่านตอนนี้ดีแล้วค่ะ อิอิ
29 พฤศจิกายน 2553 23:27 น. - comment id 120280
คุณ แจ้นเอง ตามสบายเถอะครับ ผมคิดว่าเขียนใน ลักษณะเรื่องแบบนี้ผมไม่ชำนาญเสียด้วย เมื่อเขียนแล้วก็ใ้ช้สมองมากเป็นพิเศษคอย นั่งคิดเก็บข้อความที่เห็นบ้างสร้างขึ้นบ้าง ไม่เหมือนพวกที่เกี่ยวกับความรักกันเลยครับ ที่จะเขียนง่ายมากๆ คงจะคล้ายๆกับเรื่องผสม ผสานประวัติศาสตร์ และเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ หากผมชอบดูละครหรือหนังเรื่องผีๆ ก็คงจะได้ดีกว่านี้ แต่ผมกลับไม่ชอบดู เสียด้วย จึงต้องใช้จินตนาการมากสมอง มากเป็นพิเศษครับ รักมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
2 ธันวาคม 2553 21:12 น. - comment id 120344
คุณ กิ่งโศก ตอนนี้เป็นจินตนาการล้วนๆเลยล่ะจ๊ะ รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
4 มีนาคม 2554 23:31 น. - comment id 122830
หลวงพ่อแก้วช่วยด้วยเจ้าค่ะ..... สวัสดีครับผม...คริๆๆๆๆ