ลุปี พ.ศ.2475 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง พระองค์ทรงปกครองมหานครแห่งนี้โดยสงบสุข มิมีสงครามให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ยุคนี้จึงเป็นยุคทองแห่งวรรณศิลป์ทั้งปวง เนื้องด้วยพระองค์ทรงมีพระราชโอรสพระองค์โตทรงพระนาม เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร หรือทื่ชาวบ้านมักเรียกพระองค์ว่า เจ้าฟ้ากุ้ง พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้สถาปนาเจ้าฟ้าพระองค์นี้ขึ้นเป็น สมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือที่นิยมเรียกกันว่า วังหน้า อันเป็นตำแหน่งที่มีพระราชอำนาจรองเพียงพระมหากษัตริย์เท่านั้น เจ้าฟ้าพระองค์นี้ทรงเชี่ยวชาญด้านการกวีเป็นพิเศษ พระองค์ทรงแต่งอมตะบทกวีไว้มากมาย จนชาวบ้านชาวเมืองทั้งปวงต่างให้การสรรเสริญพระองค์เป็นอัครกวีแห่งกรุงศรีอยุธยา คืนงานเถลิงศก มีงานสมโภชมหาเจดีย์วัดป่าแก้ว กลางลานกว้างนั้นมีชาวบ้านมุงดูมากมายเป็นที่น่าสนใจ แท้จริงแล้วเป็นลานประลองฝีมือแห่งหนึ่ง ขอบสนามด้านทิศตะวันออกนั้นมีชายฉกรรจ์สามคนยืนเด่นเป็นสง่า ชายที่ยืนหน้าสุดนั้นเป็นชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานใบหน้าคล้ายเคลือบด้วยบารมีชั้นหนึ่ง สองข้างกายยืนประกบด้วยชายหนุ่มสูงใหญ่ไว้หนวดเคราและชายหนุ่มผิวขาวใบหน้าคมคายอายุราวๆ ๒๑-๒๒ ปี ทั้งสองคนล้วนถือดาบ เว้นแต่ชายไว้หนวดเคราเท่านั้นที่เหน็บขวานคู่ไว้ข้างเอว ชายฉกรรจ์ที่ยืนประกบทั้งสองข้างของชายกลางคนนั้นเปลือยกายท่อนบนเผยให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ ขณะนั้นการประลองก็ผ่านมาหลายคู่แล้ว ชายหนุ่มผิวขาวนั้นคล้ายกับไม่สนใจในการประลองครั้งนี้นัก หากแต่กลับสนใจแสงสีที่อยู่รอบกายมากกว่า บัดนี้มีเพียงชายร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำดำผู้หนึ่งยืนอยู่กลางลานประลอง ล้มคู่ต่อสู้มาสิบกว่ารายแล้ว จึงไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นไปต่อกรด้วย ชายคล้ำดำเกิดความลำพองขึ้นจึงตะโกนกึกก้องเป็นที่สะท้านสะเทือน ชายกลางคนที่ยืนอยู่ข้างลานนั้นเห็นถึงความลำพองของชายคล้ำดำนั้นรู้สึกขัดตานัก จึงกล่าวกับชายไว้หนวดเคราที่ยืนอยู่ข้างกายว่า "ไอ้เหม็น เอ็งขึ้นไปดับลำพองไอ้นั่นสักทีเถิดวะ ข้าเห็นแล้วเป็นที่ขัดตานัก" ชายไว้หนวดเครานั้นที่ชื่อเหม็นจึงยกมือไหว้ชายกลางคนแล้วจึงคว้าขวานคู่ที่เหน็บเอวไว้แล้ววิ่งเข้าในลานประลอง ยกแรกเริ่มขึ้น ชายคล้ำดำผู้ล้มคู่ต่อสู้มานับสิบคนเริ่มคำรามใส่นายเหม็น ทวนเล่มหนึ่งพุ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว ชายผิวคล้ำนั้นคว้าทวนได้ก็เสือกทวนเข้าใส่นายเหม็นทันที นายเหม็นก็ใช้ขวานเล่มหนึ่งปัดป่าย อีกเล่มหนึ่งตีโต้กลับไป ทั้งสองสู้กันพัลวันไม่ถึงครึ่งยก นายเหม็นก็กระแทกขวานใส่ชายคล้ำดำจนสลบไป ต่อจากนั้นก็ยังมีอีกหลายคนที่ชอบลองของ แต่คิดผิดที่ไปลองกับนายเหม็น จึงกระเด็นออกจากลานประลองทุกราย นายเหม็นเห็นว่าไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรแล้วจึงตะโกนเรียกไปทางชายหนุ่มผิวขาวที่ยืนอยู่ข้างชายวัยกลางคนขอบสนาม "คุณหนูน้อย โปรดประทานเพลงดาบให้ชาวเมืองได้รับทราบทั่วกันด้วยเถิดขอรับ" ชายผิวขาวได้ยินคำท้าอย่างสุภาพเช่นนั้นจึงไหว้ชายกลางคนนั่นแล้วเดินเข้าไปในลานประลองพร้อมกับดาบคู่มือ แท้ที่จริงแล้วชายวัยกลางคนที่หน้าตาอิ่มเอิบผู้นั้นก็คือ คุณพระฤทธิ์รณชัย ขุนนางใหญ่ฝ่ายกรมวัง ส่วนคุณหนูน้อยของนายเหม็นนี้มีนามเดิมว่าบุญ เป็นบุตรบุญธรรมของคุณพระฤทธิ์รณชัย ส่วนนายเหม็นนั้นอดีตเคยเป็นโจรป่า แต่กลับตัวกลับใจจึงได้รับความช่วยเหลือและเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณพระฤทธิ์รณจักรมาโดยตลอด ครั้งนี้ทั้งสามมาเป็นการลับเพื่อเหตุผลสองประการ หนึ่ง เพื่อให้นายบุญได้เปิดหูเปิดตา สอง เพื่อมาสืบหาเรื่องของโจรกลุ่มหนึ่งซึ่งอาลาวาดแถบชานพระนครโดยเป็นหน้าที่โดยตรงของคุณพระฤทธิ์รณชัยที่ต้องสืบหา นายเหม็นจึงถือโอกาสนี้ท้าประลองเพื่อให้นายบุญได้แสดงเพลงดาบให้ชาวเมืองได้ประจักษ์แก่สายตาชาวอยุธยาทั้งปวง ด้วยประการนี้ การประลองที่ดุเดือดจึงเริ่มขึ้น!!!
7 ตุลาคม 2553 07:58 น. - comment id 119356
ยุคพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ครองราชย์ ระหว่างปี พ.ศ.2275-2301 ครับ เปิดเรื่องได้ดีครับ ท่าจะสนุก รออ่านตอนต่อไปนะครับ
7 ตุลาคม 2553 16:09 น. - comment id 119360
ขอประทานอภัยอย่างสูงครับ พอดีช่วงนี้กำลังศึกษาประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ ดันไปหลงกับเปลี่ยนแปลงการปกครอง ต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งครับ และขอขอบคุณที่ท้วงติงครับ(แสดงว่าท่านอ่านละเอียดมาก) ตอมเม้นต์เยอะๆนะครับ จะได้เป็นกำลังใจให้ผม วางแผนว่าจะแต่งวันละpartแล้วเอาลงทุกวัน มือใหม่หัดแต่งครับ ชี้นำด้วยครับ
7 ตุลาคม 2553 16:12 น. - comment id 119361
ภาษาศาสตร์ผมอาจจะไม่แข็งเท่าไหร่นะครับ ยังไงก็ขอคำชี้แนะท้วงติงคำที่ไม่เหมาะสมด้วยนะครับ ผมจะได้พัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไป
7 ตุลาคม 2553 20:51 น. - comment id 119367
พี่โอ๊ด ด ด เทพๆๆๆ ชอบๆๆๆๆ อ่านได้ช่วงแรกตอนเจ้าฟ้ากุ้งแล้วปิ๊งเลย ย สนุกๆๆ อิอิอิ ^_______^ ย๊าวยาวได้ใจมากเลยค่ะๆๆๆ