มิติรัก...ใต้เงาจันทรา ฉบับปรับปรุง ตอนที่6
ส.ธนาศิษฏ์
เช้าอันสดใสน้ำผึ้งขับรถไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อส่งวิทยานิพนธ์เตรียมที่จะจบ เธอนั่งคุยกับ ดร.เกษม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาสตร์และเป็นนักจิตวิทยา เธอคุยถึงเรื่ององค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แล้วก็พูดถึงเรื่องที่เธอเห็นในอดีตชาติซึ่งเธอเชื่อว่าอาจารย์ท่านนี้ต้องเชื่อเธอเพราะท่านเคยถอดจิตไปยังอดีตได้
จริงเหรอคุณน้ำผึ้งที่คุณมีสัมผัสพิเศษ สามารถถอดจิตไปยังอดีตได้ ผมว่ามันวิเศษมาก ๆ เลย เพราะตัวผมเองเวลาที่หลุดออกไปต้องอาศัยการนั่งสมาธิแต่คุณจู่ ๆ ก็ไปโดยที่ไม่รู้ตัว
มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ มันเหมือนกับฝัน แต่ว่ามันก็ไม่ใช่คือฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ฉันรู้สึกว่าฉันเห็นคนในอดีตในโลกปัจจุบัน
เนื้อคู่หรือเปล่า
คงไม่หรอกค่ะอาจารย์เพราะในอดีตชาติฉันเห็นเขาเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้นไม่น่าจะมีอะไรมากกว่านี้นะคะ
ผมว่านะจิตของคุณอาจจะสื่อถึงกันโดยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่รู้ตัวก็เป็นได้ชาติที่แล้วคงจะผูกพันธ์กันมากถึงได้มาเจอกันอีกถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมว่าผู้ชายคนนั้นอาจจะฝันถึงคุณบ้างนะ แต่เขาคงไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวว่าคุณหรือใคร ๆ จะหาว่าเขาบ้า
น้ำผึ้งเดินออกจากมหาวิทยาลัยและกลับมายังบริษัททัวร์ของตัวเอง สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย
สวัสดีค่ะ
ผึ้งเธอรู้ไหมว่าพระเอกของเธอรถคว่ำอาการสาหัสมาก รีบมาด่วนเลยนะ
ที่ไหน
โรงพยาบาลสมเด็จพระนารายณ์ฯ
ขอบใจนะส้มฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ละ ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงต้องรีบไป แต่ที่รู้ ๆ คือฉันคงนั่งเฉย ๆ รอฟังข่าวของเขาไม่ได้ ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลย และที่เขาเป็นแบบนั้นก็เพราะฉัน ถ้าเมื่อวานเขาไม่ไปส่งฉันกับส้มเขาคงไม่เป็นแบบนี้
น้ำผึ้งรีบขับรถจากกรุงเทพฯ ย้อนมายังลพบุรี เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เธอก็ตรงไปยังประชาสัมพันธ์เพื่อถามถึงเขา แต่เธอเจอส้มเสียก่อน
ผึ้ง!!!! ทางนี้
น้ำผึ้งวิ่งตรงมายังส้มทันที เธอมาถึงหน้าห้องผ่าตัด
ใครเป็นอะไรเหรอ
คุณแก้มแฟนของผู้หมวดพระเอกของเธอกำลังเจาะเอาเลือดคั่งในสมองออก ตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัด
แล้วผู้หมวดล่ะ
อยู่ห้องไอซียู ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย
น้ำผึ้งนั่งรอหน้าห้องผ่าตัดอยู่ครู่หนึ่งแพทย์ก็ออกมา
ใครเป็นญาติของคุณรัศมีครับ
ผมเองครับ ผู้หมวดดำรงพูดขึ้นเขาเป็นพี่ชายของคุณแก้มแฟนสาวของผู้หมวดหนุ่มคนนั้น
ตอนนี้ต้องรอผลต่อไปนะครับต้องดูกำลังใจของเธอว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหนเพราะอาการสาหัสมาก หมอไม่สามารถบอกได้ว่าเธอจะรอดได้กี่เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ก็ต้องรอดูใจกันไปก่อนนะครับ คุณหมอเอ่ยพร้อมกับถือแฟ้มประวัติคนไข้เดินกลับเข้าไปในห้องผ่าตัดอีกครั้ง
น้ำผึ้งฟังแล้วก็ตกใจ เธอรีบวิ่งไปยังห้องไอซียูทันทีเพื่อขอเข้าเยี่ยมผู้หมวดหนุ่ม เธอจับมือของเขาไว้แล้วก็ร้องไห้ เธอกระซิบข้าง ๆ หูของเขาเบา ๆ แล้วก็หยิบเครื่องรางที่ได้มาจาก ดร.เกษม ใส่ที่ข้อมือของเขา เธอนั่งมองเขาแล้วนึกอยู่ตลอดเวลาว่าต้องไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร
ผู้หมวดคะผู้หมวดรู้สึกตัวหรือยังคะผู้หมวด เสียงน้ำผึ้งเรียกเขาอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ฟื้น แพทย์มาตรวจอาการเขาอยู่หลายครั้ง แพทย์บอกว่าอาการของเขาไม่เป็นอะไรแล้วเพียงแต่รอให้ฟื้นก็เท่านั้นเอง
ครู่หนึ่ง ผึ้งนี่เราซื้อน้ำหอมกลิ่นใหม่มาให้ แปลกดีลองดมสิ ต่ายเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นน้ำหอมขวดนั้นให้ เราจะกลับกรุงเทพฯแล้วก็เลยเอานี่มาฝาก หวังว่าเธอจะรักษาสุขภาพให้มาก ๆ นะ อย่าเจ็บป่วยจนเสียงานล่ะ เดี๋ยวไอ้ส้มมันจะน้อยใจเพราะนึกว่าเธอกินแรง...แล้วฝากบอกผู้หมวดนั่นด้วยละกันว่าหายดีนะ...ไปละ ต่ายส่งน้ำหอมให้พร้อมทั้งกล่าวลา
ผึ้งเปิดฝาขวดน้ำหอมขึ้นมาดม เธอกำลังจะฉีดน้ำหอมเพื่อลองที่มือ แต่ต่ายเดินพวดพลาดมาชนแขนจึงทำให้น้ำหอมฉีดไปทางอื่นกลิ่นน้ำหอมฟุ้งกระจายไปหมด ขอโทษนะ ลืมกระเป๋าตังค์น่ะ ไปละ ต่ายหยิบกระเป๋าสะพายแล้วรีบเดินออกไปทันที ผู้หมวดหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามอง เขายิ้มแล้วก็จับมือของเธอเอาไว้
น้ำผึ้งแก้ว!!!! เขาเรียกชื่อนี้ขึ้นมาทำให้เธอตกใจมากเพราะไม่คิดว่าจะมีใครเรียกชื่อนี้ได้อีก เธอคิดว่ามีเพียงเธอคนเดียวเสียอีกที่รู้จักชื่อนี้
นั่นก็ต้องหมายความว่าเขารู้แล้วว่าเราเป็นคนในชาติที่แล้วแน่ ๆ.น้ำผึ้งนึก ขณะที่นายตำรวจหนุ่มเงยหน้ามองน้ำผึ้งแก้วนั้นเขาเห็นเธอใส่สไบสีทองทับสไบแพรสีเหลืองนวล ผมของเธอประบ่าสวมเข็มขัดทองประดับไปด้วยเพชรนิลจินดานุ่งผ้าจีบนางสีเขียวขี้ม้าราวกับที่เขาเห็นในความฝันทำให้เขานึกถึงหน้าพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญมหาปราสาท ภาพความทรงจำในนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจเขาตลอดเวลา เมื่อเขามองไปที่ข้อมือของตัวเอง เขาก็เห็นกำไลที่เคยเห็นเธอสวมใส่ในความฝันยิ่งทำให้เขาถึงกับตกใจเพราะไม่คิดว่ากำไลวงนี้จะมีจริง เพราะเขาคิดมาโดยตลอดว่าฝันไปเท่านั้น
กำไลหินลายพันด้วยเชือกไหมสีแสดวงนี้มาจากไหน
ของผึ้งเองค่ะดร.เกษม อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยให้มาเมื่อวานนี้ ผึ้งก็เลยเอามาใส่ให้เผื่อจะช่วยคุ้มครองป้องกันภัยได้ค่ะผู้หมวดเป็นยังไงบ้างคะ ค่อยยังชั่วหรือยัง เธอเอ่ยขึ้น แต่ท่าทางจะค่อยยังชั่วแล้วเนาะต่าย เธอหันมาหาเพื่อนสาวของเธอ
ใช่สิสลบเป็นวัน ๆ เลยนี่ ส้มเอ่ย
เหรอแล้วแก้มแฟนพี่ล่ะ
นอนรอดูอาการอยู่ค่ะไม่รู้ว่าเธอจะฟื้นหรือเปล่า
ทำไมก็เธอไม่รู้สึกตัวเลยเหมือนที่คุณเป็นนั่นแหละค่ะ ผึ้งเอ่ยขึ้น
ผึ้งและส้มนั่งคุยกับนายตำรวจหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ค่ะค่ะค่ะ น้ำผึ้งต้องลากลับก่อนเธอรีบไปที่สำนักงานสาขา 2 เธอไปพบคุณอุดมซึ่งเป็นนักโบราณคดี ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเมืองโบราณ เธอคุยกับเขาและไปเป็นไกด์พาเขาเที่ยวชมโบราณสถานของลพบุรี
คุณทำงานที่นี่มานานแล้วเหรอครับ
ก็ไม่นานเท่าไรค่ะแต่อาศัยเป็นคนเกิดที่นี่โตที่นี่ก็เลยรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีอีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้อยากจะมาเป็นไกด์หรอกนะคะ ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งของกรมศิลปากรมากกว่า
แล้วทำไมคุณไม่ไปสอบล่ะครับ
ถ้าสอบติดก็ดีสิคะ ผึ้งหัวเราะ พอดีมีเพื่อนเรียนนิเทศศาสตร์ก็เลยคุยกันแล้วก็ตั้งสำนักงานทัวร์เล็ก ๆ ขึ้นมา แต่ทีนี้ไม่มีประสบการณ์ก็ต้องหาประสบการณ์ก่อน ฉันกับเพื่อน ๆ เลยไปสอบวัดความรู้น่ะค่ะ แต่มันเกิดฟลุ๊คขึ้นมาสอบติด ได้ใบประกอบวิชาชีพก็เลยมาทำตรงนี้ อีกอย่างช่วงนี้บริษัทพอมีลูกค้ามากขึ้นรายได้เริ่มอิ่มตัวก็ขยายสาขา ที่จริงฉันอยู่ที่เชียงใหม่มาก่อน ตอนหลังมาอยู่กรุงเทพฯ น่ะค่ะ แล้วบังเอิญตอนนี้มีการโยกย้ายสายงาน คนที่อยู่ตรงนี้ก็ลาคลอดด้วยก็เลยได้มาหาประสบการณ์ที่นี่ค่ะ
อืมลูกน้องไม่มีใครมาช่วยเหรอครับ
พวกเราเสมอกันค่ะ ไม่มีนาย ไม่มีลูกน้อง อยู่กันอย่างสบาย ๆ แต่อย่างว่าแหละค่ะเขาจะหาใครล่ะที่จะรู้เรื่องลพบุรีได้เท่าฉันกับยายส้มเพื่อนของฉันที่เติบโตมาจากพื้นถิ่นตรงนี้แล้วโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น บ้านเกิดของเราเราก็ต้องเชี่ยวชาญมากกว่าคนอื่นไม่ใช่เหรอคะ
มันก็จริงอยู่หรอกครับคุณน่ะเก่งออกขนาดนี้
ไม่ได้เก่งอะไรนักหรอกนะเพียงแต่ชอบก็เลยทำตรงนี้ คุณรู้ไหมว่าฉันไม่ได้จบทางด้านนี้มาโดยตรง
อ้าว!!!!
ฉันเรียนจบคณิตศาสตร์มาค่ะ แต่พอชอบและคลั่งไคล้ในศิลปะและพวกสถาปัตยกรรมฉันก็เลยมาต่อโทโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ฉันก็เลยอาศัยช่วงที่ว่าง ๆ อยู่ศึกษาให้เข้าถึงแก่นเลย
เหรอครับแล้วตรงนี้เขาเรียกว่าอะไรครับ
นี่เป็นหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎค่ะ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2405 สมัยรัชกาลที่ 4 ค่ะ แต่ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ลองเข้าไปดูหน่อยไหมคะ
ครับ
น้ำผึ้งพาคุณอุดมชายหนุ่มผิวขาวท่าทางสมาร์ทหน้าตาคมคายเดินขึ้นไปบนตึกและพาชมรอบ ๆ พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตนเองพอจะทราบให้เขาฟัง เมื่อเดินลงมาจากตึกเธอก็พาเขาไปชมบริเวณหมู่ตึกพระประเทียบ
หมู่ตึกที่เห็นอยู่ด้านหน้าหลังสีขาวที่ตั้งตระหง่าอยู่นี้เรียกว่าหมู่ตึกพระประเทียบค่ะ สร้างในสมัยรัชกาลที 4 เป็นที่พักของข้าราชบริภารฝ่ายใน มีทั้งหมด 8 หลัง แต่ปัจจุบันใช้สำหรับเป็นห้องประชุมหรือสัมมนาของเจ้าหน้าที่วังนารายณ์ค่ะ เดี๋ยวเราเดินไปนับไปนะคะว่ามีครบ 8 หลังหรือเปล่า ผึ้งพูดพร้อมกับพาเดินไปรอบ ๆ บริเวณนั้น เขากล่าวกันว่าคนที่ก้าวเข้ามาถึงเขตนี้ได้มีเฉพาะนางในล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น ผู้ชายที่เข้าได้มีเพียงคนเดียวคือพระมหากษัตริย์ค่ะ เธอหัวเราะขึ้นทำให้เขาหัวเราะตาม เธอพาเขามาหยุดตรงประตูทางทิศตะวันตกซึ่งถูกปิดตาย เธอมองลอดช่องลมออกไป ใกล้ ๆ กับโรงพักท่าหินเก่า ลองแอบมองนะคะ เธอเปรยขึ้น บริเวณตรงนี้คือประตูที่นางในหม่อมห้าม นางห้าม หรือพระสนมใช้เดินเท้าออกไปเล่นน้ำค่ะ สมัยโบราณบริเวณนี้จะกั้นด้วยผ้าขาวหน้าถึง 7 ชั้น ตลอดทางเรียบจนถึงท่าน้ำค่ะ นั่นไงคะท่าน้ำโบราณ แต่เป็นท่าน้ำที่จอมพล ป. มาสร้างใหม่นะคะ แต่พื้นที่เป็นศิลาแลงยังเป็นของเดิมค่ะ เธอชวนให้เขามองตาม เมื่อเขามองเขาก็หัวเราะ
ช่างสังเกตนะครับ ปกติผมว่าไกด์คนอื่น ๆ คงไม่เอาเกร็ดเล็ก ๆ แบบนี้มาเล่าหรอกมั้ง
ค่ะ ดิฉันจินตนาการขึ้นจากการอ่านน่ะค่ะ เธอพูดพร้อมกับส่องมองแล้วเหลือบสายตาไปทางด้านขวามือ ทางด้านนั้นนะคะเรียกว่าท่าขุนนางค่ะ สมัยก่อนขุนนางจะเทียบท่าตรงนั้นเพื่อมาเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ฯค่ะ เธอชี้ชวนให้เขามองตาม คุณอุดมยิ้ม
จากนั้นเธอก็พาเขาเดินย้อนกลับมาที่พระที่นั่งจันทรพิศาล เธอถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังกิริยา เมื่อเธอเห็นรูปเหมือนขององค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เธอก็หมอบกราบทันทีทำให้คุณอุดมต้องหมอบกราบตามไปด้วย
ไม่รู้ทำไมนะคะ ทุกทีที่ฉันเห็นรูปปั้นหรือรูปเหมือนของพระองค์ ฉันเป็นต้องหมอบกราบทุกทีเลย
คุณอุดมยิ้มแล้วก็เดินเข้าไปภายในห้องโถงด้านใน น้ำผึ้งแนะนำพร้อมทั้งบอกเรื่องราวต่าง ๆ ของข้าวของที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์อย่างละเอียด
โอ๊ย!!!!
คุณอุดมคะเป็นอะไรไปคะ
คุณอุดมจู่ ๆ ก็ทรุดตัวล้มลงกับพื้น เธอหันซ้ายหันขวาพยายามหาคนมาช่วยแต่ว่าบนนั้นไม่มีใครเลย เธอจึงยกหัวของเขาขึ้นให้หนุนตักและเอายาดมให้ดม
คุณอุดมคะคุณอุดม
เสียงน้ำผึ้งเรียกอยู่ตลอดเวลา คุณอุดมก็ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด เธอช้อนหัวเขาขึ้นวางบนตัก พร้อมกับหยิบยาดมที่มีอยู่ในกระเป๋าสะพายออกมาเพื่อปฐมพยาบาล เธอกวาดสายตาไปโดยรอบ ไม่มีใครสักคนที่อยู่ข้างใน ทั้งที่ปกติแล้วที่นี่ต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมมากมาย...
เสียงนางในอื้ออึงเอะอะ ร่างของใครคนหนึ่งนอนฟุบราบอยู่กับพื้นท้องพระโรง นางในคนหนึ่งก้มลงสะกิดใครคนนั้นพร้อมทั้งยื่นมือของหล่อนมาที่จมูกของเขา กลิ่นกาละบูรหอมเย็นขึ้นเพดานจมูกทำให้ชายคนนั้นลุกขึ้นนั่ง ในขณะที่นางในทั้งหลายตกใจกระโดดออกอย่างรวดเร็ว แตกกลุ่มเป็นวงกว้าง
เกิดอะไรกันขึ้นหรือ พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่ เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เสียงนี้ดูมีอำนาจและมีพลังยิ่งนัก
พระองค์เจ้าหญิงแก้วเพคะ อ้ายฝรั่งผู้นี้นอนแผ่แบหรา อิฉันนึกว่าตายเสียกระหม่อม เลยเอาน้ำปรุงให้ดม มันฟื้นขึ้นเจ้าค่ะ พวกอิฉันตกใจเลย... นางในคนหนึ่งเอ่ย
ตกใจหรือเกรงมันเจ้าลำเจียก... พระองค์เจ้าหญิงแก้วตรัสพร้อมกับพระสรวญเบา ๆ เอาละมีอะไรก็ไปทำซะก่อนที่เสด็จจะเข้ามา พระองค์ฯบอกกับนางในแล้วหันกลับมาหานายฝรั่งผู้นั้น ไปซะถ้ายังอยากมีหัวอยู่บนบ่า อย่ามาทำเป็นจาบจ้วงต่อหน้าเรา หากเจ้าเป็นคนไทเยี่ยงข้าไซร้เจ้าจักมิกล้ามองหน้าเราเยี่ยงนี้ เราจะละเจ้าไว้ในฐานการุณ พระองค์ตรัสทำให้นายฝรั่งคนนั้นรีบคลานหลบออกไปทันที
เราเหรอเป็นฝรั่ง เมื่อกี้เรายังอยู่กับคุณผึ้งอยู่เลย แปลก เขาเดินลงบันไดช้า ๆ พร้อมกับก้มมองตัวเองในอ่างล้างเท้า เอ้ย! เขาร้องด้วยความตกใจ พร้อมกับเอามือทั้งสองข้างจับที่หัว หน้า และลำคอทันที
อ้ายฝรั่งนี่บ้า สงสัยไม่เคยเห็นเงาตัวเอง ส่องเงาอยู่ได้ในน้ำล้างพระบาทนั่น หญิงผู้หนึ่งเอ่ยพร้อมกับหัวเราะชอบใจ
คุณผึ้ง คุณผึ้ง... เขาเอ่ย
บังอาจนักเจ้า ปล่อยมือออกจากแม่หญิงบัดเดี๋ยวนี้ มิรู้หรือว่าแม่หญิงเป็นนางห้าม นางใน มิบังควรจักล่วงเกิน หาไม่แล้วหัวเจ้าจักขาด นางในคนหนึ่งพูดเสียงตวาดดังลั่นพร้อมกับฉุดแขนเขาออกจากแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วทันที
ไปซะ เราไม่อยากเห็นเจ้าอีก แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วเอ่ย แม่อิ่มขอน้ำล้างแขนเราหน่อย เดี๋ยวเราจักมีราคี หล่อนเอ่ยขึ้น
จำผมไม่ได้เหรอ ผมอุดมไง? เขาเอ่ยท้วงขึ้น
บ้าจริง...หากท่านคือหลวงอุดมศักดิ์มนตรี ข้าคงเป็นเจ้าพระยากระมัง หล่อนหัวเราะดังขึ้น
ไม่ใช่ ผมชื่ออุดมศักดิ์ครับ ไม่ใช่อุดมศักดิ์มนตรี...คุณจำผมไม่ได้เหรอ เมื่อกี้เรายังนั่งคุยกันข้างบนตึกหลังนี้อยู่เลย
บัดสี...! หล่อนเอ่ยดังขึ้น เมื่อครู่อิฉันยังอยู่กับคุณหญิงแม่ปูพระแท่นให้กับเสด็จ หล่อนยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว อยู่ข้างในอยู่เลย
เอาละเจ้าเลิกเถียงกันสักที ต่อความมันยิ่งไม่จบ ต่างคนต่างแยกกันทำหน้าที่ของตนเสียเถิด ส่วนเจ้าฝรั่งนี่เดี๋ยวเราจัดการเอง พระองค์เจ้าหญิงแก้วตรัส ทุกคนก้มลงหมอบกราบ สิ้นเสียงของพระองค์ทุกคนจึงแยกย้ายกันออกไป ส่วนนายฝรั่งคนนั้นยังคงมีอาการมึนงงก้มหน้ามองเงาของตนเองในน้ำด้วยความประหลาดใจ
...เรากลายเป็นฝรั่งผมทองไปได้ยังไง ทุกคนที่นี่เป็นอะไรกันไปหมด แต่งตัวแปลก ๆ ท่าทีแปลก ๆ แล้วทำไมคุณผึ้งถึงบอกว่าไม่รู้จักเรา...เขานึก
เอาละเจ้าจะมาจากที่ใดเราพอจะรู้ เราขอให้เจ้าเดินกลับไปทางประตูด้านนู้นแล้วเจ้าจะได้คำตอบ พระองค์เจ้าหญิงแก้วตรัสพร้อมกับชี้บอกทางให้ ลำเจียก
เพคะกระหม่อม
เจ้าจงไปส่งอ้ายฝรั่งนี่แล้วเร่งกลับมาช่วยงานเราก่อนที่เสด็จจะมาในไม่อีกเพลา...
ลำเจียกเดินมาส่งนายฝรั่งที่ประตูทางออก ในขณะที่เขาเดินออกมานั้น เขามองไปรอบ ๆ ผู้คนขวักไขว่ พระราชวังแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นว่าเป็นเพียงซากทางโบราณคดีนั้นกลายเป็นสิ่งที่ดูสะอาดสวยงาม เป็นตึกสีขาวประดับด้วยกระจกสีชา อีกทั้งลงลักษณ์ปิดทองอย่างวิจิตรตระการตา
ขอบใจนะคุณลำเจียก เขาเอ่ยทำให้นางในคนนั้นถึงกับมองค้อนขวับแล้วเดินจากไป
เฮ้!...ยูไปไหนมา พวกเรารออยู่ เดี๋ยวก็ลงเรือกลับอยุธยาไม่ทันหรอก
นายเป็นใคร...?
ทำมาเป็นเล่นไป เราหมื่นพิทักษ์สัตยาไง อยู่บ้านท่านออกพระยาสุรียพลอัคเทพผู้ดูแลท่าเรือไงท่านจำมิได้รึ เขามีอาการรู้สึกมึนงง ทำอะไรไม่ถูก สีหน้าซีดผาดราวกับไก่ต้มสุก เป็นอะไรหรือเปล่าท่าน นายคนนั้นเอ่ยพร้อมกับเข้ามาประคอง
ผมไม่เป็นไร นี่มันปี พ.ศ.อะไรแล้วเนี่ย.... เขาเอ่ย
ปีพุทธศักราช 2228 ขอรับ
2228 อย่างงั้นเหรอ งั้นปีนี้อังกฤษก็โจมตีเราน่ะสิ เขาเอ่ย เราหลุดเข้ามาในอดีตอย่างนั้นเหรอ? คณะราชทูตฝรั่งเศสเดินทางกลับในครั้งนั้น สมเด็จพระนารายณ์ก็ได้จัดให้เจ้าพระยาโกษาธิบดี หรือโกษาปานเป็นหัวหน้าคณะราชทูตเดินทางไปฝรั่งเศส นำพระราชสาส์นของพระองค์ไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และได้ส่งกุลบุตร 12 คน ไปศึกษาวิชาที่ประเทศฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงโปรดปรานเจ้าพระยาโกษาปานเป็นอย่างมากได้ให้เหรียญที่ระลึก และเขียนรูปภาพเหตุการณ์ไว้ด้วย เมื่อคณะราชทูตเดินทางกลับ พระองค์ได้โปรดให้มองสิเออร์ เดอลาลูแบร์ เป็นราชทูตเข้ามากรุงศรีอยุธยา พร้อมกับเจ้าพระยาโกษาปาน และได้นำทหารฝรั่งเศสจำนวน 636 นาย เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาด้วย สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้ทหารฝรั่งเศสจำนวนดังกล่าว ไปรักษาป้อมที่เมืองธนบุรีส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งมีกำลังสองกองร้อยให้ไปรักษาเมืองมะริด ซึ่งมีอังกฤษเป็นภัยคุกคามอยู่ และในปี 2230 ก็ประกาศศึกกับอังกฤษ... เขานึก
ครู่หนึ่งขบวนคณะทูตและเจ้าพระยาโกษาปานเดินทางมา ผ่านหน้าเขา นายคนนั้นสะกิดให้ถอยหลังและหมอบลง เขาจึงเดินถอยหลังออกมาและหมอบแนบกับพื้น ...นี่คงจะมาส่งพระราชสาส์นครั้งที่สองสินะ...เขานึก
การที่ผู้ใดจะนับถือศาสนาใดนั้น ย่อมแล้วแต่พระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์จะบันดาลให้เป็นไป ถ้าคริสตศาสนาเป็นศาสนาดีจริงแล้ว และเห็นว่าพระองค์สมควรที่จะเข้าเป็นคริสตศาสนิกแล้ว สักวันหนึ่งพระองค์จะถูกดลใจให้เข้ารีตจนได้ ประโยคที่เขาได้ร่ำเรียนมาดังลั่นก้องในหัวของเขา นี่เป็นคำพูดของสมเด็จพระนารายณ์ที่รงตรัสในวันนี้อย่างแน่แท้...เขานึก ทรงพระปรีชายิ่งแล้วพระย่ะค่ะ...เขานึกต่อ จู่ ๆ อาการปวดหัวเกิดขึ้นรุนแรงขึ้น เขาหมอบลงกับพื้นทรุดตัวลงนอนเกลือกกลิ้งร้องโหยหวนด้วยความปวดร้าว ปวดหัวเหลือเกิน...!!!!
เฮ้ย..!!!!!!!! เขาสะดุ้งสุดตัว
คุณอุดมคะเป็นอะไรคะ
น้ำผึ้งเห็นคุณอุดมผวาจึงเรียกด้วยความตกใจคุณอุดมศักดิ์ลุกขึ้นจากตักของเธอแล้วก็ทำหน้างง ๆ
ผมเป็นอะไรไปครับ
ไม่ทราบเหมือนกันค่ะจู่ ๆ คุณก็สลบ ฉันไปตามคนมาช่วยก็ไม่มีใครอยู่ฉันก็เลยให้คุณหนุนตักแล้วก็เอายาดมให้ดมคุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ ไปหาหมอไหมคะ
เอ่อไม่ครับผมคงเพลียเพราะผมนอนดึกมาหลายคืน ขอโทษด้วยนะครับ
ไม่เป็นไรค่ะนี่ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวเราไปชมที่สุดท้ายแล้วกลับกันเถอะนะคะ
น้ำผึ้งเดินนำหน้าคุณอุดมออกมาหน้าพิพิธภัณฑ์ เธอยิ้มนิด ๆ แล้วก็เดินคุยกับคุณอุดมไปตลอดทาง
ทางด้านนี้นะคะเป็นพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ และเป็นที่ที่พระนารายณ์มหาราชเสด็จสวรรคตค่ะ จริง ๆ แล้วที่นี่สมบูรณ์มากที่สุด แต่ที่เห็นมีสภาพเช่นนี้เพราะในสมัยธนบุรีนั้นได้นำศิลาแรงและอิฐบริเวณนี้ไปสร้างวัดแจ้งค่ะ คุณอุดมรู้จักใช่มั๊ยคะ
ครับ ผมไปบ่อยครับ
..................................6..................................
โปรดติดตามตอนต่อไป