เมฆหมอกและสายลม ตอนที่ 10 ความเหงาที่ปลายฟ้า

พ.จินดา

ตอนที่ 10 ความเหงาที่ปลายฟ้า
.......ย่ำรุ่ง ฟ้ายังมืดอยู่ มีเพียงสายลมที่พัดหอบเอาน้ำทะเลม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นกระทบฝั่งดังก้องอยู่ท่ามกลางความเงียบ เป็นระยะๆ สายลมที่พัดแผ่วยังได้นำเอาความเย็นชุ่มชื้นของไอน้ำทะเลมากระทบผิวกาย ช่วยทำให้อากาศในยามค่อนรุ่งดูเยือกเย็น หมอกรกระชับเสื้อหนาวสีหม่นพร้อมดึงร่างของเจ้าน้อยเด็กชายที่คอยติดตามอยู่ไม่ห่าง ให้เข้ามานั่งใกล้ตัวบนเรือหางยาวของชาวบ้านที่พร้อมบ่ายหน้ามุ่งสู่ฝั่ง เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับคนอื่นที่ร่วมเดินทางไปด้วย
......เช้าวันนี้ เป็นวันหยุด เขารับคำของเจ้าน้อยว่าจะพามาเที่ยวบนฝั่งพร้อมหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ สร้างความดีใจให้เจ้าน้อยอยู่มากทีเดียว นานทีที่จะเห็นดวงตาของเจ้าน้อยเปล่งประกายไปด้วยความสุขตามประสาในวัยเด็ก การที่มันต้องพลัดพรากและมาอยู่กับเขา ก็เพราะความไม่พอดี  ไม่ลงตัวของครอบครัว พ่อและแม่ต้องแยกทางกันหลังจากเจ้าน้อยอายุเพิ่งได้ 4 ขวบ เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของยายที พี่ป้าน้าอาของแม่ที อาชีพเดิมของพ่อแม่ก็คือชาวเรือ ความรู้ไม่มากนักออกหากินด้วยการหาปลา หาปูด้วยเรือลำน้อย  จนกระทั่งเข้าสู่วัยที่จะได้เรียนหนังสือ เจ้าน้อยก็มาอาศัยอยู่กับหลวงพ่อที่วัดปากน้ำ ยามใดที่มีเวลาว่างจากภาระกิจในวัด เจ้าน้อยจะออกมารับจ้างคัดเลือกปลาหรือลากเข็นลังปลาบนแพปลาท่าเรือเพื่อแลกกับค่าจ้าง ค่าตอบแทน เจ้าน้อยเคยบอกว่า ยามใดที่เห็นเพื่อนนักเรียนในวัดมีเสื้อผ้าใหม่ ชุดนักเรียนหรือเครื่องเรียนใหม่ๆ มันอดมีความรู้สึกอิจฉาเพื่อนคนนั้นไม่ได้ ที่มีพ่อแม่ที่รัก คอยห่วง ซึงเมื่อหวลเปรียบกับตัวมันเองมีพ่อ มีแม่ก็เหมือนไม่มี  หมอกร เคยพูดให้กำลังใจอยู่เสมอว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะอยู่จะเป็นได้ อย่าโทษตัวเองหรือน้อยใจในโชคชะตาหรือน้อยใจพ่อแม่เลย เขาเป็นผู้ให้กำเนิดเรา ความจำเป็นบางอย่างหรือเหตุผลบางอย่างของท่านก็ได้ เจ้าน้อยเพิ่งจะมาอยู่กับหมอกรได้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง พอเรียนจบ ป.4 หลวงพี่ที่วัดก็ฝากให้มาอยู่ในความอุปการะของเขา ซึงแม่ของเด็กไม่ค่อยยินยอมเท่าไหร่แต่ขัดใจเจ้าน้อยไม่ได้เพราะเจ้าน้อยไม่ยอมกลับไปอยู่กับแม่ จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่รู้ได้ ปีนี้มันกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 รูปร่างสูงโปร่ง สมวัย ผิวค่อนข้างขาว ด้วยเริ่มย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม จึงช่วยทำให้ใบหน้าดูคมคายหล่อเหลาอยู่ไม่น้อย
.......เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ทันทีที่เจ้าของเรือผลักก้านใบพัดและหางเสือลงสู่พื้นผิวของน้ำทะเล เรือเล็กลำนั้นก็เริ่มถีบตัวออกจากฝั่ง หัวเรือที่เชิดขึ้นนั้นกระแทกกับคลื่นน้ำทะเลขึ้นลงขึ้นลงเป็นจังหวะตามความเร็วของเครื่องยนต์ พาปะทะให้เกิดเป็นละอองน้ำที่ซัดสาดกระเซ็น หมอกรยกมือปาดเอาน้ำทะเลที่ซัดปะทะเข้าใบหน้า รับรู้ถึงรสความเค็ม และความแสบในตา เขานั่งหันหลังให้หัวเรือเพื่อหนีละอองน้ำทะเล เหยียดขายาวหันหน้าเข้าหาชายหาดของเกาะสวรรค์ที่ทอดตัวออกห่างจากสายตาจนเห็นเพียงจุดเล็กๆ  โดยมีเจ้าน้อยนั่งขนาบข้างอยู่ ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ขอบฟ้าเบื้องหน้าเริ่มสาดแสงสีทอง ส่องกระทบกับผิวน้ำที่แตกกระเซ็นไปตามแรงใบจักรท้ายเรือ เหมือนเกร็ดเพชรสีทองปานนั้น ลมเย็นของทะเลเริ่มพัดแรงขึ้น เขากระชับร่างเจ้าน้อยเข้ามาแนบข้างลำตัว เพื่อขับไล่ความหนาวเย็น
......ก่อนหน้านี้ ยามอากาศเย็นหรือหนาว เขามักจะมีเพื่อนสาวนั่งเคียงข้างแต่นั่นมันเป็นอดีต แต่ทุกวันนี้ ยามเกิดเหตุการณ์ใดไม่ว่าทุกข์หรือสุข   ดีหรือร้าย  เขาก็มีเพียงเจ้าน้อยหรือเด็กน้อยที่เขารับมาอุปการระเลี้ยงดูเท่านั้น ที่อยู่คอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้เขา ยามมีปัญหานอกจากกำนันก็เจ้าน้อยนี่แหละที่เป็นเพื่อนคอยปรับทุกข์หรือเป็นที่พูดระบายของเขา โดยมันไม่เคยบ่นเลย ดังนั้นยามใดที่หมอกรมีเวลาว่างเขามักจะเจียดเวลาเหล่านั้นให้กับเจ้าน้อยและกำนันอยู่เสมอ
......คนเรานี่ก็แปลก ยามที่หัวใจมีความสุขมักจะมองไม่เห็นคนที่อยู่ใกล้ตัว หรือมองไม่เห็นความจริงใจของใครบางคน ซึ่งในบางครั้งอาจต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่าเหล่านี้ไป และลืมแม้แต่ที่จะเก็บความเจ็บปวด ความผิดหวังไว้บ้าง แต่ยามใดที่มีทุกข์ยามนั้นมักจะมองเห็นเพื่อนแท้ที่อยู่ข้างกายเสมอ
"น้อย ถ้าไม่มีอาหมอ ชีวิตเราจะเป็นยังไง"
น้อยไม่ตอบ แต่เงยมองหน้าหมอกร ก่อนที่เจ้าน้อยจะละสายตาออกสู่เบื้องหน้าที่ที่มีแต่น้ำทะเล กว้างไกลออกไปจนสุดสายตา จรดกับขอบฟ้าที่ไกลโพ้น
......เช่นกันกับหมอกร เขาคิดในใจว่ายามที่เขามาใช้ชีวิตอันโดดเดี่ยวเพียงลำพัง บนเกาะแห่งนี้ หากไม่มีเจ้าน้อยมาอยู่ร่วมชายคา เพี่ยงใต้ฟ้าเดียวกันแล้ว ชีวิตเขาคงจะดูเงียบเหงาไม่น้อย ชีวิตของคนเรา บางครั้งอาจต้องการเพียงความเงียบเพื่อใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวหรือหลายสิ่ง  หลายอย่างที่ผ่านมา อยากใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพังแต่ก็ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าลึกๆในใจเราเพียงต้องการใครสักคนที่ขอให้เขาคนนั้นจะเป็นใครก็ได้ที่เข้าใจเราก็เป็นพอ 
......เงาทะมึนดำของใครบางคนได้ทาบทับลงบนพื้นผิวของน้ำทะเล และขาดหายเป็นช่วงๆตามริ้วคลื่น ยามเมื่อแดดส่องสว่างขึ้น นานมากแล้วบนเรือลำนี้ ที่พาร่างของชายต่างวัย 2 คนที่ต่างความคิด แต่มีความเหงาที่เหมือนกัน ......อาจจะจริงที่ทุกสิ่งมักจะอยู่กับเราได้ไม่นานแม้แต่ชีวิตของเราเอง เพราะเมื่อถึงเวลาสิ่งเหล่านั้นมักจะกลับสู่ที่เดิมของมัน โลกที่หมุนเวียนไม่ต่างอะไรกับกงเกวียนชีวิต  เมื่อมีก็ต้องไม่มี สิ่งที่ใดที่มีค่าแม้เพียงกรวดทรายก็ควรเก็บรักษาไว้ให้ดี ตราบนานเท่านาน ชีวิตคนเราไม่ยืนยาวนัก เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกจากหมอกร ก่อนที่เขาจะขยับร่าง ยืดตัวให้ตรงเพื่อขับไล่ความปวดเมื่อย ส่วนเจ้าน้อยนั้น ยังคงนั่งอิงร่างหมอกรอยู่ไม่ห่าง
.......แดดเริ่มร้อน แม้ลมทะเลที่พัดผ่านจะบรรเทาได้บ้างก็ยังรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เริ่มแผ่กระจาย หมอกรถอดเสื้อหนาวออกวางบนตักและดึงร่างเจ้าน้อยให้นอนหนุนตักบนเสื้อหนาวตัวนั้น เจ้าน้อยรู้สึกได้ถึงความสุขที่เกิดขึ้นด้วยความรักความเอ็นดูที่หมอกรมีให้ อาจชดเชยความรัก ความอบอุ่นที่มันได้ขาดหายไปได้ไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าที่มันไม่ได้รับความรัก ความเอ็นดูจากใตรเลย ที่เขาคนนั้นไม่ใช่พ่อ แม่หรือญาติ แต่เขาคนนั้นก็ชดเชยแทนคนเหล่านั้น ได้ดีกว่า บนเสื้อหนาวสีหม่นตัวนั้นที่เจ้าน้อยนอนหนุนหัวอยู่เหมือนหมอกรจะบอกให้รู้ว่า มันจะไม่หนาวหรือเหงา ว้าเหว่อีกต่อไป 
......เบื้องหน้าที่มองกว้างออกไปเห็นแต่น้ำทะเล ยิ่งทำให้ความเหงาทวีคูณเพิ่มมากขึ้น หากมีชีวิตหนึ่งที่มองออกมาจากป่าเขาริมเกาะรกร้างที่เรือแล่นผ่าน จะเห็นว่าเรือลำนั้นแล่นออก ห่างไกล ห่างไกลออกไปเรื่อยๆจนสุดสายตา  หากเป็นเพียงมโนภาพก็เห็นเพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่แต้มอยู่กลางน้ำทะเลสีครามนั้น เหมือนภาพวาดของจิตรกรมือหนึ่ง นั้นเชียว				
comments powered by Disqus
  • สีลมัย

    25 กรกฎาคม 2553 15:46 น. - comment id 118299

    ความเหงาช่างกร่อนหัวใจยิ่งนัก
    
    ขอบคุณยิ่งที่มีเสื้อสีหม่นให้ซุกกาย....
    
    ค่อยคายเหงา36.gif  อืมแต่ทว่า.....
    
    ตอนที่เก้าคงหายไปกับสายลมกระมัง?
  • พ.จินดา

    25 กรกฎาคม 2553 20:20 น. - comment id 118301

    ตอนที่ 9 และ 11 เขียนแล้วเป็นเรื่องราวชีวิตของคนกลางคืน แต่ไม่ทราบว่าระบบเป็นอย่างไรส่งข้อมูลไม่ได้ ขอโทษด้วย
    พ.จินดา
  • พ.จินดา

    25 กรกฎาคม 2553 20:21 น. - comment id 118302

    ตอนที่ 9 และ 11 เขียนลงไปแล้ว เกี่ยวกับชีวิตของคนกลางคืน แต่ไม่ทราบสาเหตุเพราะอะไรจึงส่งเรื่องไม่ได้

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน